Ep 39.1
By loop
"นี่คือ ... การควบคุมการตกเลือดแบบปกติ" ผู้อำนวยการแผนกหลิวยืนขึ้นขณะที่เขาพูด เขาหยิบแว่นตาขึ้นมาเพื่ออ่านข้อความออกมาจากกระเป๋าของเขา หลังจากอ่านเสร็จก็ถอดแว่นวางลงบนโต๊ะ
เขาทำงานมาทั้งชีวิตในโรงพยาบาลกองทัพปลดปล่อยประชาชน แม้ว่าเขาจะไม่เคยเข้าสนามรบ แต่เขาก็ยังมีการฝึกซ้อมหลายครั้ง และการประชุมที่นับไม่ถ้วนเกี่ยวกับระบบการแพทย์ของกองทัพ
เมื่อพูดถึงระบบการแพทย์ของกองทัพ การรักษาบาดแผลและการควบคุมเลือด ก็เป็นหัวข้อที่สำคัญอย่างยิ่ง
ในระหว่างการผ่าตัด เลือดอาจหยุดไหลได้โดยการใช้ไฟฟ้าความถี่สูงหรือเลเซอร์ การแทรกแซงของการบาดเจ็บอย่างอื่นทุกประเภทสามารถเกิดขึ้นได้ และยาทุกประเภทอาจะถูกนำมาใช้ในการรักษา นอกจากนี้ยังมีคีมห้ามเลือด ซึ่งแพทย์ประจำบ้านสามารถใช้ในระหว่างการผ่าตัดได้
อย่างไรก็ตาม ในสนามรบวิธีรักษาที่ใช้กันมากที่สุดในการหยุดเลือดไหลออกมา คือการใช้ความดันผ่านการผูกแขนขากับสายรัดและฉีดมอร์ฟีนตรงบริเวณที่บาดเจ็บ การควบคุมเลือดไหลโดยมือเปล่า เป็นเหมือนเทคนิคขั้นสูงและลึกลับที่เชี่ยวชาญโดยบางคนเท่านั้น
เวลาส่วนใหญ่ของผู้อำนวยการแผนกหลิว ใช้เวลากับการศึกษาแผลไฟไหม้และเขาไม่ได้ใช้เทคนิคขั้นสูง เช่นการควบคุมการตกเลือดด้วยมือเปล่า อย่างไรก็ตามเขาดูสนใจอย่างมาก
"แคปซูลในตับของผู้ป่วยมีเลือดออก ... "
"เลือดหยุดลงแล้ว!"
"หลิงรัน เข้าสู่เตียงผู้ป่วย ... "
ผู้อำนวยการฝ่ายหลิว มองดูสไลด์ที่ปรากฏบนโปรเจ๊กเตอร์ และฟังขณะที่เสียงในจอมอนิเตอร์เปลี่ยนไป จริงๆแล้วเขารู้สึกว่ามันเป็นแสงประกายขึ้นมาสำหรับบางคนที่อยู่ในวิดีโอ
แพทย์ที่รู้จักแพทย์คนอื่นดีที่สุด แพทย์คนไหนที่เห็นวิดีโอก็สามารถจินตนาการภาพทั้งหมดได้จากภาพยนตร์เม็ดเล็ก ๆ นั้น
ในขณะที่ผู้อำนวยการฝ่ายหลิวและคนอื่นๆดูวิดีโอและฟังเสียง จิตใจของพวกเขาก็เริ่มจินตนาการว่าสถานการณ์ตึงเครียดแค่ไหน มันจะตึงเครียดเท่ากับสนามรบ
ผู้ป่วยที่ตกเลือดมีอาการช็อกเป็นตัวอย่างทั่วไปของผู้ป่วยระดับหนึ่ง แพทย์ทุกคนที่ทำงานในแผนกฉุกเฉินเคยประสบปัญหาการดิ้นรน และหมดหนทางในการจัดการเลือดที่ไหลออกมาอย่างรุนแรง
ในวิดีโอหลิงรันถูกพาตัวไปที่เตียง และถูกผลักเข้าไปในห้องผ่าตัดพร้อมกับผู้ป่วย
ในขณะที่ผู้อำนวยการฝ่ายหลิวดู เขาขยับออกห่างจากกล้องและท่าทีของเขาดูกังวล "โอ้! ทำไมช่างภาพไม่ได้ติดตามพวกเขาเข้าไป? มันสำคัญมากเลยนะเนี่ย!
