GE337 เป่ยเหยาปรากฏกาย [ฟรี]
วังดาราเริ่มพังทะลาย เศษอิฐและทรายพัดปลิวไปกับพายุมิติ
บริเวณนั้น มีผู้เชี่ยวชาญ 2 คนกำลังแผ่แรงกดดันเข้าปะทะกัน จนทำให้คนของแดนสวรรค์ที่เฝ้ามองหายใจลำบาก
ฝ่ายหนึ่งคืออสูรร่างยักษ์สูงใหญ่นับแสนจ้างได้รับบาดเจ็บสาหัส ระดับพลังลดลงเหลือขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น
อีกฝ่ายคือผู้เยาว์ที่ทำท่าทางคล้ายสตรี กลิ่นอายที่แผ่ออกมาอยู่ในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นเช่นกัน เพียงทรงพลังยิ่งกว่า
“ลู่เป่ยและอสูรมิติ… ใครจะเป็นผู้ชนะ!”
“พวกเจ้าอยากรู้ก็อยู่ดูเอง… พวกข้าไปดีกว่า!”
เมื่อวังดาราเริ่มพังทะลาย อันตรายที่มองไม่เห็นก็เริ่มคืบคลาน ผู้เชี่ยวชาญจากแดนสวรรค์เหนือไม่กล้ารั้งอยู่ จึงได้นำแผ่นข่ายอาคมส่งพวกตนมุ่งกลับแดนสวรรค์ทันที
วังดารายามนี้กลายเป็นสนามรบระหว่างลู่เป่ยและอสูรมิติ ไม่ว่าผู้ใดจะแพ้หรือชนะ ผลกระทบที่เกิดขึ้นย่อมใหญ่หลวง หากผู้ใดรั้งอยู่ คนผู้นั้นอาจนำชีวิตมาทิ้ง
หนิงฝานและอสูรมิติจดจ่ออยู่แต่เพียงคู่ต่อสู้ ไม่ได้สนใจคนของแดนสวรรค์ที่กำลังจากไป
ยามนี้ ทั้งสองกำลังประลองกันด้วยแรงกดดัน แต่สุดท้าย อสูรมิติก็พ่ายไป
“เจ้าที่สิงสู่มดชั้นต่ำตัวนี้เป็นใครกันแน่! เหตุใดเจ้ารู้เรื่องอสูรมิติ!”
อสูรมิติจ้องมองหนิงฝานด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยเจตนาสังหาร
แม้แรงกดดันของมันจะพ่ายให้กับหลั่วโยว่ แต่ระดับร่างกายของมันเหนือชั้นกว่าหนิงฝานมาก
*โฮก!*
อสูรมิติแผดเสียงคำรามกึกก้อง อุ้งเท้าขนาดยักษ์ตะปบเข้าใส่ศีรษะหนิงฝาน!
แม้ระดับพลังจะลดลง แต่ร่างกายยังคงแข็งแกร่งและเปี่ยมไปด้วยพลัง
“ฝ่ามือพิภพ!”
ฝ่ามือที่ทรงพลังของมันกรีดผ่านอากาศ มิติรอบข้างพังทะลายเป็นวงกว้างจากผลกระทบ
หนิงฝานแหงนหน้ามองพลางขมวดคิ้ว
“ฮึ่ม! คิดว่าแค่นั้นจะทำอะไรข้าได้เหรอ! … วิชาวารีผันแผ่ว!”
