EP 86
By loop
ช่วงเวลาบ่ายโมง....
ดวงอาทิตย์ส่องแสงออกมาแผดเผาเล็กน้อยทำให้ดอกไม้และต้นไม้นั้นดูแห้งเหี่ยวเหลือเกิน มีคนบางคนนำขาหมูเขามาในโรงโรงแรม ขนของมันขดตัวเหมือนหนวดที่พึงถูกโกนออกจากผิวหนังซึ่งเตรียมไว้สำหรับการผ่าตัด
คู่ชายหญิงใช้ประโยชน์จากความงดงามของฤดูใบไม้ผลิเพื่อเดินเล่นในโรงแรมและเดินกลับไปที่สถานที่จัดงาน พวกเขามีทั้งความสุขและความใจเสียใจหรือเต็มไปด้วยความมุ่งหมาย ณ ตอนนี้มีแพทย์ที่ลืมลงทะเบียนการเข้าร่วม พวกเขารีบเดินมาลงชื่อแล้วพวกเขาก็สามารถเข้าไปในห้องอาหารได้หลังจากได้ตั๋วรับประทานอาหาร
การเจรจาจะเริ่มขึ้นหลังอาหารกลางวันเสร็จ ดังนั้นแน่นอนว่าเวทีจะไม่ทำให้พวกเขาหยุดพักเที่ยง
หวางมาชิเดินไปอย่างเร่งรีบ แต่ไปในทิศทางตรงกันข้ามจากห้องอาหาร
"จำนวนคนเกินโควต้าแล้ว" ทันทีที่หวางมาชิเห็นฉีฉี่ เขาก็พูดคำที่เขาเก็บกดมาตลอดเวลาที่เดินไปโดยไม่มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มของอีกฝ่ายหรือคำเตือนในดวงตาของเธอ เขาถามอย่างใจจดใจจ่อ "ตอนนี้เราจะทำอย่างไรดี ทางโรงแรมต้องการให้เราจ่ายเพิ่ม"
"นี่คือ...?" ชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งยืนอยู่หน้าฉีฉี่ และไตร่ตรองคำพูดของหวางมาชิ
ฉีฉี่ไม่มีทางเลือกนอกจากแนะนำหวางมาชิกับผู้ชายคนนั้น "ยองหวางเป็นเพื่อนร่วมงานของฉันและรับผิดชอบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฟอรัมในวันนี้"
หลังจากแนะนำเพื่อนร่วมงานของเธอ ฉีฉี่มันทำให้หวางมาชิโดนดุ
หวางมาชิไม่ค่อยเห็นฉีฉี่ดุใครมากนัก แม้ว่าฉีฉี่จะค่อนข้างเป็นคนอารมณ์ร้อนในวันปกติ แต่ตอนนี้มันเลยจุดที่เธอจะกัดฟันเพื่อระงับความโกรธแล้ว ตอนนี้เธอเหมือนสุนัขที่พร้อมจะกัดคนอื่นได้ตลอดเวลาแต่เธอก็ไม่ทำมันออกมา อย่างไรก็ตามตราบใดที่คุณจัดการกับมันได้ดีคุณจะไม่โดนกัดแน่ๆ
ในขณะนี้สำหรับ หวางมาชิ, ฉีฉี่รู้สึกเหมือนไก่ชนที่เคยเป็นแชมป์มาแล้วเพราะเธอมีความกล้าหาญที่จะจ้องมองดวงตาของคนอื่นแม้ว่าเธอจะมีขนตาที่ฉูดฉาด
หวางมาชิรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างแน่นอน เขาสรรเสริญอย่างเชื่อฟังในตัวฉีฉี่และกล่าวว่า "ฉันเป็นลูกน้องของผู้จัดการฉี่และชื่อของฉันคือหวางมาชิ ฉันมักจะทำงานตามคำสั่งของผู้จัดการฉี่ ถ้าผู้จัดการฉี่บอกให้ฉันไปทางตะวันออกฉันจะไม่กล้าไป ฉันจะไปทางตะวันตกแทน ... "
การจ้องมองของฉีฉี่นั้นรุนแรงมากยิ่งขึ้น
หวางมาชิเงียบไปชั่วครู่หนึ่งเขารู้สึกเหมือนว่าเขากำลังมองเห็นสุนัขต่อสู้แทนไก่ชน ชนิดที่ปฏิเสธการอะไรไม่ได้
