EP 55
By loop
ห้องรับรองของแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลหยุนหัวนั้นมีขนาดใหญ่ประมาณหนึ่งร้อยสามสิบตารางฟุต
มันเกิดจากการนำสำนักงานเก่าสองสามห้องมาทุบรวมกัน ห้องก็จะดูไม่สมส่วนเท่าไหร่ ส่วนกลางห้องรับรอง ทุกคนมักจะไปนั่งกันบริเวณโต๊ะที่ติดกำแพงเพื่อทานอาหารกลางวันหรือไม่ก็รอเตรียมข้าวของกับบ้าน
มีต้นไม้เล็กๆอยู่สองสามต้นวางไว้กลางโต๊ะสำนักงานและรอบๆห้องรับรอง
เก้าอี้กว่าสิบตัวกระจัดกระจายไปทั่วห้อง นอกจากนี้ยังมีม้านั่งในมุมหนึ่งและมีโต๊ะแบบบาร์ที่สามารถใช้ยืนรอได้
ห้องรับรองหันไปทางทิศใต้ เพื่อให้แสงอาทิตย์สามารถส่องเข้ามาในห้องได้อย่างเพียงพอแต่ไม่ถึงกับแสบตา
หมอประจำแผนกสองคนเปิดประตูและพูดคุยและหัวเราะขณะที่พวกเขาเข้าไป สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นคือแสงที่สะท้อนออกมาจากโต๊ะและหลิงรันที่กำลังนั่งอยู่ที่มุมห้องและเล่นเกมอย่างจริงจัง
แพทย์ประจำแผนกทั้งสองหยุดพูดพร้อมกัน
พวกเขาไปนั่งเงียบๆในอีกมุมหนึ่งซึ่งอยู่ไกลจากหลิงรัน ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ
"เฮ้! ทำไมเราไม่ออกไปข้างนอกแล้วกินข้าวล่ะ" เมื่อหมอลู่แพทย์ประจำแผนกกล้ามเนื้อมองหลิงรัน เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังมองไปที่หมออาวุโส
แพทย์ประจำแผนกที่ติดตามหมอลู่เพิ่งจะนั่งลงเพื่อผ่อนคลาย แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองหลิงรันเขารู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลกดลงบนไหล่ของเขา เขาอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าและพูดว่า "แน่นอนเรามากินข้างนอกกันเถอะ"
ทั้งสองลุกขึ้นพร้อมกัน ขณะที่พวกเขากำลังจะออกจากห้องรอหมอลู่ พูดกับหลิงรันอย่างไม่รู้ต้ว
"หมอหลิงเราขอไปก่อนนะ"
"ได้เลย" หลิงรันตอบและยังคงมุ่งเน้นไปที่เกมที่กำลังเล่นอยู่
หมอประจำแผนกสองคนออกจากห้องรับรอง หลังจากเดินไปได้ระยะหนึ่งหมอลู่ก็หยุดเดินและถามว่า "ทำไมฉันต้องบอกเขาว่าขอไปก่อนนะ"
"ใช่ทำไม?"
"ทำไมล่ะ?"
