GE336 ข้าคือลู่เป่ย [ฟรี]
เสียงคำรามที่แฝงด้วยความโกรธแค้นและบาดเจ็บ ทำให้ผู้ที่ได้ยินตกตะลึง
เหล่าผู้คนจากแดนสวรรค์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในวังดารา จะรู้ก็แค่เซียนที่ไล่ล่าลู่เป่ยอยู่นั้น ได้รับบาดเจ็บ
ชื่อของลู่เป่ยได้สลักลงไปในใจของพวกมันช้าๆ
“ถ้าลู่เป่ยขึ้นมายังแดนสวรรค์… ข้าจะไม่ยั่วยุมัน!” ผู้ถูกเลือกของแดนสวรรค์หลายคนคิดเช่นนี้
ภายในข่ายอาคมวังทมิฬ…
หนิงฝานกระตุ้นปีกฟู่ลี่ นำพาเหล่าสตรีทั้ง 3 หลบหนีด้วยความเร็วสูงสุด มุ่งไปตามเส้นทางของศิลาแห่งชีวิต
ในขณะที่หนิงฝานหลบหนีอยู่นั้น เขาหวนนึกถึงหมากกระดานที่ได้เล่นในความฝัน เส้นทางที่เขาเคลื่อนไหวเหมือนกับการเดินหมาก แต่ละครั้งที่เลือกเส้นทาง คือการขยับบนหมากกระดานแต่ละช่อง
“หากรอดจากวิกฤตครั้งนี้ได้ ข้าต้องทบทวนข่ายอาคมนี้และเส้นทางของมัน หากข้าเข้าใจ ในอนาคตเมื่อข้าแข็งแกร่งพอ คงวางข่ายอาคมเช่นนี้ได้ไม่ยาก” หนิงฝานคิดอยากทำเช่นนั้น แต่ยามนี้ยังทำไม่ได้ เพราะเรื่องที่สำคัญที่สุดคือการถ่วงเวลา และหนีจากอสูรมิติให้พ้น
หนิงฝานใช้วิชาดึงวิญญาณเสริมพลังให้กับตนอยู่หลายครั้ง แต่ยิ่งนานไป สัมผัสถึงอันตรายของเขาก็ยิ่งมากขึ้น
“ลู่เป่ย ข้าไม่ไหวแล้ว...” ปราณของซีหลานแทบไม่เหลือ เหล่าสตรีแทบไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีก พวกนางต้องใช้ปราณในการทะยาน ไม่เหมือนกันหนิงฝานที่บินได้อย่างต่อเนื่อง
“พาพวกข้าเข้าไปอยู่ในโลกสมบัติของเจ้าเถอะ...”
หนิงฝานขมวดคิ้ว หากเขาอุ้มพวกนางทั้งหมดไปด้วย ความเร็วของเขาจะลดลงมาก แต่หากเร่งความเร็วโดยไม่รอพวกนาง พวกนางก็จะตกอยู่ในอันตราย ดังนั้น วิธีเดียวคือให้พวกนางเข้าไปอยู่ฝนโลกเย่าหยวนของเขา
เมื่อพาพวกนางเข้าไปแล้ว เขาก็เร่งความเร็วจนถึงจุดสูงสุด
“ใกล้แล้ว อีกเพียง 49 ตาของข่ายอาคม ข้าก็จะถึงส่วนลึกของข่ายอาคม”
หนิงฝานเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงสุด
แต่ในขณะที่หลบหนีอยู่นั้น อสูรมิติที่ไล่ตามมากลับหยุดฝีเท้า!
มันไม่คิดจะติดตามเขาแล้วเหรอ? ทำไมมันถึงหยุดอยู่ตรงนั้น?
หนิงฝานไม่ขบคิดให้มากความ เขาเร่งความเร็วสูงสุดเพื่อมุ่งเข้าไปในส่วนลึกของข่ายอาคมให้ได้
ยามนี้ความเร็วของหนิงฝานเพิ่มพูนอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนวิกฤติเช่นนี้จะเป็นผลดีกับการยกระดับพลังเช่นเดียวกัน
เขามุ่งไปตามเส้นทางอย่างต่อเนื่อง กระทั่งตำแหน่งของตาจข่ายอาคมแห่งสุดท้าย หากผ่านมันไปได้ เขาก็รอด!
