GE339 สืบทอดดาราจักรพรรดิ [ฟรี]
ข่ายอาคมวังทมิฬถูกพลังที่รุนแรงกัดกร่อนจนแทบพังทะลาย แต่ถึงอย่างนั้น ส่วนที่สำคัญที่สุดยังคงถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
นับว่าโชคดีที่หนิงฝานได้วิธีการผ่านข่ายอาคมมาจากลู่ตู้เฉิน ทำให้เขาผ่านส่วนนอกของมันทั้งหมดเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
ถัดเข้าไปในส่วน เขาต้องผ่านประตูแห่งชีวิต หลังจากนั้น เขาก็จะถึงยังสถานที่ที่ดวงจิตของลู่หวู่ถูกผนึกอยู่
มิติรอบข้างแตกสลาย ท้องนภาสดใสถูกแทนที่ด้วยมิติดำทมิฬ ก้อนอิฐและเศษสิ่งต่างได้ลอยเคว้งไร้จุดหมาย
ท่ามกลางเศษสิ่งต่างๆเหล่านั้น หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีจ้องมองประตูบานยักษ์เบื้องหน้า
หนิงฝานกินโอสถผันแปรที่ 5 มากมายเข้าไปเพื่อสะกดอาการบาดเจ็บไว้ชั่วคราว จากนั้นมุ่งตรงไปยังประตูบานยักษ์ เพื่อผ่านเข้าไปยังสถานที่ที่ลู่หวู่ถูกผนึก
เหล่าสตรีคนอื่นๆของหนิงฝาน บ้างถอนหายใจด้วยความโล่งอก บ้างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น บ้างเศร้าใจ พวกนางไม่อยากเชื่อว่าพวกตนจะรอดมาได้
มังกรทมิฬและทาสในขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลงคอยคุ้มกันข้างกายหนิงฝาน แม้พวกมันจะได้รับความเสียหายจากการต่อสู้ก่อนหน้ามาไม่น้อย นอกจากนี้ ทาสทั้ง 3 ตนที่ได้มาใหม่ ก็ทำหน้าที่ของพวกมันเช่นเดียวกัน
“พี่ลู่เป่ย! ทาสสามตนนี้คืออสูรมิติงั้นเหรอ! พี่เป่ยเหยาสุดยอดมากที่เปลี่ยนให้พวกมันเป็นทาสได้!” ซีหลานกล่าวด้วยความตื่นเต้น พลางร่ายรำกระบี่จู่โจมพวกมันไม่ขาด แต่ก็ยังสร้างรอยขีดข่วนให้พวกมันไม่ได้อยู่ดี
แม้พวกมันจะยังเป็นทาสที่ไม่สมบูรณ์ แต่ก็ทรงพลังในระดับไร้ดัดแปลงขั้นต้น
“อืม...” หนิงฝานถอนหายใจ นางเป่ยเหยาจะสังหารจริงๆ พวกมันคงไม่รอด
ยามนี้เป่ยเหยายังไม่ได้เก็บตัวฟื้นพลัง หลังจัดการอสูรมิติเสร็จ นางได้ผนึกพลังของตนเอาไว้ในขอบเขตตัดวิญญาณ หากนางมีเวลาเก็บตัว นางจะฟื้นคืนพลังดังเดิม
ที่นางต้องทำเช่นนั้น เพราะนางต้องรักษาอาการบาดเจ็บก่อน
หลัวโยว่เองหลังจากให้หนิงฝานหยิบยืมพลัง ทำให้ดวงจิตของนางสูญเสียพลังไปมาก นางจึงต้องเข้าสู่การหลับไหลอีกครั้ง
หนิงฝานปิดบังเรื่องของหลั่วโยว่กับเป่ยเหยาเอาไว้ ยามนี้ เขาตัดสินใจว่าหากกลับไปยังทะเลไร้สิ้นสุดส่วนนอกเมื่อไหร่ จะหาสิ่งที่ใช้เสริมพลังให้กับดวงจิตของนาง
“โชคดีที่พี่เป่ยเหยาจัดการพวกมันได้ พวกข้าถึงยังรอดอยู่… คาดไม่ถึงว่าพี่เป่ยเหยาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญหลีกหนีความจริง...”