หมอหนุ่มคนหนึ่งถามคำถามนี้เพราะห้องรับรองเหมือนเป็นที่หลบภัยของหมอทั้งสอง
หัวหน้าแพทย์และผู้ช่วยแพทย์อยู่ในสำนักงานหรือห้องปฏิบัติการผ่าตัด ตามความเป็นจริงการเลือกศัลยแพทย์ส่วนใหญ่ต้องการที่จะอยู่ในห้องปฏิบัติการผ่าตัด เพราะพวกเขาพบว่าสภาพแวดล้อมในห้องนี้ส่งผลต่อสื่งที่เขาอยากจะทำคือ การหั่นการตัดและการช่วยชีวิตผู้ป่วยก็ทำให้พวกเขามีเป้าหมายในชีวิต
แพทย์อายุน้อยและแพทย์ฝึกหัดชอบห้องผ่าตัดเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมการทำงานในนี้ สำหรับสำนักงานนั้นตั้งแต่โรงพยาบาลเริ่มใช้ระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์แพทย์รุ่นเยาว์ก็รู้สึกไม่ค่อยชอบเลยที่ได้นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์จำเป็นต้องมีความยาวหนึ่งหมื่นคำโดยเฉลี่ย แม้จะมีวิธีการคัดลอกและวางที่เชื่อถือได้ แต่ผู้ป่วยเฉลี่ยยี่สิบถึงสามสิบคนต่อสัปดาห์ก็หันมาเขียนบันทึกทางการแพทย์ที่ซึ่งมีรายมือที่อ่านค่อนข้างยาก นอกเหนือจากการเขียนเวชระเบียนแพทย์หนุ่มยังมีงานสำคัญอื่นๆเช่นการสั่งจ่ายยาให้คำแนะนำทางการแพทย์ทำรอบวอร์ดทุกวัน,การเข้าช่วยเหลือในการผ่าตัดในขณะที่เรียนรู้อย่างต่อเนื่องและเตรียมสอบ พวกเขายังต้องรักษารอยยิ้มเป็นคนโปรดของหัวหน้าแพทย์, ผู้ช่วยหัวหน้าแพทย์และแพทย์คนอื่นๆ
ดังนั้นแพทย์อายุน้อยในโรงพยาบาลจึงมีความสุขกับการอยู่ในห้องรับรองมากที่สุดเนื่องจากแพทย์วัยกลางคนไม่ค่อยเข้ามาอยู่ในห้อง
จนกระทั่ง…หลิงรันเริ่มเข้ามากดดันหมอทุกคน
การผ่าตัดโดยใช้เทคนิคเอ็มถังคือการผ่าตัดระดับสี่ แน่นอนว่าการผ่าตัดไม่ใช่การผ่าตัดธรรมดามันอยู่ในระดับความยาก อย่างไรก็ตามผู้ที่สามารถทำการผ่าตัดระดับสี่ยังคงเป็นพวกแพทย์ระดับสูงเท่านั้น
การผ่าตัดแบบนี้เป็นการผ่าตัดในฝันของแพทย์หลายๆคน
ในทางทฤษฎีการผ่าตัดโดยใช้เทคนิคเอ็มถังสามารถมันอยู่ในแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงและผู้ช่วยแพทย์บางคนเท่านั้น ซึ่งแพทย์ประจำแผนกทั้งสองคนนั้นเป็นระดับผู้ช่วยแพทย์ ...
เมื่อพวกเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แพทย์ประจำบ้านหรือแพทย์ฝึกหัดบางคน เลือกที่จะไปที่ระเบียงเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์แทนที่จะนั่งในห้องรับรอง การเพิ่มแรงกดดันคือการแสดงออกอย่างจริงจังของหลิงรันในขณะที่เขาจ้องมองที่หน้าจอของเขา ซึ่งว่าเตือนกับคนอื่นว่าเขาคล้ายกับแพทย์อาวุโสที่นั้งอยู่ในห้องนี้