“ตาข่ายอาคมสุดท้ายแล้ว หากผ่านไปได้ มันก็จะตามข้าไม่ได้อีก!” หนิงฝานเร่งมุ่งหน้าเต็มกำลัง
แต่เมื่อผ่านตาข่ายอาคมแห่งสุดท้ายได้เพียงครึ่งนาง เหนือศีรษะกลับปรากฏกรงเล็บสีดำขนาดยักษ์ ตะปบลงใส่หนิงฝานอย่างน่าสะพรึงกลัว
“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก!”
“แย่แล้ว!” กรงเล็บเข้าประชิดหนิงฝานเร็วจนเกิน จนเขานำเข็มทิศดาราออกมาไม่ทัน ดังนั้นหนิงฝานจึงทำทาสขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลงและมังกรทมิฬออกมาต้านรับแทน
ร่างของมังกรทมิฬทรงพลัง แม้ถูกการจู่โจมระดับกึ่งไร้ดัดแปลง ร่างของมังกรทมิฬก็ไม่เสียหาย แต่เมื่อต้องต้านรับการจู่โจมของอสูรมิติ ทั่วร่างมังกรทมิฬกลับปรากฏรอยแตกร้าวทั่วร่าง
หนิงฝานมุ่งกลับมายังศิลาแห่งชีวิต หยุดยืนบนนั้นและเก็บทาสทั้งสองกลับมา เมื่อครู่ที่เขาสัมผัสถึงตัวตนของมันไม่ได้ เป็นเพราะมันใช้วิชาลับสร้างร่างปลอมเอาไว้ ส่วนตัวมันก็มุ่งมาดักหน้าหนิงฝาน
“ฮึ่ม! คาดไม่ถึงว่าขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลางอย่างเจ้าจะรับการจู่โจมข้าได้ถึง 3 ครั้ง… ข้ายอมรับว่าเจ้าแข็งแกร่ง ด้วยพรสวรรค์ระดับเจ้า หากให้เวลาอีกสักหมื่นปี ข้าคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า… แต่น่าเสียดายที่เจ้าจะไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว ส่งนางมาซะ แล้วข้าจะให้เจ้าได้มีชีวิตเป็นทาสของข้า!”
อสูรมิติขมวดคิ้ว ไม่เคยมีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณคนที่รับการจู่โจมมันได้ถึง 3 ครั้ง
แต่สิ่งที่ทำให้มันตกตะลึงยิ่งกว่า คือความเร็วในการเคลื่อนไหวในข่ายอาคมของหนิงฝาน ก่อนหน้านี้ที่มันเห็นหนิงฝานกำลังจะหนีมันสำเร็จ มันถึงกับยอมให้วิชาลับ กระตุ้นเร่งความเร็วมาดักหน้าหนิงฝาน แม้นั่นจะทำให้มันบาดเจ็บเพิ่มก็ตาม
ยามนี้มันยืนขวางกั้นหนิงฝานและม่านพลังด่านสุดท้ายที่จะทำให้เขาหนีพ้น ตัวมันที่ฝืนทะลวงมาจนถึงจุดนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่น้อย
แต่ถึงมันจะบาดเจ็บ มันยังเชื่อว่าจะสังหารหนิงฝานได้
“ทาส… น่าขัน ข้าฝึกฝนทุ่มเทมาอย่างหนัก ไม่ใช่เพื่อเป็นทาสของผู้ใด!”
หนิงฝานตัดสินใจที่จะสู้กับอสูรมิติ! ปลดปล่อยเจตนาสังหารที่รุนแรง
เขารู้ว่าไม่อาจทำอันตรายมันได้ แต่อย่างน้อยก็ขอแค่ถ่วงเวลาให้เป่ยเหยาออกมาช่วย
เขายื่นมือไปเบื้องหน้า โคจรวิชาดึงวิญญาณ ผสานพลังภายนอกเข้ากับตนเอง จนแรงกดดันเพิ่มพูนถึงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง!
“เจ้าเป็นใครถึงคิดจะให้ข้าเป็นทาส ต่อให้ตายข้าก็ไม่ยอม! ดรรชนีหมอกเมฆาม่วง!”
