ตอนที่ 388 เพลิงของนกมายาขนม่วง
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
หลงเฉินออกมาไกลจากถ้ำที่หญิงสาวทั้งสามอยู่เกือบร้อยลี้ เขาหาสถานที่ที่เงียบสงบเพื่อนำร่างของนกมายาขนม่วงออกมา แม้ว่าจะกลายเป็นร่างที่ไร้ชีวิต แต่ร่างใหญ่ยักษ์นั้นกลับยังมีพลังกดดันที่คละคลุ้งอยู่รอบๆร่างของมัน ทำให้เกิดความรู้สึกราวกับหินยักษ์กำลังกดทับจนทำให้รู้สึกอึดอัด
“ปัง”
เขาใช้ทลายมารผ่าไปที่กระโหลกของนกมายาขนม่วง นี่ก็เป็นเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายอยู่ไม่น้อย เนื่องจากกระดูกศรีษะของมันนั้นมีความแข็งเป็นอย่างยิ่ง การใช้ทลายมารผ่าออกช่างเป็นอะไรที่เสียพลังเป็นอย่างมาก
ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะหาบาดแผลที่มีบันทึกแผ่นทองปักอยู่จนเจอ กว่าที่เขาจะเจอก็ต้องใช้พลังงานไปมาก เมื่อหลงเฉินเอาออกมาได้ มันจึงทำให้เขารู้สึกโล่ง เพราะถ้าหากต้องเสียบันทึกสีทองแผ่นนี้ไปเขาคงต้องเสียใจจนต้องร้องไห้ออกมาแน่นอน
“บันทึกนี้ช่างแปลกเสียจริง เพียงห่างกันไม่กี่วันกลับกลายเป็นคนแปลกหน้าไปเสียแล้ว ราวกับว่าไม่เคยเจอกันมาก่อน”
หลงเฉินค่อยๆใช้พลังแห่งจิตวิญญาณออกมา และนำไปห่อหุ้มหน้าบันทึกแผ่นทอง ก่อนหน้านี้หลงเฉินสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของบันทึกแผ่นทองได้ แต่ในตอนนี้กลับกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพลังจิตวิญญาณของเขาไปเสียแล้ว
จนเขาต้องใช้พลังจิตวิญญาณสื่อสารกันอยู่ครู่หนึ่ง มันจึงจะเริ่มรับรู้ถึงพลังแห่งจิตวิญญาณของหลงเฉิน ก่อนที่จะค่อยๆหมุนออกมาจากกระโหลกศรีษะของนกมายาขนม่วง
“ซูม”
เมื่อได้บันทึกแผ่นทองมาแล้วหลงเฉินก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ถ้าหากเขาสูญเสียบันทึกแผ่นทองนี้ไปจริงๆแล้วล่ะก็ เขาจะต้องเป็นบ้าตายอย่างแน่นอน
แม้เขาจะไม่ทราบว่าบันทึกแผ่นทองนั้นทำมาจากอะไรกันแน่ แต่คุณสมบัติด้านความคมของมันนั้นปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่างเป็นสมบัติที่ล้ำค่า
ในตอนแรกนั้นหากหยินหลอไม่ไหวตัวทันเสียก่อน ก็คงจะต้องถูกบันทึกแผ่นทองนี้ฆ่าตายไปนานแล้ว ทว่าบันทึกแผ่นทอง นั้นก็มีจุดอ่อนเช่นกัน นั่นก็คือจำเป็นต้องรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณจำนวนมากเพื่อทำให้มันเคลื่อนตัวออกไป
ความจริงแล้วในการต่อสู้นั้นไม่สามารถที่จะแบ่งสมาธิได้ การเผชิญหน้ากับยอดฝีมือทุกขณะสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ภายในชั่วพริบตา หากไม่ระวังตัวก็สามารถที่จะกลายเป็นศพได้ในทันที นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่สามารถที่จะแบ่งสมาธิได้เมื่ออยู่ในการต่อสู้
ด้วยเหตุนี้การต่อสู้กับหยินหลอในคราวนั้น จึงไม่มีโอกาสที่จะได้ใช้บันทึกสีทองในการต่อสู้ จนทำให้หยินหลอหนีไปได้
