ตอนที่ 390 พลังของดาราแปรแสง
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
ฝาเตาถูกเปิดออก กลิ่นยาโอสถตลบอบอวลพร้อมกับแสงสว่างจ้าสะท้อนไปทั่วทั้งถ้ำ หลงเฉินมองดูยาโอสถทั้งเก้าเม็ดในเตาหลอมโอสถ ที่ดูราวกับดวงตาของมังกร ด้วยความภาคภูมิใจ จนอดไม่ได้ที่จะร้องดีใจออกมา
“เป็นโอสถระดับสูงสามวงแหวน”
ยาโอสถทั้งเก้าเม็ดมีเนื้อละเอียดเป็นมันวาว เปล่งประกายราวกับหยกเนื้อดี และยังมีแสงสว่างส่องออกมา คล้ายเป็นวงแหวนสามชั้นโอบล้อมเม็ดโอสถราวกับมีชีวิต
ยาโอสถที่ได้นี้เป็นโอสถยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาโอสถระดับสูง ทั้งตัวยาและพลังแห่งจิตวิญญาณหลอมรวมเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เกิดเป็นเป็นลักษณะแสงส่องออกมาเป็นวงแหวน เคลือบป้องกันล้อมรอบเม็ดโอสถ
แต่ทว่าโอสถระดับสูงที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ กลับสามารถออกฤทธิ์ทางยาได้อย่างเชื่องช้า แต่เรื่องนั้นหลงเฉินกลับไม่ได้สนใจนัก สิ่งที่สำคัญคือตอนนี้เขาสามารถหลอมยาโอสถระดับสูงสามวงแหวนขึ้นมาได้แล้ว
โดยปกติแล้วจะมีเพียงยอดฝีมือระดับราชันโอสถเท่านั้นที่สามารถทำได้ แต่การหลอมโอสถกับการฝึกยุทธ์นั้นแตกต่างกัน ความสามารถในการหลอมโอสถกับการฝึกยุทธ์ ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้
การวัดมาตรฐานของขอบเขตราชันโอสถมีอยู่สองข้อ ข้อแรกคือพวกเขาต้องสามารถหลอมโอสถระดับที่สี่(โอสถระดับขีดสุด) ออกมาได้และอีกข้อคือเขาต้องสามารถหลอมยาโอสถออกมาให้ได้เป็นโอสถที่มีอย่างน้อยหนึ่งวงแหวน ผู้หลอมโอสถผู้ใดก็ตามสามารถทำได้ตามเงื่อนไขสองข้อนี้ พวกเขาจะนับว่าเข้าสู่ระดับของราชันโอสถแล้ว
หากอยากจะเข้าถึงระดับราชันโอสถ นอกจากจะต้องมีความสามารถที่เก่งกล้าแล้ว ยังต้องมีพรสวรรค์ที่สูงส่ง ต้องมีพลังแห่งจิตวิญญาณที่กว้างใหญ่และสงบนิ่ง ต้องมีพลังลมปราณมหาศาล และยังต้องมีพลังเพลิงโอสถที่อยู่ในระดับที่สูงพอ
นอกจากจะต้องมีคุณสมบัติเหล่านี้แล้ว ยังต้องดูว่าพวกเขาเหล่านั้นมีทักษะในการควบคุมและกลวิธีพิเศษอื่นๆด้วยหรือไม่ ซึ่งถือเป็นรากฐานที่ดี ที่ทำให้การหลอมโอสถนั้นมีประสิทธิภาพสูง แม้แต่ยอดฝีมือวิถีโอสถภายในสำนักพลิกสวรรค์เอง ก็ยังไม่มีผู้ใดที่มีคุณสมบัติเหล่านี้อย่างครบถ้วน
ราชันโอสถมีสองประเภท ประเภทแรกคือผู้ที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ อีกประเภทนึงคือผู้หลอมโอสถที่ไม่มีการรับรอง