หมอกเมฆาม่วงตรงเข้าใส่อสูรมิติ สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“น่าสนใจหนิ… ขอบเขตตัดวิญญาณชั้นต่ำถึงกับกล้าคิดลงมือกับข้า! วิชาดึงวิญญาณก็ไม่ธรรมดา หมอกพวกนี้ก็ไม่ธรรมดา แต่หากระดับของมันยังไม่ถึงวิชาระดับไร้แบ่งแยก ก็ทำอะไรข้าไม่ได้!”
มันจ้องหนิงฝานไม่วางตา ราวกับจ้องมองเหยื่อที่กำลังดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย
มันกระทืบเท้าอย่างรุนแรงจนพื้นดินบริเวณนั้นแตกกระจายเป็นวงกว้าง หนิงฝานกระอักโลหิต ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง กลิ่นอายพลังลดลงอย่างฉับพลัน เขาถูกอสูรมิติตอบโต้!
“นี่เหรอวิชาเซียน! ถึงระดับพลังของมันจะลดลงเหลือขอบเขตไร้ดัดแปลง แต่ใช่ว่าผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงจะต่อกรได้!”
เมื่อเห็นหนิงฝานตกตะลึง มันยิ่งมองหนิงฝานด้วยความสะใจ
“ข้าทะลวงฝ่าข่ายอาคมวังทมิฬมาได้ขนาดนี้ เหตุใดข้าต้องกลัววิชากระจอกๆของเจ้า! เข้ามา!”
อสูรมิติอ้าปากดูดเอาหมอกเมฆาม่วงของหนิงฝานทั้งหมดเข้าไปในร่าง
แต่เมื่อหมอกเมฆาม่วงเข้าไปในร่างจนหมด ดวงตามันกลับเบิกกว้าง มันง้างหมัดทุบอกตนอย่างแรงก่อนกระอักโลหิตอยู่หลายคำ ในโลหิตมีเม็ดทราบสีทองม่วงระยิบระยับ
“นี่มันวิชาอะไรกัน! ขนาดวิชาระดับไร้แบ่งแยกยังทำอะไรข้าไม่ได้มาก แต่นี่มันกลับละลายอวัยวะภายในของข้า!”
มันรู้สึกราวกับว่าหนิงฝานแสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อให้มันตาย ยามนี้ ทั่วร่างของมันแผ่เจตนาสังหารที่รุนแรง หากคู่ต่อสู้ของมันเป็นเซียน อาการบาดเจ็บแค่นี้มันยอมรับได้ แต่อีกฝ่ายเป็นเพียงมดปลวกกลับทำอันตรายมันได้ หากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูเซียนคนอื่นๆมันคงถูกเยาะเย้ย
นับเป็นความอับอายอย่างที่สุด
ในจังหวะที่มันตกตะลึง หนิงฝานเร่งทะยานเข้าหาส่วนลึกของข่ายอาคม ร่างกายแปรเปลี่ยนกลายเป็นเส้นแสงสีม่วงขนาดเท่าเส้นผม
หากเขาเลือกที่จะถอย สุดท้ายเขาคงไม่รอดมือจากอสูรมิติ หากซ่อนตัวอยู่ในโลกเย่าหยวน ก็ต้องถูกมันทำลายอยู่ดี
นั่นหมายความว่า หากยังรั้งอยู่ในนี้ ยังไงก็ตายสถานเดียว
“ข้ามีดรรชนีหมอกเมฆาม่วง ต่อให้เป็นข่ายอาคมระดับเซียน อย่างน้อยก็สร้างช่องทางได้บ้าง แต่หากให้ต่อกรกับอสูรตรงๆ ข้ายังไม่แข็งแกร่งพอ!”
“ข้าต้องถ่วงเวลาให้ถึงที่สุด!”
หนิงฝานพุ่งเข้าใส่ม่านข่ายอาคมชั้นในสุด ใช้ดรรชนีหมอกเมฆาม่วงเพื่อสร้างช่องให้ตนเองเข้าไปได้
หนิงฝานแปลงร่างเป็นอสูรฟู่ลี่ ทั่วร่างปกคลุมด้วยเกร็ดสีดำทมิฬ ปีกคู่ใหญ่ปรากฏที่แผ่นหลัง
อสูรมิติที่เห็นการกระทำของหนิงฝาน มันต้องตกตะลึงอีกครั้ง
“หมอกม่วงทองนั่นทะลวงข่ายอาคมได้!”