อีกทั้งสุดยอดฝีมือระดับสูงอย่างหยินหลอนั้นก็ไม่ยอมเสียเปรียบอีกเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน เพื่อที่จะครองสิ่งนี้ไว้ หลงเฉินจึงจะไม่ใช้บันทึกแผ่นทองในการต่อสู้อีก
อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามเองก็มีการตั้งรับไว้แล้วจึงเป็นเรื่องยากที่ทำจะได้สำเร็จ หากไม่ประสบความสำเร็จทั้งสองครั้ง ในครั้งที่สามฝ่ายตรงข้ามก็อาจจะหาวิธีรับมือกับบันทึกแผ่นทองได้แล้ว
ประการที่สองก็คือเขายังไม่เข้าใจในประสิทธิภาพของบันทึกแผ่นทองอย่างถ่องแท้ หากถูกฝ่ายตรงข้ามแย่งชิงไปได้ก็เป็นอันจบสิ้น
บันทึกแผ่นทองหมุนไปรอบๆ พร้อมกับผ่าท้องของนกมายาขนม่วงออก ครั้งนี้หลงเฉินไม่กล้าที่จะใช้บันทึกแผ่นทองผ่าลึกเข้าไปในร่างกายของศัตรูอีกแล้ว มันขยับออกมาจากส่วนท้องของนกมายาขนม่วง ภายในท้องของมันมีสิ่งของบางอย่างปรากฎออกมา สิ่งนั้นมีขนาดหลายเซียะและมีสีเหมือนกับหยก
สิ่งนั้นก็คือโอสถภายในขนาดใหญ่ แม้ว่าแสงจะสลัวจนเห็นได้ไม่ชัด แต่ข้างในก็มีพลังกดดันที่น่ากลัวกระจายอยู่โดยรอบ
“ช่างเป็นพลังเพลิงที่แข็งแกร่งเสียจริง”
เมื่อหลงเฉินรับรู้ได้ถึงพลังอันน่ากลัวของโอสถภายใน เขาก็อดไม่ได้ที่จะมีใบหน้าปิติยินดี คุ้มค่าจริงๆสมกับเป็นสัตว์เพลิงอันดับที่สามของสัตว์มายาธาตุไฟ แม้ว่าจะสูญเสียพลังชีวิตไปจนหมดแล้ว เเต่โอสถภายในก็ยังบรรจุพลังอั้นน่าหวาดกลัวไว้
ภายในใจของหลงเฉินนั้นเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ นี่เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์วิถีโอสถต่างใฝ่หาอย่างบ้าคลั่ง นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมฮั่วอูฟางที่มีสัตว์เพลิงแข็งแกร่งเยี่ยงนั้นแล้ว ยังต้องการแย่งชิงโอสถภายในของนกมายาขนม่วงอีก
เพราะยิ่งจัดอยู่ในอันดับที่สูง พลังเพลิงกาฬก็จะยิ่งสูงมากขึ้น พูดได้ว่าโอสถภายในนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการที่สุดในขณะนี้ เพียงแค่หลอมโอสถภายในของนกมายาขนม่วงได้ หลงเฉินก็จะมีเพลิงกาฬของนกมายาขนม่วงไว้ใช้ และยังสามารถใช้หลอมโอสถแปรแสงได้ หากเป็นเช่นนั้นเขาก็สามารถที่จะเบิกจุดดาราแปรแสงได้แล้ว
ในขณะนี้หลงเฉินอยู่ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นระดับที่สามแล้ว โอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นเขาก็ได้กินเข้าไปนับไม่ถ้วนแล้ว หากอยากจะเพิ่มระดับให้เร็วขึ้น ก็ต้องไม่หยุดกินโอสถชนิดนี้
หลังจากที่หลงเฉินได้ค้นพบวิชาเคล็ดกายานวดารา การฝึกยุทธ์ของเขาก็ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ยาโอสถได้กลายเป็นรากฐานในการฝึกยุทธ์ของเขาไปเสียแล้ว
เขายังพบอีกว่าสภาวะในร่างกายของเขานั้นสามารถดูดซับพลังของยาได้ทุกส่วน ไม่สูญเสียโดยเปล่าประโยชน์แม้แต่นิดเดียว