ปราณสีฟ้าเป็นประกายราวกับสายน้ำแผ่ออกจากร่างหนิงฝาน หลั่วโยว่ที่คุมร่างหนิงฝานยกมือสูง ม่านวารีปรากฏขวางกั้นอุ้งเท้าของอสูรมิติและร่างของหนิงฝาน หากมองชัดๆ ม่านวารีที่ปรากฏดูราวกับบ่อน้ำลึกไร้ก้น
วิชาวารีผันแผ่วคือการสร้างม่านวารีขึ้นด้วยกัน 9 ชั้น เป็นวิชาป้องกันที่ทรงพลัง
แต่เมื่ออุ้งเท้าของอสูรมิติปะทะเข้ากับม่านวารีชั้นแรก ม่านวารีกลับแตกระจายอย่างรวดเร็ว เพียงวารีที่แตกกระกายไปนั้นกลับลดทอนพลังของอสูรมิติไปกว่าครึ่ง
เมื่ออุ้งกระทบเข้าทำลายไปจนถึงชั้นที่ 3 อานุภาพของมันก็ลดลงเหลือเพียง 1 ใน 10 ส่วน
เมื่อทำลายไปจนถึงชั้นที่ 9 อานุภาพของมันเหลือเทียบเท่าการจู่โจมทั่วไปของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ
หลั่วโยว่บังคับร่างหนิงฝาน ซัดฝ่ามือเข้าปะทะและทำลายการจู่โจมของอสูรมิติได้อย่างง่ายดาย
ที่สำคัญ ปราณวารีของหลั่วโยว่ยังได้ผสานเข้าในร่างของอสูรมิติ ลดทอนพลังของมันจนร่างของมันหดลงเหลือพันจ้าง
“วิชาวารีผันแผ่ว! เจ้าเป็นคนของตระกูลหลั่ว!”
สีหน้าอสูรมิติแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง มีข่าวลือว่าตระกูลหลั่วครอบครองวิชาวารีผันแผ่ว เป็นวิชาผนึกร่างกายของศัตรู ทำให้ลดทอนกำลังกายได้มากมายมหาศาล นับเป็นวิชาที่น่าสะพรึงกลัว
แม้จะเป็นเซียนที่ทรงพลัง แต่หากระดับร่างกายถดถอย การที่อีกฝ่ายจะใช้วิชาที่ทรงพลัง ย่อมส่งผลกระทบกับร่างกายอย่างใหญ่หลวง
หนิงฝานตกตะลึง วิชาวารีผันแผ่วของนางช่างน่าสะพรึงกลัว
อสูรมิติที่ได้รับผลกระทบจากวิชา ถูกผนึกกำลังกาย ร่างกายที่ใหญ่โตแสนจ้าง ลดลงเหลือเพียงพันจ้างเท่านั้น
อสูรมิติคืนร่างเป็นมนุษย์ แววตาจับจ้องหนิงฝานด้วยความอาฆาตแค้น
“เจ้าคือคนของตระกูลหลั่วที่ยังรอดชีวิต หากฆ่าเจ้าได้ ข้าจะได้ความดีความชอบใหญ่หลวง! ยามนี้ดวงจิตของเจ้าแทบจะไร้วึ่งพลังแล้ว เจ้าทุ่มกำลังไปกับการทำลายยันต์ของข้า และผนึกกำลังกายของข้า! เจ้าคงไม่เหลือพลังมากพอให้ใช้วิชาที่น่ากลัวได้อีก!”
อสูรมิติเคลื่อนไหว เข้าประชิดร่างหนิงฝานในพริบตา
แม้กำลังกายของมันจะถูกผนึกไว้ไม่น้อย แต่ร่างกายของมันยังคงทรงพลัง และได้เปรียบหลั่วโยว่ที่แทบไม่เหลือพลังแล้ว
แววตาหลั่วโยว่แปรเปลี่ยนเย็นชา นางใช้วิชาผสานหยิน และวิชาวารีผันแผ่ว ทำให้ดวงจิตของนางยามนี้เหลือไม่พลังไม่มาก
เมื่อหมัดของอสูรมิติเข้าประชิด นางทำได้เพียงชกหมัดต้านรับตรงๆ แต่ด้วยที่ระดับร่างกายของหนิงฝานยังไม่แข็งแกร่งมากนัก กระดูกบริเวณหัวไหลของเขาจึงแตกทันที!
