ตอนที่ 387 หนึ่งดาบสะเทือนขวัญศัตรู
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
“พรวด”
ดาบยาวทะลวงเข้าที่กลางอก เลือดสีแดงสาดเป็นทางยาว แต่ทว่าดาบยาวนั้นไม่ได้แทงเข้าไปที่ร่างของม่งฉี แต่กลับแทงเข้าไปยังร่างของหลงเฉินแทน เลือดจากอกด้านขวาของหลงเฉินค่อยๆไหลรินออกมา
ในช่วงขณะนั้นหลงเฉินกวาดดาบยาวด้วยพลังทั้งหมดที่มีจนทำให้ศัตรูทั้งหมดถอยห่างออกไป เขาใช้ท่าร่างภูตมืดสงัด ไหลเวียนพลังมาถึงระดับสูงสุด จนในที่สุดก็เข้ามาได้ทันเวลาเขารีบใช้ร่างกายของตนเองเข้ารับดาบของอีกฝ่ายไว้ได้ทัน
ส่วนดาบยาวในมือของหลงเฉินก็ได้ทะลวงเข้าไปยังกลางอกของอีกฝ่ายเช่นกัน ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศผู้นั้นมองหลงเฉินที่มีใบหน้าเฉยชาด้วยสายตาที่แตกตื่น
“หลงเฉิน......”
ม่งฉี ฉู่เหยาและลู่ฟางเอ๋อส่งเสียงร้องออกมาพร้อมกัน เมื่อดาบยาวนั้นแทงทะลุร่างของหลงเฉิน แทนที่จะเป็นร่างของพวกนาง นี่จึงทำให้พวกนางรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก
“ตายแล้วรึ ? สมควรแล้ว เจ้าสมควรตาย”
“พรวด”
ทลายมารในมือของหลงเฉินสั่นคลอนจากแรงระเบิดที่น่ากลัว ยอดฝีมือผู้นั้นก็ถูกทลายมารของหลงเฉินสับจนเละราวกับเป็นเนื้อบดละเอียดอยู่ที่กลางอากาศ
เมื่อยอดฝีมือผู้นั้นตายไปแล้วสนามต่อสู้ก็เกิดความเงียบสงัดขึ้น แม้แต่ฮั่วอู๋ฟางและคนอื่นๆก็อดไม่ได้ที่จะ แสดงอาการตกตะลึง
หลงเฉินโหดเหี้ยมจริงๆ ความจริงแล้วเขาสมารถที่จะป้องกันการโจมตีจากอีกฝ่ายได้ แต่เขากลับไม่ป้องกัน ทั้งยังโจมตี กลับเพื่อแลกชีวิตกันเลย
แม้ว่าหลงเฉินจะสังหารผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศไปแล้ว แต่ว่าอวัยวะของเขานั้นก็ถูกพลังทำลายที่น่าหวาดกลัวเช่นกัน ขณะนี้ พลังแห่งจิตวิญญาณของเขาก็ลดลงไปอย่างรวดเร็ว
“ตายซะ”
ทันใดนั้นหลงเฉินก็ยกทลายมารในมือขึ้น เกิดเสียงดังราวกับเสียงฟ้าร้องคำรามดังกึกก้องไปถึงสวรรค์ชั้นเก้า ท้องฟ้ามีแสงสีทองส่องสว่างไปทั่ว ราวกับว่าทั้งโลกได้ถูกปกคลุมไปด้วยรังสีสังหารสีทอง
“เบิกสวรรค์!”
ขณะที่หลงเฉินเปล่งเสียงออกมาทลายมารก็ได้ตัดผ่าท้องฟ้า นำมาซึ่งพลังแห่งรังสีสังหารที่หนาแน่นปกคลุมไปทั่ว นี่เป็นการโจมตีที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความแน่วแน่ของหลงเฉิน
ทลายมารพุ่งทะยานออกไปฟ้าดินเกิดการสั่นไหวไม่หยุด หลงเฉินใช้พลังทั้งหมดที่มีรวบรวมเข้าไปในดาบ นี่เป็นพลังสภาวะทั้งหมดที่มีของหลงเฉิน
เมื่อดาบทลายมารของหลงเฉินพุ่งออกไป ทำให้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์รวมไปถึงฮั่วอู๋ฟางถึงกับใบหน้าถอดสี หลงเฉินใช้ดาบนี้เป็นเดิมพัน หากไม่ใช่เจ้าตายก็ต้องเป็นข้าที่ตายไม่อาจจะที่ถอยหลังได้อีกแล้ว
“เพลิงพิโรธผนึกสวรรค์”
ฮั่วอู๋ฟางเกิดความกลัวขึ้นภายในจิตใจมือทั้งสองข้างรีบผสานกันทันที ก่อให้เกิดเป็นรอยอักขระสีแดงขึ้นมาที่ระหว่างคิ้ว ทันใดนั้นตรงหน้าของเขาก็ได้เกิดโล่กำบังออกมาอย่างรวดเร็ว
คนอื่นๆที่เห็นต่างก็เตรียมป้องกันตัวเอง พวกเขาไม่เคยสัมผัสพลังความกดดันที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้มาก่อน
“ตูม”
หลังจากดาบนั้นตัดผ่าน พลังอันมหาศาลทำให้พื้นดินแตกแยกออกเป็นทางยาวลึกกว่าสิบจั้ง ต้นไม้ใหญ่ทั้งสองฝั่งล้มลง ฝุ่นตลบอบอวลลอยคละคลุ้งออกไปไกลกว่าร้อยลี้
"...."