เนื่องจากหุบเขาโอสถนั้นเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถีโอสถ บนโลกนี้มีเพียงหุบเขาโอสถที่สามารถรับรองคุณสมบัติของผู้หลอมโอสถได้ ดังนั้นหอคอยโอสถที่เป็นเสมือนศูนย์กลางของหุบเขาโอสถจึงเป็นสถานที่ที่ใช้ในการทดสอบคุณสมบัติของผู้หลอมโอสถทั้งหลาย หากผู้หลอมโอสถต้องการจะได้รับการรับรองคุณสมบัติของราชันโอสถ ก็จะต้องไปเข้าร่วมการทดสอบในที่แห่งนั้น
ผู้หลอมโอสถที่เชี่ยวชาญ เมื่อผ่านการทดสอบได้ จะมีตัวเลือกอยู่สองทาง ทางเเรกคือเข้าร่วมและกลายเป็นสมาชิกของหอคอยโอสถ เสวยสุขกับชีวิตที่หรูหราของการเป็นศิษย์ของหอคอยโอสถ หรืออีกทางหากไม่ต้องการใช้ชีวิตอยู่ที่หอคอยโอสถ ทางหอคอยโอสถก็จะส่งมอบป้ายแห่งราชันโอสถให้ เพื่อเป็นป้ายประจำตัว และในทุกปีก็สามารถเข้าไปรับสวัสดิการได้ส่วนหนึ่ง แต่ว่าสวัสดิการที่มอบให้นั้นเทียบไม่ได้เลยกับผู้ที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกของหอคอยโอสถ
การให้สวัสดิการมากมายนั้นก็เพื่อจูงใจเหล่าผู้หลอมโอสถให้มาเข้าร่วม เนื่องจากสวัสดิการเหล่านั้นสามารถช่วยให้ พวกเขาหลอมโอสถระดับสูงขึ้นมาได้โดยง่าย
ศิลปะการหลอมโอสถ วัตถุดิบชั้นดี เพลิงกาฬของสัตว์เพลิงระดับสูง เตาโอสถที่มีคุณภาพดีเยี่ยมและสิ่งล้ำค่าอื่นๆอีกมากมายนั้น คือสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้หลอมโอสถ และสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งจูงใจที่ทรงประสิทธิภาพทั้งสิ้น มีผู้หลอมโอสถเพียงไม่กี่คนที่สามารถต้านทานแรงจูงใจเช่นนี้ได้
โอสถแปรแสงที่หลงเฉินทำการหลอมขึ้นมานั้น หากกล่าวกันตามหลักของวิถีโอสถแล้ว จะถือเป็นยาโอสถระดับสาม(ระดับสูง) แต่ทว่าการคุมการหลอมโอสถแปรแสงนั้นนับว่ายากเป็นอย่างยิ่ง ทั้งขั้นตอนการหลอม การควบคุมปริมาณวัตถุดิบ การควบคุมการใช้เพลิงกาฬเพื่อเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของเตาหลอม และกรรมวิธีที่ละเอียดอ่อนซับซ้อนต่างๆ นั้นมีความยากอย่างมาก ระดับความยากนั้น ถือได้ว่าเทียบเท่ากับการหลอมโอสถโอสถระดับที่สี่ (โอสถระดับขีดสุด) เลยทีเดียว
ดังนั้นแล้วก็สามารถกล่าวได้เลยว่า หลังจากที่มีเพลิงกาฬของนกมายาขนม่วงแล้ว หลงเฉินก็ถือว่าได้กลายเป็นราชันโอสถไปแล้ว และนั่นก็หมายความว่าในตอนนี้ความสามารถในวิถีโอสถของเขาถึงระดับที่คู่ควรกับป้ายที่ปรมาจารย์หวินฉีเคยมอบให้เขาเอาไว้แล้วด้วย
หลงเฉินในเวลานี้ มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะไปสมัครเข้าร่วมเป็นศิษย์ของหุบเขาโอสถแล้ว และเนื่องจากครอบครองความทรงจำของจักรพรรดิโอสถ หลงเฉินจึงมีวิชาการหลอมโอสถที่สมบูรณ์ เขาจึงไม่ได้สนใจวิชาความรู้ในด้านการหลอมโอสถของผู้อื่น ไม่สนใจที่จะเรียนรู้สิ่งนั้นจากผู้ใด สิ่งที่เขาสนใจคือทรัพยากรอันล้ำค่าที่มีมากมายมหาศาลของหุบเขาโอสถ
