บทที่ 97: ไม่มีการแจ้งเตือน!
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)
••••••••••••••••••••
บทที่ 97: ไม่มีการแจ้งเตือน!
หลังจากที่จางหู่ได้ยินเช่นนั้น เขาเงยหน้ามองโม่ฝานด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้นึกถึงประเด็นตรงนี้แม้แต่น้อย!
จางหู่นั้นไม่รู้เลยว่าสิ่งที่โม่ฝานกล่าวออกมาถูกหรือผิด แต่สุดท้ายแล้วเขาเลือกที่จะเชื่อโม่ฝานอย่างเต็มใจ
แท้จริงแล้วจางหู่นั้นไม่รู้ว่าโม่ฝานมีประสบการณ์กับหน่วยล่าล้างเมืองที่จะต้องเผชิญหน้ากับอสูรเวทอยู่เสมอ การที่เขาได้พบเจอกับสถานการณ์เสี่ยงชีวิตเสมอมาเช่นนี้ทำให้โม่ฝานนั้นเข้าใจถึงสถานการณ์อย่างยอดเยี่ยม เขารู้ได้ทันทีว่ายิ่งมากคนก็ยิ่งมากความ มันไม่ได้หมายความว่ายิ่งมากคน พลังก็จะยิ่งมากตาม! ถ้าหากเป็นอย่างหลัง ทำไมหน่วยล่าล้างเมืองจะต้องตั้งทีมเล็กๆและออกไปล่าอสูรด้วยล่ะ? ความจริงก็คือยิ่งมีคนมากเท่าไหร่ จะยิ่งดึงดูดสายตาของอสูรเวทได้มากขึ้นเท่านั้น แล้วความปลอดภัยคืออะไรล่ะถ้าหากเป็นเช่นนั้น? ทุกอย่างจะง่ายดายขึ้นถ้าหากพวกเขาแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็กๆที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ ทั้งหมดจะสามารถต่อสู้กับอสูรเวทได้!
จำนวนคนที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมทีมแนวหน้านั้นไม่ได้เยอะมาก ซึ่งถ้าหากว่าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอสูรเวทจำนวนมาก ทั้งหมดจะสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วว่าจะต่อสู้หรือหลบเลี่ยงพวกมัน อีกทั้งการเคลื่อนไหวของพวกเขายังไม่ดึงดูดสายตาของอสูรร้ายเหล่านั้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากว่าอยู่ในกลุ่มหลัก… ทุกอย่างจะตรงกันข้าม!
ถ้าหากว่าด้วยจำนวนที่มากมายเช่นนั้นไม่ได้พบเจอกับอสูรเวท พวกเขาทั้งหมดย่อมปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากกลุ่มของทั้งหมดดึงดูดสายตาของเหล่าอสูรที่โหดร้ายเหล่านั้น แน่นอนว่าจะเกิดการสังหารหมู่ขึ้นอย่างทารุณ เมื่อเวลานั้นมาถึงพวกเขาทั้งหมดจะไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีกต่อไป
—
ทีมแนวหน้านั้นมีทั้งหมดสิบคน ซึ่งพวกเขาอยู่ในความดูแลของชุ่ยมู่เชิง
หลังจากออกไปนอกประตูโรงเรียนแล้ว ทุกคนจะมองไม่เห็นใครเดินอยู่บนถนนอีกต่อไป
ถังขยะถูกทิ้งให้แตกกระจายอยู่บนพื้น แผงขายของต่างๆถูกพลิกคว่ำลงบนถนนอย่างไร้ปราณี อาคารต่างๆล้วนแต่พังพินาศ ประตูหน้าต่างถูกเปิดไว้อย่างรกร่าง ซึ่งมันเป็นภาพที่…
เมื่อการแจ้งเตือนรหัสสีแดงได้ถูกประกาศออกไป ผู้คนล้วนแต่วิ่งเข้าไปหลบในบ้านของตน บ้างก็วิ่งออกไปเพื่อไปยังสถานที่ปลอดภัยให้เร็วที่สุด เช่นนี้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความโกลาหลและเหตุผลนี้ทำให้เหล่านักเรียนไม่สามารถอพยพได้ทันเวลา
