EP 99.1
By loop
หลิงรัน ตื่นขึ้นมาแล้วกลับไปนอนอีกครั้ง เขาทำซ้ำอย่างงั้นซ้ำไปซ้ำมาจนถึงเที่ยงวัน จนเขานอนไม่อยากนอนอีกต่อไปดังนั้นในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะคลานออกมาจากเตียงของเขา
ตอนนี้แขนของเขาอ่อนแรงมากหลังจากลงมาจากเตียงก็นึกย้อนถึงเรื่องทื่ผ่านมาเมื่อวานได้ชัดเจน ซึ่งจนถึงวันนี้จิตใจของเขาเย็นลงมาก หลังจากเรื่องราววุ่นว่ายที่ผ่านมา
เขาสามารถเปิดหีบสมบัติพื้นฐานที่เขาได้รับเมื่อคืนซี่งเขาเองยังไม่รู้เลยว่าได้มันมาตอนไหน ตอนนี้หลิงรันเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำด้วยความผ่อนคลาย หลังจากนั้นเขาก็ไปทานข้าวเมนูวันนี้เป็นของเหลือที่เขาเก็บไว้ได้แก่ น้ำเต้าหู้ ขนมปัง นมอีกสองถึง และ ไข่เข็ม และมะเขือเทศที่พึงแกะออกมาจากถุง เขาวางทุกอย่างลงบนโต๊ะอาหารก่อนที่เขาจะกินทุกอย่างภายในมื้อเดียว หลังจากนั้นหลิงรันนั่งย้ายไปนั้งที่หน้าต่างขณะที่เขาพูดอย่างเกียจคร้านว่า "เปิดการใช้งานระบบ"
หีบสมบัติพื้นฐานสีเงินโผล่ขึ้นมาด้านหน้าหลิงรัน มันส่องราวกับว่ากำลังเรียกหาเขา "เปิดฉันเปิดฉันเปิดฉัน ... "
หลิงรันยกคางขึ้นมาเล็กน้อยทำให้เขาเข้าสู้ระบบในตัวเขาเรียบร้อย
หีบสมบัติเปิดขึ้นทันทีและหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่ส่องแสงปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิงรัน
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ตกใจใดๆจากการปรากฏตัวของมัน
เมื่อก่อนหน้านี้เขาเปิดหีบสมบัติพื้นฐานสิบกล่องติดต่อกันรายการทั้งหมดที่มอบให้แก่เขาคือเซรุ่มพลังงาน เมื่อพิจารณาถึงอัตราการดร็อปโดยรวมมันเป็นใช้เวลาค่อนข้างนานถึงจะได้ไอเท็มใหม่หนึ่งชิ้นนอกเหนือเซรุ่มพลังงงานน
ด้วยระบบจับคลื่นที่ส่งมาจากมือของเขาได้ เขาได้ทำเปิดหนังสือทักษะและสามารถมองเห็นแถวของคำซึ่งทำหน้าที่ในการเตือนต่างๆ
[ระดับกลาง การวิเคราะห์MRI สำหรับแขนขาที่ได้รับ]
หลิงรันหยักคิ้ว เพราะว่าเร็วๆนี้เขาเห็นการสแกน MRI มาเยอะมากโดยเฉพาะการสแกนที่มือ ทุกครั้งก่อนการผ่าตัดเขาต้องอ่านอย่างละเอียด อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทักษะในการอ่านเป็นพื้นฐาน ว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่างเขาการอ่านโดยทั้วไปและระดับผู้เชียวชาญ ในการวิเคราะห์ MRI?
ในขณะที่ หลิงรันคิดอย่างนั้นข้อมูลจำนวนมากพุ่งเข้ามาในหัวของเขา
กลยุทธ์สำหรับการสแกนมือ ...
กลยุทธ์การสแกนเท้า ...
ภาพ MRI บนเครื่องดิจิลทัล [1], กราฟกายวิภาคของหลอดเลือดหัวใจ…
วัตถุที่ทำจากโลหะ [2] ใน MRI สิ่งประดิษฐ์ที่ไวต่อแม่เหล็ก [3], T2 ส่องผ่าน [4] และ T2 Washout [5] ...