หวางมาชิยิ้มแย้มกับฟันของเขาและตัดสินใจที่จะประจบฉีฉี่มากยิ่งขึ้นและให้ใบหน้าเธอลดความโกรธลงบ้าง เขาก้มหัวลงแล้วพูดว่า "ผู้จัดการฉี่จับมือฉันและชี้นำฉันจริงๆ แล้วฉันจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันในวันนี้เท่านั้นเพราะผู้จัดการฉี่ฝึกฝนถ้าฉันโดยปราศจากผู้จัดการฉี่ จะไม่มีหวางมาชิในวันนี้... "
ชายหนุ่มหน้าตาดีหล่อหัวเราะสองสามครั้งขณะที่มองดูหวางมาชิ ซึ่งเป็นชายงามสไตล์เกาหลีที่มีรูปร่างตัว T จากนั้นเขาก็พูดกับ ฉีฉี่ ว่า "เหมือนว่าผู้จัดการฉี่จะไม่ว่างอย่างงั้นฉันขอตัวไปก่อน"
“มันไม่ใช่…ไม่…” ฉีฉี่ยื่นมือออกมา แต่มันไม่ทันที่เธอจะดึงผู้ชายคนนั้นกลับมาได้
เมื่อฉีฉี่หันกลับมาและเห็นรอยยิ้มอันน่ายินดีของ หวางมาชิ ณ ตอนนั้นเธอโกรธจนเลือดขึ้นหน้า 'นายคิดว่าเป็นเรื่องง่ายหรือยังไงที่ฉันจะหาคนที่หล่อและฉลาด นายรู้ไหมว่ามันยากแค่ไหนสำหรับฉัน นายรู้ไหมว่าฉันเป็นโสดมานานจนเกือบจะขึ้นคานแล้ว! '
"เรามีจำนวนคนเกินโควต้าใช่ไหม?" ฉีฉี่ระงับความโกรธของเธอ ตอนนี้เธอไม่อารมณ์เสียแล้ว
หวางมาชิคิดว่าเขาไปไกลเกินกว่าที่จะประจบฉีฉี่ นี่เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยกับเขามาก หวางมาชิกล่าวอย่างระมัดระวังว่า "ตอนที่ผมมาที่นี่มีคนมากกว่าสี่สิบคนฝ่ายบริหารโรงแรมต้องการให้เราเพิ่มเงินค่าเช่าให้กับพวกเขา"
"นายไม่ได้เห็นด้วยกับมันใช่มไหม?" ฉีฉี่เลือดขึ้นหน้าเป็นครั้งที่สอง เกิดอะไรขึ้นกับการที่มีคนมากกว่าสี่สิบคนในห้องอาหาร? จำนวนเงินที่จะเพิ่มไม่มีอะไรเทียบกับยอดรวมที่ใช้ในการจัดฟอรัมนี้หรือยังไง”
"มันมีคนมาเพิ่มเรื่อยๆนะครับผู้จัดการ" หวางมาชิพูดด้วยความจ็บปวด แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าขีดจำกัดของการดูแลของเขาอยู่ที่ไหนฝ่ายบริหารโรงแรมก็รู้ ฝ่ายบริหารโรงแรมต้องการลายเซ็นของผู้จัดการในตอนนี้”
ฉีฉี่หันมาสนใจในงานอย่างรวดเร็วและพยาบามกำจัดฮอร์โมนที่ท่วมร่างกายของเธอในตอนนี้ เธอพูดว่า "เดินไปตรงจุดนั้นกันเถอะขณะที่พูดถึงเรื่องนี้แหละ"
"โอเค."
"มีผู้คนมากมายเข้ามาหลังจากนั้นแต่นายไม่ได้อยู่ที่นั้นตอนนั้นใช่ไหม?"
"มันมีผู้คนจำนวนมากไปที่ห้องประชุมขนาดเล็ก เมื่อเดินทางมาถึงโดยไม่ลงทะเบียนการเข้าร่วมประชุมมันคงไม่ดีเลยที่ผมจะไปห้ามพวกเขา"
"แน่นอนนายต้องห้ามพวกเขาสิ" ความโกรธของฉีฉี่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง "ไม่มีใครขอให้นายเป็นชิวาวาในขณะที่เฝ้าแผนกต้อนรับนะ"
หวางมาชิตัวแข็งไปสองสามวินาทีและแก้ไขผู้จัดการของเขาว่า "คุณหมายถึงมาสคอต [1] ใช่มั้ย"
"คุณเป็นชิวาวา!" ฉีฉี่ดุเขาและคิดว่า 'ถ้าฉันไม่ได้พบกับหลิงรันฉันจะคิดว่าผู้ชายที่หล่อเหลาเหมือนคุณเป็นคนงี่เง่าทั้งหมดบนโลกนี้แล้ว * เวรจริง มันเกือบบิดเบือนมุมมองของฉันในการเลือกสามีแล้ว! '... ..