นอกจากยาโอสถที่พิเศษนี้ คนหนึ่งคนหากกินยาโอสถหนึ่งชนิด ก็สามารถกินได้มากที่สุดแค่สามเม็ด หากกินเม็ดที่สี่ก็จะ ไม่เห็นผลใดใดแล้ว
นี่ก็คือทฤษฎีของยาโอสถ “โอสถไม่เกินสาม” เมื่อกินยาโอสถเม็ดที่หนึ่งจะได้รับผลลัพธ์สิบส่วน ยาเม็ดที่สอง จะลดลงมาครึ่งหนึ่ง เม็ดที่สามก็จะลดลงมาอีกครึ่งหนึ่ง จนเมื่อถึงเม็ดที่สี่ก็จะไม่สามารถดูดซึมอะไรเข้าไปได้อีกแล้ว ถ้าหากยังฝืนกินเข้าไปอาจจะทำให้เกิดปฎิกริยาบางอย่างได้
ทว่ายาโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นนั้นสามารถกินได้มากกว่าปกติ แต่ว่าหนึ่งคนสามารถกินได้มากที่สุดก็คือสิบเม็ด นั่นก็จะทำให้เส้นเอ็นภายในร่างกายถึงจุดที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแล้ว
หลงเฉินค้นพบว่าเส้นเอ็นภายในร่างกายของเขานั้นเหมือนกับหลุมดำ สามารถที่จะดูดซับพลังของโอสถได้อย่างบ้าคลั่ง ชนิดที่ไม่สิ้นสุดเลยก็ว่าได้ เขาสามารถกินโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นได้เรื่อยๆแม้ว่าจะกินไปมากกว่าสิบเม็ดเเล้วก็ตาม
อีกทั้งระดับในการเลื่อนขั้นของการฝึกยุทธ์นั้นทำให้ร่างกายต้องการโอสถมากขึ้น ขณะนี้โอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็น เขาก็ได้กินไปจนหมดแล้ว
ในตอนนี้หลงเฉินทั้งไม่มีเวลาฝึกฝน อีกทั้งยังไม่มีเวลาที่จะหลอมยาโอสถ อีกไม่นานเขาก็คงจะถึงทางตันเป็นแน่ การนำเพลิงโอสถมาหลอมโอสถสามบุษผาทะลวงเส้นเอ็นจะค่อนข้างจะเสียเวลาเป็นอย่างยิ่ง เพราะที่ขอบเขตแดนลับนพเก้าเป็นที่ที่ไม่เหมาะแก่การหลอมโอสถ
ทว่าตอนนี้หลงเฉินรู้สึกถึงวิกฤติครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น เขารู้สึกได้ว่าสุดยอดฝีมือหานเทียนหวู่ หยินหลอและฮั่วอู๋ฟาง ตอนนี้ล้วนเข้าถึงจุดสูงสุดของขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้ว
พวกเขาสามารถที่จะเข้าถึงขอบเขตปรือกระดูกได้ทุกเวลา หลงเฉินเชื่อว่าพวกเขาได้เตรียมตัวกันเป็นอย่างดีแล้ว หากสามารถเข้าถึงขอบเขตปรือกระดูก พวกเขาก็สามารถที่จะใช้ทรัพยากรได้นับไม่ถ้วนเพื่อนำมาเสริมสร้างกระดูกของพวกเขา
ในตอนนี้หลงเฉินยังสามารถท้าทายกับพวกเขาได้ แต่หากพวกเขาเลื่อนขั้นไปจนถึงขั้นปรือกระดูกแล้วล่ะก็ หลงเฉินคงจะไม่มีทางสู้และเอาชีวิตรอดกลับมาได้อย่างแน่นอน
แต่ก็ยังดีที่เขาได้โอสถภายในของนกมายาขนม่วงมาแล้ว รอให้เบิกจุดดาราแปรแสงออกมาได้ ถึงแม้พวกเขาจะถึงขอบเขตปรือกระดูกแล้ว แต่หลงเฉินคิดว่าคงจะมีพลังพอที่จะป้องกันตัวเองได้
เขานำร่างนกมายาขนม่วงใส่กลับเข้าไปในแหวนมิติ เปลี่ยนเป็นนำร่างของสัตว์ร้ายแห่งวายุออกมาแทน พร้อมกับใช้บันทึกแผ่นทองผ่านำโอสถภายในออกมาเช่นเดียวกันกับเมื่อครู่นี้
ในตอนนี้บันทึกแผ่นทองมีประโยชน์ที่สุดสำหรับเขา ก็คงจะเป็นการนำมาผ่าสิ่งต่างๆ โอสถภายในของสัตว์ร้ายแห่งวายุเมื่อนำมาเทียบกับของนกมายาขนม่วงก็มีขนาดไม่ได้ต่างกันมาก หลงเฉินได้เรียกเสี่ยวเสว่ยออกมา