ทว่าหากอยากจะเข้าร่วมเป็นศิษย์ของหุบเขาโอสถ จำเป็นต้องไปที่หอคอยโอสถ แต่เพราะการแย่งชิงสัตว์เพลิงก่อนหน้านี้ ทำให้หลงเฉินและฮั่วอู๋ฟางเกิดการปะทะกัน จนทำให้ในตอนนี้เขาได้กลายเป็นศัตรูของฮัวอู๋ฟางไปแล้วอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นการจะเข้าไปยังหอคอยโอสถของหลงเฉินนั้นดูท่าจะเป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างยิ่งไปแล้ว
แต่ในตอนนี้ หลงเฉินเองไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นมากนัก เขาหยิบขวดหยกออกมา แล้วค่อยๆนำโอสถแปรแสงบรรจุไว้ภายในอย่างระมัดระวัง
เมื่อมองดูโอสถแปรแสงแล้ว ภายในจิตใจของหลงเฉินก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ในมือนั้นถือโอสถแปรแสงไว้หนึ่งเม็ด จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะค่อยๆกลืนลงไป โอสถแปรแสงไหลลงไปและละลายในท้องในเวลาต่อมา
ทันทีที่กลืนยาโอสถนั้นลงไป หลงเฉินก็รู้สึกได้ว่าเม็ดยาโอสถนั้นเกิดการปลดปล่อยพลังที่มีอยู่ภายในทั้งหมดออกมา แตกต่างจากยาโอสถตัวอื่นที่ต้องรอเวลาชั่วครู่ จึงจะสามารถเห็นผลได้
“ตูม”
ยาโอสถระเบิดออกภายในร่างกายของหลงเฉิน พลังอานุภาพที่แข็งแกร่งของยานั้นถูกปลดปล่อยออกมาภายในร่างกายของหลงเฉิน เขารู้สึกเหมือนมีคลื่นมหาสมุทรขนาดใหญ่กำลังถาโถมอยู่ภายในร่างกาย หลงเฉินรู้สึกถึงพลังอันมหาศาลพลุ่งพล่านอยู่ในตัวของเขา
พลังนี้แม้ว่าจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ได้รุนแรง และมันค่อนข้างจะอ่อนโยนเสียด้วยซ้ำ หลงเฉินค่อยๆไหลเวียนพลังทั้งหมดจากเคล็ดกายานวดาราส่งไปยังฝ่ามือด้านขวา พลังมหาศาลหมุนวนอยู่ตรงจุดนี้
“ฟึบ”
หลังจากพลังของโอสถแปรแสงทั้งหมดถูกไหลเวียนเข้าไปอยู่ที่ฝ่ามือด้านขวาของหลงเฉินแล้ว ฝ่ามือนั้นก็เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้นทันที
ในตอนนี้พลังของโอสถแปรแสงก็ได้เริ่มถูกดูดซับแล้ว ความเร็วในการไหลเวียนของพลังทำให้เกิดรูปเป็นวงหมุนขึ้น จากที่เป็นเม็ดเล็กๆก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นขนาดใหญ่ขึ้น
“อืม”
ขั้นตอนทั้งหมดเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติตามเคล็ดกายานวดารา และหลงเฉินก็ได้ค้นพบว่า ตรงจุดดารากักวายุที่เงียบสงบอยู่นั้น จู่ๆก็เกิดพลังงานอันบริสุทธิ์ เริ่มไหลเวียนอยู่ตรงนั้นอย่างช้าๆจนกลายเป็นเหมือนกระเเสน้ำวน
ในเวลาเดียวกัน ก็เกิดพลังอันน่าหวาดกลัวก็พุ่งออกจากฝ่ามือของหลงเฉิน ทำให้ถ้ำทั้งถ้ำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“ตูม”
ถ้ำทั้งหมดพังทลายลงมา ทำให้หลงเฉินถูกฝังอยู่ใต้เศษซากกองหิน แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ ยังคงเฝ้ามองดูการเปลี่ยนแปลงบนฝ่ามือข้าวขวาของเขาต่อไป
ในครั้งก่อนที่ได้เบิกจุดดารากักวายุนั้น ขั้นตอนในการก่อรวมดารากักวายุนั้นค่อนข้างรวดเร็ว หลงเฉินยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ดารากักวายุก็ถูกก่อรวมจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
แต่ครั้งนี้รูปแบบการก่อรวมของดาราแปรแสง ค่อนข้างช้า ทำให้หลงเฉินมีเวลามากพอที่จะติดตามดูขั้นตอนในการแปรเปลี่ยนกลายเป็นดาราของมัน
“ใช่แล้ว รวบรวมดาวดวงแรก สิ่งที่จำเป็นคือพลังกำเนิดของร่างกายตัวเอง ส่วนดวงที่สองจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากดาราดวงแรกถึงจะสามารถทำได้”
หลงเฉินมองดูการไหลเวียนพลังภายในดาราแปรแสง เจาพบว่ามีผลึกเล็กๆที่ดูคล้ายเมล็ดพืชกำลังได้รับการหล่อเลี้ยง มันดูซับพลังงานจำนวนมหาศาลที่มาจากจุดดารากักวายุ
โอสถแปรแสง ก็ค่อยๆถูกดูดซึมเข้าไปเข้าไปภายในเมล็ดพืชนั้นเช่นกัน เมื่อเมล็ดเล็กๆนี้เติบโตจนมีขนาดเทียบเท่ากับเมล็ดงา หลงเฉินก็รู้สึกว่าสามารถเชื่อมต่อทางจิตใจกับมันได้
และเมื่อหลงเฉินได้ทราบว่าเขาเริ่มที่จะทำการควบคุมจุดดาราแปรแสงขนาดเล็กนี้ได้แล้ว เขาก็ยิ้มอย่างยินดีออกมา และในเวลาไม่นานนักเขาก็พบว่าสามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งการควบคุมนั้นเป็นไปในลักษณะของการควบคุมการดูดซึมของเมล็ดงาเล็กๆเหล่านั้น
หลงเฉินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาต้องดำรงอยู่ในวิถีการฝึกยุทธ์ด้วยแนวทางที่พิสดารผิดจากผู้อื่น ซึ่งนั่นก็ทำให้ไม่ว่าเขาจะทำสิ่งใดก็ล้วนแต่ยากลำบากทั้งสิ้น
ในครั้งนี้เมื่อได้รวบรวมดาราแปรแสงขึ้นมาแล้ว ตัวเขาเองก็วางแผนเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นเอาไว้บ้างแล้วเช่นกัน
แม้ว่าดาราแปรแสงจะมีขนาดเพียงแค่เมล็ดงา แต่หลงเฉินก็สามารถที่จะควบคุมมันได้ และภายใต้การควบคุมของหลงเฉินนั้นทำให้พวกมันเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
และนั่นเองที่ทำให้หลงเฉินยิ้มออกมาได้กว้างกว่าเดิม ทว่าการเติบโตของดาราแปรแสงนั้น ไม่ได้อาศัยการบำรุงของโอสถแปรแสงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะต้องพึ่งพาพลังจากจุดดารากักวายุด้วย
พลังของจุดดารากักวายุจะค่อยๆไหลเข้าไปสู่จุดดาราเเปรเเสงเพื่อหล่อเลี้ยง ทั้งหมดนี้เป็นไปอย่างอัตโนมัติ โดยที่หลงเฉินไม่ได้ยุ่งเกี่ยวใดใด สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือควบคุมการเพิ่มระดับการดูดซับของจุดดาราเเปรเเสง
ทว่าก็มีสิ่งที่ทำให้หลงเฉินผิดหวังอยู่เล็กน้อย นั่นคือหลังจากที่จุดดาราแปรแสงดูดซึมโอสถแปรแสงทั้งหมดเข้าไปได้แล้วนั้น จุดดาราแปรแสงกลับเติบโตขึ้นมาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
แต่ถึงกระนั้นหลงเฉินก็ยังมุ่งมั่นกระทำต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ เมื่อกลืนเม็ดโอสถแปรแสงทั้งเก้าเม็ดลงท้องไปแล้ว และเรียกใช้พลังทั้งหมดของพวกมันไปจนสิ้น หลงเฉินพบว่าโอสถแปรแสงนั้นเปลี่ยนเป็นขนาดใหญ่ขึ้นเพียง ‘เล็กน้อย’ และในตอนนี้มันก็มีขนาดใกล้เคียงกับเมล็ดถั่วเขียวแล้ว
นั่นเองทำให้หลงเฉินถึงกับเหงื่อตก แม้ว่าเขาจะทราบอยู่แล้วว่าแค่ผลกิเลนจำนวนน้อยเพียงเท่านี้ คงจะไม่เพียงพอที่จะเบิกจุดดาราแปรแสงขึ้นมาจนครบถ้วนสมบูรณ์ได้ แต่เขาก็ยังพอจะมีหวัง เมื่อเห็นว่าตนเองสามารถหลอมโอสถระดับสูงสามวงเเหวนขึ้นมาได้
แต่ในตอนนี้ยาทั้งเก้าเม็ดก็หมดไปแล้ว และหลงเฉินก็ยังคงต้องเหงื่อตกกับความเร็วในการเติบโตของจุดดาราเเปรเเสง ดูเหมือนว่าดาราเเปรเเสงจะเบิกขึ้นมาได้ยากกว่าจุดดารากักวายุหลายสิบเท่า
และเพื่อที่จะหล่อเลี้ยงจุดดาราแปรเเสงให้เติบโตเต็มที่ หลงเฉินจึงอาจจำเป็นจะต้องใช้โอสถเเปรเเสงนับพันเม็ดเลยก็ว่าได้
แต่ผลกิเลนที่เขามีอยู่นั้น มีเพียงแค่ยี่สิบสี่ผลเท่านั้น และที่สุกแล้วก็มีเพียงเก้าผล ส่วนที่เหลือยังไม่สุกพอที่จะนำมาใช้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นการสุกของผลกิเลนนั้นเชื่องช้าเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่เริ่มออกผลจนถึงผลสุกงอม ผลกิเลนแต่ละลูกต้องใช้เวลานับร้อยปีในการดูดซึมพลังปราณ เพื่อให้ผลของมันสุกงอม
คิดมาถึงตรงนี้ หลงเฉินก็ร้อนใจขึ้นมา ในตอนนี้เขารู้สึกราวกับตกลงไปในเหวลึกอีกครั้ง หลังจากที่พึ่งปีนขี้นมาได้ ความพยายามและการรอคอยของเขาก่อนหน้านี้ดูท่าว่าจะสูญเปล่าไปเสียแล้ว
“ตูม”
ทันใดนั้นหลงเฉินก็ผุดลุกขึ้นมา ภายในร่างกายเกิดแรงผลักดันจากการระเบิดปะทุของพลังมหาศาลขึ้น พลังที่ปะทุขึ้นในร่างกายของหลงเฉินนั้นเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และอัดแน่นในร่างกายของเขา จนเมื่อถึงขีดสุดมันก็กระตุ้นให้เขาระเบิดพลังปราณที่น่าหวาดกลัวออกไปโดยรอบ
ยอดเขาระเบิดแตกกระจายออกไป ดินบนเขาถล่มทรุดตัว พลังที่รุนแรงที่ถูกซัดออกมานั้น ทำให้ต้นไม้และก้อนหินบนภูเขาเขาระเบิดกระจายกลกลายเป็นผุยผงเพียงชั่วพริบตา พลังที่เขาปล่อยนออกไปนั้นช่างน่าหวาดกลัว จนเเม้ตัวหลงเฉินเองก็ยังต้องตกใจระคนประหลาดใจ
“นั่นเป็นพลังของข้าหรือ? ......”