แต่อย่างไรก็ตามมีผู้คนอยู่จำนวนมากเช่นกันที่ยังไปไม่ถึงพื้นที่ปลอดภัย เมื่อนักเรียนจากโรงเรียนเทียนหลานกำลังจะเคลื่อนพลไปที่พื้นที่ปลอดภัย ชาวบ้านเหล่านั้นเร่งรีบออกมาจากด้านในทันที พวกเขาทั้งหมดมีความหวังว่าความแข็งแกร่งของนักเรียนและอาจารย์เหล่านี้จะพาผู้คนทั้งหมดไปยังพื้นที่ปลอดภัยที่อยู่สุดถนนแห่งนี้ได้อย่างราบรื่น
ทีมแนวหน้านั้นเดินอยู่ที่ด้านหน้าของกลุ่มหลัก จางหู่นั้นวิ่งอยู่บนอาคารและเขาได้เห็นการเคลื่อนไหวจากทุกกลุ่มอย่างชัดเจน… เหล่าพลเรือนมากมายกำลังถาโถมเข้ามารวมกลุ่มกับนักเรียน
“ฉันเกรงว่าจะมีผู้คนจำนวนกว่าสี่พันคนในการเคลื่อนย้ายครั้งนี้ ในเมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ไม่สามารถไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้ทันเวลา เป็นเพราะพวกเขาไม่กล้าจะวิ่งไปด้วยตนเอง เช่นนี้ทั้งหมดราวกับฝุ่นที่เล็กน้อยกำลังจับตัวรวมกันเป็นก้อนใหญ่… มันยากยิ่งที่เราจะปกป้องทุกคน” จางหู่กระโดดลงมาพร้อมกับบอกข่าวกับทุกคนในสิ่งที่ตนเองได้เห็น
“อืม ความจริงแล้วกลุ่มหลักนั้นมีความสามารถที่จะต่อต้านอสูรเวทกลุ่มเล็กๆได้ แต่ทว่าเมื่อต้องพบเจอกับกลุ่มคนที่มาเพิ่มจำนวนมากเช่นนี้ พวกเขาก็คงจะได้รับภาระที่มากขึ้นเช่นกัน” ชุ่ยมู่เชิงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
โรงเรียนมัธยมเวทมนตร์นั้นแตกต่างจากมหาวิทยาลัยเวทมนตร์ ซึ่งนักเรียนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนั้นมีความกล้าหาญที่จะต่อสู้กับอสูรเวทมากกว่าผู้พิทักษ์ในกองทัพด้วยซ้ำ แต่ในกลุ่มของโรงเรียนมัธยมเวทมนตร์ เด็กนักเรียนเหล่านี้เป็นเพียงนักเวทฝึกหัดและอายุยังไม่ครบสิบแปดปี ถ้าเพียงพวกเขาสามารถป้องกันตนเองได้ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว การที่จะให้ทั้งหมดปกป้องพลเรือนร่วมด้วยนั้นเป็นสิ่งที่ดูจะคาดหวังมากเกินไปสักหน่อย
“แต่พวกเราจะเมินเฉยและละทิ้งพวกเขางั้นเหรอ? นั่นเป็นสิ่งที่พวกเราก็ไม่อาจทำได้เช่นกัน” ซูมินกล่าวออกมา
“ไปกันเถอะ ในตอนนี้กลุ่มหลักมีภาระเพิ่มขึ้นถึงสี่พันคน เช่นนี้งานของพวกเราก็จะหนักขึ้นด้วยเช่นกัน” ชุ่ยมู่เชิงกล่าวออกมาอย่างมุ่งมั่น
ทุกคนพยักหน้าตอบรับ
“จางหู่และจางจางหยิงเว่ย ทั้งคู่เป็นนักเวทธาตุลม พวกเธอมีหน้าที่ต้องหาเส้นทางให้กับพวกเรา ส่วนคนอื่นนั้นติดตามกันไปอย่าให้คลาดสายตาจากผู้ใดเป็นอันขาด”
เห็นได้ชัดว่าชุ่ยมู่เชิงนั้นได้รับการฝึกจากกองทัพมา เขามีประสบการณ์และรู้ที่จะปฏิบัติตนอย่างไรเมื่อพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้
—
การเคลื่อนไหวของทั้งสิบคนนั้นรวดเร็วอย่างมาก พวกเขาเดินผ่านถนนเส้นหลักและเดินต่อไปในถนนย่านค้าขาย หลังจากที่ผ่านถนนเส้นนี้ไปได้ พวกเขาจะได้พบกับพื้นที่ปลอดภัย!