หลิงรันไม่รู้เรื่องนี้เลยและติดอยู่กับการเล่นเกมอย่างมีความสุข
โค้ชของดอนจีฟื้นตัวได้ดีมาก แม้ว่าเขาจะถูกย้ายไปยังแผนกอื่นแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกขอบคุณหลิงรันเป็นอย่างมาก เขาปล่อยให้หลิงรันเพิ่มบัญชีตัวละครรองของสมาชิกบางคนเพื่อที่ว่าเมื่อใดก็ตามที่ผู้ฝึกสอนการเล่นเกมของพวกเขาฝึกซ้อมพวกเขาสามารถเชิญหลิงรันเข้าร่วมและช่วยเขายกระดับตัวละครของหลิงรันได้
แม้ว่าพวกเขาจะพูดถึงสิ่งต่างๆเช่น "เราพ่ายแพ้" และ "ยกระดับความยากลำบาก" ในการแชทด้วยเสียง หลิงรัน ไม่เคยใส่ใจ
"หลิงรัน" มีคนผลักประตูห้องรับรองซึ่งมีเสียงเปิดดังเอี๊ยด
หมอยองแพทย์ฝึกหัดจากแผนกห้องปฏิบัติการทางการแพทย์เข้ามาในห้องรับรอง
หมอยองใส่เสื้อโค้ทสีขาวขนาดใหญ่ของเขาดูสะอาดหมดจดจากเสื้อที่ซักแล้ว มันเรียบอย่างไม่น่าเชื่อจากการรีดผ้า เขาดูสะอาดสะอ้าน แทนที่จะเป็นแพทย์เขาดูเหมือนพนักงานขายรถยนต์หรืออสังหาริมทรัพย์
“วันนี้นายออกไปทำงานตรงเวลาหรือไม่?” หมอยองถาม
"ใช่! นายถามฉันในวีแชทแล้วนิ" การแสดงออกของหลิงรันนั้นเกลี่ยวกาดเฉินเยาวจิงของเขา [1] พยายามอย่างหนักเพื่อหนีการตามล่าศัตรู เขาเลื่อนด้านซ้ายของหน้าจอโดยไม่ต้องหยุดด้วยนิ้วชี้ของมือขวาของเขาเพื่อให้ได้ระยะห่างจากนิ้วหัวแม่มือของมือซ้ายของเขา ในฐานะศัลยแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเขาสามารถควบคุมทุกนิ้วของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
"นายทำงานล่วงเวลาทุกครั้งที่ฉันถามนายก่อนหน้านี้"
หมอยองบอกให้เขารีบ
"ไปกันเถอะ! หมอเฉินกำลังรอเราอยู่ข้างนอก"
“ฉันจะออกไปข้างนอกหลังจากที่ฉันตายในเกมนี้…” หลิงรันก็หยุดพูด เขายืนขึ้นอย่างเงียบๆ และเลื่อนโทรศัพท์มือถือของเขาเข้าไปในกระเป๋าของเขา
หลิงรัน ขึ้นรถบัสกลับบ้านหลังจากรับประทานอาหารนอกบ้านกับเพื่อนร่วมงานของเขาเสร็จ
แม่ของเขา เตาปิงไม่ค่อยทำอาหารทาน เธอจะไม่ทำอาหารมากกว่าสัปดาห์ละครั้งแม้ว่าเธอจะอารมณ์ดีก็ตาม
ในทางกลับกันหลิงโจวทำงานหนักมาก แต่ไม่มีความสัมพันธ์กันระหว่างคนที่ทำงานหนักกับการทำอาหารอร่อยทั้งหลิงโจวและเตาปิง แม้จะเรียนอยู่ในเมืองเดียวกันกับที่พ่อแม่ของเขาอาศัยอยู่ หลิงรันก็กลับได้กินข้าวที่บ้านไม่บ่อยหนัก
หลิงรันลงจากรถบัสและเดินเข้าซอย ซอยมืดลงเรื่อยๆตอนที่เขาเดินไป
ไฟถนนที่ติดตั้งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเริ่มกลัวและเสียงกระหึ่ม คนงานจากสภาเทศบาลเมืองมาซ่อมไฟเป็นระยะๆดำเนินงานบำรุงรักษาเช่นการเปลี่ยนหลอดไฟ
