ตอนที่แล้วGE332 ท่านจะไปไหนไม่ได้ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE334 อสูรมิติ [ฟรี]

GE333 ทำลายผนึก [ฟรี]


หนิงฝานรั้งเป่ยเหยาที่กำลังจะกระโดดออกจากรถเพลิงคำ กอดนางไว้แนบอก

ยามนี้ ผนึกอสูรในร่างนางถูกทำลายไปพอสมควรแล้ว จนระดับพลังของนางฟื้นฟูเกือบจะถึงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง... สองกายแนบชิดสัมผัสจนนางรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของหนิงฝานอย่างชัดเจน

“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! ถ้าคนอื่นมาเห็น...” ความทรงจำในวันที่นางร่วมรักกับหนิงฝานปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

ภาพความทรงจำในวันนั้นทำให้นางสูญสติและจดจ่อกับความทรงจำ กระทั่งลืมไปว่าอสูรที่ทรงพลังกำลังตามล่านางอยู่

เมื่อได้สติ นางพยายามผละออกจากอ้อมกอดหนิงฝาน เงยหน้ามองเขาด้วยความขุนเคือง แต่เมื่อเห็นแววตาของหนิงฝาน ความโกรธของนางกลับหายไป

“ลู่เป่ย… ปล่อยข้าได้แล้ว หากรั้งข้าไว้ข้างกายเจ้า รังแต่จะทำให้เจ้าเดือดร้อน...” นางกล่าวเบาๆ

“ข้าไม่ให้ไป!” หนิงฝานกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

แววตาของเขาดูหนักแน่นมั่นคง เขารู้ว่าอสูรตนนั้นตามล่านาง แต่เขาไม่ยอมปล่อยให้นางไปเผชิญอันตรายเพียงลำพัง

เขารับปากหลั่วโยว่แล้วว่าจะปกป้องเป่ยเหยา เขาจึงปล่อยนางไปไม่ได้

“ที่ข้าก้าวมาถึงทุกวันนี้ล้วนเพราะเต๋าของข้า... ข้าฟันฝ่าเส้นทางมาอย่างยากลำบาก… หากปล่อยท่านไปข้าอาจเสียใจไปตลอดชีวิต ข้าไม่อยากเสียใจ!”

หนิงฝานปล่อยนาง ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายที่ไร้ซึ่งความกลัว จนทำให้นางประหลาดใจ

“ไม่ว่าศัตรูจะเป็นอสูรมิติหรือจักรพรรดิเซียน หากข้ากล่าวว่าจะปกป้องท่าน ข้าก็จะทำให้ถึงที่สุด… ท่านต้องอยู่ที่น...ห้ามไปไหนเด็ดขาด!” หนิงฝานสั่งนางอย่างเด็ดขาด

คำสั่งที่เด็ดขาดของเขาทำให้นางใจสั่น ปกติแล้วนางจะเป็นคนออกคำสั่ง แต่ยามนี้กลับมีคนสั่งนาง

แม้หนิงฝานจะอ่อนแอไม่ควรค่าให้กล่าวถึงสำหรับนาง แต่เขากลับลั่นวาจาว่าจะปกป้องนาง แม้ศัตรูจะทรงพลังยิ่งกว่า แต่เขากลับไม่ยอมทิ้งนาง

“ต่อให้ข้าซ่อนตัวอยู่ในสมบัติ… ตัวมันที่เป็นอสูรมิติก็ทำลายมิติของสมบัติได้อยู่ดี หากเจ้ายังดึงดันเช่นนั้น เจ้าจะตายนะ...” นางปั่นป่วนสับสน

“ไม่ต้องกลัว ข้าจะไม่ทิ้งท่านไปไหน” หนิงฝานกล่าวอย่างอ่อนโยน ราวกับไม่สนชีวิตของตน

แม้เป็นเพียงคำสั้นๆแต่ยิ่งใหญ่… แม้เป็นเพียงคำสั้นๆแต่ทำให้นางหวั่นไหว

นางหันมองวู่หยาน ซีหลาน เยว่หลิงคง และศพนางสวรรค์ ทุกคนจ้องมองนางด้วยสายตาที่หนักแน่นมั่นคง ราวกับว่าจะไม่ปล่อยให้นางไปเผชิญอันตรายเพียงลำพัง

“ไม่… กลัว… แสง… อยู่...”