จำนวนที่เพิ่มขึ้นของผู้ต้องการมีส่วนร่วมทำให้สมาชิกคณะกรรมการปัจจุบันของสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินเกิดความภูมิใจในตัวเองอย่างมาก
มันเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผู้พูดที่จะมีคนฟังการเสวนาของพวกเขา มันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับนักพูด
ทำไมคำพูดของหัวหน้ามันน่าเบื่อรู้ไหม? เป็นเพราะการพูดต่อหน้าผู้คนมันทำให้รู้สึกดีมากจนไม่สามารถหยุดได้
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ในระดับต่างๆมีมานานแล้ว ตั้งแต่ได้รับความสำเร็จและกลายเป็นที่ยอมรับจากผู้ป่วยของพวกเขา แต่มีหนทางอีกยาวไกลที่พวกเขาจะได้รับความสำเร็จจากการเป็นที่ยอมรับของผู้คนในอุตสาหกรรมเดียวกันและนั่นเป็นการเดินทางที่ไม่รู้จบ
การเสวนาโดยมีผู้เข้าร่วมงานเพียงสิบคนอาจไม่ถือว่าเป็นการเสวนา มันจะไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับการคุยกับผู้เข้าร่วมงานประชุมเพียงห้าสิบคน แต่มันจะค่อนข้างมีความหมายถ้ามีคนสนใจถึงหนึ่งร้อยคนเข้าร่วมการพูดคุยด้วยความต้องการของพวกเขาเอง หรือจะผู้เข้าร่วมสองร้อยคน ผู้เข้าร่วมสามร้อยคน โดยสิ่งเหล่านี้นผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายจะไม่กล้าจินตนาการมันออกมาเลย ...
ไม่มีแพทย์ฉุกเฉินจำนวนมากในหยุนหัวที่จะเริ่มต้นด้วย ด้วยโรงพยาบาลระดับใหญ่เกรด A รวมกว่ายี่สิบแห่งมีแพทย์ฉุกเฉินเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น หากคุณต้องเพิ่มจำนวนแพทย์จากโรงพยาบาล B และโรงพยาบาลขนาดใหญ่อื่นจำนวนเล็กน้อยจำนวนรวมแล้วมันก็ไม่มากนัก ซึ่งมันก็ยิ่งยากที่จะดึงดูดแพทย์จากแผนกอื่นๆ ทุกคนล้วนยุ่งและเหนื่อยมากและไม่มีใครเต็มใจฟังการเสวนานี้เท่าไร
เนื่องจากท่านผู้อำนวยการทั้งหลายกำลังมองหาสิ่งที่มีคุณค่าในชีวิตของหมออายุมือใหม่ เขาจึงเกิดความกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่จะพูดคุยและพยายามทำสิ่งเดียวกันกับกรรมการและดึงดูดผู้คนให้มาพูดคุยกับกรรมการ
ดังนั้นจึงมีแผนการลับจำนวนมากที่เกิดขึ้นใต้หลังฉากของงานเลี้ยงอาหารกลางวันแบบบุฟเฟ่ต์
"พี่เฉินพี่วางแผนยังไงกับการเสวนาครั้งบ้าง?พี่จะขึ้นพูดเป็นคนที่สองเลยไหม? แต่ตอนนี้พี่สนในเดินไปที่ฮอลสามไหมล่ะ "
"พี่หวัง พี่ไม่ใช่คนเขียนงานวิจัยเกี่ยวกับการห้ามเลือดด้วยมือเปล่าใช่ไหม ตอนนี้ผู้อำนวยการของเรากำลังจะพูดถึงเรื่องนี้ในวันนี้"
"หมอเชี่ยนเราพบกันอีกครั้งคุณคิดว่าจะมีคนเข้าร่วมงานในวันนี้กี่คนเชียว?"