วู่หยานทราบซึ้งใจในตัวเป่ยเหยา แต่นั่นกลับทำให้เป่ยเหยารู้สึกผิด
“ถ้าไม่เป็นเพราะข้า… พวกเข้าคงไม่ต้องมาเผชิญชะตากรรมแบบนี้… ทั้งหมดเป็นความผิดข้างเอง”
“ข้าไม่สมควรได้รับคำขอบคุณ… ข้าสมควรขอโทษพวกเจ้ามากกว่า”
“เอาเถอะ… ข้าว่าตอนนี้เราต้องสนใจว่าเราต้องทำอะไรต่อ แตงกวาน้อย… รีบไปได้แล้ว ถ้ามัวช้าจนอสูรมิติตัวอื่นตามมาจะกลายเป็นปัญหาเอา”
“อืม… เราต้องรีบไปให้เร็วที่สุด” หนิงฝานพยักหน้าพลางกระตุ้นปีกฟู่ลี่เร่งความเร็วเต็มพิกัด
เบื้องหน้ามีประตูขนาดยักษ์หลายบาน ในหมู่ประตูเหล่านั้นมีมีประตูอยู่บานหนึ่งมีสีขาว แต่ทอประกายสีทอง หนิงฝานพาทั้งหมดมุ่งไปที่ประตูบานนั้น แล้วผ่านประตูเข้าไป
เมื่อทั้งหมดผ่านประตู ประตูรอบนอกของข่ายอาคมวังทมิฬทั้งหมดพังทะลาย วังดาราขนาดใหญ่สลายหายไปในพริบตา!
ผ่านไปหลายวัน ประตูมิติ 3 บานปรากฏในวังสวรรค์ พร้อมกับการปรากฏตัวของอสูรมิติ!
หนึ่งในพวกมันมีเข็มทิศในมือ ราวกับกำลังตามรอยกลิ่นอายของเป่ยเหยา
หากตำแหน่งของนางและพวกมันอยู่ห่างกันไม่เกินพันล้านลี้ พวกมันจะตามรอยนางได้
แต่ทันทีที่อสูรมิติทั้ง 3 มาถึงวังสวรรค์ เข็มทิศของพวกมันกลับแปลกไป ราวกับไม่อาจสัมผัสถึงกลิ่นอายของเป่ยเหยาได้
ชายชราหนึ่งในอสูรมิติจ้องมองรอบพลางขมวดคิ้ว
“วังดาราหายไป! นางก็หายไป! เกิดอะไรขึ้น หรือว่านางจะซ่อนตัวอยู่ในจักรวาลกลาง?”
“ฮึ่ม! นางโชคดีที่หนีรอดไปได้ แบบนี้เราจะอธิบายกับผู้อาวุโสใหญ่ยังไง?”
“อธิบาย… จะอธิบายยังไง เจ้าดำกับน้องของมัน เย่ลู่กับเย่กู่ก็ถูกสังหาร… ผู้อาวุโสใหญ่ต้องโกรธอยู่แล้ว!”
“ตามความทรงจำที่เราได้มาจากพวกแดนสวรรค์เหนือ พวกมันมีความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับเด็กที่ชื่อลู่เป่ย เจ้าดำต่อสู้กับเด็กนั่นแต่ไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้… หลังจากนั้นนางก็ปรากฏกายออกมาจากกระเป๋าของเด็กนั่น... หรือว่าเด็กนั่นเป็นคนขวางไม่ให้จัดการนางได้?”
“เป็นไปไม่ได้… ถึงเจ้าดำจะบาดเจ็บสาหัส แต่มันก็เป็นเซียน ขอบเขตตัดวิญญาณที่ไหนจะต่อสู้กับมันได้สูสี… ไม่ต้องสนใจเด็กนั่นหรอก ข้าว่าเราต้องเร่งกลับไปรายงานผู้อาวุโสใหญ่เรื่องนี้!”