“ใช่… มีเขาอยู่...” เป่ยเหยาหลับตา ใบหน้าที่งดงามปรากฏรอยยิ้ม

แม้จะเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่การได้มีบุรุษยืนกรานว่าจะปกป้องตน… แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว

ในที่สุดนางก็ได้เข้าใจกับคำว่า “แม้สหายก็ไม่อาจทดแทน”

“ข้าจะไม่ไปไหน และข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าเผชิญอันตราย… ลู่เป่ย เจ้าต้องช่วยข้าทำลายผนึก!”

“ตอนนี้ท่านยังบาดเจ็บหนักอยู่ ต่อให้ข้าทำลายผนึกและท่านสังหารอสูรนั่นได้ แต่ร่างกายของท่านจะทนพลังของท่านไม่ไหว!” หนิงฝานขมวดคิ้วพลางกล่าว

“ข้าคิดดีแล้ว… อย่างน้อยๆก็ดีกว่าหนีแบบนี้ไปเรื่อยๆ ข้าอยากจะลองเดิมพัน!”

นางขบฝีปากด้วยความกังวล แต่อีกนัย นางก็อยากทำลายผนึก แม้ตนเองจะต้องตายก็ตาม

แม้จะมีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่นางจะเอาชีวิตรอดกลับมา แต่นางก็อยากจะเดิมพันทุกสิ่งเพื่อช่วยหนิงฝานให้ได้

“แตงกวาน้อย… พี่เป่ยเหยาตัดสินใจแล้ว เจ้าช่วยนางทำลายผนึกเถอะ เรื่องควบคุมรถเพลิงทองคำปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกข้าและทาสของเจ้า” เยว่หลิงคงกล่าวอย่างจริงจัง

“ก็ได้!”

หนิงฝานนำทาสทั้งหมดของตนออกมาและสั่งให้พวกมันคอยต้านรับพายุมิติที่เข้าจู่โจม

เหล่าสตรีช่วยกันควบคุมและป้องกันรถ หากไม่เพราะอสูรมิติไล่ตามมา พายุมิติแค่นี้ไม่เป็นอันตรายมากนัก

ยามนี้เวลากระชั้นมากแล้ว ก่อนที่อสูรตนนั้นจะตามมาทัน หนิงฝานต้องทำลายผนึกอสูรในร่างเป่ยเหยาให้ได้!

“ข้ามีโอสถผันแปรที่ 6 อยู่ 3 เม็ด ท่านกินมันเข้าไปให้หมด ถึงจะรักษาอาการบาดเจ็บไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังช่วยสะกดไว้ได้”

หนิงฝานจับมือเป่ยเหยาและพานางเข้าไปในรถทันที

แม้การถูกสัมผัสกายจะทำให้นางลำบากใจ แต่นางก็ไม่ขัดขืน

ทั้งสองมุ่งไปยังห้องขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ภายในนั้นมีรูปภาพอสูรขนาดใหญ่อยู่ เบื้องหน้ารูปมีธูปจุดไว้ ทำให้ภายในห้องอบอวนไปด้วยควันธูป

“ท่านนั่งลงบนพรมตรงนั้นแล้วปลดอาภรณ์ออก”

“ต้องปลดอาภรณ์ด้วยเหรอ...”

นางขบริมฝีปาก แม้นางจะเคยจะร่วมรักกับหนิงฝานมาแล้ว แต่ครั้งนั้นนางไม่ได้สติ

ดังนั้นนี้จึงเป็นครั้งแรกที่นางต้องเปลือยเปล่าต่อหน้าหนิงฝาน

ตำแหน่งที่นางถูกผนึกนั้น คือบริเวณท้องน้อยและหน้าผาก นั่นทำให้นางต้องปลดอาภรณ์ออก

ครั้งก่อนหนิงฝานจูบนางเพื่อส่งหมอกเมฆาม่วงที่ผสานกับอำนาจของเหรียญตราเทพกษัตริย์พิษเข้าไปในร่างนาง ทำให้ผนึกของนางถูกทำลายไปแล้วบางส่วน

นางจึงรู้ว่าหมอกเมฆาม่วงของหนิงฝานทรงพลัง และทำให้นางเริ่มที่จะสนใจ แต่ไม่ว่านางจะพยายามทำความเข้าใจเท่าไหร่ก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี

ความรู้สึกซับซ้อนหลากหลายปรากฏขึ้นในใจ

ข้าหวั่นไหวที่ได้เขาคอยปกป้อง?