“เสี่ยวเสว่ย โอสถภายในเม็ดนี้เจ้ากลืนมันเข้าไปก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยๆหลอม จำไว้นะว่าค่อยๆหลอม ไม่เช่นนั้นร่างกายเจ้าอาจจะเสียหายหนักได้”
แม้ว่าเสี่ยวเสว่ยจะเฉลียวฉลาด แต่ก็มีบางครั้งที่เหมือนกับเด็กๆชอบทำอะไรรีบร้อน บางเรื่องจึงจำเป็นต้องเตือนมันก่อน
“โบร๋ววววว”
เสี่ยวเสว่ยส่งเสียงตอบกลับมาพร้อมกับกลืนโอสถภายในเข้าไป และกลับเข้าไปภายในช่องว่างแห่งจิตวิญญาณ
สำหรับสัตว์มายาอย่างเสี่ยวเสว่ยนั้น การกลืนโอสถภายในของสัตว์มายาเข้าไปเพียงแค่ระมัดระวังหน่อย ก็จะไม่เกิดอันตรายใดใดแล้ว
สัตว์ร้ายแห่งวายุนั้นเป็นถึงสัตว์มายาระดับห้า แต่เสี่ยวเสว่ยเพิ่งจะเข้าขั้นที่สี่หากจะหลอมโอสถภายในนี้ อาจจะต้องใช้เวลานานสักหน่อย
หลงเฉินไม่ได้รีบร้อนอะไรปล่อยให้เสี่ยวเสว่ยค่อยๆดูดกลืนโอสถ เขาคิดว่าปลอดภัยไว้ก่อนจะดีที่สุด เขาเองก็จะอยู่อย่างสงบ นั่งลับคมดาบรอไปพลางๆ
หลังจากที่จัดการเรื่องของเสี่ยวเสว่ยเรียบร้อยแล้ว หลงเฉินก็นั่งพักผ่อนอยู่ชั่วยามหนึ่ง หลังจากปรับสภาวะพลังภายในร่างกายให้อยู่ในสภาพที่ปกติที่สุด เขาก็ได้บันทึกแผ่นทองขุดถ้ำ หลังจากที่ขุดเจาะจนลึกได้ที่แล้ว ก็เข้าไปนั่งอยู่ภายในหลุม แล้วฝังตัวเองไว้ เมื่อทำเช่นนี้หลงเฉินก็จะสามารถหลอมโอสถภายในของสัตว์มายาได้อย่างปลอดภัยแล้ว
เมื่อมองดูโอสถภายในในมือของตนเอง หลงเฉินก็ถอนหายใจยาวออกมาพร้อมกับเอามือปิดไว้บนโอสถภายใน พลังเพลิงปราณภายในร่างกายของหลงเฉินก็เริ่มไหลจากฝ่ามือเข้าไปยังโอสถภายใน
“ตูม”
ขณะที่เพลิงปราณของหลงเฉินได้ไหลเข้าไปในโอสถภายใน ก็เกิดการลุกไหม้ขึ้นมา เปลวเพลิงที่รุนเเรงที่อยู่ในโอสถภายในปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
เพลิงกาฬสีม่วงที่ได้กลืนเพลิงปราณของหลงเฉินเข้าไป นี่ยังไม่ถือว่าสำเร็จ เพลิงกาฬสีม่วงราวกับนกมายาขนม่วงที่ดุร้ายเกรี้ยวกราดปลดปล่อยเพลิงทั้งหมดออกมาจู่โจมหลงเฉิน
เหมือนกับเขื่อนที่ถูกเปิดออกพลังเพลิงกาฬที่น่าหวาดกลัวไหลเวียนเข้าไปในร่างกายของหลงเฉิน เป้าหมายของมันในตอนนี้ คือกลืนกินเพลิงปราณของหลงเฉินให้หมด
หลงเฉินรู้สึกราวกับว่าเส้นลมปราณของตนเองกำลังถูกลาวาร้อนระอุไหลผ่าน เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ยากจะทนทานได้ แต่หลงเฉินก็กัดฟันอดทน ปล่อยให้เพลิงกาฬสีม่วงนั้นกลืนกินเพลิงปราณของเขาเข้าไป
เมื่อพลังทั้งหมดของโอสถภายในได้เข้าไปสู่ร่างกายทั้งหมดแล้ว หลงเฉินก็ค่อยๆเอามือออกจากโอสถภายในเเละทำให้เส้นลมปราณของร่างกายกลายเป็นกรงที่ขังเพลิงกาฬของสัตว์มายาเอาไว้