ในช่วงเวลาระหว่างการบำรุงรักษาถนนที่ทอดยาวจะสว่างไสว แต่จะถูกแยกออกจากกันด้วยถนนที่มืดมิดเท่ากัน
โชคดีที่กล่องไฟทั้งสองด้านของตรอกนั้นสว่างเพียงพอ แสงสีแดงสีเหลืองและสีเขียวสาดเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเส้นทาง มันค่อนข้างวิเศษมีความทันสมัยและดูราวกับว่าในเมืองจะมีเส้นทางอย่างงี้ได้อย่างไร
เมื่อผู้คนรวมตัวกันระหว่างวันหมู่บ้านกู่เป็นสถานที่ที่วุ่นวายมาก พนักงานออฟฟิศอายุน้อยในอาคารสำนักงานใกล้เคียงก็ทานอาหารที่นี่ด้วย พวกเขาจะซื้อเครื่องประดับเล็กๆเป็นครั้งคราวหรือรับการฉีดยาเล็กน้อยในส่วนนี้ของเมือง
บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วหลังจากฝูงชนแยกย้ายกันไปและมีเพียงแสงจากไฟถนนและป้ายไฟLEDเท่านั้นที่เหลือ มันจะยิ่งไม่มั่นคงหลังจากร้านค้าเล็กๆในซอยปิด
หลิงรันวิ่งผ่านตรอกมือของเขายัดอยู่ในกระเป๋าของเขา ในไม่ช้าเขาก็เห็นแสงสีแดงและสีเหลืองที่คลินิกของครอบครัวเขา
ประตูหลักของคลินิกปิดไปแล้วและมีประตูเล็กๆ อยู่ข้างๆเพื่อให้ผู้คนเข้าและออก
คลินิกหยุดให้บริการเจาะเลือดหลังตะวันตกดิน นอกจากนี้ยังมีผู้คนที่ซื้อยาจากพวกเขาน้อยลงเรื่อยๆและพวกเขาก็หยุดให้บริการ นี่เป็นเพราะมีร้านขายยายี่สิบสี่ชั่วโมงห่างจากตรอกซอกซอยของพวกเขาซึ่งมียาและมีการใช้ระบบเก็บคะแนนโบนัสสำหรับสมาชิกที่ไม่ต้องแย่งกันซื้อยา
มีกลิ่นหอมจางๆที่ลานบ้าน
หลิงรันบีบจมูกเล็กน้อย เขามั่นใจว่านี่เป็นกลิ่นของการปรุงอาหารของแม่ของเขา
'ที่บ้านทำกับข้าวหรอ?
หลิงรันรู้สึกอึดอัด แต่รู้สึกแปลกใจเขาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและเปิดประตูทางด้านเหนือของบ้าน อย่างที่คาดไว้โต๊ะเต็มไปด้วยอาหาร
"ทำไมลูกถึงกลับมา?"
เตาปิงค่อนข้างแปลกใจที่เห็นลูกชายของเธอ
หลิงรันยังคงนิ่งเงียบเป็นเวลาสองวินาที "วันนี้ไม่มีอะไรมาก"
"ลูกกินข้าวหรือยัง?"
"ทานมาแล้วครับ"
"ดีแล้ว"
เตาปิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วเริ่มตั้งโต๊ะอีกครั้ง "แม่ทำอาหารมังสวิรัติลูกนั่งลงและทานซุปดงเฉินเพิ่งลงมาจากภูเขาและไม่ได้กินอะไรเลย"
ขณะที่เธอพูดพระภิกษุสามเณรอายุประมาณสิบขวบเข้ามาพร้อมกับพาเขาไปด้วย เมื่อเขาเห็นหลิงรันเขาคำนับหลิงรันและพูดอย่างจริงจัง "ผู้อุปถัมภ์หนุ่มโยมเป็นอย่างไรบ้าง"
จากนั้นเขาก็ทักทายเตาปิงแล้วพูดว่า "ขอบคุณคุณสีกามากที่เตรียมน้ำในอ่างให้มันอุ่นสบายมาก"