ถนนเส้นหลักนั้นยาวประมานหนึ่งกิโลเมตร แต่มันถูกปิดกั้นโดยรถยนต์ที่ถูกจอดทิ้งขว้างโดยสมบูรณ์ ไม่มีรถอะไรสามารถผ่านถนนเส้นนี้ได้เลยในตอนนี้ แม้แต่มอเตอร์ไซค์ยังไม่อาจเลาะสิ่งกีดขวางเหล่านี้ได้อย่างราบรื่น
การเคลื่อนที่โดยรถยนต์ถูกปิดกั้นจนหมดสิ้น ทั้งหมดไม่มีทางเลือกนอกจากเดินเท่านั้น ระยะทางเพียงสามกิโลเมตรจะว่าไกล ก็ไกล จะว่าใกล้ก็ใกล้ แต่ทว่าชะตากรรมในสามกิโลเมตรนี้พวกเขาจะสามารถจัดการมันได้หรือไม่…
“มีหนูตายักษ์อยู่ในตู้ใหญ่ด้านหน้า!” จางหยิงเว่ยวิ่งกลับมาส่งข่าวให้กับทีมด้วยใบหน้าที่ซีดขาวไร้โลหิต
“มันกำลังเคี้ยวเด็ก…” จางหู่กล่าวเสริม
ขณะที่ทั้งสองได้ค้นพบมัน เด็กคนนั้นตายตกไปแล้ว แต่ทว่าภาพเหล่านั้นจะติดตรึงตาในหัวใจของทั้งคู่ไม่เลือนหายไปอย่างแน่นอน
หลังจากที่เดินต่อไปสักพัก พวกเขาข้ามผ่านรถบัสขนาดใหญ่ที่จอดขวางอยู่ริมถนน ทั้งหมดได้เห็นตู้เก็บหนังสือที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและซากศพของเด็กน้อยอายุราวสิบขวบ
“หนูตายักษ์มันอยู่ไหน?” ชุ่ยมู่เชิงขมวดคิ้วทันที เขามองไปรอบๆและพยายามค้นหาหนูตายักษ์เจ้าปัญหาตัวนั้น
“มันก็แค่…”
จิ้จิ้จิ้จิ้จิ้!!
ในขณะที่จางหยิงเว่ยพยายามจะกล่าวอะไรบางอย่างออกมา สิ่งมีชีวิตที่รูปร่างน่าเกลียดได้กระโดดออกมาจากรถคันหนึ่ง ในขณะที่ทุกคนกำลังงุนงง ฟันขนาดใหญ่ทั้งสองของหนูตายักษ์ได้กัดเข้าที่ร่างของจางหยิงเว่ยอย่างรวดเร็ว เธอไม่มีโอกาสที่จะป้องกันตนเองเลยด้วยซ้ำ!
จึ้ก!!