ผู้คนต่างก็หายไปหมด เหลือทิ้งไว้เพียงร่องลึกและดาบยาวที่ปักอยู่ตรงพื้น หลงเฉินหายใจเหนื่อยหอบขณะที่ยืนพิงดาบทลายมารอยู่
ผู้คนที่มองดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ สายตาก็จ้องมองร่องลึกที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว และเมื่อมองไปยังหลงเฉินที่หยุดพักอยู่ ผู้คนเหล่านั้นต่างพากันเงียบกล่าวสิ่งใดไม่ออก มองด้วยความตกตะลึง
“ซูม”
ในขณะที่ดินโคลนถล่มลงมา ก็ได้มีร่างหนึ่งผุดออกมาจากพื้นดินทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด อาภรณ์ขาดหลุดรุ่ย
“นั่นมันฮั่วอู๋ฟาง เขายังไม่ตาย”
“แต่ลมหายใจเขาแผ่วเบามาก น่าจะบาดเจ็บสาหัสเลยล่ะ”
ผู้คนต่างพากันตกอกตกใจ ฮั่วอู๋ฟางที่แข็งแกร่งไร้ผู้ต้าน บัดนี้กลับกลายเป็นตกอยู่ในสภาวะคับขัน ราวกับเทียนที่อยู่ท่ามกลางสายลมที่พร้อมจะดับได้ทุกเมื่อ
“หลงเฉิน ฝากไว้ก่อนเถิด ของของฮั่วอู๋ฟางไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถเอาไปได้”
“ซูม”
หลังจากฮั่วอู๋ฟางกล่าวจบ ยังไม่ทันรอให้หลงเฉินตอบกลับ เขาก็หายตัวไปต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ถึงกลับต้องเอายันต์เคลื่อนย้ายที่เป็นสมบัติล้ำค่าออกมาใช้
แม้ว่าฮั่วอู๋ฟางจะยังมีชีวิตอยู่ แต่การโจมตีสุดท้ายของหลงเฉินนั้นก็ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถที่จะสู้ต่อไปได้
ถึงแม้หลงเฉินจะไม่ได้เก่งไปกว่าเขา แต่ข้างกายของหลงเฉินยังมีม่งฉี ฉู่เหยาและลู่ฟางเอ๋อคอยช่วยเหลืออยู่ หากอยู่ต่อไป เขาก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น
ฮั่วอู๋ฟางที่เพิ่งจะหายตัวไป พื้นดินก็เกิดการสั่นไหวอีกระลอกหนึ่ง ร่างหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาจากดิน เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดก็ทำให้ผู้คนทั้งหมดที่อยู่บริเวณนั้นตื่นตกใจขึ้นมา
ร่างนั้นคือผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศระดับแนวหน้าของฝ่ายอธรรม ก่อนหน้านี้เขามีพลังที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แต่ในเวลานี้ กลับอ่อนแรงเหมือนใกล้จะสิ้นลม ทั่วทั้งร่างกายของเขาขณะนี้เหลือเพียงส่วนตัวที่ติดกับศีรษะเท่านั้น ส่วนครึ่งตัวที่เหลือของเขานั้นได้หายไปแล้ว
ทว่าพลังชีวิตของเขานั้นแข็งเป็นอย่างมาก หลังจากออกมาจากโคลนดินได้สำเร็จ เขาก็มองไปที่หลงเฉินราวกับจะกล่าวอะไรบางอย่างเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่กำลังจะอ้าปากนั้นเขาก็ทรุดตัวลงไปนอนแน่นิ่งแล้ว
“ยังมีใครที่อยากจะลงมืออีกไหม ? รีบเข้ามา” หลงเฉินมองไปยังผู้คนที่แอบอยู่ไกลๆด้วยใบหน้าเย็นชา
ร่างกายอาบไปด้วยโลหิต ดาบยาวปักอยู่ข้างๆ ร่างกายตอนนี้อ่อนแรงเต็มที แต่จิตสังหารและความเเน่วแน่ของหลงเฉินกลับยังไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลงเลย
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เย็นชาของหลงเฉิน เหล่าศิษย์ที่ยืนอยู่ไกลๆไม่ว่าจะพวกธรรมะหรืออธรรมต่างก็พากันถอยหนีจากสนามรบอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นการต่อสู้ที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง พลังทำลายกระแทกกับสายลมรอบๆจนทำให้เกิดการสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งผืนฟ้า นี่ทำให้ทุกคนได้รู้ว่าสุดยอดฝีมือเเห่งยุคจริงๆแล้วเป็นเช่นไร
ผู้ใดที่ควรจะถูกเรียกว่าสุดยอดฝีมือเเห่งยุคที่แท้จริง ความเเตกต่างระหว่างผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศกับยอดฝีมือเเห่งยุค ยังถือว่ามีระยะห่างกันอยู่มาก
เสียงของหลงเฉินดังก้องไปทั่วบริเวณ เป็นเหตุให้ศิษย์คนอื่นๆต่างก็ต้องขวัญหนีดีฟ่อ สายลมอ่อนๆที่พัดมา ทำให้อาภรณ์ของหลงเฉินพริ้วไหว เขาดูสง่างามน่าเกรงขามราวกับเทพเเห่งสงครามผู้ไร้พ่าย
เห็นยอดฝีมือที่อยู่รอบๆพากันถอยห่างออกไป หลงเฉินก็เริ่มเกิดอาการอ่อนแอลงไปทุกขณะราวกับว่าสูญเสียพลัง ทั้งหมดที่มีจนอยากจะล้มตัวลงไปกับพื้น
ทันใดนั้นก็มีมือคู่หนึ่งจับประคองร่างของหลงเฉินไว้ ม่งฉีอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความเป็นห่วง
“หลงเฉิน......”