หลงเฉินมองไปรอบๆด้วยความไม่เชื่อสายตา ทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบบริเวณในระยะสิบลี้แหลกกลายเป็นผุยผง พื้นดินทรุดตัวถล่มไปเป็นหลุมขนาดใหญ่ลึกกว่าร้อยจั้ง
หลงเฉินอ้าปากตาค้าง เขาอดไม่ได้ที่จะทั้งตกตะลึงและดีใจไปพร้อมกัน เขาก้มมองดูฝ่ามือขวาของตนเอง พลังแห่งความโศกเศร้า ท้อถอยที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ได้หายไปแล้ว
“ฮ่าๆๆๆ”
ทันใดนั้นหลงเฉินก็แทบจะโบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ก็มิปาน อานุภาพของพลังที่ทำลายล้างรอบตัวเขายากที่จะหาสิ่งใดมาหักล้างได้ ราวกับคลื่นโหมกระหน่ำซัดเข้าใส่พื้นแผ่นดินอย่างบ้าคลั่ง สั่นคลอนไปทั่วสวรรค์ทั้งเก้าชั้น
ก่อนหน้านี้หลงเฉินยังไม่เข้าใจมากนัก แต่ตอนนี้เขาทราบอย่างกระจ่างเเจ้งแล้ว ในตอนนี้ไม่ใช่เเค่จุดดารากักวายุเท่านั้นที่สามารถไหลเวียนพลังจำนวนมาออกมาให้เขาใช้ แต่ตอนนี้จุดดาราเเปรเเสงที่มีขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่วนี้นั้น ก็สามารถไหลเวียนพลังที่รวดเร็วออกมาได้เช่นกัน พลังที่มันปลดปล่อยออกมาไม่ได้ด้อยไปกว่าจุดดารากักวายุที่โตเต็มที่เลย
“มหัศจรรย์จริงๆ” หลงเฉินหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จนแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความปิติยินดี แม้ในตอนนี้จุดดาราแปรแสงจะยังไม่โตอย่างเต็มที่ แต่ทว่ามันกลับสามารถไหลเวียนพลังได้ดีเทียบเท่ากับจุดดารากักวายุของเขาแล้ว ช่างเป็นพลังที่น่าอัศจรรย์เป็นนอย่างมาก
ความรู้สึกโศกเศร้าและท้อแท้ก่อนหน้านี้ของหลงเฉิน หายไปชั่วพริบตา ตอนนี้เขาดีใจจนอยากจะกระโดดโลดเต้นขึ้นมาแล้ว ทว่าในเวลานี้สถานที่แห่งนี้ไม่สามารถที่จะอยู่ต่อไปได้แล้ว คงต้องหาสถานที่สำหรับซ่อนตัวแห่งใหม่
เมื่อหลงเฉินเลือกที่ซ่อนแห่งใหม่ได้แล้ว ก็นำผลกิเลนสุกที่เหลืออยู่นำมาหลอมให้กลายเป็นโอสถแปรแสง
และเริ่มใช้พลังทั้งหมดมาบำรุงดาราแปรแสง สิบวันต่อมา โอสถแปรแสงทั้งหมดก็ถูกกินจนหมด ดาราแปรเเสงของหลงเฉินก็เติบโตจนมีขนาดเทียบเท่ากับขนาดดวงตาของเขา ด้านบนเริ่มที่จะเห็นเป็นกลุ่มเมฆปกคลุมเกิดขึ้นมา เช่นเดียวกันกับดาราจริงๆดวงหนึ่งแล้ว
หลงเฉินได้ค้นพบว่า หลังจากที่โอสถแปรแสงเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่าง ร่างกายของเขาเองก็แข็งแกร่งขึ้นมาก พลังความแข็งเเกร่งทางร่างกายสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้เขารู้สึกมั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองมากยิ่งขึ้น หากต้องเผชิญหน้ากับหยินหลอในตอนที่สามารถทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตปรือกระดูกไปได้แล้ว หลงเฉินก็ไม่รู้สึกหวั่นเกรงอีกต่อไปแล้ว
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลงเฉินก็ใช้เวลาไปอีกห้าวัน เพื่อหลอมโอสถสามบุปผาทะลวงเส้นเอ็นสำหรับตัวเขาเองขึ้นมา ตอนนี้ร่างกายของเขาสามารถดูดซับโอสถด้วยความรวดเร็วถึงขีดสุดได้แล้ว
ยาโอสถเหล่านี้น่าจะเพียงพอสำหรับเขาให้เขาได้ใช้งาน เวลานับจากนี้ไปไม่สามารถที่จะปล่อยให้สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ได้อีกแล้ว หลงเฉินเปิดแผนที่ออกดู และตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไป ------- หุบเหวปีศาจ
.
.
.
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**