บทที่ 99: เส้นทางที่ปลอดภัย
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)
••••••••••••••••••••
บทที่ 99: เส้นทางที่ปลอดภัย
โม่ฝานเหลือบมองไปที่เหย่วหยู่เล็กน้อย เธอคนนั้นกำลังร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น ซึ่งภาพเช่นนี้ทำให้โม่ฝานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ
เสี่ยวเก๋อนั้นเป็นนักเวทธาตุน้ำ เธอสามารถใช้เวทกำแพงวารีระดับสองได้ แต่อย่างไรก็ตามเหย่วหยู่ที่เผชิญหน้ากับอสูรเวทที่แท้จริง ในตอนนี้เธอก็ไม่ต่างอะไรไปจากบุคคลธรรมดาทั่วไป เธอไม่สามารถร่ายคาถาใดๆได้เลย ถ้าหากคนอื่นๆในทีมเป็นเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน แน่นอนว่าทีมแนวหน้าจะต้องล่มสลายและทุกคนต้องตายเมื่อเผชิญหน้ากับอสูรเวทครั้งต่อไป!
ตอนนี้โม่ฝานไม่รู้ว่าในเวลาข้างหน้าจะต้องมีคนตายไปอีกกี่ชีวิตจึงจะพอ เขาทำได้เพียงแค่ก้าวขาเพื่อเดินต่อไปตามถนนด้านหน้าเท่านั้น
“เนื่องจากอาจารย์ชุ่ยต้องการให้ฉันเป็นผู้นำทีม ฉันหวังว่าทุกคนจะฟังและทำตามที่ฉันพูด เส้นทางที่เรากำลังจะเดินไปนั้นไม่ราบเรียบมากนัก แต่อย่างไรก็ตามพวกเราจะไม่สูญเสียใครไปอีกแล้ว!” โม่ฝานพูดกับทีมแนวหน้าด้วยจิตวิญญาณของผู้นำ
ทีมแนวหน้านั้นมองอสูรเวทง่ายเกินไป พวกเขาไม่ได้มีความลึกซึ้งในพฤติกรรมของพวกมันอย่างแท้จริง ประสบการณ์ที่มีก็เพียงแค่การสอบปฏิบัติเท่านั้น ในตอนนั้นหมาป่าเวทนั้นไม่ได้มีเจตนาที่สังหารนักเรียนแม้แต่น้อย เพียงแค่เกิดข้อผิดพลาดเท่านั้นมันจึงบ้าคลั่งขึ้นมา แต่ทว่าอสูรเวทที่แท้จริงไม่เหมือนกับอสูรอัญเชิญ พวกมันจะใช้ทุกๆวิถีทางเพื่อสังหารมนุษย์ แม้ว่าพวกมันจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วพวกมันจะต้องตาย แต่พวกมันก็จะบ้าดีเดือดทำให้ดีที่สุดจนกว่าจะตายตกไป ซึ่งอสูรเวทเหล่านี้นั้นอาศัยอยู่ในสังคมที่ฆ่าฟันกันเองเพื่อเอาชีวิตรอด เช่นนี้พวกมันจะมีทักษะในการสังหารสูงมาก
“อสูรเวทที่เราต้องเผชิญหน้าด้วยนั้นมีสองชนิด ก็คือหนูตายักษ์และหมาป่าตาเดียว หนูตายักษ์นั้นง่ายที่จะจัดการกับมัน สิ่งที่เราต้องกลัวจริงๆก็คือหมาป่าตาเดียว ความโหดร้ายของมันนั้นมากกว่าหนูตายักษ์หลายเท่านัก ถ้าหากเราต้องพบเจอกับหมาป่าตาเดียวพร้อมกันมากกว่าหนึ่งตัว ที่ต้องทำคือพวกนายทั้งหมดห้ามลังเลที่จะหนี จงแยกกันหนีและวิ่งด้วยขาของตัวเอง ถ้าหากพวกเราโชคดีจะมีเพียงสามคนที่ตาย แต่ถ้าหากไม่มีใครวิ่ง… พวกเราทั้งหมดจะตาย!” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างจริงจัง
ความจริงก็คือถ้าหากหมาป่าตาเดียวปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันสองตัว เพียงเท่านี้ก็จะสามารถเอาชีวิตของทีมแนวหน้าไปได้ทั้งหมด ในตอนนี้โม่ฝานต้องการให้เพื่อนร่วมทีมของตนเองเข้าใจถึงความน่าสะพรึงกลัวของอสูรเวทเหล่านี้ที่ถูกบรรยายไว้ในชั้นเรียนให้ถ่องแท้!
‘นี่ไม่ใช่การสอบปฏิบัติอะไรนั่นอีกต่อไป มันไม่ใช่การฝึกซ้อมด้วย มันคือการต่อสู้ที่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน! ถ้าชนะก็รอด ถ้าแพ้ก็ตาย!’