หลิงรันเล่าถึงการสแกน MRI ทั้งหมดที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ จากนั้นเขาเปรียบเทียบกับข้อมูลในหัวของเขาและแต่ละสถานการณ์ที่เขาพบระหว่างการปฏิบัติงาน เขาใช้เวลาสักครู่เพื่อเกาความคิดของเขาให้ชัดเจน
ระดับผู้เชียวชาญ ในการวิเคราะห์MRIเทคนิคนี่ทำให้เขาได้รับข้อมูลจำนวนมหาศาลจากการสแกน MRI โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขานำมันมารวมเข้ากับความเข้าใจของกายวิภาคศาสตร์แขนและขา มันจะสร้างผลละพ์ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นเมื่อใช้การผสมผสานกันนี้
อย่างไรก็ตามทักษะอาจจะอยู่ที่ระดับทั่วไปหรือระดับผู้เชี่ยวชาญถถ้าเขาต่องอ่านส่วนอื่น ๆ ของร่างกายนอกเหนือจากแขนและขา อย่างไรก็ตามมันทำให้เขามีข้อมูลเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น เมื่อพูดถึงการสแกน MRI เกี่ยวกับแขนขาทั้งสี่
นั่นเป็นกรณีของเขาเมื่อมาถึงการอ่านการสแกนที่เกี่ยวข้องกับ brachial plexus [6] อันที่จริงหลิงรันไม่จำเป็นต้องอ่านการสแกนเพื่อให้เข้าใจถึงความขั้นของการเข้าใจสนามแม้เหล็กของเครื่องแสกน เพราะมันไม่ค่อยจำเป็นเท่าไร
อาจกล่าวได้ว่าหลิงรันกลายเป็นผู้รู้จากภาพ MRIที่หลั่งไหลเขามาในหัวของเขาเมื่อเปรียบเทียบกับตัวตนในอดีตของเขา
"มันเหมือนอาหารเสริม" ที่มอบให้กับเขาเกี่ยวกับแขนขาทั้งสี่นั้นมันเป็นพลังที่วิเศษมาก MRI สแกนและการแยกส่วนภาพในการวิเคราะห์ออกมาเป็นสองรูปแบบเพื่อสร้างความชัดเจนในการวินิจฉัย
ภาพ MRI อนุญาตให้ผู้อ่านแยกความแตกต่างระหว่างเนื้อเยื่อโครงสร้างที่แตกต่างกันโดยใช้วิธีการมองที่ความหนาแน่นของสีที่แตกต่างกันบนแผ่นฟิล์ม
ส่วนใหญ่แล้วมันเป็นเรื่องง่ายที่จะแยกความแตกต่างของเนื้อเยื่อโครงสร้าง อย่างไรก็ตามมันจะใช้เวลาครู่หนึ่งของการทำการแสกรเพื่อให้เห็นความแตกต่างของแต่ละโครงสร้างเนื้อเยื่อในวิธีการสแกนที่แตกต่างกัน
การปฏิบัติเช่นนี้จะเกี่ยวข้องกับการอ่านการสแกน MRI นับพันหรือหมื่นครั้งการมีความรู้ที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับกายวิภาคของมนุษย์ในรูปแบบของการสแกน MRI และยังเปรียบเทียบการสแกน MRI ของผู้ป่วยที่มีสุขภาพสมบูรณ์อย่างต่อเนื่อง
สำหรับแพทย์ทั่วไปอาจเป็นความสูงที่พวกเขาไม่สามารถบรรลุได้ตลอดชีวิต
ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องตั้งสมมติฐานว่าแพทย์ทั่วไปจะสามารถอ่านการสแกนได้หรือไม่ หากพวกเขาไม่สามารถอ่านมันได้นั้นก็หมายความว่าเขาจะไม่เขาใจอะไรจากการอ่านมัน