เมื่อเห็นว่าตนได้เปรียบ อสูรมิติเร่งระดมหมัดเข้าใส่ไม่ยั้ง
“เปลี่ยนให้ข้าออกไป ท่านไปพักก่อนเถอะ!” หนิงฝานไม่อาจทนอยู่เฉยได้อีก
หลั่วโยว่ไม่ถนัดการต่อสู้ระยะประชิด แม้ผนึกกำลังกายของอสูรมิติได้แล้ว แต่นางยังคงไม่ได้เปรียบอีกฝ่าย
“ข้าขอโทษ… ข้าไม่ถนัดสู้ด้วยมือเปล่า” นางกล่าวพลางตำหนิตนเอง ด้วยเพราะนางไม่ถนัดสู้ระยะประชิด หนิงฝานจึงได้รับบาดเจ็บสาหัส
“อืม!” หนิงฝานหลับตารับหมัดของอสูรมิติโดยไม่หลบเลี่ยง
เมื่อมันเห็นเช่นนั้น แววตาจึงเปลี่ยนเป็นเย้ยหยัน
“ฮึ่ม! รู้ว่าสู้ข้าไม่ได้เลยยอมแพ้งั้นเหรอ...” มันคิดว่าหนิงฝานยอมแพ้
แต่เมื่อมันชกหมัดกระทบร่างหนิงฝาน มันกลับไม่รู้สึกว่าชกโดน
ชั่วพริบที่หมัดกำลังจะกระทบร่าง หนิงฝานลืมตาขึ้น ร่างกายสลายเป็นเส้นแสงสีดำ ก่อนก่อตัวเป็นร่างหนิงฝานในอาภรณ์ดำ ห่างออกไปจากตำแหน่งเดิมพันจ้าง
“เจ้าตามล่าข้ามานาน… คงสนุกสิท่า!”
“ที่เจ้าทุบตีข้าได้… คงพอใจแล้วสิท่า!”
ร่างของหนิงฝานสลายและก่อตัวขึ้นใหม่หลายครั้ง จนกระดูกที่ที่แตกหักสมานเข้าด้วยกัน
แม้จะยังบาดเจ็บ แต่ก็สามารถต่อสู้ได้
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา มันถูกมันตามล่า ประสบกับช่วงแห่งความเป็นและความตายอยู่หลายครั้ง เมื่อครู่หลั่วโยว่ช่วยผนึกกำลังกายของมัน ระดับพลังของมันก็ลดลงเหลือขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นจากการฝืนตามล่าหนิงฝาน ตัวเองที่ยังหยิบยืมจากหลั่วโยว่เอง ยามนี้จึงมีพลังในระดับที่ทัดเทียมกับมัน
ยามนี้ เป็นเวลาที่เหมาะให้เขาต่อสู้กับมันมากที่สุด!
ทั้งสองทะยานเข้าหากันพลางชกหมัดเข้าแลกสุดกำลัง เสียงปะทะดังสนั่น มิติรอบข้างพังทะลาย แรงกระแทกส่งทั้งสองปลิวไปไกลกว่าหมื่นจ้าง แต่เพียงชั่วอึดใจ ทั้งสองก็ทะยานเข้าปะทะกันอีกครั้ง
แววตาหนิงฝานในยามนี้เย็นชาราวกับน้ำแข็ง สงบดั่งสายน้ำ ผิดกับอสูรมิติที่โกรธแค้นราวกับเพลิงสุม
“ร่างวิญญาณ! มันบรรลุระดับที่ใช้วิชาร่างวิญญาณรักษาอาการบาดเจ็บได้… แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เจ้าเอาชนะข้าได้หรอก!”
อสูรมิติขบคิด หากมันไม่ถูกผนึกกำลังกาย หากไม่บาดเจ็บร้ายแรง มันคงสังหารหนิงฝานได้ไม่ยาก
เป็นเพียงมดปลวกในขอบเขตตัดวิญญาณ แต่กลับกล้าท้าทายมัน ทำให้มันโกรธแค้นเป็นอย่างมาก
“ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ!”
มันแผดเสียงคำรามด้วยความเกลียดชัง พลังหมัดผสานกับการหนุนเสริมของพายุมิติ กระหน่ำเข้าใส่หนิงฝานไม่ยั้ง แต่หนิงฝานก็รับมืออย่างกล้าหาญ และรักษาอาการบาดเจ็บด้วยวิชาร่างวิญญาณอย่างต่อเนื่อง
หนิงฝานไม่ได้ทรงพลังหรือมีวิชาที่จะทำอันตรายอสูรมิติได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงต้านรับและถ่วงเวลาเท่านั้น แต่เมื่อเวลาเลยผ่านนานไป อาการบาดเจ็บของเขาก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หากเป็นผู้เชี่ยวชาญทั่วไป ไม่มีผู้ใดทำอันตรายร่างวิญญาณได้ แต่อสูรมิติเบื้องหน้ามีพลังมิติที่ทำอันตรายร่างวิญญาณของหนิงฝานได้
แม้โลหิตจะไหลโทรมกาย แม้ต้องประสบกับความเจ็บปวดที่ยากจะทน แต่แววตาหนิงฝานยังไม่แปรเปลี่ยน ยังคงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง สงบนิ่งราวกับสายน้ำไม่ไหวติง ไม่หวั่นไหวกับความแข็งแกร่งของศัตรู
จิตใจของหนิงฝานเข้มแข็งและไร้ซึ่งความหวาดกลัว!
