ตอนที่ 13 แม้ว่าพวกเธอจะไม่อาย แต่ฉันอาย!
ตอนที่ 13 แม้ว่าพวกเธอจะไม่อาย แต่ฉันอาย!
โอกาสคัดลอกผลงานคือ 0.3%
มันไม่อาจน้อยไปมากกว่านี้แล้ว
"ลู่โจว อาจารย์ขอถามเธอหน่อย และเธอต้องตอบตามจริง เธอเขียนวิทยานิพนธ์อันนี้ด้วยตัวเองจริงๆหรือ?"
ศาสตราจารย์ถังจื้อเหว่ยจ้องมองลู่โจว ผ่านแว่นตาอันหนาแววตาของเขากำลังส่องประกายด้วยความประหลาดใจ
แถมมันยังมีร่องรอยของความตื่นเต้นด้วย
เขายังไม่อยากจะเชื่อเลย เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากระบวนการพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์ในวิทยานิพนธ์จะถูกเขียนขึ้นมาโดยนักศึกษาปริญญาตรีจริงๆ
ลู่โจวไม่ได้หลบสายตา กลับกันเขาหัวเราะแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงถ่อมตน "ทั้งหมดต้องขอบคุณการสั่งสอนของศาสตราจารย์ถัง"
แม้ว่าฉันจะแลกมันโดยใช้แต้มทั่วไป แต่มันก็ยังนับว่าเป็นผลงานของฉันใช่ไหม?
เขาไม่มีความละอายใจที่จะพูดว่ามันเป็นผลงานของเขาเลย!
ถังจื้อเหว่ยละสายตาจากลู่โจวแล้วกลับไปอ่านวิทยานิพนธ์ต่ออีกเป็นเวลานาน
เนื่องจากลู่โจวว่าง เขาจึงยืนรออยู่ข้างๆ
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงเรื่อยๆ นาฬิกาบนกำแพงก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นหกโมง ในที่สุดศาสตราจารย์ถังก็อ่านส่วนสุดท้ายของวิทยานิพนธ์เสร็จแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
"กระบวนการในวิทยานิพนธ์ทำมาไม่เลว พูดได้เลยว่ามันดีมาก แต่ข้อวิจารณ์อย่างนึงคือการจัดรูปแบบของวิทยานิพนธ์ยังมีปัญหาอยู่บ้าง รายละเอียดอย่างคำศัพท์และอ้างอิงไม่เหมาะสมเล็กน้อย อย่างไรก็ตามทั้งหมดนั้นเป็นปัญหาเล็กๆ การเขียนวิทยานิพนธ์ประเภทนี้ได้ตั้งแต่ปีหนึ่งก็หมายความว่าเธอมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยม!"
ศาสตราจารย์ถังถอดแว่นแล้ววางไว้บนโต๊ะ เขามองลู่โจวแล้วหัวเราะ "ทิ้งวิทยานิพนธ์ไว้นี่แหละ อาจารย์จะช่วยเธอแก้ไขมันเล็กน้อย"
ลู่โจวดีใจ เขารีบตอบ "ขอบคุณครับศาสตราจารย์!"
ถ้าเขาไปหามืออาชีพมาแก้ไข มันก็ค่อนข้างแพง แถมพวกเขาอาจแก้ไขได้ไม่ดีอีก ถ้าพบบริษัทแย่ๆแล้ววิทยานิพนธ์ที่ส่งไปมันไม่ผ่าน ทั้งหมดที่พวกเขาทำก็คือมาบอกคุณว่าวิทยานิพนธ์ของคุณมันเป็นขยะ
"อาจารย์ทำให้เธอเสียเวลาไปหน่อย เธอควรกลับไปได้แล้ว อีกสองวันอย่าลืมมาหาอาจารย์ หรือไม่ก็อาจารย์จะโทรหาเธอเอง...ทิ้งเบอร์ให้อาจารย์ด้วย อาจารย์ขี้เกียจไปดูประวัตินักศึกษา" ศาสตราจารย์ถังกล่าวแล้วชี้ไปที่กระดาษเอสี่แล้วเอาปากกาให้ลู่โจว
เห็นได้ชัดว่าลู่โจวมีความสุขมาก เขารีบเขียนเบอร์โทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
"เอ้อ โจว อาจารย์จะบอกอะไรเธอบางอย่าง เธอคิดว่าเธออยากส่งไปวารสารไหน?"
ลู่โจวฝืนยิ้ม "ผมค้นหาทั่วเน็ต ปัจจัยกระทบของAMCดูค่อนข้างสูง นอกจากนี้กระบวนการตรวจสอบยังค่อนข้างไว ดังนั้นผมจึงวางแผนไว้ว่า..."
"อย่ามาเหลวไหล!" ศาสตราจารย์ถังตำหนิเสียงเบา เขากล่าวเสริม "ส่งไปที่นั่นมีประโยชน์อะไร? ขอบคุณพระเจ้าที่อาจารย์ถามเธอ ไม่งั้นมันคงสายเกินไป! เธอรู้ไหมว่าวิทยานิพนธ์ที่ถูกส่งไปAMCไม่ถูกนับรวมในผลประเมิณของนักศึกษาปริญญาเอกด้วยซ้ำ"
อ๊ะ?