พระภิกษุสามเณรอายุน้อยดูแข็งแรงและใส่ซื่อ หัวของเขาเกลี้ยงเกลาและดูเหมือนฟุตบอลเล็ก ๆ
เสื้อคลุมสีเทาของเขาสะอาดและดูเหมือนชุดที่พระสงฆ์ใส่กัน
เตาปิงมีความสุขมากเมื่อเธอเห็นพระภิกษุสามเณรผู้ใส่ซื่อ เธอดึงเขาขึ้นมาถูหัวแล้วพูดพร้อมกับยิ้มว่า "ดงเฉินนั้นเป็นเด็กที่สุภาพมาก"
ดงเชินใบหน้าของพระภิกษุสามเณรเริ่มตัวแข็งทื่อและเขาพูดเบา ๆ ว่า "สีกา…ได้โปรดอย่าแตะต้องอัตมาบนหัวมีมอยเจอร์ไรเซอร์ไว้บนนั้น"
"เอาล่ะก็ได้ ไม่เป็นไรเณรต้องดูแลใบหน้าของเณรให้ดี เพื่อให้ดูน่ารักมากขึ้นอีกไม่กี่ปีหน้าเณรจะเหมือนกับหลิงรัน ลูกของฉัน" เตาปิงถอนหายใจขณะที่เธอพูด เธอหงุดหงิดที่จะแตะหัวลูกชายของเธอและพูดว่า "มันไม่สนุกอีกต่อไปหลังจากที่เขาโตขึ้น"
หลิงรันนั่งลงอย่างเงียบ ๆ และใช้โอกาสนี้ในการช่วยพระภิกษุสามเณรจากแม่ของเขาสัมผัสหัวโล้นศีรษะและหัวโล้นของหนุ่มสามเณรในขณะที่เขาอยู่ที่นั้น เขาถามว่า "เณรน้อยมาที่นี่เพื่อรับยาสำหรับเจ้าอาวาสหรอ"
“ใช่แล้ว.”
พระภิกษุสามเณรอายุน้อยลงมาจากภูเขาตามกำหนดเวลาเพื่อรับยา เณรคนอื่นจะมาพร้อมกับเขาในตอนแรก แต่เขากลับมาเองในตอนนี้ เขาชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียระหว่างการมีใบหน้าหรือหัวของเขาลูบของเขาอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็นั่งข้างๆหลิงรันอย่างเชื่อฟังและพูดว่า "โยมช่วยเตรียมยาให้กับพระอาจารย์หน่อยเขารู้สึกปวดหัวและกระเพาะอาหารเหมือนกับอาหารไม่ย่อย เขาขอให้อาตมาลงมาเอายาลดกรดสองกล่องเพื่อเตรียมพร้อมเพื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน "
"อ้าวเจ้าอาวาสกำลังปวดท้อง?"เตาปิงถามด้วยความประหลาดใจ "ฉันเคยให้ยาแก้ปวดท้องไปก่อนหน้านี้แล้ว แสดงว่าท่านไม่ยอมทานยาใช่ไหม?"
"อาจารย์บอกว่ายาของโยมแก้ปัญหาได้เพียงต้นเหตุและป้องกันเพื่อเกิดกรณีเร่งด่วนได้"
พระเณรน้อยเริ่มโค้งคำนับเล็กน้อย
"เข้าใจแล้วใช่แล้วฉันจัดยาทิเบตชั้นเลิศให้เมื่อสองปีก่อนมันแก้ปัญหาที่ต้นตอของปัญหาและในกรณีเร่งด่วนได้ แต่เณรรอก่อนเดี๋ยวฉันจะลองจัดยาใหม่" ในขณะที่เต่าปิงพูดเธอกลับไปที่ห้องของเธอเพื่อค้นหาสต็อกยา
พระภิกษุสามเณรยังลังเลอยู่สองสามวินาทีก่อนที่จะกว่าว่า “พุทโธ” หนึ่งครั้ง ในขณะที่เขาดูที่ด้านหลังของเตาปิงเขาพูดว่า "ขอบคุณคุณสีกามาๆเลย".
หมายเหตุของนักแปล:
[1] นายพลชาวจีนในสมัยราชวงศ์ถัง ตัวละครใน 'King of Glory' ด้วย