“ผู้ป่วยใช้โทรศัพท์ของเขาเก็บภาพบรรยากาศเหล่านี้ด้วยตัว เขาเองมันจึงไม่เห็นภาพทั้งหมด” ผู้อำนวยการฮวง อธิบายอย่างรวดเร็ว
"วิดีโอที่เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญขนาดนี้ ทำไมพวกคุณถึงไม่ถ่ายเก็บไว้ล่ะ เรียกใครที่ว่างตอนนั้นมาถ่ายให้คุณก็ได้ใช่ไหม" ผู้อำนวยการแผนกหลิวเล่าว่า“พวกพยาบาลสาวๆที่โรงพยาบาลของผมเนี่ยชอบหยิบมือถือมาถ่ายรูปกันเป็นประจำ”
"ถ้าคุณต้องการแหล่งข้อมูล เราสามารถถ่ายทำในครั้งต่อไปได้ สำหรับหลิงรันในตอนนี้มีผู้อำนวยการฝ่ายหลิวและคนอื่นๆ เราจะใช่โอกาสนี้ให้ทุกท่านดูงานวิจัยของหลิงรัน มันไม่เหมือนกับการควบคุมการตกเลือดธรรมดา แต่มันเหมือนกับเวทมนตร์คาถาที่พบห็นได้ยากยิ่ง” ผู้อำนวยการฮวง ดื่มชาลงไปเต็มปาก และปลอบคอของเขา เพื่อที่เขาจะได้เตรียมที่จะเริ่มตำหนิทุกคนที่นั่งประชุมในตอนนี้
หลิงรันลุกขึ้นและมอบสำเนาของผลงานที่เขาเตรียมไว้ให้หมอทุกคนที่อยู่ในการประชุม
เมื่อหมอเฉินเห็นวิดีโอ เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะเชื่อสายตาตัวเองได้หรือไม่
หลังจากที่ทุกคนเวียนกันดูวิดีโอจนเสร็จสิ้น เขาไม่แน่ใจว่าผู้อำนวยกฮวง ได้เห็นความคิดเห็นที่เขาแสดงลงบนโพสหรือไม่ เช่นเดียวกับผู้อำนวยการฝ่ายหลิวคนนั้นไม่ค่อยที่จะเล่นโซเชียลมีเดียว
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นหลิงรันแล้ว หมอเฉินก็แสดงท่าที่ค่อนข้างตื่นเต้น
เขาเป็นคนที่เห็นในวิดีโอได้ชัดเจนที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นหลิงรันนั้นเป็นคนที่จดจำได้ง่าย และไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหมอเฉินในการจดจำหลิงรัน
ในความเป็นจริงหมอเฉินได้แสดงความคิดเห็นในเวยป๋อในวันนั้น เพราะเขาถูกเรียกโดยข้อตกลงเช่น 'หมอผู้มีชื่อเสียงทางอินเทอร์เน็ต '
ในฐานะหนึ่งในแพทย์หัวหน้าที่อายุน้อยเพียงไม่กี่คนในประเทศ หมอเฉินไม่ได้กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงทางอินเทอร์เน็ต แม้กระทั่งหลังจากที่อยู่กับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆหลายประเภทเป็นเวลาหลายปี โดยเขาสามารถทำให้แพทย์ที่รักษาด้วยความประมาทและถูกบันทึกถ่ายไว้ให้มีชื่อเสียงในทางลบได้เลยที่เดียว
“มันคือการปรากฏตัวในการวิจารณ์ต่างๆโดยปกติของเขา?”
หมอเฉินจ้องไปที่หลิงรันด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึมไม่ได้ยิ้มให้หลิงรัน เมื่อเขาได้รับสำเนารายงานการวิจัย เขาถอนลมหายใจออกอย่างรวดเร็วจากในปอด หลังจากที่หลิงรันหันหลังและเดินจากไป
เขาก้มหัวลงเพื่ออ่านรายงานการวิจัยอย่างตั้งใจ หมอเฉอินพยายามหาช่องโหวของงานวิจัย เพื่อนำมาเป็นเรื่องโจมตีหลิงรันในภายหลัง
งานวิจัยส่วนใหญ่ที่อยู่ในนั้นเต็มไปด้วยเรื่องทั่วไป พวกเขาเป็นเพียงบทความที่ไม่มีสาระที่แท้จริงในการวิจัย
แม้ว่าคุณจะมองข้ามเรื่องต่างๆ เช่นการฉ้อโกงข้อมูล และการเลือกตัวอย่าง และหัวเรื่อง แต่บทความจำนวนมากก็มีปัญหาในแง่ของความคิดและทิศทางของมัน ข้อผิดพลาดเชิงตรรกะที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน อาจกล่าวได้ว่าข้อบกพร่องสามารถพบได้ในรายงานการวิจัยส่วนใหญ่ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้เขียนงานวิจัยจึงต้องแก้ไขงานวิจัยของพวกเขาให้เรียบร้อยก่อนที่จะเผยแพร่
ปฏิกิริยาแรกของ หมอเฉินคือการหาข้อบกพร่องบางอย่างเพื่อเริ่มการโจมตีตอบโต้
โดยปกติเขาจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการอ่านรายงานการวิจัยของนักศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรีที่อยู่ในการดูแลของเขา หรือวิจารณ์วรรณกรรมในวารสาร นี่เป็นมาตรฐานการเรียนรู้หนังสือขั้นพื้นฐานของนักวิจัยทางการแพทย์
ผู้อำนวยการฮวง ปล่อยให้ทุกคนอ่านรายงานการวิจัยไม่กี่นาที จากนั้นเขาจ้องที่ หมอเฉินและพูดว่า "หมอเฉิน คุณไม่ต้องการที่จะรู้หรอว่ามันเป็นไปได้ที่จะทำการควบคุมการตกเลือดด้วยมือเปล่าโดยไม่ต้องมีการผ่าตัด? บทความวิจัยนี้ให้คำอธิบายที่ชัดเจนพอไหม?