ฉือจ้าวติง หวังซานฟ่า ซูมิน มู่ไป๋ จ้าวคุณซาน จางหู่ เหย่วหยู่ จางซูฮั่วและชุ่ยมู่เชิงต่างจ้องมองโม่ฝานที่กำลังพูดอย่างตั้งใจ สิ่งที่โม่ฝานพยายามจะบอกทุกคนก็คืออย่าลังเลที่จะหนีเอาชีวิตรอด ทุกคนต้องมีสติให้มากที่สุด ในขณะที่ฟังอยู่เช่นนั้น ทั้งหมดก็คิดในใจกับตนเองด้วยเช่นกัน ‘ทำไมโม่ฝานที่เรียนอยู่ชั้นปีสามเหมือนกันกับพวกเรา ทำไมเขาถึงเข้าใจสถานการณ์และดูฉลาดกว่าคนอื่นขนาดนี้?’
โม่ฝานย้ำเตือนทุกคนอย่างมากว่าอย่าทำอะไรที่โง่เขลาดังเช่นหวังซานฟ่าทำลงไปเมื่อครู่เด็ดขาด “ไม่ว่าอย่างไรห้ามเข้าใกล้อสูรเวทที่ดูเหมือนว่าจะตายตกไปแล้วเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นมันจะใช้พลังเฮือกสุดท้ายเพื่อลากพวกนายลงไปด้วย!”
“เฮ้จางหู่ แกมีหน้าที่ค้นหาเส้นทาง เอาล่ะต้องระวังให้มากกว่านี้ด้วยนะ” โม่ฝานเตือนจางหู่อย่างห่วงใย
จางหู่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แน่นอนว่าเขาเชื่อฟังโม่ฝานทุกคำพูดอยู่แล้ว!
“มู่ไป๋ นายต้องเตรียมเวทแช่แข็งไว้ตลอดเวลา จำไว้ว่าจะต้องใช้มันเพื่อปกป้องทุกคนในที่นี่ ไม่ใช่เอาไว้แช่อสูรเวทเหล่านั้น” โม่ฝานหันไปกล่าวกับมู่ไป๋ตรงๆ
มู่ไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายแล้วลำคอของเขาตีบตันเกินกว่าจะกล่าวอะไร คำพูดเหล่านั้นได้ไหลลงกลับไปสู่กระเพาะอาหารโดยสมบูรณ์
เขาเต็มไปด้วยอคติ ซึ่งสำหรับเขาแล้วโม่ฝานไม่มีทางเป็นผู้นำได้ แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้ชีวิตของทุกคนกำลังอยู่บนความเสี่ยง รวมถึงตัวของเขาเองด้วย เขาพยักหน้าให้โม่ฝานอย่างเข้าใจว่าควรจะใช้คาถาแช่แข็งอย่างไร
หลังจากที่โม่ฝานอธิบายอย่างรวดเร็วให้ทุกคนเข้าใจแล้ว เขาได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆอย่างช่วยไม่ได้
ในความเป็นจริง ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะผ่านพ้นเส้นทางสามกิโลเมตรนี้ไปได้หรือไม่ เขาได้แต่หวังว่าทุกคนจะโชคดีและไม่ต้องเผชิญหน้ากับหมาป่าตาเดียวหลายตัวพร้อมกัน!
——
ทีมแนวหน้ายังคงเดินหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง ในระยะทางหนึ่งกิโลเมตรที่ผ่านมาพวกเขาไม่พบกับอสูรเวทบนเส้นทางนี้ อย่างไรก็ตามทั้งหมดได้พบเจอกับชายชราสองคนที่ไม่สามารถไปยังพื้นที่ปลอดภัยด้วยตนเองได้ พวกเขายังคงหลบอยู่ในที่พักของตนเอง
ซึ่งแน่นอนว่าทีมแนวหน้านั้นไม่สามารถพาคนธรรมดาไปพร้อมกันได้ ชุ่ยมู่เชิงได้แต่บอกให้ทั้งสองเข้าร่วมกับกลุ่มหลักที่กำลังจะตามมาในไม่ช้านี้ ถ้าหากว่าไปกับทีมแนวหน้าทั้งสองจะตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
บนทุกเส้นทางที่ได้ผ่าน พวกเขามักจะเห็นผู้คนพยายามจะขับรถไปยังพื้นที่ปลอดภัย แต่ในสุดท้ายแล้วคนเหล่านั้นจำเป็นต้องทิ้งรถไว้และเดินเท้าเอาเท่านั้น พื้นที่ทั้งหมดถูกปิดกั้นไปด้วยรถยนต์และซากพุพังมากมาย
เมื่อต้องพบเจอผู้คนบนท้องถนน ชุ่ยมู่เชิงและซูมินได้แต่บอกให้พวกเขาหลบซ่อนตัวและรอคอยกลุ่มหลักที่กำลังจะมาถึงเท่านั้น
—
พวกเขาเดินมาถึงเขตหมิงหยวนอย่างรวดเร็ว
เขตหมิงหยวนแห่งนี้นั้นถือได้ว่าเป็นย่านที่เต็มไปด้วยคนมีฐานะ ถือได้ว่าเป็นย่านคนรวยภายในเมืองบ่อ มีตึกมากมายในเขตนี้ ในเขตนี้ถูกตกแต่งเสมือนกับสวนหย่อมเล็กๆ พื้นที่ของมันค่อนข้างกว้างพอสมควร ซึ่งการจะผ่านเมืองแห่งนี้ไปได้นั้นกินระยะทางหลายกิโลเมตร