“ไอ้หนู เข้าไปในนั้นแล้วคิดว่าจะหนีจากข้าพ้นงั้นเหรอ!”
มันจ้องมองหนิงฝานด้วยสายตาอาฆาต พุ่งทะยานตรงเข้าหา ขบกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตสร้างเป็นหมอกสีดำแผ่ปกคลุมพื้นที่นับล้านลี้ แลกกับระดับพลังที่ลดลงเหลือเพียงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น
“วิชาย่อยสลาย!”
วิชานี้เป็นหนึ่งในวิชาที่ทรงพลังที่สุดของอสูรมิติ อสูรมิติทั่วไปไม่อาจฝึกฝนได้ แต่การจะใช้วิชานี้ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนที่หนักหนาเช่นเดียวกัน
เมื่อหมอกสีดำเข้าปะทะกับขอบม่านพลัง พวกมันเริ่มกัดกร่อนม่านพลังอย่างรวดเร็ว การกัดกร่อนลุกลามตรงไปยังตำแหน่งที่หนิงฝานหลบหนี
“วิชานี้ไม่เพียงจะทำให้ระดับพลังของข้าลดลง แต่ยังชักนำทัณฑ์สวรรค์ที่น่ากลัวมาหาข้า หากไม่จำเป็นจริงๆข้าก็ไม่อยากนักหรอก... แต่สำหรับเจ้าแล้ว เจ้าคู่ควรให้ข้าใช้ เพราะหากฆ่าเจ้าไม่ได้ จิตใจของข้าก็ไม่สงบ!”
อสูรมิติตั้งใจจะสังหารหนิงฝานเป่ยเหยาให้ได้ เหตุที่มันไม่ยอมละมือจากนางเพราะเป็นหน้าที่ แต่เหตุที่มันไม่ยอมละมือจากหนิงฝาน...เพราะมันเกลียดชัง
มดไร้ค่าต้านรับการจู่โจมของมันได้ถึง 3 ครั้ง ทำให้มันบาดเจ็บก็หลายครั้ง… ความอัปยศเช่นนี้มันไม่อาจยอมรับได้
การจะทะลวงข่ายอาคมได้นั้น หนิงฝานต้องสูญเสียพลังไปไม่น้อย หากไม่เพราะเขามีเต๋าแห่งข่ายอาคมสูงส่ง และรู้จุดอ่อนของข่ายอาคม คงไม่ได้ทะลวงฝ่าเข้ามาได้ง่ายขนาดนี้
หนิงฝานสัมผัสได้ถึงข่ายอาคมที่ถูกทำลายเป็นวงกว้าง สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง คาดไม่ถึงว่าอสูรมิติจะบ้าบิ่น ทุ่มพลังมหาศาลในการทะลวงข่ายอาคม
อสูรมิติตนนี้ทรงพลังมาก ทรงพลังโดยที่หนิงฝานไม่อาจเทียบเคียงได้
“ถ้าหมอกพวกนั้นโดนตัวข้า ต่อให้ข้าจะใช้เข็มทิศดาราเหรือซ่อนตัวอยู่ในโลกเย่าหยวน ก็ต้องตายอยู่ดี! มันแข็งแกร่งเกินไป ถ้าไม่เพราะมันบาดเจ็บ ไม่เพราะระดับพลังของมันลดลง มันคงฆ่าข้าได้ในไม่กี่อึดใจ!”
“ข้าสู้มันไม่ได้… แต่ข้าก็จะถอยไม่ได้เหมือนกัน! ข้าต้องไม่กลัว และข้าต้องไม่ตาย!”
“ข้าต้องไม่ตาย! ข้าจะตายไม่ได้!”
หนิงฝานหยุดนิ่ง จ้องมองหมอกสีดำที่ค่อยๆกัดกินข่ายอาคมเข้ามา
หากจะหนีย่อมทำได้แค่หนีอย่างไร้หนทาง ดังนั้น...สิ่งที่ต้องทำจึงมีเพียงสู้กับมันซึ่งหน้า
“พี่หลั่วโยว่… ข้าคงต้องพึ่งพลังท่านแล้ว!”