ข้าควรจะขอบคุณที่เช่วยข้าไว้หลายครั้งหรือเปล่า?

ข้าควรตำหนิที่เขาร่วมรักกับข้าหรือเปล่า?

นางไม่รู้ว่าควรทำยังไง บางทีอาจเป็นเพราะนางไม่กล้าเปิดใจ

“ก็ได้… ข้าจะปลดอาภรณ์ แต่เจ้าต้องสนใจเพียงการทำลายผนึกเท่านั้น และเรื่องระหว่างเรา...”

“อืม… ข้าเข้าใจ ท่านบอกข้าหลายครั้งแล้ว”

หนิงฝานขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง นางจึงเงียบไม่กล้ากล่าว

หนิงฝานเป็นเพียงผู้เยาว์ เหตุใดนางต้องฟังคำเขาด้วย...

นางเริ่มปลดอาภรณ์ช้า หัวใจเต้นรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ใบหน้าเห่อร้อนแดงก่ำ ดวงตาปิดแน่นด้วยความอาย

นางงดงาม… งดงามอย่างถึงที่สุด

ก่อนหน้านี้นางคือเซียนแห่งวิหารสาปสูญที่ยิ่งใหญ่ หากนางเอ่ยปากสั่งการ โลกพิรุณย่อมถูกทำลายได้ง่ายๆ

แต่ยามนี้นางกลับดูเหมือนสาวน้อยเขินอาย ท่วงท่าของนางเช่นนี้ยิ่งขับส่งให้นางงดงามขึ้นไปเป็นเท่าตัว

หนิงฝานดวงตาเบิกกว้างจนแทบสิ้นสติ แม้เขาจะเห็นเรือนร่างของสตรีมามากมาย แต่ไม่มีผุ้ใดเทียบเป่ยเหยาได้สักคน ยิ่งด้วยร่างกายของนางมีความพิเศษ ยิ่งทำให้หนิงฝานแทบจะคุมสติไม่อยู่

ช่างเป็นความงดงามที่น่าหลงไหล...

เมื่อสัมผัสได้ว่าหนิงฝานจ้องนางไม่วางตา นางจึงกล่าวด้วยความขุ่นเคือง

“ดูพอแล้ว! รีบทำลายผนึกให้ข้าเร็วเข้า!”

“ข้าขอโทษ ท่านงดงามเกินไป...”

หนิงฝานยิ้มพลางโคจรวิชาแปลงหยินหยางเพื่อสะกดความใคร่ของตนลง

หนิงฝานเป็นคนที่มีนิสัยซื่อตรง รักคือรัก เกลียดคือเกลียด งดงามก็ว่างดงาม เขาไม่เคยกล่าวเอาใจผู้ใดเพื่อให้ตนบรรลุในสิ่งที่ต้องการ

หนิงฝานนั่งลงตรงหน้านาง สายตาผสานมั่นคง

“จะเริ่มแล้วนะ...”

“อืม...”

หนิงฝานสูดหายใจลึก โคจรปราณในร่างสร้างหมอกสีม่วงขึ้นที่ปลายนิ้วทั้งห้า จากนั้นทาบฝ่ามือลงบนบริเวณท้องน้อยของนางเบาๆ

ความร้อนที่แผ่ออกจากมือของหนิงฝานแผ่ไปทั่วร่างของนาง หัวใจนางเต้นรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนนางต้องหลับตาด้วยความอาย

“ถ้าบุตรของข้าทั้งสี่รู้ว่าข้าทำแบบนี้กับบุรุษอื่น… พวกนางต้องผิดหวังมากแน่ๆ”

แม้นางจะอายแต่ก็ต้องทน แม้จะตำหนิตนเองแต่ก็ต้องทน

หนิงฝานเองก็ลำบากใจเช่นเดียวกัน เขารู้ว่านางยิ่งใหญ่ มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบมากมาย ดังนั้น เขาจึงต้องเพ่งสมาธิเป็นพิเศษเพื่อให้ไม่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น

“ข้าต้องระวังให้มาก ต้องถนอมความรู้สึกนาง”

หากหนิงฝานระมัดระวัง รอบคอบ และใช้หมอกเมฆาม่วงจนถึงขีดสุด การจทะลายผนึกให้นางก็ไม่ใช่เรื่องยาก

การกระทำที่เปลี่ยนไปของหนิงฝาน ทำให้นางหวั่นไหวอีกครั้ง

“แม้จะในยามนี้… เขาก็ยังเป็นห่วงความรู้สึกข้า...”