ไม่มีใครรู้ว่าภายในตึกจำนวนมากเหล่านี้จะมีผู้คนหลบอยู่อีกเท่าไหร่ ทั้งหมดเชื่อว่าการหลบในตึกเหล่านี้จะทำให้พวกเขาปลอดภัย
รั้วโดยรอบของตึกนั้นไร้ประโยชน์โดยสมบูรณ์ ทั้งหมดพังลงและเหลือไว้เพียงซากเท่านั้น โม่ฝานเห็นภาพเช่นนี้แล้วเขาตระหนักได้ทันทีว่ามีอสูรเวทสองถึงสามตัวอยู่แถวนี้
ขณะที่กำลังเดินผ่านสถานที่แห่งนี้ไปอย่างเงียบๆ สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปที่บ่อน้ำด้านหน้า พวกเขาเห็นร่างไร้วิญญาณของยามซึ่งลอยอยู่ในบ่อเลือด… ทุกสิ่งอย่างลอยอย่างเคว้งคว้างอยู่อย่างนั้น กลิ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณทำให้ชวนคลื่นไส้
ตอนนี้ฝนที่เคยตกหนักได้เบาลงแล้ว หมายความว่าเลือดเหล่านี้จะยังคงติดอยู่บนพื้นดินหรือในน้ำ พวกมันจะไม่ได้รับการชำละล้างในทันทีเช่นเดิม สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยคราบเลือดและเครื่องในมนุษย์กองเกลื่อนกลาดทั่วพื้นที่ สร้างความสะอิดสะเอียนให้กับทีมแนวหน้าอย่างมาก
“นายได้ยินไหม? เหมือนมีเสียงตะโกนอยู่ในอาคาร” ซูมินกระซิบกับโม่ฝาน
โม่ฝานเดินไปด้านหน้าของอาคารที่ซูมินกล่าว เขามองทะลุผ่านกระจกเข้าไปและได้พบเจอกับเงาที่ไม่ใช่ร่างของมนุษย์…
“รีบไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด!” โม่ฝานกล่าวออกมาทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรมากอีกต่อไป
ซูมินพยักหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่ถามอะไรต่ออย่างรู้ความหมาย
ในขณะที่ทุกคนกำลังก้าวเท้าไปด้านหน้าอย่างรีบร้อง จางหู่ผู้ค้นหาเส้นทางได้วิ่งกลับมาที่กลุ่มอย่างร้อนรน
“ด้านหน้ามีกลุ่มหนูตายักษ์ห้าตัวอยู่ พวกเราควรเลี่ยง” จางหู่กล่าวออกมา
“อืม ถ้างั้นหลีกไปใช้ถนนเช่นอื่น” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างเห็นด้วยพร้อมกับตบไหล่จางหู่แทนคำชมว่าเขาทำได้ยอดเยี่ยม
จางหู่ทำได้เพียงฝืนยิ้มออกมาเท่านั้น ถ้าหากในตอนนี้เขาไม่สามารถเติบโตได้จากสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็เป็นได้เพียงตัวถ่วงของทีมเท่านั้น ความจริงแล้วเขานั้นกลัวสถานการณ์เช่นนี้อย่างมาก แต่เขาเห็นว่าโม่ฝานนั้นสามารถควบคุมสติและการทำเช่นนั้นเป็นเรื่องที่เท่ห์มากในสายตาของเขา เช่นนี้เขาจึงพยายามที่จะกล้าหาญเมื่อจะได้เป็นเช่นนั้นบ้าง
หลังจากที่ผ่านพ้นหนูตายักษ์ห้าตัวไปได้แล้ว ทั้งหมดเดินแยกมาได้ถึงกลางของเขตหมิงหยวน พวกเขารู้สึกทึ่งมากที่สามารถผ่านมาได้อย่างปลอดภัย
“มีหนูตายักษ์กำลังกินน้ำอยู่ที่สระว่ายน้ำ”
“เราจะอ้อมมันไป”
“ทำไมล่ะ? เราสามารถฆ่ามันได้แล้วก็ผ่านเส้นทางได้เลยไม่จำเป็นต้องอ้อม” จางซูฮั่วไม่เข้าใจคำสั่ง
“อย่าต่อสู้โดยไม่จำเป็น ในตอนนี้พลังเวทของพวกเรานั้นมีค่ายิ่งกว่าน้ำในทะเลทราย!”
ทั้งเก้าเดินผ่านเขตหมิงหยวนไปอย่างปลอดภัย ด้วยความที่มีกลุ่มใหญ่กำลังเดินตามหลังของพวกเขาอยู่ โม่ฝานนั้นจึงเลือกเส้นทางที่ค่อนข้างกว้างเอาไว้ก่อน ถ้าหากพวกเขาถูกบีบเข้าเส้นทางที่คับแคบพวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายทันทีหากถูกโจมตี!
••••••••••••••••••••
••••••••••••••••••••