นี่เป็นวิธีที่เเตกต่างจากที่เขาเคยใช้ในการหลอมเพลิงของสัตว์มายาตัวก่อนๆ เมื่อสักครู่หลงเฉินรู้สึกได้ว่า หากเขาใช้กำลังบังคับกักขังเพลิงของสัตว์มายาตัวนี้ ก็อาจจะทำให้เพลิงนั้นเกิดโทสะได้ จนทำให้เส้นลมปราณของเขาระเบิดขึ้นทันที
ความแข็งแกร่งของหลงเฉินในตอนนี้ เพียงแค่ใช้เพลิงของสัตว์เพลิงที่เป็นสัตว์มายาระดับสี่ได้ก็ถือว่าเต็มที่แล้ว การจะหลอมเพลิงของสัตว์มายาระดับห้านั้นถือเป็นความคิดที่บ้าระห่้ำมาก
ขณะที่ฮั่วอู๋ฟางกล้าจะดูดซับสัตว์เพลิงนี้ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีลับไม่ใช่วิธีแบบหลงเฉินอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าหลงเฉินจะไม่มีวิธีลับ แต่หลงเฉินก็มีความเชื่อมั่นและความแน่วแน่อย่างเต็มเปี่ยม เพลิงของสัตว์มายาที่มีเพียงสัญชาติญาณความเกรี้ยวกราด เเต่ไร้จิตใจย่อมไม่มีทางเอาชนะหลงเฉินได้
ร่างกายที่กลายเป็นดั่งกรงขัง ค่อยๆใช้โอสถเพลิงปราณหลอกล่อให้เพลิงกาฬของสัตว์มายาค่อยๆไหลไปทั่วร่างกายของเขา เมื่อเพลิงกาฬเริ่มจะปะทุขึ้นมาอีก เขาก็ป้อนเพลิงปราณของเขาเข้าไปเพื่อทำให้มันสงบลง จากนั้นก็นำพาเพลิงกาฬให้ไหลไปทั่วร่างกาย
เหตุผลที่เขาทำแบบนั้นก็เพื่อต้องการให้เส้นลมปราณของตนเอง เข้ากันได้กับพลังอันแข็งแกร่งของเพลิงกาฬของนกมายาขนม่วง และอีกส่วนก็เพื่อให้มันค่อยๆคุ้นชินกับร่างกายใหม่
ขณะนี้เกมแมววิ่งไล่จับหนูได้เกิดขึ้นแล้วภายในร่างกายของหลงเฉิน เพลิงกาฬสีม่วงไม่หยุดที่จะวิ่งตามเพลิงปราณของหลงเฉิน อย่างไรเสียหลงเฉินเพียงแค่ต้องไม่ให้พลังแห่งจิตวิญญาณหมดไปเท่านั้น เพลิงปราณของเขาใช้อย่างไรก็ใช้ไม่หมด เขาจึงให้มันกินตามสบายไม่กังวลอะไร
หลังจากที่กลืนกินเพลิงปราณของหลงเฉินไปจำนวนมาก สภาวะจิตมารอันบ้าคลั่งภายในเพลิงกาฬสีม่วง ก็เริ่มที่จะเบาบางลงเรื่อยๆ และนี่ก็เป็นผลลัพธ์ที่หลงเฉินต้องการ
ไม่มีวิธีการอื่นแล้ว แม้ว่าการทำเช่นนี้จะสูญเสียเวลาอันมีค่าไปอยู่มาก แต่อย่างน้อยก็มีความปลอดภัย แต่ก็ต้องทนรับความเจ็บปวดที่ยากจะบรรยาย แต่ก็ต้องทำใจเนื่องจากหลงเฉินไม่มีพลังพอจะใช้วิธีการอื่นได้
หลังจากผ่านไปสามวัน เพลิงกาฬสี่ม่วงก็กลืนกินเพลิงปราณของหลงเฉินไม่มากเท่ากับก่อนหน้านี้แล้ว นิสัยของมันไม่ได้เกรี้ยวกราดดั่งก่อนหน้านี้อีกแล้ว และค่อยๆที่จะคุ้นชินกับบรรยากาศภายในร่างกายใหม่
หลังจากนั้นอีกสิบวัน เพลิงกาฬสีม่วงก็เริ่มจะขี้เกียจไล่จับเพลิงปราณแล้ว ต้องให้เพลิงปราณเริ่มยั่วยุหนักๆ มันถึงจะยอมกลืนกินเข้าไป
เมื่อผ่านไปได้ครึ่งเดือน เพลิงกาฬสีม่วงก็ไม่สนใจเพลิงปราณของหลงเฉินอีกแล้ว และทำให้ร่างกายของหลงเฉินนั้นกลายเป็นบ้านใหม่ของมันแทน
“หึหึ ยินดีต้อนรับสู่บ้านใหม่ที่แสนสบายแห่งนี้นะ” หลงเฉินยิ้ม ทันใดนั้นพลังแห่งจิตวิญญาณก็ระเบิดออกมาเพื่อผลึกเพลิงกาฬของสัตว์มายาตัวนี้ นี่คือขั้นสุดท้ายของการหลอมเพลิงกาฬของสัตว์มายา
.
.
.
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**