มีอะไรแบบนั้นด้วย?
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะรู้ตอนนี้ ลู่โจวก็ไม่สนใจ เพราะยังไงเขาก็ไม่ได้วางแผนจะเอาปริญญาโทด้วยซ้ำนับประสาอะไรกับปริญญาเอก เขาแค่อยากได้กระบวนการตรวจสอบที่รวดเร็วเพื่อที่เขาจะได้ผ่านภารกิจ
ถ้าเขาส่งไปยังวารสารที่เข้มงวด มันอาจใช้เวลาเป็นเดือน สุดท้ายถ้าวิทยานิพนธ์ของเขาถูกปฏิเสธ เขาคงเป็นบ้าแน่
"สถานการณ์ของวารสารคณิตศาสตร์ในประเทศไม่ค่อยดีนัก อาจารย์แนะนำให้เธอลองส่งไปต่างประเทศ สำหรับวิทยานิพนธ์ของเธอ 'วารสารคณิตตรรกศาสตร์' หรือ 'วารวารเชิงทฤษฏีและคณิตศาสตร์ประยุกต์นานาชาติ' นั้นไม่เลว อย่างแรกเป็นวารสารที่เน้นเผยแพร่วิทยานิพนธ์คณิตศาสตร์ ส่วนอย่างหลังเผยแพร่คณิตศาสตร์ประยุกต์ คณิตวิเคราะห์และฟิสิกส์ ในหมู่สามสาขานี้ อาจารย์แนะนำให้เธอตัดสินใจเอง นอกจากนี้จำไว้อย่างนึง ถ้าเธอกล้าส่งวิทยานิพนธ์นี้ไปวารสาร AMC เธอก็อย่ามาให้อาจารย์เห็นอีก"
ลู่โจว "ผม..."
เขาลังเลและเปลี่ยนคำพูด
"ขอบคุณครับศาสตราจารย์ถังสำหรับคำแนะนำดีๆ ผม..."
ศาสตราจารย์ถังโบกมือแล้วพูดติดตลก "เลิกประจบ ไปได้แล้ว!"
ลู่โจวเปิดประตูแล้วเดินจากไป
ทันใดนั้นออฟฟิศก็กลับมาเงียบอีกครั้ง นักศึกษาปริญญาโทที่กำลังเขียนวิทยานิพนธ์ก็ยื่นแขนออกมา เขามองดูหัวข้อวิทยานิพนธ์ของศาสตราจารย์แล้วถามเงียบๆ "ศาสตราจารย์ นั่นเป็นนักศึกษาปริญญาตรีที่เรียนกับท่านก่อนหน้านี้?"
"ไม่น่าเชื่อใช่ไหม?" ศาสตราจารย์ถังหัวเราะ เขากล่าว "ฉันจะบอกบางอย่างให้ ไม่ใช่แค่เขาจะเป็นนักศึกษาปริญญาตรีเท่านั้น แต่เขายังเป็นนักศึกษาปีแรกด้วย!"
แววตาของนักศึกษาปริญญาโทเบิกกว้าง เขาทิ้งโปรเจ็คของตนไว้ข้างๆแล้วถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ "ปีแรก?! เขาเริ่มส่งให้SCIตั้งแต่ปีแรก?! ทำไมนักศึกษาตรีสมัยนี้ถึงเก่งขนาดนี้?"
"ใช่ เพราะงั้นพวกเธอต้องพยายามให้มาก" ศาสตราจารย์ถังกล่าว ขณะที่เขามองศิษย์ทั้งสองของตน เขาก็กล่าวอย่างจริงจัง "อย่าแพ้เด็กเชียว ต่อให้พวกเธอไม่อาย แต่ฉันอาย!"
.....
ขณะที่ลู่โจวกำลังปรึกษาศาสตราจารย์ถังจื้อเหว่ยพร้อมกับUSB ในที่สุดการสอบ'พีชคณิตขั้นสูง2'ก็จบลง หลังจากส่งกระดาษข้อสอบ มันก็เกิดความโกลาหลที่นอกห้อง
"บ้าเอ้ย เวลาน้อยเกินไป! ฉันยังมีสองหัวข้อใหญ่ๆเลยที่ยังไม่ได้ตอบ!"
"ยากเกินไปแล้ว! ใครเป็นคนตั้งโจทย์สุดท้ายที่เป็นไปไม่ได้นั้นกัน?"
"โจทย์อนุกรมฟีเรียร? ฉันไม่ได้ดูด้วยซ้ำ ข้ามอย่างเดียว!"
"โจทย์ก่อนข้อสุดท้าย ที่เกี่ยวกับค่ารวมของพื้นที่และฟังก์ชั่นอนุกรมกำลังแล้วถามหาผลรวมของอนุกรม..."
"อย่าถามฉัน ฉันไม่รู้และไม่เข้าใจ ฉันแค่ต้องการความเงียบ..."
"พี่ใหญ่เทา นายทำได้ไหม? ผ่านไหม?"