*ตูม!*
หนิงฝานถูกชกกระเด็นไปไกลหมื่นจ้าง เขาได้รับบาดเจ็บจนแทบทรงตัวไม่อยู่ แต่ฝั่งของอสูรมิติก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน แม้มันจะจู่โจมหนิงฝานได้ แต่การฝืนต่อสู้เป็นเวลานานทำให้บาดแผลจำนวนมากบนร่างกายของมันฉีกขาด อาการบาดเจ็บที่มีก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น
[ ** ประกาศ หนิงฝาน มีเว็บส่วนตัวแล้วครับ https://laosoofung.com/
มีการขายเหมือนที่นี่ แต่ราคาถูกกว่าเพียงตอนละ 1.5 บาท หากสนใจเชิญได้ที่เว็บ https://laosoofung.com/
หรือแฟนเพจ "ผู้ใหญ่บ้านเล่าสู่ฟัง" ข้างล่างครับ
ในเหล่าคนของแดนสวรรค์ที่จากไป ยังมีบางคนที่ยังไม่ยอมไป พวกมันถอยห่างไปนับล้านลี้จนคิดว่าปลอดภัย แต่พวกมันยังเฝ้ามองการต่อสู้ไม่ห่าง ด้วยระยะทางที่ไกลจนไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาของตน พวกมันทำได้เพียงใช้สมบัติสะท้อนภาพเหตุการณ์รับชม
ภาพของการต่อสู้ที่ดุเดือนรุนแรง ทำให้พวกมันหวาดกลัว
แม้ผู้เยาว์ในอาภรณ์ดำจะบาดเจ็บจนแทบประครองร่างไม่ไหว แต่แววตายังคงหนักแน่นไม่เปลี่ยน เป็นแววตาที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัว!
ในช่วงเวลานั้นเอง หนิงฝานทะยานเข้าหา แล้วชกหมัดเข้าใส่อสูรมิติอย่างรุนแรง
“ลู่เป่ยใช้วิชาอะไรกัน ระดับพลังของมันอยู่เพียงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง แต่ยามนี้พลังกลับยกระดับถึงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น”
“มันหยิบยืมพลังจากดวงจิต… ในร่างของลู่เป่ยน่าจะมีดวงจิตของผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังอยู่ จึงทำให้มันต่อกรกับอสูรมิติได้”
“แต่ถึงจะหยิบยืมพลังจนทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นได้ แต่ก็เพียงแค่ชั่วคราว อีกอย่าง ยังยากที่จะทำอันตรายอสูรมิติที่มีร่างกายทรงพลังได้ ดูเหมือนมันน่าจะทำอะไรบางอย่างเพื่อผนึกกำลังกายของอสูรมิติเอาไว้!”
“มีวิชาแบบนั้นอยู่ด้วยเหรอ!”
คนจากแดนสวรรค์ที่เฝ้าชมการต่อสู้ได้พูดคุยกันอย่างออกรส ในกลุ่มคนเหล่านั้นมีเหล่าสตรีอยู่ด้วยมากมาย พวกนางที่เห็นแววตาและความกล้าที่สั่นคลอนของหนิงฝาน ล้วนหวั่นไหวและนับถือในตัวเขา
“เขาช่างสง่างามและมีเสน่ห์...”