หลังจากรีบกินขนมปังสองชิ้นหมอโจวเริ่มเดินไปรอบๆห้องอาหาร เขาไปทำงานตามปกติในตอนเช้าและมาที่ฟอรัมเพื่อทำธุระหลังจากทำงานทั้งหมดเสร็จ
หมอโจวมักทำสิ่งต่างๆ เช่นการตีกลองเพื่อสนับสนุนผู้อำนวยการฮวง แต่วันนี้เขาดูเหนื่อยมากจนเหงื่อเปียกโชก หมอโจวที่ไม่ได้ทำอะไรมาก หลังจากที่ยุ่งกับตัวเองเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเขาพลุ่งพล่านเขามาหาหลิงรันและบ่นว่า "ทำไมวันนี้คนเยอะขนาดนี้? อีกทั้งการที่จะรวมคนเยอะให้มาอยู่ร่วมกันยังเป็นเรื่องยากอีก"
หลิงรันส่องประกายรอยยิ้มเล็กน้อยไปที่หญิงสาวคนหนึ่งที่เพิ่งหยิบเบคอนจานหนึ่งให้เขาและวางมันไว้บนโต๊ะพร้อมกับอาหารประเภทอื่นมากกว่าสิบชนิด จากนั้นเขาก็กลืนทานมันเข้าไปในปากของเขาแล้วถามว่า
"ถ้าคุณไม่รวมไปกับคนเหล่านั้นคนอื่นจะเอาชนะคุณได้มันเป็นกฎของเกรส์แฮม [2]" หมอโจวตะโกนสองสามครั้งแล้วพูดว่า "ถ้าคุณไม่รวบรวมคนตอนนี้และไม่มีใครพูดคุยใบหน้าของผู้อำนวยการฝ่ายฮวงก็จะมา ... ฉันจะไม่กล้ามองหน้าเขาเลย" คุณหมอโจวอดไม่ได้ที่จะสั่นไหวเมื่อเขาคิดถึงสิ่งนี้
"สำหรับสิ่งที่ปรากฏ?"
"ยิ่งไปกว่านั้น" หมอโจวกล่าวว่า “เราทุกคนสามารถเห็นว่าปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยีมีความรวดเร็วเพียงใดคุณคิดว่าแพทย์ในปัจจุบันเรียนรู้ทักษะใหม่ๆจากที่ไหน?”
หลิงรันจ้องที่หมอโจวทำให้งง
"มีสี่ช่องทางหลัก" หมอโจวนับด้วยนิ้วมือของเขาขณะที่เขาพูด "สิ่งแรกคือนโยบายโรงพยาบาลโรงพยาบาลจะเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับทักษะที่พวกเขาต้องการนำไปใช้กับทุกคน ประการที่สองคือการศึกษาด้วยตนเองการอ่านเอกสารวิจัยการดูวิดีโอและการอ่านหนังสือที่ตีพิมพ์โดยคนอื่นๆ โดยตัวแทนขายยาตัวแทนทางการแพทย์จะให้แพทย์ทานอาหารและแสดงพาวเวอร์พอยภาพนิ่งของทักษะหรืออุปกรณ์ที่พวกเขากำลังโปรโมตครั้งที่สี่จะเป็นฟอรัมทางการแพทย์และการประชุมเช่นนี้เป็นภาพใหญ่ที่จะพูดที่นั่นและฉันก็ควรล่วงหน้าไปก่อน เพื่อจะนั่งฟังอยู่ที่นี่ไม่ว่าคุณจะประหม่าแค่ไหนนายก็ควรที่จะซึมซับข้อมูลบางอย่างคุณจะจดจำทักษะที่เป็นภาพใหญ่และพูดถึงมันเมื่อคุณจำเป็นต้องใช้ทักษะเหล่านั้น "
"ดังนั้นจุดประสงค์คือการทำให้ทักษะของคุณเป็นที่นิยมขึ้นและเราก็จะได้รับสนับสนุนเพื่อพัฒนาผลงานต่อไป"
“ไม่จำเป็นต้องเป็นทักษะที่เราพัฒนา แต่ทุกคนมีความคิดเห็นของตัวเองตัวอย่างเช่นผู้อำนวยการฮวงพูดถึงการสร้างแผนกฉุกเฉินขนาดใหญ่ขึ้นในการประชุมทุกครั้งตอนนี้จังหวัดกำลังจะสร้างศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน เขายิ้มถ้าเมื่อเร็วๆนี้โครงการนี้ประสบความสำเร็จทุกคนจะพูดถึงผู้อำนวยการแผนกฮวง เมื่อพวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินของหยุนหัว” หมอโจวยังชื่นชอบในเกียรติของผู้อำนวยการฮวงถ้าเจ้านายของเขามีอำนาจมากขึ้นอำนาจของผู้ใต้บังคับบัญชาก็จะมากขึ้นมันจะยากสำหรับคนอื่นๆที่จะสั่งเขาให้ทำงาน เห็นได้ชัดมากว่าถ้ามีคนใดคนหนึ่ง หลุดออกจากทีมห้าคน แต่ในทีมสี่สิบคนมันจะเป็นเรื่องปกติแม้ว่าคนยี่สิบห้าคนจะเลิกงานแล้ว
"จากนั้นฉันก็ควรเข้าร่วมงานเสวนาของผู้อำนวยการฮวงด้วยเช่นกัน"
"เอ๊ะนายไม่ได้วางแผนจะเข้าร่วมอยู่แล้วเหรอ?"
