EP 77
By loop
"สวัสดีครับทุกผมคือหมอหลิงเป็นศัลยแพทย์ของคุณ คือว่าผมจะขอตรวจร่างกายเพื่อดูว่าแผลที่ผ่าตัดหายดีขนาดไหนแล้ว"
ตอนนี้หลิงรันยืนอยู่ที่หน้าเตียงของผู้ป่วยเตียงแรกเขาค่อยๆปลุกผู้ป่วยให้ตื่นและพยุงผู้ป่วยขึ้นมาช้าๆ
"หมอหลิง"
ผู้ป่วยจำใบหน้าของหมอหลิงได้เลยแม้จะเคยเจอกันเพียงเพียงครั้งเดียว ผู้ป่วยขยี้ตาของเขาและมองไปที่ท้องฟ้าด้านนอก เขาดูประหลาดใจและพูดพึมพำออกมาว่า "ตอนนี้กี่โมงแล้ว"
หลิงรันตอบว่า "ห้าโมงเช้าครับ วันนี้เราเดินตรวจวอร์ดเร็วกว่าปกตินิดหน่อยนะครับ"
“ตรวจวอร์ดตอนห้าโมงเช้ามันไม่เร็วเกินไปใช่มั้ย ทุกที่จะตรวจวอร์ดตอนเจ็ดไม่ก็แปดโมง ไม่ใช้หรอ?”
ผู้ป่วยอึกอัดใจเป็นอย่างมาก เขาหันไปบ่นกับญาติๆของเขาซึ่งก็ถูกปลุกให้ตื่นเช่นกัน ดูเหมือนว่าเขารู้สึกไม่ค่อยพอใจมากนัก
"ผมมาที่นี่เพื่อทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียดให้กับคุณครับ"
หลิงรันใช้ความสุภาพและยิ้มอย่างมืออาชีพ โดยเขารับรองการตรวจร่างกายของผู้ป่วยอีกครั้ง เขาตอบอย่างจริงจัง
ตอนนี้เขาคุ้นเคยเล็กน้อยกับเทคนิคการตรวจร่างกาย โดยธรรมชาติเขาจะกระตือรือร้นที่จะลองใช้เทคนิคกับผู้ป่วยของเขา
ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยเทคนิคเอ็มถังนั้นส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บโดยมีแผลภายนอก ซึ่งเมื่อพิจรณาจากสถานะทางครอบครัวและแพ๊คเกจประกันของผู้ป่วยก็จะมีความแตกต่างกันอยู่แล้วแต่บุคคล ด้วยเหตุนี้ผู้ป่วยทุกคนยังไม่ได้รับการตรวจสุขภาพอย่างสมบูรณ์แบบอีกทั้งทุกคนจะไม่ทำการตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปีหรือครึ่งปีอยู่แล้ว เนื่องจากมีความเร่งด่วนของจำนวนผู้ป่วยในแผนกฉุกเฉินผู้ป่วยจำนวนมากจึงทำให้ผู้ป่วยได้รับการตรวจร่างกายเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยพวกเขาก็ไม่เห็นด้วยกับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดสักเท่าไร โดยเฉพาะผู้ป่วยและสมาชิกในครอบครัวที่มักกังวลถึงเรื่อง"ค่าธรรมเนียม" พวกเขาไม่ชอบการสแกนเอ็มอาร์ไอ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับศัลยแพทย์ในการใช้ประเมินการซ่อมแซมเส้นเอ็น
ทักษะการตรวจร่างกายที่หลิงรันนั้นเชี่ยวชาญไม่สามารถแทนที่การถ่ายภาพทางการแพทย์หรือการตรวจด้วยสารเคมี โดยส่วนประกอบเหล่านี้เป็นอีกสองส่วนที่ทำให้การวินิจฉัยนั้นสมบูรณ์ซึ่งต้องผ่านการตรวจเพิ่มเติมและการทดสอบในห้องปฏิบัติการ อย่างไรก็ตามวิธีการวินิจฉัยที่แตกต่างกันยังอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ในการรักษาที่แตกต่างกันด้วย ถ้าหลิงรันใช้ทักษะการตรวจร่างกายเพื่อตรวจหาร่องรอยของโรคหรือความผิดปกติบางอย่างเกี่ยวกับผู้ป่วย แพทย์สามารถบีบบังคับให้ผู้ป่วยยินยอมให้มีการถ่ายภาพหรือการตรวจทางห้องปฏิบัติการอย่างละเอียดได้ นี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมรอบวอร์ดจึงมีแพทย์อยู่เป็นประจำ