"อย่าพูดถึงมัน ฉันกำลังรอสอบซ่อม"
แน่นอนนักศึกษาไม่ได้เรื่องเหล่านี้ยังเป็นส่วนน้อย หลังจากได้ยินคำโอดครวญเหล่านี้ เหล่าอัจฉริยะหลายคนก็ถูกความคิดของนักศึกษาไม่ได้เรื่องดูดเข้าไป
ยกตัวอย่างเช่นหลิวรุ่ยกำลังโพสต์ลงในหน้าฟีดข่าวของเพื่อนที่อยู่นอกห้องสอบ
[คณิตยากเกินไป! ฉันจบแล้ว ฉันไม่รู้อะไรเลย ฉันต้องสอบซ่อม T.T]
อันที่จริงเขาไม่เพียงแต่จะทำเสร็จเท่านั้น แต่เขายังตรวจคำตอบอีกครั้งด้วย
หลังพิมพ์เสร็จ เขาก็โพสต์ลงไป
ในขณะเดียวกัน หวงกวงหมิงและสือช่างก็เดินเข้ามา
"หลิวรุ่ย นายทำอะไรอยู่?"
"ฉันเล่นโทรศัพท์รอนายนั่นแหละ" หลิวรุ่ยกล่าว เขาปิดโทรศัพท์แล้วแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น "ป่ะ ไปกินข้าวที่โรงอาหารกันเถอะ"
"โจวทำได้ไง? ฉันเห็นเขาออกห้องตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก" สือช่างกล่าว
"ฉันไม่รู้ รอเขากลับมาค่อยถามเขาเอา" หลิวรุ่ยกล่าวและส่ายหัว
หวงกวงหมิงถามต่อ "เอ้อ พี่รุ่ย โจทย์ปรนัยข้อสุดท้ายนายตอบยังไง?"
หลิวรุ่ย "ฉันคิดว่าข้อ A...โจทย์ข้อนั้นยากไป ฉันจึงเดาเอา"
หวงกวงหมิงหัวเราะแล้วกล่าว "เชี่ย ฉันตอบ A เหมือนกัน! ฉันรู้ว่าฉันเดาถูก!"
สือช่างขมวดคิ้ว เขาคิดเล็กน้อยแล้วกล่าว "ไม่ใช่ Bเหรอ?"
หลิวรุ่ยนึกโจทย์ เขาส่ายหน้าแล้วกล่าว "มันไม่ใช่ B แน่นอน จากข้อมูลที่ให้ไว้ มันต้องเป็นอนุกรมลู่เข้า...นั่นสิ ฉันคิดว่าฉันอาจผิดก็ได้"
เขาย้ำอีกครั้งว่าเขาอาจผิด
หวงกวงหมิงและสือช่างคุ้นเคยกับ'ความถ่อมตน'ของเขาอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลก
หวงกวงหมิงระลึกถึงการถูกครอบงำด้วยความน่าสะพรึงกลัวของคณิตศาสตร์เมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา เขาถอนหายใจแล้วกล่าว "สอบครั้งนี้มันยากเกินไป ฉันรู้สึกเหมือนฉันไม่ได้เรียนอะไรมาเลย"
สือช่างยังคงเงียบ
เขารู้สึกว่าเขาคงทำได้น้อยกว่าที่คิด
ในขณะเดียวกัน ห้องอัจฉริยะก็เดินผ่านมา
เขาเป็นชายผิวดำร่างสูง ชื่อของเขาคือหลัวรุ่นตง เขาเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง เขาเป็นนักศึกษาคนเดียวในชั้นที่ได้คะแนนคณิตศาสตร์ 150 คะแนนตอนสอบเข้า คนส่วนใหญ่ถูกบังคับให้เข้าเอกคณิตศาสตร์ ในขณะที่เขาเลือกเอกคณิตศาสตร์ด้วยตนเอง
ส่วนเกรดเฉลี่ย หลิวรุ่ยยังสูงกว่าเล็กน้อย เพราะหลัวรุ่นตงไม่เก่งอังกฤษ อย่างไรก็ตามพีชคณิตขั้นสูงและคณิตวิเคราะห์ หลิวรุ่ยเทียบชายคนนี้ไม่ได้เลย
"หลิวรุ่ย นายได้แก้โจทย์สุดท้ายรึเปล่า?"
"ฉันแก้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าถูกไหม..."
ทั้งสองก็เริ่มคุยเรื่องโจทย์คณิตกัน คำพูดที่เข้าใจได้ยากก็เริ่มออกจากปากของพวกเขา ไม่มีใครเข้าใจได้เลย
หวงกวงหมิงและสือช่างมองหน้ากันเองด้วยแววตาจนปัญญา
ถ้าลู่โจวอยู่ล่ะก็นะ
เมื่อไม่มีลู่โจวมาเปรียบเทียบกับตัวเอง ทั้งสองก็รู้สึกเหมือนตนเองเป็นเหมือนนักศึกษาที่ไม่ได้เรื่อง
ความรู้สึกนี้มันเจ็บปวดเหลือเกิน!