"ผมต้องการดูว่ามีเรื่องที่น่าสนใจหรือไม่" หลิงรันกินของขบเคี้ยว เขารู้สึกอิ่มเล็กน้อยจากนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะวางจานเปล่าลงในแนวตั้งบนที่วางตะเกียบเพื่อให้มันหันหน้าเข้าหาห้องโถง และตอนหญิงสาวที่พยายามแข่งกับคนอื่นเพื่อนำอาหารมาให้หลิงรันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหยุดทำอย่างงั้นและถอนหายใจด้วยความเสียใจ
เปลือกตาของหมอโจวกระตุก เขาแกล้งทำเป็นว่าเขาไม่เห็นฉากนี้ซึ่งนำความเศร้ามาให้กับคนที่ซื่อสัตย์ ในทันทีหมอโจวมีที่มุ่งมั้นขึ้นมาและพูดเสียงดัง "หมอหลิงนายต้องการฟังคำบรรยายที่โถง 3 ตอนบ่ายสองโมงในตอนบ่ายหรือไม่ นี้มันเป็นข้อตกลงของฉันกับนายแล้ว ฉันจะไปหาที่นั่งก่อน"
"หืม?" หลิงรันผู้ซึ่งพยายามมานอาหารทั้งหมดให้เสร็จบนจานต่อหน้าเขามองไปด้วยความสับสนในสิ่งที่หมอโจวพึงแสดงออกมา
ความรู้สึกของหมอโจวเปล่งประกายด้วยรอยยิ้มชนิดที่พวกเขาเข้าใจโลกอย่างถี่ถ้วน เขาพูดต่อไปด้วยเสียงดัง "ตอนนี้มีผู้คนมากมายเตรียมเข้าร่วมงานเสวนาที่จัดขึ้นในฮอลล์ 3 เวลา บ่ายสอง หลิงรันถ้าคุณต้องการเข้าร่วมเราจะต้องไปที่นั่นก่อนหน้า เพื่อจองที่นั่งของเรา "
"เอาล่ะ."
"วางสายก่อนให้ฉันจะโทรออก" หมอโจวทุบโทรศัพท์มือถือแล้ววางไว้ข้างหูโดยไม่ต้องกดปุ่มใดๆ จากนั้นเขาก็ตะโกนเสียงดัง "เกี่ยวกับเรื่องนั้นฉันได้คุยกับหมอหลิงแล้ว พวกเราจะฟังการบรรยายที่จัดขึ้นในฮอล 3 เวลา บ่ายสอง ใช่แน่นอนเขาเป็นหมอที่อยู่ในการดูแลของผู้อำนวยการฮวงที่เป็นหัวหน้าเรา จะอยู่จนจบงานแน่นอนใช่ใช่ใช่มันเป็นข้อตกลงจากนั้นฉันจะไปพบนายตอนบ่ายโมงสี่สิบล่ะกัน"
คุณหมอโจววางโทรศัพท์มือถือแล้วมองไปรอบๆ ในหัวใจของเขามีความภาคภูมิใจและความพึงพอใจในตนเองมาก สำหรับการพักผ่อนรวมไปถึงความสุขและความเศร้าเล็กน้อยที่มาจากไหนไม่รู้.
หมายเหตุผู้แปล:
[1] p.r.o.nn การออกเสียง 'ตัวนำโชค' ในภาษาจีน 'ji xiang wu' คล้ายกับ 'ชิวาวา'
[2] กฎของ Gresham วันนี้โดยทั่วไปนำไปใช้กับสถานการณ์ที่หน่วยการเงินสองหน่วยที่ได้รับมูลค่าเท่ากันจะส่งผลให้มีการใช้ overvalued หนึ่ง (เงินที่ไม่ดี) และการใช้ undervalued หนึ่ง (เงินที่ดี) หายไปจากการไหลเวียน (ที่มา: Investopedia)