ซึ่งในความจริงในระดับของผู้บริหารระดับสูง พวกเขาจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพที่สมบูรณ์และการได้รับคำปรึกษาอย่างมืออาชีพ แม้ว่าพวกเขาจะดูปกติก็ตาม แต่อาจเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจมีไส้ติ่งอักเสบ
อย่างไรก็ตามความขาดแคลนทรัพยากรทางการแพทย์เป็นสาเหตุที่นำไปสู่ความไม่สมดุลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับการตรวจร่างกาย
ในปัจจุบันเนื่องจากหลิงรันต้องการทำการตรวจร่างกายมากกว่าสิบสองคนโดยเขาไม่ต้องมาทำการผ่าตัดในตอนเช้า เขาจึงต้องเริ่มรอบวอร์ดตอนห้าโมงเช้าและถูกบังคับให้ปลุกผู้ป่วยขึ้นมาจากการนอน หากผู้ป่วยมีทีมดูแลสุขภาพของตัวเอง พวกเขาจะเลือกเวลาตื่นได้อย่างเต็มที่ พวกเขาสามารถงีบในช่วงบ่ายและมันจะไม่เกิดการปลุกผู้ป่วยระหว่างนอนขึ้นมา
"ช่วยลุกยืนด้วยนะครับ" หลิงรันยืนอยู่ข้างเตียงแล้วเริ่มสังเกตร่างกายของผู้ป่วย
พยาบาลดึงผ้าม่านรอบเตียง
"น่าจะให้ผมได้ล้างหน้าแปรงฟันก่อน" ผู้ป่วยพึมพำในขณะที่เขาผลักผ้าห่มออกไป
หลิงรันส่ายหัวเบา ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะไม่ทำการตรวจร่างกายอย่างเต็มรูปแบบ จากประวัติทางการแพทย์ของคุณ คุณใช้เวลาในการนั้งทำงานที่โต๊ทำงานเป็นเวลานานๆ และมีโรคกระเพาะเรื้อรังผมจะขอดูที่ หน้าอกและหน้าท้อง, หัวและลำคอของคุณผมอาจจะต้องให้เวลาประมาณ 10 นาทีโดยคุณไม่จำเป็นจะต้องแปรงฟันและล้างหน้า "
หลิงรันมีวิธีการพูดที่เปิดเผยตรงไปตรงมามันก็มีความหมายตรงๆเช่นเดียวกัน ตอนนี้ผู้ป่วยเพียงแต่นั่งเริ่มบ่นด้วยความไม่พอใจ "ทำไมต้องเป็นผมก่อนด้วย แสดงว่าคนสุดท้ายที่ถูกตรวจก็มีเวลานอนมากขึ้นสินะใช่ไหม?"
พยาบาลประจำที่มากับหลิงรันไม่สามารถรั้งตัวเองได้อีกต่อไป เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า "คุณคิดแค่ว่าคุณจะตื่นตอนตีห้าคุณรู้หรือไม่ว่าเวลาไหนที่หมอหลิงต้องตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขาต้องเข้ามาโรงพยาบาลก่อนฟ้าสางและกลับบ้านหลังจากที่ฟ้ามืดหมดแล้วเท่านั้น เพื่อที่เขาจะได้ให้การตรวจทั้งหมดให้แก่คุณทีละอย่างเขา ไม่ได้รับค่าจ้างแม้แต่น้อยสำหรับการทำงานล่วงเวลาของเขา มันรวมถึงเขาต้องออกค่าเดินทางด้วยตัวเองหลังจากการตรวจคุณก็สามารถจะกลับไปนอนได้ แต่หมอหลิงจะยังคงทำการตรวจร่างกายคนอื่นๆต่อและเมื่อเขาเสร็จสิ้นการตรวจร่างกายเขาจะต้องทำงานอื่นเพิ่มอออีกเข้าใจไหม!!! ... "
"ตอนนี้อาการที่หัวและคอของคุณยังสบายดีไหม? ผมจะขอตรวจที่หน้าอกและหน้าท้องของคุณตอนนี้โปรดหายใจเข้าลึก ๆ " หลิงรันทำการตรวจอย่างพิถีพิถันเสมอเมื่อเขาทำงาน เขาไม่ได้สังเกตเห็นความโกรธของพยาบาลมากนัก