ไม่ว่าผู้ใดจะเฝ้ามอง ไม่ว่าผู้ใดจะกล่าวเช่นใด แต่หนิงฝานยังคงสนใจเพียงอสูรมิติเท่านั้น
หนิงฝานเข้าปะทะกับอสูรมิติอย่างต่อเนื่องจนลืมเรื่องแพ้ชนะไปสิ้น ในใจของเขาคิดเพียงว่า จะถ่วงเวลาให้เป่ยเหยาให้ได้นานที่สุด
แม้จะรู้ว่าเอาชนะศัตรูไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจถอยได้เช่นกัน
ยิ่งเวลาล่วงเลย อาการบาดเจ็บยิ่งทวีความรุนแรง สติเองก็เริ่มจะพร่าเลือนจนทำให้เขาเห็นภาพลวงตา
เขาเห็นโลกใบหนึ่ง โลกที่ยังไม่มีเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่ ผู้เยาว์ในอาภรณ์ม่วงคนหนึ่งต่อสู้ สังหารศัตรูไปมากมายเพื่อรวบรวมเผ่าพันธุ์ให้เป็นหนึ่ง
เผ่าพันธุ์อสูรจำนวนมากยอมศิโรราบ ก้มหัวให้ผู้เยาว์คนนั้น
การต่อสู้ยังคงดำเนินไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด จนถึงวันที่โลหิตของผู้เยาว์คนนั้นแห่งเหือดและตายไป
ถึงแม้จะตาย แต่เหล่าอสูรยังคงกล่าวขานและเถิดทูน ทำให้ดวงจิตผู้เยาว์คนนั้นกลับมาเกิดเป็นคนกลุ่มหนึ่ง กลุ่มคนที่ครอบครองโลหิตที่ทรงพลัง… เผ่าพันธุ์ฟู่ลี่!
แม้กลุ่มคนเหล่านั้นจะไม่ได้แข็งแกร่งจนไร้ผู้ต้าน แต่พวกเขาไม่เคยยอมคุกเข่าให้ศัตรู ไม่เคยยอมรับให้กับความพ่ายแพ้ เป็นกลุ่มคนผู้ที่มีจิตใจที่แข็งแกร่ง
“เผ่าพันธุ์ฟู่ลี่คือเผ่าพันธุ์ที่กล้าหาญ แม้จะต้องเผาโลหิตจนหยุดสุดท้าย ก็ไม่ยอมก้มหัวให้ศัตรู”
“ที่ข้าปลุกโลหิตของเผ่าพันธู์ฟู่ลี่ได้ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เพราะจิตใจที่แข็งแกร่งของข้า!”
“หนทางแห่งการฝึกฝน หากไม่แน่วแน่ไร้ซึ่งความกลัว ก็ไม่อาจปีนป่ายขึ้นไปยังจุดสูงสุดได้”
หนิงฝานค่อยๆเข้าใจธรรมชาติและสิ่งต่างๆมากขึ้น คาดไม่ถึงว่าระหว่าช่วงเวลาแห่งความเป็นและความตายเช่นนี้ จะทำให้จิตใจของหนิงฝานยกระดับ
อสูรมิติแทบจะทนไม่ไหว มดปลวกที่มันดูหมิ่น กลับทำให้มันที่ทุ่มสุดตัวก็ยังไม่อาจสังหารลงได้
“บัดซบ! ต้องทำยังไงถึงจะฆ่ามันได้! นังนั่นอยู่ในรถเพลิงทองคำ อยู่ในกระเป๋าของเด็กนั่น หากสังหารมันได้ นางไม่รอดมือข้าแน่!”
แต่ในช่วงเวลานั้น ประตูมิติสองบานปรากฏ ชายชราในอาภรณ์ดำคนหนึ่งก้าวออกมาจากประตู แววตาเข้มงวดดุดัน
“เฮ่ยหมู่… ผู้อาวุโสใหญ่สั่งให้เจ้าสังหารสตรีนางนั้น ทำไมเจ้าถึงยังมาต่อสู้กับเด็กนี่อยู่!”
ไม่นานนัก ประตูมิติอีกบานก็เปิดออก คนจากแดนสวรรค์ที่เฝ้ามองสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง!
“วิชาประตูข้ามแดน! เซียน 2 คนปรากฏตัวในโลกมนุษย์!”
“ท่าไม่ดีแล้ว รีบหนีเร็วเข้า!”
การปรากฏตัวของ 2 เซียนทำให้คนจากแดนสวรรค์ที่เฝ้ามองรีบแยกย้ายกันอย่างรวดเร็ว
หนิงฝานขมวดคิ้ว เร่งถอยห่างจากอสูรมิติและเซียนที่มา
“เซียนสองคน!”