“หากเขาเกิดเร็วกว่านี้สักแสนปี… ไม่สิ พันปี… บางที...”

ปราณที่อ่อนโยนจากมือของหนิงฝานค่อยๆทำลายผนึก ความอบอุ่นที่แผ่ไปทั่วร่างทำให้นางรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อผนึกค่อยๆถูกทำลาย ปราณที่ทรงพลังในร่างนางก็เริ่มไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณ ทำให้นางที่ยังบาดเจ็บ รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างเช่นกัน

ในระหว่างการทำลายผนึก หนิงฝานต้องเคลื่อนไหวนิ้วไปตามตำแหน่งของผนึกที่เปลี่ยนไป ทำให้นางรู้สึกเสียวซ่าน ร่างกายเริ่มอ่อนแรงไร้กำลัง

แม้การเคลื่อนไหวจะเป็นไปอย่างระมัดระวังและหลีกเลี่ยงจุดที่ไวต่อความรู้สึก แต่นั่นยังส่งผลกระทบกับความรู้สึกส่วนลึกของนางไม่น้อยเช่นกัน

ความเจ็บปวด… ความสบาย… สองสิ่งผสานไหลพร่านไปทั่วร่าง ราวกับอัสนีกระตุ้นจนทำให้ร่างกายมึนชา แววตาของนางเริ่มพร่ามัว จ้องมองหนิงฝานด้วยแววตเร่าร้อน

สติของนางเริ่มเลือนลาง ภาพเหตุการณ์ร่วมรักในวันนั้นหวนหลับ ความรู้สึกต่างๆหวนคืน แม้จะเจ็บจากการร่วมรัก แต่กลับทำให้มีความสุข

“ลู่เป่ย… ทำไมข้าถึงต้องพบเจ้า...” นางเริ่มกล่าวสิ่งที่อัดอั้นภายในใจอย่างไร้สติ

“ตั้งสติด้วย ผนึกยังไม่ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์!”

หนิงฝานขมวดคิ้ว แววตาหนักแน่น ก่อนที่เขาจะกดนิ้วลงบริเวณท้องน้อยของนางอย่างแรงกดเกิดเสียงแตกหักของบางสิ่ง… ผนึกที่พันธะนาการนางถูกทำลายแล้ว!

ความเจ็บปวดจากการกดและพลังที่ปะทุทำให้นางไม่อาจทรงตัวนั่ง นางทรุดลงแนบอกหนิงฝาน เรือนร่างเปลือยเปล่าสัมผัสกายแนบชิด

ระดับพลังของนางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องแลกมาด้วยความเจ็บที่ยากจะทนทาน หากเกิดกรณีเช่นนี้ในบางคน คนผู้นั้นอาจร่างระเบิดเพราะไม่อาจทนพลังของตนได้

ยามนี้ยังเหลือผนึกที่หน้าผากของนางที่ยังไม่ได้ทำลาย แต่ตราบใดที่ระดับพลังของนางฟื้นฟูถึงขอบเขตไร้แบ่งแยก นางก็ทำลายมันได้ง่ายๆ

“ท่านต้องพักเพื่อดูดซับพลัง อีกไม่นานพลังของท่านจะฟื้นฟูถึงขอบเขตไร้แบ่งแยก...”

หนิงฝานกล่าวกับตนเองก่อนวางร่างของนางลง

“ลู่เป่ยข้าเจ็บ… ข้าเจ็บจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว...”

นางขดตัวทุรนทุราย อาการบาดเจ็บของนางรุนแรงเกินไปจนไม่อาจทนกับระดับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันได้

นางต้องการเดิมพันว่าตนจะรอดจากการทำลายผนึก… แต่ดูเหมือนนางจะล้มเหลว!

สติของนางเริ่มพร่าเลือน โลหิตไหลจำนวนมากออกจากทวารทั้ง 7

ความตายที่มาเยือนทำให้นางมองเห็นภาพลวงตา...

ในคราวที่นางยังเด็ก นางมักจะใช้เวลาอยู่ในสวนบุบผาที่งดงาม จ้องมองผู้เยาว์คนหนึ่งที่ค่อยๆเดินผ่านไป...