เมื่อพวกมันตกลงกันเสร็จสรรพ พวกมันก็เร่งกลับไปทันที
หนิงฝานไม่รู้ว่าหลังจากเขาผ่านประตูเข้าไป จะทำให้วังดาราหายไปด้วย และเขาก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่เขาหายไปไม่กี่วัน อสูรดาราก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
หลังจากผ่านประตูเข้ามา หนิงฝานเห็นสถานที่ที่ถูกปกคลุมม่านหมอก ทั้งหมดมุ่งเดินทางอยู่หลายวัน ก่อนจะถึงวังขนาดยักษ์แห่งหนึ่ง
ม่านหมอกปกคลุมวัง มองเห็นลักษณ์ของมันไม่ชัดนัก แต่ที่น่าแปลกคือ วังแห่งนี้ไม่มีทางเข้า
เมื่อเข้าไปใกล้ หนิงฝานสัมผัสกลิ่นอายทรงพลังแผ่ออกมา ราวกับว่าภายในนั้นดวงจิตของลู่หวู่อยู่
เป่ยเหยากล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ “วังเมฆา… ถ้าข้าเดาไม่ผิด สูงขึ้นไปบนวังดาราแห่งนี้มีข่ายอาคมสังหารระดับเซียนอยู่ หากจะเข้าไป ก็ต้องมีกุญแจวังดาราอยู่กับตัวหรือไม่ก็ต้องเป็นจักรพรรดิเซียนเท่านั้น ไม่อย่างนั้น ก็ไม่มีผู้ใดเข้าไปภายในได้ และที่ใจกลางของวังแห่งนี้ ก็มีดวงจิตที่ถูกผนึกมานานนับหลายร้อยล้านปี...”
สตรีคนอื่นๆตกตะลึง แต่หนิงฝานยังคงสีหน้าสงบ วังขนาดยักษ์เบื้องหน้า เขาเคยเห็นเมื่อครั้งที่เขายังเป็นผีเสื้อ
“วังเซียนแห่งนี้คือวังของจักรพรรดิเซียน… ครั้งหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่อาศัยของจักรพรรดิดารา”
“ดวงจิตของลู่หวู่อยู่ภายในนั้น ที่ลู่ตู้เฉินขอให้ข้าเข้าไปช่วยลู่หวู่ภายในนั้น เพราะข้าเป็นมนุษย์ มีโลหิตเผ่าพันธุ์จักรพรรดิที่สามารถทำลายผนึกของลู่หวู่ได้… ผนึกที่ใช้กับลู่หวู่คือผนึกที่ใช้ลงทัณฑ์อสูรเผ่าพันธุ์จักรพรรดิ นามว่า ‘ผนึกแห่งบาป’ หากผู้ที่ต้องผนึกตาย ดวงจิตของคนผู้นั้นจะถูกผนึกไปชั่วนิรันดร์ ไม่สามารถกลับมาเวียนไหว้ได้เหมือนทั่วไป… แต่ผนึกที่ว่าจะมีผลกับเผ่าพันธุ์อสูรเท่านั้น ดังนั้นข้าที่เป็นมนุษย์ถึงจะช่วยถอนผนึกได้งั้นเหรอ?”
“วังดาราไม่มีประตู ข้าจะเข้าไปได้ยังไง? หรือต้องให้ลู่หวู่เปิดประตูจากภายใน?”