หมอเฉิน เป็นหัวหน้าแพทย์ไม่ใช่ผู้อำนวยการฝ่าย และผู้อำนวยกานฮวงไม่ใส่ใจแม้แต่จะเรียกเขาว่า หัวหน้าแพทย์เฉิน
หมอเฉิน ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุดในการอ่านเรียงความในขณะที่เขากลับตอบอย่างเย็นชา "ผู้อำนวยการฮวง! คุณหมายถึงอะไร"
"คุณลืมเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเขียนลงบนอินเทอร์เน็ต" ผู้อำนวยการฮวง แสดงความคิดเห็นให้กับ หมอเฉิน และเน้นหนึ่งย่อหน้า
[หากวิดีโอที่ฉันเห็นในวันนี้ ไม่ใช่การบันทึกฉากอาจถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ประมาทที่สุด เท่าที่ฉันเคยเห็นในชีวิตของฉัน เป็นไปได้ไหมที่จะควบคุมการตกเลือดด้วยมือเปล่าโดยไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์ในการผ่าตัด?]
ผู้อำนวยการฮวง พูดด้วยรอยยิ้ม "คุณไม่เห็นหรือว่าเป็นไปได้?"
หมอเฉิน หัวเราะเบาๆ "คุณกำลังปกป้องหมอฝึกงานอย่างั้นหรอ"
"เรามีผู้ป่วยนอกให้คำปรึกษาในวันนี้ ในระหว่างการปรึกษาหารือ เราควรเรียนรู้จากกันและกันที่จะแก้ปัญหาของเรา ... และฉันอยากจะแก้ปัญหานี้ให้คุณในวันนี้" ผู้อำนวยการฮวง กดดันอย่างจริงจัง
หากบุคคลมองว่าโรงพยาบาลเป็นสถานที่ทำงาน พวกเขาจะพบว่าสภาพแวดล้อมการทำงานนั้นแตกต่างจากที่ทำงานอื่นอย่างไม่น่าเชื่อ
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุด คือแพทย์ไม่ร่าเริงเหมือนกลุ่มข้าราชการ หรือธุรกิจที่เหมือนพนักงานในภาคเอกชน
ทุกวันแพทย์สลับไปมาระหว่างการควบคุมตัวเอง และความเครียดที่จะระเบิดออกมา
พวกเขาควบคุมตัวเองเมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันอันยิ่งใหญ่ในขณะที่ให้การให้การรักษา กะกลางคืนมักจะถูกดุโดยแพทย์อาวุโสหรือถูกตำหนิจากผู้ป่วย ...
เมื่อพวกเขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีกต่อไป พวกเขาก็จะระเบิดอามรณ์กดดันเหล่านั้นนออกมา
ในโรงพยาบาลแพทย์อาวุโสดุหมอฝึกหัดและแพทย์จากหน่วยงานต่างๆ ที่ด่าว่ากันไม่มีอะไรใหม่ ในโรงพยาบาลทุกแห่งมีแพทย์หัวหน้าสองสามคนที่ปฏิเสธที่จะพบกันบนพื้นฐานความเชื่อที่ว่า เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้
แพทย์อาวุโสจะแลกเปลี่ยนกับหมอคนอื่นๆในเมืองหรือจังหวัดหรือกลุ่มของหมอในประเทศ เพื่อหาคนมาเย้าเย้ยถึงงานของหมอด้วยกัน แพทย์อาวุโสยังสามารถจัดการประชุมระดับนานาชาติ และการดูถูกกันต่อหน้าเพื่อนร่วมงานจากทั่วโลกทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีนกลาง ...
มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงแค่นี้ความอับอาย เท่านั้นที่เขาต้องการ แต่ยังอาจทำให้ไม่สามารถใช้กล้าที่จะใช้ความสามารถและเป็นเรื่องจิตวิญญาณของแพทย์ด้วย ตอนนี้มันเหมาะอย่างมากเพราะผู้อ่อนแอสามารถหัวเราะคิกคักและถ่ายภาพเซลฟี่ในโอกาสแบบนี้ได้
ผู้อำนวยการฮวง และ หมอเฉิน เป็นหัวหน้าแพทย์ โดยหลักการแล้วพวกเขามีตำแหน่งงานที่สูงมาก ซึ่งเท่ากับงานของอาจารย์มหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตามในขณะที่อาจารย์มหาวิทยาลัยสามารถมองเห็นโลกในลักษณะที่ไม่ต้องสนใจใครได้เลย แต่แพทย์ไม่สามารถและยังต้องดุคนอื่น
ทำไม? เพราะชีวิตของคนอื่นอยู่ในมือของพวกเขา!
แพทย์มือใหม่สมควรได้รับการดุหากพวกเขาทำการรักษาอย่างไม่ถูกต้อง พวกเขาก็จะถูกดุถ้าเขียนด้วยลายมือที่แย่ลงบนการเขียน รายงานที่ไม่เป็นระเบียบ