“อืม… ถึงเจ้าไม่ขอข้าก็ตั้งใจจะให้อยู่แล้ว… อสูรมิติตนนี้แข็งแกร่งมาก ไม่มีทางที่อสูรมิติทั่วไปจะแข็งแกร่งทัดเทียมมัน เหตุที่เป่ยเหยาถูกตามล่าอาจมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา และบางที… คนผู้นั้น… ผู้ที่เคยตามล่าข้าอาจเป็นคนส่งอสูรตนนี้มาก็ได้!”
ภายในสร้อยหยินหยาง หลั่นยั่วยืนนิ่ง ภาพของศัตรูในวันวานปรากฏ แววตาของนางแปรเปลี่ยนเย็นชา
นางเคลื่อนไหวมือเป็นท่าทาง โคจรเอาพลังของดวงจิต ส่งผ่านรอยแยกของโลกหยินให้กับหนิงฝาน
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา กลิ่นอายพลังสูงขึ้น ทั้งยังให้ความรู้สึกที่สูงศักดิ์ ท่วงท่าเปลี่ยนไปคล้ายสตรี
“ผู้อาวุโสใหญ่คงเป็นคนส่งเจ้ามา… ฮ่าฮ่า มันไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยสิท่า”
น้ำเสียงที่กล่าวเป็นเสียงสตรี ยามนี้ หลั่วโยว่เป็นผู้เข้าควบคุมร่างหนิงฝานแทน!
“วิชาผสานจิต! เจ้าไม่ใช่ลู่เป่ย...เจ้าเป็นใครกัน ทำไมรู้จักผู้อาวุโสใหญ่!”
อสูรมิติตกตะลึง ยามนี้ กลิ่นอายของหนิงฝานเกือบจะทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นแล้ว เพียงแต่กลิ่นอายของหนิงฝานแปลกไป เหมือนกับกลิ่นอายของเซียนที่ได้รับบาดเจ็บจนระดับพลังลดลง
มันไม่รู้ว่าผู้ที่แฝงร่างหนิงฝานคือใคร มันรู้แค่ว่า คนผู้นี้ให้ความรู้สึกที่อันตรายเป็นอย่างมาก
“ไม่ว่ามันจะเป็นใคร ข้าต้องสังหารมันให้ได้ จะให้เรื่องที่ผู้อาวุโสใหญ่เกี่ยวพันธ์กับอสูรมิติแพร่งพรายไม่ได้!”
มันปะทุเจตนาสังหารที่ทรงพลัง ก่อนจะกลายร่างเป็นอสูรร่างยักษ์ที่สูงใหญ่กว่าแสนจ้าง!
ทั่วร่างของมันเต็มไปด้วยบาดแผล บางแห่งลึกจนถึงกระดูกจากการจู่โจมของข่ายอาคม สภาพของมันยามนี้ดูน่าสะพรึงกลัวมาก
อสูรมิติแต่ละตัวจนมีเหล่าผู้อาวุโสสลักสัญลักษณ์เฉพาะเผ่าพันธุ์ให้ เรียกกันในหมู่พวกมันว่ายันต์ เป็นทั้งสิ่งที่ช่วยชีวิตและจู่โจมศัตรู ยิ่งพวกมันมีระดับสูงมากเท่าไหร่ ยันต์ติดตัวของมันก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากกลายร่าง อสูรมิติกระตุ้นยันต์ของมัน ร่างกายเปล่งแสงสีทองประกายงดงาม แต่แรงกดดันของมันกลับทำให้วังดาราสั่นสะเทือน
“ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร! วันนี้เจ้าต้องตายที่นี่! ปลดยันต์!”
แสงสีทองระเบิด แผ่กระจายจนทั่ววังสวรรค์ ทำให้ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยรอยแยกมิติ
หากวังสวรรค์ถูกทำลาย วังพิภพและวังมนุษย์จะได้รับผลกระทบ จนท้ายที่สุด อาจเกิดการระเบิดที่รุนแรง!
ยามนี้ จุดที่หนิงฝานและอสูรมิติอยู่พังทะลายไปไม่น้อย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เหล่าคนจากแดนสวรรค์ที่พยายามทะลวงมิติเข้ามาตกตะลึง
“นี่มัน… อสูรมิติปลดยันต์คุ้มกาย! นี่...ที่แท้เซียนที่ว่าคืออสูรมิติ! แบบนี้แย่แน่!”