“ลู่เป่ย...”

นางเรียกขานผู้เยาว์คนนั้น แต่ผู้เยาว์คนนั้นกลับเดินจากไป ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของนาง ฉากที่เขาจากไปนั้นช่างเนิ่นนาน...นานราวกับคงอยู่นิจนิรันดร์

“เกิดอะไรขึ้นกับน้องเหยาเอ๋อร์!” เสียงที่ร้อนใจและปั่นป่วนดังออกมาจากสร้อยหยินหยาง

นางเห็นว่าเป่ยเหยากำลังจะตาย แม้นางจะเป็นเซียนแต่ยังไม่อจาจสยบใจ

“พี่โยว่… ข้าได้ยินเสียงท่าน...” เป่ยเหยาที่อยู่ในอ้อมกอดหนิงฝานกล่าวอย่างยากลำบาก

แววตาหนิงฝานปั่นป่วนสับสน สิ้นหวังไร้หนทาง เขาขบฟันคุมสติ นำโอสถผันแปรที่ 6 ออกมา 3 เม็ดแล้วป้อนใส่ปากนาง

“ท่านจะตายไม่ได้!”

เจตนาที่แรงกล้าของหนิงฝานทำให้นางสัมผัสได้ นางพยายามลืมตา แม้สิ่งที่เห็นจะเลือนลาง แต่นางเห็นหนิงฝานกอดนางไว้แนบกายป้อนโอสถให้

ริมฝีปากทั้งสองสัมผัส ลิ้นอุ่นๆเคลื่อนหา ความรู้สึกอันยากจะบรรยายแผ่ซ่าน เข้าสะกดความเจ็บปวดส่วนหนึ่ง ทำให้นางได้สติคืนมาบางส่วน

“อืม~~ อย่า...” หนิงฝานไม่สนใจที่นางกล่าว จนเวลาล่วงเลยนานไป เขาจึงยอมผละริมฝีปากออกจากนางแล้วกล่าวถามด้วยความเป็นห่วง

“เป็นยังไงบ้าง? ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?”

“อืม… ดีขึ้นมาแล้ว ขอบคุณ...”

โอสถที่กินเข้าไปช่วยสะกดอาการบาดเจ็บของนางได้ กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาจากร่างนางก็เริ่มสงบ

หนิงฝานยังคงไม่ปล่อยนางจากอ้อมกอด นางเองก็ยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เหลืออยู่บนริมฝีกปากของตนได้ชัดเจน

แต่ในชั่วพริบตานั้น ความเจ็บปวดกลับเพิ่มพูนย้อนกลับเป็นเท่าทวี จนนางเปล่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด!

“เป็นไปได้ยังไง? อาการบาดเจ็บของน้องเหยาเอ๋อร์คงที่แล้ว ทำไมจู่ๆอาการถึงตีกลับ!” หลั่วโยว่ตกตะลึง

“ในเมื่อเป็นแบบนี้...”

วิธีเดียวที่หนิงฝานคิดออก คือร่วมรักเพื่อสะกดอาการบาดเจ็บของนาง เมื่อขบคิดชั่วครู่ เขานางร่างนางลง สองมือฉีกอาภรณ์ของนางจนขาด แนบกายชิดสัมผัส แล้วสอดใส่บางสิ่งเข้าไปที่ก้นของนาง!

แม้ครั้งแรกจะทำอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่คราวนี้เพื่อช่วยนาง เขาจึงตั้งใจทำ

“อื้ม~~”

นางเปล่งเสียงครางกระเส่า นางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหนิงฝานได้สอดใส่บางสิ่งเข้ามาในตัวนาง

กลิ่นอายพลังที่ผันผวนของนางเริ่มสงบ อาการบาดเจ็บเริ่มทุเลา

บางที...หนิงฝานอาจช่วยให้นางฟื้นฟูพลังได้อย่างราบรื่น

แม้สิ่งที่ทำจะเป็นสิ่งที่ไม่ควร แต่นางก็ไม่ขัดขืน

“หากจบเรื่องนี้ คงถึงเวลาที่ต้องจากลา… นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะได้อยู่กับเขา...”

“ข้าเป็นสตรีที่ไม่ดีเอาซะเลย...”

นางโอบกอดหนิงฝานแน่น เคลื่อนกายสอดประสานเป็นจังหวะเดียวกันอย่างลงตัว...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด