EP 71
By loop
หมอลู่รู้สึกเหมือนว่าเขากำลังจะตายจากความเหนื่อยล้า
จากการบันทึกเวชทะเบียนที่พึงเสร็จไปของผู้ป่วยสองราย จากเมื่อวานนี้เขาต้องเริ่มกรอกข้อมูลลงในเทมเพลตเวชระเบียนของเขาทันทีเมื่อการผ่าตัดสิ้นสุดลง ซึ่งเขาเพิ่งออกจากงานตอนเก้าโมงเช้าของวันนี้ แม้ว่าหมอลู่จะทำงานเกี่ยวกับเวชระเบียนมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับเขาที่จะเขียนบันทึกทางการแพทย์ที่มีความคุณค่านี้บนความยาวสองหมื่นคำ รวมถึงการอธิบายเกี่ยวกับเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสภาพของผู้ป่วยไม่ว่ามีสิ่งเหล่านั้นจะสำคัญหรือไม่สำคัญก็ตาม
มันก็เหมือนกับการที่เขาได้รับมอบหมายให้ทำงานวันหยุดนั้นแหละ; พวกเราไม่สามารถคัดลอกและวางรายงานทางการแพทย์ได้ มันเลยจำเป็นต้องทำงานในวันหยุดด้วยความจำเป็น
... เว้นแต่ครอบครัวของพวกเขาจะเป็นเจ้าของคลินิก
ที่จริงแล้วหมอลู่จะไม่บ่นถ้าเขาเพียงแค่ต้องเขียนเวชระเบียน การทำงานในโรงพยาบาลนั้นน่าเบื่อหน่ายและเป็นเรื่องปกติที่แพทย์ประจำแผนกจะต้องเขียนบันทึกทางการแพทย์ที่มีความยาวมากกว่าหนึ่งหมื่นคำต่อวัน มันเป็นเพียงว่าพวกเขาทำเอกสารไม่มีต้นแบบสำหรับเวชระเบียนของผู้ป่วยที่รักษาด้วยเทคนิคเอ็มถังและมันต้องการพลังชีวิตอยากมากในการเริ่มเขียน
อย่างไรก็ตามงานที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เช้านี้มันให้หมอลู่หมดแรงไปกับมันทั้งหมด
เขามาถึงโรงพยาบาลตอนเจ็ดโมงและทำรอบวอร์ดเพื่อตรวจผู้ป่วยในการผ่าตัดครั้งก่อน เมื่อตอนเวลาแปดโมงหมอลู่จดจำประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วยทั้งห้า ที่ได้รับการผ่าตัดโดยใช้เทคนิคเอ็มถังเมื่อเวลาประมาณแปดโมงครึ่ง เขาได้เข้าไปพบกับผู้อำนวยการแผนกที่มีชื่อเสียงในเรื่องความจริงจังในการทำงานอย่าง ผู้อำนวยการฮวงในฐานะผู้อำนวยการทำรอบวอร์ดของเขา เขาถูกถามคำถามและต้องตอบคำถามทุกประเภท ถ้ามองในแง่ดีนั่นหมายความว่าผู้อำนวยการแผนกให้ความสำคัญกับผู้ป่วยที่รับการรักษาด้วยเทคนิคเอ็มถัง
เมื่อเวลาเก้าโมง หมอลู่เข้าไปในห้องผ่าตัดและเริ่มทำงานกับพยาบาลที่เข้าเวรในกะนั้น เพื่อเตรียมการทุกอย่างสำหรับเทคนิคเอ็มถัง แต่วันนี้ดูค่อนข้างแปลกสำหรับแผนกฉุกเฉินและพยาบาลเขาจะไม่ได้จัดอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการผ่าตัดเหมือนครั้งก่อนๆ และวัสดุทางการแพทย์ที่สำคัญที่อาจจะต้องใช้ในระหว่างการผ่าตัดเทคนิคเอ็มถัง ควบคู่ไปกับความจริงที่ว่าหลิงรันและผู้อำนวยการฮวงมีนิสัยเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างสูง เพราะเหตุนี้ทำให้หมอลู่จะต้องเตือนเกี่ยวกับพยาบาลอยู่เสมอสำหรับการผ่าตัดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ มิฉะนั้นหากพยาบาลที่เข้ารับการรักษาต้องมองหาสิ่งต่างๆในระหว่างการผ่าตัดกับแพทย์ชั้นยอดพวกเขาอาจจะเป็นบ้าได้
แม้ว่าหมอลู่ไม่เคยเห็นหลิงรันโกรธ แต่เขาก็คิดว่าก็ไม่ควรทำให้หลิงรันต้องรู้สึกเข้มงวดเพียงพอถึงแม้ว่าเขาจะไม่โกรธ ตามหลักการของ "การที่ศัลยแพทย์มีการยกระดับการผ่าตัดขึ้นไปอยู่ระดับสามนั้นมันเป็นการเพิ่มภาระที่มากขึ้น" หมอลู่ค่อนข้างจะทำงานหนักขึ้นเล็กน้อย
จากนั้นเมื่อเริ่มถึงเวลาเก้าโมงสามสิบเก้านาที หมอลู่ก็ได้ออกไปเชิญผู้ป่วย
ผู้ป่วยรายแรกเป็นคนทำงานกะกลางคืนซึ่งย้ายจากหมู่บ้านคานพิง หมอลู่เริ่มถอนขนบริเวณใกล้ๆแผลของผู้ป่วยออกโดยใช้เวลาประมาณหกสิบนาที และช่วยในการทำความสะอาดโรงพยาบาลเป็นเวลาสิบห้านาทีหลังการผ่าตัด เขาไม่มีเวลาไปเข้าห้องน้ำด้วยซ้ำก่อนที่จะรีบไปหาคนไข้รายอื่นที่ถูกส่งตัวจากห้องรอเรียก ซึ่งเป็นเคสที่เกิดจากการหกล้มและทำร้ายตัวเอง
รอยฟกช้ำของเอ็นค่อนข้างรุนแรงเนื่องจากมีความล่าช้าค่อนข้างนานก่อนที่ผู้ป่วยจะถูกส่งไปที่โรงพยาบาล หลิงรันเพียงเย็บเส้นเอ็นกล้ามเนื้อฉีกในการใช้เวลาเพียงแปดสิบนาที หลังจากดึงผิวหนังของผู้ป่วยตลอดระยะเวลาของการผ่าตัดหมอลู่ยังคงดำเนินต่อไปด้วยการทำความสะอาดห้องปฏิบัติการ ในไม่ช้าเขาก็ได้ยินว่าผู้ป่วยรายที่สามกำลังเดินทาง
ในเวลานี้หมอลู่ร่างกายก็แตกเป็นชิ้นๆ
เขามองไปที่นาฬิกาของเขา มันผ่านไปจนถึงช่วงบ่าย ลืมความจริงที่ว่าเขาไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลยในเวลาหกชั่วโมง เขาไม่มีเวลาที่จะเข้าห้องน้ำในการที่จะจัดการกับโจ๊กที่เขากินไปตอนเช้าเลย
เมื่อเขาคิดอย่างนั้นหมอลู่ไม่มีแรงจูงใจในการทำความสะอาดห้องผ่าตัดอีกต่อไป เขาร้องขอความเมตตาจากพยาบาล "พี่สาวนิว ฉันอยากจะไปเข้าห้องน้ำ"
"คุณจะปล่อยทำให้ฉันคนเดียวหรอ?" พยาบาลจากแผนกฉุกเฉินเธอมีอายุสี่สิบสองปีในปีนี้ เธอเป็นคนปากกล้าซึ่งเธอเป็นคนที่เก่งเธอมีร่างกายที่แข็งแรงและทนทานกับการนอนดึกได้ หมอลู่จับมือของพยาบาลนิวด้วยความอ้อนวอน แน่นอนว่าเธอไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้หมอลู่ออกไปทันที เธอวางสิ่งที่เธอถือไว้บนโต๊ะผ่าตัดและพูดว่า "ฉันยังต้องเตรียมตัวสำหรับการผ่าตัดของผู้อำนวยการดู่ ถ้าคุณไปฉันก็จะไม่สนใจเรื่องการทำความสะอาดห้องผ่าตัดอีกต่อไป"
หมอลู่ต้องทนทุกข์ทรมานในความเงียบ เมื่อพูดถึงเรื่องการขับถ่าย การพูดถึงเรื่องมันก็เท่ากับการยกประตูน้ำขอแค่ครั้งเดียวและทุกอย่างก็จะไหลออกมาจากเขาเหมือนน้ำท่วม
แต่เมื่อหมอลู่มองไปที่พี่สาวนิว เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกลั้นฉี่เอาไว้ก่อน
จริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดห้องผ่าตัด แต่แพทย์ประจำแผนกที่กระทำความผิดกับพยาบาลระดับสูงจะเท่ากับนักโทษที่ทำผิดกับผู้คุมเรือนจำ
โชคดีที่พี่สาวนิว ไม่ได้ตั้งใจจะส่งหมอลู่ไปที่แผนกระบบทางเดินปัสสาวะเพื่อหยุดพัก เธอรั้งเขาไว้เพียงไม่กี่นาทีและหลังจากที่พวกเขาทำความสะอาดห้องผ่าตัดอีกนิดหน่อยเธอก็พูดว่า "คุณอาจไปก่อนได้ถ้าคุณไม่สามารถกันมันได้อีกต่อไป! ในครั้งต่อไปอย่าลืมใส่ผ้าอ้อมมาด้วยล่ะ ที่จริงคุณจะได้รับเงินมากกว่า 200 หยวนจากการผ่าตัดสองครั้งในวันนี้”
หมอลู่รีบออกไปก่อนที่เขาจะได้โต้ตอบอะไรกับไป
มีเวลาเพียงในหนึ่งนาทีหมอลู่เดินไปที่โรงอาหารเล็กๆ
แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลหยุนหัวมีทีมรักษาห้าทีม ซึ่งพอๆกับโรงพยาบาลขนาดเล็กแต่มีลูกค้าจำนวนมากกว่าและทำงานได้ค่อนข้างดีกว่า
เมื่อหมอลู่ไตร่ตรองว่าเขาควรกินไก่ทอดหรือหมูตุ๋น เขาได้ยินเสียงอันขมเข้มของผู้อำนวยการฮวง
“ไม่ต้องห่วงเลยมันเป็นแบบนี้เสมอ เมื่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลเล็กๆย้ายมาที่นี่มันเป็นเรื่องปกติมากที่จะมีความล่าช้าเกือบครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงอาจเกิดจากรถติดในเมือง .”
เสียงของหลิงรันพูดขึ้นมาว่า"ในระหว่างที่รอผมสามารถผ่าตัดได้เพิ่มอีก"
“โอ้พระเจ้า! นายเป็นคนติดการผ่าตัดมากๆเลยนะ เหมือนสมัยชั้นยังหนุ่มๆฉันเคยทำศัลยกรรมห้าครั้งต่อวันในอดีต แม้ว่าฉันจะเหนื่อยหลังจากนั้นมันก็เป็นความรู้สึกที่ดีมาก” ผู้อำนวยการฮวงส่งเสียงหัวเราะดังแฮะๆ
หมอลู่รู้สึกขนลุกเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่หลิงรันพูดขึ้นมาก่อนหน้า
“พรุ่งนี้ผมจะทำการผ่าตัดห้าเคสจะได้ไหม?” คำตอบของหลิงรันสะท้อนอยู่ข้างหูของหมอลู่ เขารู้สึกไม่ดีเลยแม้ว่าเขาจะเดาได้ถูกต้องว่าหลิงรันกำลังพูดอะไรต่อไป
“การผ่าตัดห้าครั้งนั้นมากเกินไป แม้ว่านายจะยังเด็กและการผ่าตัดสองครั้งก็ดูเหมือนไม่มีอะไรเลย แต่การผ่าตัดสามหรือสี่ครั้งจะเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปหลังจากทำการผ่าตัดห้าครั้งนายจะรู้สึกว่าสมองของนายว่างเปล่า” เสียงหัวเราะของ ผู้อำนวยการฮวง ยังคงน่าขนลุก
หมอลู่วางมือบนมือจับประตูของโรงอาหารและลังเลว่าจะเข้าไปข้างในหรือไม่
เสียงอันเงียบสงบของหลิงรันลอยไปอย่างช้าๆ "ถ้าฉันจัดการมันไม่สำเร็จในตอนนี้ได้ฉันจะเป็นอย่างไรเนี่ย”
หมอลู่เปิดประตูด้วยความเด็ดเดี่ยว ภายในเขาร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศก 'หมอหลิงฉันรู้ว่าตับของนายอยู่ในสภาพที่ดี แต่มันก็ไม่เหมือนกันสำหรับฉัน การสอบเข้าวิทยาลัยนั้นยากพอและฉันต้องทำทุกอย่างเช่นนอนดึก โรงเรียนแพทย์ก็ยิ่งเหนื่อยมากขึ้นและความสัมพันธ์กับเพื่อนของฉันก็ลดลง แม้ว่าฉันจะดูเหมือนว่าฉันอายุยี่สิบห้า แต่ตับของฉันก็เป็นเหมือนอายุสี่สิบห้าปีแล้ว ... '
หมอลู่จัดระเบียบคำพูดของเขาและใช้สติปัญญาทั้งหมดของเขาเพื่อคิดว่าจะห้ามหลิงรันได้อย่างไร
ในขณะเดียวกันประตูกระจกที่อยู่ตรงข้ามเขาซึ่งประตูนั้นด้านข้างซึ่งหันหน้าเข้าหาแผนกผู้ป่วย มันถูกเปิดขึ้นพร้อมกัน
"อ๊ะ! หมอหลิงเป็นเรื่องบังเอิญผู้อำนวยการฮวงก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน" หม่าหยานหลินที่เป็นแพทย์ประจำบ้านเขาส่งรอยยิ้มที่สดใสเป็นพิเศษ
"หมอหลิง,หมอหลิง … อ่อ, ผู้อำนวยการฮวง" เจิ้งหยานฮั่นฝึกงานด้านการพยาบาลเธออายุเพียงสิบเจ็ดปีเท่านั้น ผมของเธอถูกมัดด้วยหางม้าและเธอยังสาวและสวยมาก”
หลิงรันหันมามองทั้งคู่และพยักหน้าทักทายเล็กน้อย
ผู้อำนวยการฮวงฮัมเพลงด้วยเสียงดังในการรับคำทักทาย และแสดงความสง่างามของเขาในฐานะผู้อำนวยการฝ่าย
"อืม! หมอหลิงฉันเอาผลไม้มาให้คุณเพื่อจะอยากทานของหวาน" เจิ้งหยานฮั่นยื่นปากตะกร้าเล็ก ๆ ที่เธอซื้อมาเป็นพิเศษบนโต๊ะ มีลูกพีชสีแดงสดที่ด้านล่างของตะกร้ามี ลูกแพร, พุทรา และ ส้มจี๊ดอยู่ด้านบนของตระกร้า นอกจากนี้ยังมีลำไยกระจายอยู่ตรงบริเวณที่ว่างของตระกร้า
หลังจากที่เธอวางตะกร้าบนโต๊ะแล้วเจิ้งหยานหานยิ้มที่หลิงรันและรีบหนีไปเหมือนกระรอกตัวน้อย
ผู้อำนวยการฮวงและหลิงรัน โดยธรรมชาติเปลี่ยนสายตาของพวกเขาไปที่มาหยางหลินเป็นแพทย์ประจำบ้าน
"ผมเอาของฝากจากหมู่บ้านของผมมาฝากทุกคนเลย" มาหยางหลินรู้สึกเครียดและพูดติดอ่างเล็กน้อยขณะที่เขาพูด เขารีบดึงของที่อยู่ในถุงกระดาษที่อยู่มือแล้วหยิบออกมา ...
... ปลาเค็มสองตัวห่อหุ้มด้วยพลาสติก หนึ่งในนั้นตัวใหญ่มากและดวงตายื่นออกมา อีกอันหนึ่งมีขนาดเล็กลงแต่ดวงตายื่นออกมาเช่นกัน
ผู้อำนวยการฮวงรับและลองแตะปลาเค็มดูซักพักหนึ่งแล้วมองดูหลิงรัน
หลิงรันถามว่า "เราจะเอามันไปทำอะไรทานได้บ้างครับ"
"อ่าคุณต้องต้มมัน" มาหยานลินพูดเร็วๆ “มันจะมีรสชาติที่ดีมากถ้าคุณเคี่ยวกับถั่วลิสงคุณยังสามารถเคี่ยวกับมะเขือเทศเต้าหู้หรือถั่วเหลืองได้รสชาติที่ดียิ่งขึ้นถ้าคุณเคี่ยวกับหมูสามชั้น ...”
"คุณมาที่นี้ต้องการอะไรหรอครับ?"หลิงรันตัดสินใจที่จะข้ามกระบวนการตรวจสอบที่ซับซ้อนเช่นเดียวกับสิ่งที่เขาทำมาก่อน
มาหยานลินตัวแข็งครู่หนึ่งและเขินอายทันที มันยากสำหรับเขาที่จะผ่อนคลายเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อำนวยการฮวง
อย่างไรก็ตามไม่กี่วินาทีต่อมาหม่าหยานลินตัดสินใจและพูดว่า "ฉันอยากเป็นผู้ช่วยแพทย์และอยากเข้าร่วมการผ่าตัดของคุณโดยใช้เทคนิคเอ็มถัง "
แพทย์ทุกคนในแผนรู้ว่าหลิงรันเก่แค่ไหนเมื่อพูดถึงเทคนิคเอ็มถังถึงแม้ว่าแพทย์ที่เข้าร่วมและแพทย์ประจำบ้านจะค่อนข้างอิิอออายในการที่จะเป็นผู้ช่วยแพทย์ให้กับหลิงรัน, แต่มาหยานลินไม่สนใจสิ่งนั้น เขาเป็นแพทย์ประจำบ้านจากแผนกศัลยกรรมกระดูกและหลังจากที่เขาอยู่ในแผนกฉุกเฉินเป็นเวลาสองเดือนเขาจะถูกหมุนเวียนไปที่แผนกอื่น แต่ทักษะที่เขาเรียนรู้ที่นี่จะไม่หายไป
หลังจากพูดเสร็จ มาหยานลินรู้สึกผ่อนคลายและพูดว่า "ผมได้ดูวิดีโอทั้งหมดของคุณทำการผ่าตัดโดยใช้เทคนิคเอ็มถัง เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาผมเชื่อว่าผมสามารถเป็นผู้ช่วยที่ดีได้การผ่าตัดโดยใช้เทคนิคเอ็มถังที่ใช้เวลาค่อนข้างนานผมเห็นมองไปที่หมอลู่ดูแล้วเหมือนร่างกายเขาจะไม่ไหวเท่าไรเขาสภาพเหมือนศพเดินได้จากอาการเหนื่อยของเขา… "
"ฉันไม่ใช่ศพและก็ไม่เหนื่อยด้วย!" หมอลู่รู้สึกว่าเขาอยู่เงียบๆอีกต่อไปไม่ได้ เขาเดินไปที่โต๊ะหลิงรันนั่ง จากนั้นเขาก็ดูที่มาหยานลิน และพูดว่า "ก่อนที่ฉันจะตายจากความเหนื่อยล้าฉันจะเรียกหาคุณและรับปลาเค็มของคุณ -"
เขาจ้องมองที่หลิงรันผ่านหางตาของเขาและดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง
หมอลู่หยุดครู่หนึ่งแล้วก็ไอและพูดว่า "ฉันจะเอาปลาเค็มของคุณกลับบ้านไปทำพร้อมกับตีนหมูตุ๋น"
เขายิ้มให้หลิงรันและพูดว่า "สตูว์ปลาหมูตุ๋นปลาเค็มที่สดใหม่และนุ่มนวลมันเขากันดีนะ".