จางหยิงเว่ยนั้นเป็นเด็กผู้หญิงที่อ่อนแอและผอมมาก ลำคอของเธอถูกฉีกออกโดยหนูตายักษ์ตัวนี้อย่างง่ายดายท่ามกลางความตกตะลึงของทีมแนวหน้า เลือดของเธอสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ รถบัสตรงหน้าได้ถูกย้อมไปด้วยพลังชีวิตเฮือกสุดท้ายของเธอ
นี่มันกระทันหันเกินไป!
แม้แต่อาจารย์ชุ่ยมู่เชิงยังไม่สามารถรู้ตัวถึงการโจมตีเมื่อครู่ได้เลย เขานั้นยืนอยู่ข้างจางหยิงเว่ย ซึ่งเลือดของเธอสาดกระเด็นมาย้อมใบหน้าของเขาจนแดงฉาน
“ไปซ่อนในรถบัส ไปเร็วเข้า!” เมื่อความตื่นกลัวได้ผ่านไป โม่ฝานตะโกนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ทุกคนตื่นจากฝันร้ายพร้อมกับวิ่งขึ้นรถบัสทันที
ชุ่ยมู่เชิงนั้นรวดเร็วเช่นกัน เขากระโดดขึ้นรถบัสในทันที หนูตายักษ์นั้นก็รวดเร็วไม่แพ้กัน มันพยายามจะตามขึ้นไปแต่ทว่ามันไม่สามารถผ่านประตูของรถบัสไปได้เพราะขนาดร่างกายของมันใหญ่เกินไป
คนอื่นๆรีบซ่อนตัวในรถบัสตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
ฉือจ้าวติงที่เห็นจางหยิงเว่ยถูกสังหารตรงหน้า ความโกรธถาโถมจิตใจของเขาทันที จากนั้นสายฟ้าได้พุ่งประกายออกมาจากร่างกายเขาอย่างรุนแรง
เดิมทีโม่ฝานคิดว่าจะเชื่อมต่อกับดวงดาวเวทด้วยเช่นกัน แต่ในตอนนี้ผงสะกดรอยอสูรเวทนั้นได้ปลิวไปในทิศทางที่แตกต่าง ทั้งหมดวุ่นวายและดูผิดปกติ ทำให้เขาต้องฉุกคิดถึงอะไรบางอย่างทันที!
“ทุกคน ขึ้นไปบนรถบัส! ที่นี่ไม่ได้มีหนูตายักษ์แค่ตัวเดียว!!!” โม่ฝานตะโกนออกมา ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาลากซูมินที่กำลังร่ายเวทพร้อมกับโยนเธอขึ้นบนรถบัสทันที
“จางหู่ หยุดดูแลจางหยิงเว่ยซะ เธอตายไปแล้ว เร็วเข้า! กองทัพหนูตายักษ์กำลังมาหรือแกอยากจะตายที่นี่!!!” โม่ฝานวิ่งพร้อมตะโกนไปด้วยเช่นกัน
จางหู่นั้นถือได้ว่าสงบนิ่งอย่างมาก ในขณะที่หนูตายักษ์โจมตี เขาได้ร่ายเวทของตนเองเพื่อช่วยเหลือจางหยิงเว่ย แต่โชคร้ายที่เขาไม่รู้ว่าการโจมตีของนักเวทฝึกหัดนั้นไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้เลยแม้แต่น้อย
ดวงตาของเขาแดงฉานด้วยความโกรธปนเสียใจ…
เขากระพริบตาเพื่อขับไล่น้ำตาที่อยู่ภายในอย่างรวดเร็ว ‘นี่มันเรื่องอะไรกัน เด็กผู้หญิงที่อยู่ในระดับเดียวกับเขา… ห้องเรียนเดียวกับเขา… ตายงั้นเหรอ! ไอ้อสูรเวทบัดซบเอ๊ย!!!’
••••••••••••••••••••
••••••••••••••••••••