สิบนาทีต่อมาหลิงรันได้ทำตามขั้นตอนที่เขาเห็นว่าจำเป็น เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า "ร่างกายของคุณไม่มีปัญหาแต่คงต้องรอให้แผลฟื้นตัวสักพักก่อนนะครับ"
พยาบาลดึงม่านออกมา
ผู้ป่วยและสมาชิกในครอบครัวของเขาเต็มไปด้วยความโล่งอกซึ่งพวกเขารู้สึกโล่งใจเมื่อหลิงรันพูดว่าไม่มีปัญหา ต่อให้พวกเขาไม่พออใจขนาดไหนหลิงรันก็ยินดีที่จะตรวจให้พวกเขาและบอกว่าไม่มีปัญหา
หลิงรันไม่ได้สังเกตเห็นการแสดงออกของพวกเขาต่อไปหลิงรันย้ายไปยังผู้ป่วยรายที่ออยู่ในเตียงที่สอง เขาเขย่าไปที่ไหล่ของเธอ
เนื่องจากมีความกังวลกับเคสนี้และประวัติทางการแพทย์ที่ได้รับมาของผู้ป่วย หลิงรันจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษกับผู้ป่วยผู้หญิงรายนี้ เขาทำการตรวจคนป่วยเพียงครั้งเดียว [1] โดยทำการเคาะที่ด้านหลังของผู้ป่วย ซึ่งมันทำให้บางคนรู้สึกเสียดายว่าเขาควรตรวจมากกว่านี้
ตอนนี้เขาเหมือนเด็กหนุ่มที่พึงวิ่งเหยาะๆพอดีกับหลิงรันก็รู้สึกหมดแรงในตอนท้ายของการตรวจร่างกายรอบ ๆ วอร์ด
พยาบาลที่จ้องมองเขาอย่างชื่นชม แต่อีกส่วนหนึ่งเธอก็เจ็บปวดแทนเขาเช่นกัน เธอถอนหายใจ
"หมอหลิงคุณจริงจังเกินไปนะ"
"ก่อนหน้านี้ผมไม่มีแผนที่จะทำการตรวจร่างกาย แต่ตอนนี้เหมาะสมที่จะทำมัน" หลิงรันอธิบาย
พยาบาลปฏิบัติหน้าที่ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นสมมติว่าหลิงรันกำลังพูดถึงเรื่องเวลาและความเหนื่อยล้า เธอไม่สามารถช่วยอะไรได้ เธอทำได้แค่เงียบและยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้นเธอพูดว่า "คุณเพิ่งพักหนึ่งวันเมื่อวานนี้ คุณมาที่นี่ได้สองสามชั่วโมงก่อนหน้านี้เอง วันนี้คุณอาจจะรู้สึกเหนื่อยมาก ซึ่งเมื่อถึงเวลาอาหารเย็นคุณก็ไม่มีเวลาไปกับแฟนสาวของคุณอีก"
“ผมยังไม่มีแฟนนะ” หลิงรันตอบกลับโดยไม่คิดมาก
พยาบาลที่ทำหน้าที่อยู่ขณะนั้นอ้าปากค้างและพยาบามปิดปากด้วยมือของเธอ เธอดูตื่นเต้นมากจนเกือบจะกระโดดขึ้นไปบนอากาศ แม้หลังจากหลิงรันออกไปเธอก็ไม่กล้าที่จะลดมือลงและกล่าวลา เธอรู้สึกว่าต้องป้องกันตัวเองไม่ให้ส่งเสียงดังเพราะจะทำให้เธอดูไม่ดี
“ช่างเป็นคนที่เปิดเผยจริงเชียว”!
"ทำไมคุณดูมีความสุขจังเลย?" แพทย์ประจำแผนกเดินมาถามเธอโดยที่เขามีหน้าตาที่ไม่ค่อยดีแถมเป็นแพทย์มือใหม่มันทำให้เขาดูเหมือนฉากหลังในละครที่ไม่มีใครสนใจ เขาทักทายเธอขนาดที่เธอกำลังหัวเราอยู่ด้วยความหวังว่าเขาพยายามจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนางพยาบาลคนนี้
พยาบาลวางมือของเธอลงและยืดชุดยูนิฟอร์มให้ตรง
"ไม่เป็นไร . "
เสียงฝีเท้าเริ่มดังขึ้นและทางเดินก็เต็มไปด้วยผู้คน
"ผมก็ดีใจที่มันไม่อะไร" หมอประจำแผนกผู้น่าเกลียดโบกมืออย่างจงใจทำให้ท่าทางของเขาไม่เป็นธรรมชาติแต่มันคงทำให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานของเขาน่าจะดีขึ้นบาง
หมายเหตุของนักแปล:
1Auscultation: ฟังเสียงภายในของร่างกายมักจะใช้หูฟัง