เวลาของแพทย์มี จำกัด แม้ว่าแพทย์จะยินดีที่จะใช้เวลาที่จำกัดนี้ ในการเรียนรู้เทคนิคการแพทย์ที่มีอย่างมากมายก็ยังคงเป็นไปไม่ได้สำหรับแพทย์คนนั้นที่จะบรรลุจุดสูงสุดที่น่าพอใจในทุกด้าน
แพทย์ทั่วไปอาจเต็มใจที่จะใช้ความพยายามในการอ่านและทำความเข้าใจกับการสแกน X-ray และ CT แสกน
แน่นอนว่าพวกเขาเต็มใจที่จะทำความเข้าใจกับมัน และในความเป็นจริงมันเป็นเรื่องยากมากที่ศัลยแพทย์ส่วนใหญ่จะมีระดับผู้เชี่ยวชาญในการอ่านและทำความเข้าใจในการอ่านผลสแกนจาก X-ray เช่นเดียวกับการอ่าน CT แสกน แต่กับเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะได้รับระดับผู้เชี่ยวชาญในการอ่าน MRI สแกน
ศัลยแพทย์ในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ไม่เคยอ่านการสแกนอย่างจริงจังก่อนที่จะทำการผ่าตัดเล็กๆน้อยๆ
เป็นเพราะพวกเขาสามารถได้รับข้อมูลเพียงเล็กน้อยจากการสแกน ข้อมูลที่พวกเขาสามารถดึงออกมาได้โดยการอ่านการสแกนเป็นเวลาสิบนาทีอาจน้อยกว่าการเตรียมการผ่าตัดและมองเข้าไปในร่างกายของผู้ป่วยเป็นเวลาสิบวินาที เช่นนี้แพทย์หลายคนยอมแพ้ในการตีความการสแกนในรายละเอียด ซึ่งถ้าหากพวกเขาไม่พบปัญหาที่ชัดเจนพวกเขาก็ยังคงจะทำการผ่าตัดต่ออไป
การผ่าตัดโดยทั่วไปสำหรับสถานการณ์อาทิ การผ่าตัดไส้ติ่งเพราะการผ่าตัดไส้ติ่งมันเป็นเรื่องง่างหากมีจุดที่สามารถระบุตำแหน่งของไส้ติ่งได้อย่างถูกต้องมันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะทำการผ่าตัดให้สมบูรณ์ อย่างไรก็ตามเมื่อใดก็ตามที่มีการผ่าตัดหลายคนจะเลือกที่จะเปิดหน้าท้องของผู้ป่วยก่อนที่จะค้นหาไส่ติ่ง
เป็นเรื่องปกติที่ศัลยแพทย์จะใช้เวลายี่สิบถึงสามสิบนาทีในการค้นหาไส่ติ่งของผู้ป่วยสำหรับการผ่าตัดไส่ติ่ง
ดังนั้น หลิงรันก็ค่อนข้างพอใจกับทักษะใหม่
ทักษะใด ๆ ที่น่าพอใจสำหรับแพทย์ฝึกหัดที่มีพื้นฐานทางการแพทย์ไม่ดี
สิ่งเดียวที่เขาไม่พอใจคือความยากลำบากในการอธิบายถึงต้นกำเนิดของทักษะนี้ที่มาจากคลินิคขอองเขาเองซึ่งไม่มีเครื่อง MRI เขาไม่สามารถพูดได้ว่าคลินิกเป็นที่ที่เขาเรียนรู้วิธีอ่าน MRI สแกนมาได้อย่างแน่นออน
อย่างไรก็ตามหลิงรันรีบโยนประเด็นนี้ทิ่งไปส่ะ
‘คำอธิบาย? ก็ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบาย’
มีหมออายุน้อยหลาแบบ ที่เป็นคนที่มีน้ำใจในการแบ่งปันความรู้บางอย่างให้เพื่อนๆที่เป็นแพทย์ด้วยกัน ซึ่งคนผู้นั้นต้องเป็นคนที่ปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับอย่างเคร่งคัดรวมทั้งเป็นคนที่ชอบศึกษาอยู่ตลออด ...