โลหิตไหลโทรมกายหนิงฝาน แต่แววตาของเขายังไม่แปรเปลี่ยน
ดูเหมือนเขาคงไร้หนทางรอดแล้ว...
“เย่หลู่ เย่กู่… พวกเจ้ามาที่นี่ได้ยังไง!”
อสูรมิติขมวดคิ้ว
“พวกข้าต้องถามเจ้ามากกว่าสังหารแล้วทำไมไม่ยอมกลับ มามัวเล่นอยู่ที่นี่ทำไม ผู้อาวุโสใหญ่เป็นห่วงเจ้าอยู่! แล้วอีกคนหายไปไหน?”
“คงจะตายไปแล้ว! เซียนสองคนรุมสตรีเพียงคนเดียว คนหนึ่งพลาดท่าถูกสังหาร อีกคนบาดเจ็บบาดสาหัสและกำลังทะเลากับมดปลวกในขอบเขตตัดวิญญาณ!” ชายอีกคนกล่าวเย้ยหยัน
“เลิกล้อข้าได้แล้ว ตอนนี้นางอยู่ในกระเป๋าเด็กนั่น ถ้าข้าเด็กนั่นได้ก็ฆ่านางได้! เราต้องร่วมมือกันแล้วหล่ะ!”
เมื่อสิ้นคำกล่าว บุรุษทั้งสองหันมองหนิงฝาน ผู้ที่มาใหม่แข็งแกร่งและเปี่ยมไปด้วยพลัง พวกมันสังหารหนิงฝานเพียงพลิกฝ่ามือ
หนึ่งในสองคนนั้นก้าวเท้ามาเบื้องหน้าหนึ่งก้าว มิติรอบข้างแตกสลาย หนิงฝานกระอักโลหิตอย่างรุนแรง อาการบาดเจ็บเพิ่มพูนยากเกินเยียวยา
“ส่งนางมาซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!” บุรุษนามเย่หลู่กล่าวด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“ไม่มีทาง!”
“อยากตายนักหรือไง!”
เย่หลู่ก้าวมาเบื้องหน้าอีกก้าว กระดูกและกล้ามเนื้อทั่วร่างปริแตก โลหิตหลั่งไหลราวกับสายน้ำ แต่เขายังคงประครองร่างตนเองให้ยืน
“ข้า...ไม่มีทางยกนางให้เจ้า!”
หนิงฝานจ้องมองทั้งสามด้วยสายตาที่กร้าวแกร่ง แม้ตนเองจะต้องตายเพราะยังอ่อนแอเกินไป
แต่ถึงระดับพลังจะอ่อนด้อย แต่จิตใจแข็งแกร่งเหนือพวกมัน
“โอ้! ตายยากซะจริงนะเจ้าหนู… หากเป็นคนอื่นป่านนี้คงตายไปแล้ว… วันนี้ข้าไม่อยากฆ่าคน ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ส่งนางมาซะ!”
“ไม่!” หนิงฝานมองพวกมันด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
แต่นั่นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่หลู่หายไป แทนที่ด้วยความเกรี้ยวกราด
“ดี! ใจกล้าดี! ในเมื่ออยากตายขนาดนั้น ข้าจะสงเคราะห์ให้!”
ปราณที่ทรงพลังหลอมรวมใต้ฝ่าเท้า หากมันก้าวเท้าออกครั้งนี้ หนิงฝานคงสิ้นชีพ
แต่ก่อนที่มันจะก้าวเท้า แรงกดดันที่ทรงพลังปรากฏ ปกคลุมพื้นที่โดยรอบนับล้านลี้
แสงสีทองพุ่งออกจากกระเป๋าหนิงฝาน แปรเปลี่ยนเป็นสตรีผู้งดงามเลอโฉม
เมื่อนางเห็นหนิงฝานในสภาพที่ใกล้ตาย นางกลับปวดใจอย่างที่สุด
“ถึงข้าจะไม่ชอบฆ่าคน… แต่ข้าไม่ชอบที่เห็นเขาบาดเจ็บยิ่งกว่า!”
“พวกเจ้าทุกคนอย่าคิดว่าจะรอดไปจากที่นี่ได้!”...