หนิงฝานขบคิดพลางนำแผ่นภาพโบราณบางอย่างออกมา
ในภาพมีรูปวาดอสูรสิงโตสวมเกราะทองคำ ยืนอยู่เหนือรถเพลิงทองคำ ทำหน้าที่เป็นผู้ลากรถ
รถเพลิงทองคำคันนั้นจอดอยู่นสวนสมุนไพรแห่งหนึ่ง ไกลออกไปหลังสวมสมุนไพร มีวังขนาดยักษ์ที่ปกคลุมด้วยหมอกอยู่
ลู่ตู้เฉินเป็นผู้มอบแผ่นภาพใบนี้ให้ ผู้ที่วาดคือเซียนที่อยู่ในลานสวรรค์โบราณ
เมื่อเห็นหนิงฝานนำภาพวาดออกมา วู่หยาน ซีหลาน และเยว่หลิงคงก็สนใจ
“นี่มัน...ภาพวาดเซียน! เป็นภาพวาดที่มีทั้งความจริง คำลวง ความว่างเปล่า และการคืนชีพ แม้จะเป็นเพียงภาพวาด แต่ผู้ที่วาดมันขึ้นมาคือเซียน เป็นเหมือนสมบัติชิ้นสำคัญ!” เยว่หลิงคงกล่าว
“อืม… หากภาพวาดนี้ตกไปอยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง มันจะกลายเป็นเหมือนคัมภีร์ที่สามารถชักนำพลังในขอบเขตไร้แบ่งแยกเพื่อสังหารศัตรูได้… ภาพวาดนี้ล้ำค่า แม้เป็นขอบเขตก้าวผ่านความจริงหรือหลีกหนีความจริงก็ยังต้องการ...” เป่ยเหยากล่าว
หนิงฝานไม่ใส่ใจกับสิ่งที่พวกนางกล่าว เขาเพียงพยายามค้นหาทางเข้าวังจากในภาพ
หลังจากดูไปสักพัก หนิงฝานเก็บภาพ หันมองไปยังวังยักษ์ ป้องมือกล่าว “ผู้เยาว์คือนายกองแห่งเผ่าลั่วหยุนนามลู่เป่ย… มาที่นี่เพื่อช่วยท่านลู่หวู่ถอนผนึกแห่งบาป และสืบทอดดาราจักรพรรดิ ขอท่านลู่หวู่เปิดประตูวังให้ข้าด้วย!”
เสียงของหนิงฝานสะท้อนก้องไปทั้งวัง เมื่อเสียงดังสะท้อนได้ครู่หนึ่ง เสียงอสูรขนาดยักษ์ขยับกายดังมา
ก่อนจะปรากฏเสียงของอสูรดังสนั่น “นายกอง? อ้อ… คนที่ลู่ตู้เฉินไหว้วานมา นั่นภาพวาดขุมทรัพย์เซียนทองคำ เป็นภาพวาดที่ข้ามอบให้ลู่ตู้เฉิน… การที่เขามอบภาพนี้ให้เจ้า แสดงว่าเจ้าเป็นคนที่เขาไว้ใจ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะมาช่วยข้าถอนผนึก และสืบทอดดาราจักรพรรดิสินะ...”
*ตูม!*
เสียงระเบิดดังสนั่น แรงกดดันเทียบเท่าขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงสุดปรากฏ สร้างกระแสลมที่รุนแรงพัดพาเข้าใส่หนิงฝานราวกับกำลังทดสอบ
ดวงตาซ้ายหนิงฝานเปล่งแสงสีม่วง กระตุ้นให้กระแสลมแหวกทางหลีกให้เขา
“ถูกตามที่ท่านกล่าว… ข้อแรกที่มาก็เพื่อเติมเต็มคำสัญญา… อีกข้อคือข้าต้องการดาราจักรพรรดิ ผู้อาวุโสโปรดเปิดประตูวังให้ข้าด้วย!”
หนิงฝานกล่าวพลางเก็บภาพวาดไป จากนั้นนำตัวหมากกระดานสีดำออกมา
เขาสามารถต้านรับแรงกดดันของลู่หวู่ได้ด้วยการกระตุ้นโลหิตฟู่ลี่ในร่าง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ลู่หวู่ตกตะลึง เพราะหนิงฝานอยู่เพียงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง แต่กลับต้านรับแรงกดดันของตนได้
แต่เมื่อสังเกตุเห็นหมากกระดานสีดำในมือ ลู่หวู่ก็ถอนแรงกดดันทันที
“เจ้าผ่านการทดสอบ!”
หนิงฝานไม่รู้ว่าตัวหมากสีดำมีความอะไร แต่นอกจากลู่หวู่แล้ว คนอื่นๆคงไม่รู้
ในอดีตก่อนที่ลู่หวู่จะหลับไหล มันได้มอบกุญแจดอกหนึ่งให้ลู่ตู้เฉิน
จากนั้นผู้ที่ได้กุญแจต้องเข้าสู่วังดาราและหากุญแจส่วนที่สองให้พบ ซึ่งก็คือตัวหมากสีดำ เมื่อได้มาแล้ว ต้องเข้าถึงพลังดาราทมิฬผ่านตัวหมากให้ได้ จึงจะมีสิทธิ์ได้ครอบครองดาราจักรพรรดิ ซึ่งฝานทำได้ทั้งหมดแล้ว
ในชั่วพริบตาก่อนที่ลู่หวู่จะเปิดประตูวัง มันเหลือไปเห็นศพนางสวรรค์ สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง จนลืมแม้กระทั่งเปิดประตู!