อย่างไรก็ตามมีแพทย์สองแบบเท่านั้น หนึ่งสามารถรักษาโรคในขณะที่หมออีกแบบไม่สามารถรักษาโรคได้
"ลูกชาย."
"ลูกชาย!"
เสียงของหลิงโจวและเตาปิงดังขึ้นหนึ่งจากด้านล่าง
หลิงรันตอบและสวมรองเท้าแตะของเขาก่อนที่เขาจะลงบันได เขาพยักหน้ารับผู้ป่วยเก่าที่ได้รับการฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำก่อนที่จะมองพ่อแม่ที่เพิ่งกลับมาจากการซื้อของ
เตาปิงอาจจะออกาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ เธอยกศีรษะขึ้นสูงและยืดอกเพื่ออวดเสื้อผ้าใหม่ของเธอกับผู้คนในละแวกใกล้เคียง หลิงโจวจับมือภรรยาของเขาด้วยมือเดียวในขณะที่เขาถือกระเป๋าอีกข้าง กระเป๋าเงินของเขาตอนนี้มันชั่งน่าเวทนาเหลือเกิน ภายในเต็มไปด้วยความว่างเปล่า แต่เขามีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
"เจ้าลูกชายเราเห็นลูกช่วยชีวิตคนเมื่อวานนี้" เตาปิงมือของเธอกวักหลิงรันให้มาดูและพูดว่า "มันแพร่ภาพทางโทรทัศน์พ่อของลูกตะโกนเรียกคนในละแวกนั้นเรียกพวกเขาให้มาดูและทุกคนชมคุณ"
"ลูกชายของฉันสามารถช่วยชีวิตคนได้ในตอนนี้" หลิงโจวถอนหายใจและเหมือนเขารู้สึกว่าเขาร่วมอยู่ในเหตุการณ์นั้นขณะที่เขาพูด มันแสดงให้เห็นว่าเขาดูอินกับเรื่องราวมาก เขาเช็ดมุมตาเล็กน้อย แต่มันยังไม่ชัดเจนเขาร้องไห้ให้กับการกระทำของหลิงรันหรือร้องไห้ในกระเป๋าเงินเปล่าของเขา
"เมื่อผมกลับมาถึงบ้านพ่อกับแม่ทั้งคู่หลับไป ... "
"นี้คือเหตุผลที่ลูกกลับบ้านช้า"
"มันไม่ได้ช้าเกินไป ... " หลิงรันขมวดคิ้วของเขา เขาตัดสินใจที่จะไม่พูดคุยเรื่องนี้ต่อไป
หลิงโจวลูปหนวดของเขาสองครั้งแล้วคว้าแขนลูกชายของเขา เขาดึงลูกชายของเขาผ่านสนามหญ้าและหัวเราะเบา ๆ สองครั้งก่อนที่เขาจะพูดว่า "ลูกตื่นเช้าตรู่และพ่อก็กำลังตัดสินใจครั้งใหญ่"
"การตัดสินใจครั้งใหญ่?" หลิงรานรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
หมอโจว พยักหน้าอย่างจริงจังและพูดว่า "ลูกเห็นไหมธุรกิจของเราก็เริ่มเบ่งบานเล็กน้อยดังนั้นเมื่อเร็ว ๆ นี้เราจึงได้เงินเพิ่มมากขึ้นอ ลูกเป็นหมอคที่ดี ซึ่งจากการที่ลูกช่วยคนสองคนได้เมื่อคืนนี้หนึ่งในนั้น เป็นตำรวจคุณและพ่อมีความสุขมากที่เราไม่ได้หลับเมื่อคืนนี้ ... อย่างไรก็ตามเราคิดว่าจะให้รางวัลกับลูกมากับฉัน ... "
หลิงโจว ดึง หลิงรันออกจากสนามหญ้าขณะที่เขาพูดและจับมือของ เตาปิงด้วยมืออีกข้าง
ทั้งครอบครัวอยู่รวมกตัวกันที่สนามหญ้าหน้าบ้านของพวกเขาและยืนเป็นครึ่งวงกลมและเดินออกมาจนถึงหลังบ้าน