หากหยุดอสูรมิติได้ อาจจะช่วยวังมนุษย์และวังพิภพได้ทัน แต่วังสวรรค์ดูเหมือนจะไร้หนทางเยียวยาแล้ว
ข่ายอาคมวังทมิฬได้รับความเสียหายใหญ่หลวง อสูรมิติที่แผ่พลังกลายเป็นเหมือนดวงตะวัน บดบังเงาร่างของหนิงฝานจนไม่อาจมองเห็นได้ชัด
เมื่อมิติในวังสวรรค์พังทะลาย คนจากแดนสวรรค์ที่เฝ้ารออยู่ภายนอกก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายใน พวกมันเห็นอสูรร่างยักษ์ที่กำลังเปล่งแสงเจิดจ้า กับผู้เยาว์คนหนึ่งที่ยืนประจัญหน้ากับมันอย่างไม่เกรงกลัว
สีหน้าคนของแดนสวรรค์ตกตะลึง ผู้เยาว์ที่กำลังประจัญหน้าอสูรยักษ์อยู่นั้น คือลู่เป่ยที่กล่าวขาน!
“วิชาประสานหยิน… ทำลาย!”
เสียงสตรีดังขึ้น บนหน้าผากหนิงฝานปรากฏดาราเทพดวงที่สอง ปราณในร่างโครจรเปล่งวิชาผสานหยิน ดูดกลืนเอาแสงสีทองของอสูรมิติเข้ามาในร่าง
บุรุษนั้นครอบครองพลังหยาง ดังนั้น การใช้หยินเพื่อหักล้างหยางจึงถือเป็นสิ่งที่ได้ผลดีที่สุด! นั่นจึงเป็นเหตุผลที่หลั่วโยว่เลือกวิชานี้กับอสูรมิติ
ไม่นานนัก แสงสีทองที่อสูรมิติเปล่งออกมาได้หายไป หนิงฝานก้าวย่างทะยานขึ้นบนท้องนภา จ้องมองอสูรมิติด้วยแววตาเรียบเฉย แต่แฝงไปด้วยเจตนาสังหารที่รุนแรง
“ข้าคือลู่เป่ย~”
ผู้ที่ได้ฟังต่างตกตะลึง
ผู้ที่ถูกอสูรมิติตามล่า และผู้ที่กำลังต่อกรกับอสูรมิติ ยามนี้คือลู่เป่ย
“นะ… นั่นเหรอลู่เป่ย… ทำไมท่าทางดูคล้ายสตรี… หรือว่ามันจะเป็น...” บุรุษผู้หนึ่งกล่าวขึ้น
“หุบปาก! ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นของจริง ถ้าเจ้ายังปากเสียแบบนั้นอีก เจ้าไม่รอดแน่!” บุรุษอีกคนกล่าว
“ฮึ่ม! ดูคล้ายสตรีแล้วยังไง? ท่วงท่าของเขางดงามไร้ที่ติ!” ผู้เชี่ยวชาญแดนสวรรค์หลายคนจ้องมองหนิงฝานด้วยสายตาที่ชื่นชม
หนิงฝานยิ้มเจื่อน ตอนนี้ผู้ที่คุมร่างของเขาคือหลั่วโยว่ ทุกท่วงท่าและการกระทำ ล้วนเป็นของนางทั้งหมด
ดังนั้นยามนี้คนของแดนสวรรค์ที่เคยจินตนาการว่าเขาจะเป็นบุรุษที่ยิ่งใหญ่ ได้เปลี่ยนความคิด มองตนเป็น ‘บุรุษนะฮ๊ะ’ ไปแล้ว!
“พี่โยว่เอาชนะมันได้หรือเปล่า?” หนิงฝานกล่าวถามหลั่วโยว่
“ยากอยู่...” นางขมวดคิ้ว
แค่ต้านรับการปลดยันต์ของอสูรมิติเมื่อครู่ ก็แทบจะทำให้นางหมดพลังแล้ว
“แต่ไม่ว่ายังไง ข้าก็ไม่มีทางยอมแพ้มันเด็ดขาด!” หลั่วโยว่กล่าวอย่างหนักแน่น
“พี่โยว่ ท่านจะทำอะไรก็ให้คำนึงบ้างว่าข้าคือบุรุษ...” หนิงฝานกล่าวเตือนนาง เขาไม่อยากให้ผู้อื่นมองว่าเขาไม่ใช่บุรุษ...