“องค์หญิง!”
มันตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลานสวรรค์โบราณถูกทำลายมาแล้ว 150 ล้านปี มันไม่เคยคิดว่าจะได้พบกับองค์หญิงอีก
ลู่หวู่เป็นผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ที่ลานสวรรค์ถูกทำลาย แต่ก็แลกมากับการที่ต้องสูญเสียความทรงจำ แต่ถึงอย่างนั้น มันยังจำจักรพรรดิเซียนผู้ยิ่งใหญ่ และองค์หญิงของมันได้
แม้มันจะตกตะลึงในสายเลือดอสูรของหนิงฝาน แต่มันตกตะลึงยิ่งกว่าที่หนิงฝานมาพร้อมกับองค์หญิงของมัน มันไม่รู้ว่าหนิงฝานคือผีเสื้อน้อยตัวนั้น ตัวที่ชอบบินวนอยู่ในสวนสมุนไพร คลอเคลียข้างกายองค์หญิงของมัน
เสียงระเบิดดังสนั่น ข่ายอาคมสังหารหม่นแสง
“ลู่เป่ย! เข้ามาในวังดาราได้ เจ้าคือผู้ที่จะได้รับดาราจักรพรรดิ แต่คนอื่นห้ามเข้ามา… สถานที่แห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ นอกจากผู้ถือครองกุญแจและผู้ที่มีพลังในขอบเขตจักรพรรดิเซียน คนอื่นเข้าไม่ได้!”
ประตูวังที่ซ่อนอยู่เปิดออก หนิงฝานเดินผ่านประตูเข้าไป ปล่อยให้เหล่าสตรีเฝ้ารออยู่ภายนอก
ทันทีที่ผ่านประตูเข้าไป หนิงฝานสัมผัสได้ว่าหมากกระดานสีดำคือตัวแปรสำคัญที่ทำให้เขาเข้าไปในวังได้ หากไม่มีมัน เขาอาจถูกสังหาร
ภาพที่ปรากฏด้านหลังประตูวัง คือถ้ำที่มืดสลัว หนิงฝานทะยานไปตามเส้นทางพักใหญ่ ก่อนจะหยุดฝีเท้า
ภาพที่หนิงฝานเห็นเบื้องหน้าคืออสูรร่างกายใหญ่โตกว่า 8 พันจ้าง ทั่วร่างปกคลุมด้วยขนสีขาวกระจ่างราวกับปุยเมฆ แต่สิ่งที่เห็นนั้นไม่มีตัวตนอยู่จริง เป็นเพียงภาพลวงตา
บนร่างอยู่อสูรตนนั้นมีรอยสลักสีแดงโลหิตอยู่
“ข้าคือลู่หวู่… ข้ารู้สึกราวกับว่าเคยพบเจ้ามาก่อน… แปลกจริงๆ”
“ข้าเองก็รู้สึกเหมือนท่าน”
หนิงฝานยังคงจำได้ว่า ยามที่เขาทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ และมีโอกาสได้สัมผัสกับพลังแห่งชีวิต เขาได้ย้อนเห็นภาพที่ตนเองคือผีเสื้อน้อยบินวนในสวนสมุนไพร เห็นลู่หวู่ยืนตระหง่านอยู่บนรถเพลิงทองคำ
ลู่หวู่ในยามนี้ไม่ใช่อสูรที่ยิ่งใหญ่ในวันวาน เป็นเพียงผู้ที่สิ้นชีพ เหลือไว้เพียงดวงจิตที่ถูกผนึกไว้ไม่ให้กลับสู่วัฏแห่งการเวียนว่ายตายเกิด
ถึงมันจะจดจำมู่เหว่ยเหลียงได้ แต่มันคงไม่รู้ว่านางตาย และไม่รู้ว่านางเพราะสาเหตุอะไร
“พลังแห่งชีวิตคือพลังที่ยิ่งใหญ่ แม้จะแข็งแกร่งเพียงใดยังไม่อาจรอดพ้น...”
หนิงฝานจ้องมองลู่หวู่พลางขมวดคิ้ว “ผนึกที่พันธะนาการตัวท่านคือผนึกแห่งการลงทัณฑ์ เมื่อท่านตาย มันจะผนึกดวงจิตของท่านให้คงอยู่ ณ ที่แห่งนี้ไปตลอดกาล”
“อืม… ผนึกนี่ทำให้ข้าไปไหนไม่ได้ ก่อนที่ข้าจะเข้าสู่นิทรา พวกตระกูลใหญ่ได้สั่งให้ข้าส่งดาราจักรพรรดิให้ แต่ข้าไม่ยอม พวกมันจึงประทับตราผนึกไว้กับข้า… จนป่านนี้ข้าก็จำไม่ได้แล้วว่าทำไมลานสวรรค์ถึงถูกทำลาย ข้าจำได้แค่ว่า จักรพรรดิสวรรค์ได้สั่งไว้ว่าห้ามมอบดาราจักรพรรดิให้กบฏเด็ดขาด ผู้ที่มีสิทธิ์ได้ครอบครอง คือผู้ที่มีโลหิตของเผ่าพันธุ์จักรพรรดิ!”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ แววตาลู่หวู่แปรเปลี่ยนโกรธแค้น แต่สุดท้ายก็สงบลง
มีเรื่องราวต่างๆมากมายที่มันหลงลืมเหตุผล
“หากเจ้าช่วยข้าถอนผนึกนี่ได้ ข้าก็จะได้กลับเข้าสู่วัฐแห่งการเกิดใหม่อีกครั้ง แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ช่างมัน… เจ้ารับตัวหมากสีขาวนี่มัน มันจะทำให้เจ้าได้เข้าใจในวิชาของจักรพรรดิดารา”
ลู่หวู่อ้าปาก ตัวหมากสีขาวลอยออกมา และเคลื่อนไปบนฝ่ามือหนิงฝาน
เมื่อตัวหมากทั้งสองอยู่เคียงคู่ บางสิ่งก็ปรากฏในทะเลสติหนิงฝาน วิชาขัดเกลาร่างกายและหลายๆสิ่ง ได้ผสานเข้ากับดวงจิตของหนิงฝาน
ดาราทมิฬดวงใหญ่ปรากฏเหนือวังยักษ์ พลังดาราทมิฬที่ทรงอานุภาพถ่ายเทลงยังวังยักษ์ ผสานเข้ากับร่างกายของหนิงฝาน อาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงของเขาฟื้นฟูอย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ
“นี่คือวิชาดาราทมิฬของนายท่านข้า! เป็นวิชารักษาที่ทรงพลัง แม้จะได้บาดเจ็บร้ายแรง แต่ก็รักษาให้หายได้ด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง… นับว่าเจ้าโชคดีมากที่มาในสภาพบาดเจ็บปางตาย เพราะการฟื้นฟูของร่างกายเจ้า คือตัวช่วยชั้นเลิศในการทำความเข้าใจวิชา” ลู่หวู่กล่าวด้วยความอิจฉา แต่ยามนี้ หนิงฝานไม่มีเวลามาพูดคุยด้วย
ในใจของเขาปรากฏภาพของดวงดาราสีดำทมิฬ ปรากฏภาพของการเล่นหมากกระดานที่ได้รับการอธิบายไปทีละขั้น
“นี่คือวิชาดาราทมิฬ!”
“หากข้าบรรลุวิชานี้ได้ แม้ว่าข้าจะบาดเจ็บขนาดไหน ก็รักษาให้หายได้ในเวลาสั้นๆ ที่สำคัญ ข้าอาจช่วยหนิงกู่ หนิงหงหง และเหว่ยเหลียงได้!”
“นี่เป็นโอกาสที่หาไม่ได้อีกแล้ว ข้าต้องบรรลุวิชานี้ให้ได้ ข้าต้องเข้าถึงความลับของมันให้ได้!”...