ฉู่เหยาและลู่ฟางเอ๋อต่างก็รีบวิ่งเข้ามาหา ช่วยกันประคองหลงเฉินให้นั่งลง พวกนางเองก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตา ไหลออกมา
“ไม่เป็นไร ข้าบาดเจ็บเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น” หลงเฉินปลอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้า เหงื่อบนใบหน้ายังไหลออกมาไม่หยุด
“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าจะรักษาเจ้าเอง”
ฉู่เหยาเช็ดน้ำตา ยื่นมือกดไปที่บนไหล่ของหลงเฉิน ส่งพลังชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ไปยังภายในร่างกายของหลงเฉิน
"เจ้า..จะไม่เป็นอะไรหรือ?” หลงเฉินถามขึ้นอย่างสงสัย เมื่อเห็นฉู่เหยาที่อ่อนล้าจากการต่อสู้ต้องมาถ่ายพลังแห่งชีวิตให้ร่างของเขา
ทว่าในมือของหลงเฉินนั้นมีหยดน้ำที่เป็นหยดน้ำแห่งชีวิตจากยอดฝีมือแห่งดินแดนหลิงเจี่ยที่มอบให้เขา ถ้าหากเขาใช้มัน บาดแผลที่น่าหวาดกลัวเหล่านี้ก็สามารถจะฟื้นฟูขึ้นมาได้
เพราะมีไม้เด็ดเช่นนี้อยู่ หลงเฉินจึงกล้าจะสู้จนสุดชีวิต เขาเองไม่ใช่คนโง่ที่จะทำอะไรโดยไม่คิดไตร่ตรองก่อน
“เจ้า....เจ้าไม่รู้ว่าข้าสามารถรักษาเจ้าได้ แต่เจ้ายังกล้าที่จะไปเสี่ยงชีวิตอีก น่าโมโหยิ่งนัก” ฉู่เหยากล่าว พร้อมกับน้ำตา ที่ไหลรินลงมาอีกครั้งหนึ่ง
“ก็ข้าไม่ชอบหน้ามัน เอาเถิดเหยาเอ๋อ ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรบ้าๆแบบนี้อีกแล้ว” เมื่อเห็นฉู่เหยาน้ำตานอง หลงเฉินก็รีบกล่าวขอโทษทันที
“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าจะใช้พลังดั้งเดิมช่วยฟื้นฟูภายในให้เจ้า แต่เจ้าอาจจะอ่อนแอสักระยะและไม่สามารถออกไป สู้รบกับใครได้ชั่วคราว”
ฉู่เหยาสูดหายใจลึกๆ พร้อมยื่นมือออกไปปรากฎเส้นสีเขียวอ่อน เมื่อเห็นเส้นสีเขียวอ่อนนี้ปรากฎ ใบหน้าของฉู่เหยา ก็เปลี่ยนเป็นสีขาวโพลนราวกับกระดาษ
เมื่อหลงเฉินเห็นแล้วก็รู้สึกปวดใจ สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ธาตุไม้แล้วพลังดั้งเดิมถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ฉู่เหยากำลังใช้พลังดั้งเดิมของนางเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของหลงเฉิน นั่นมันอาจจะทำลายเส้นรากฐานของนางและอาจกระทบกับคุณสมบัติฝึกยุทธ์ของนางได้เช่นกัน
ทว่าหลงเฉินรู้ว่าในเวลานี้ไม่ควรจะปฎิเสธการรักษาของนางเด็ดขาด เพราะจะยิ่งเป็นการทำร้ายฉู่เหยาเขาจึงทำได้แค่ปิดตา รับรู้ถึงพลังชีวิตอันมหาศาลกำลังไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของเขา
ไม่เหมือนกับที่นางเคยรักษาเเขนของเขาก่อนหน้านี้ เพราะว่าในครั้งนี้ฉู่เหยาได้ถ่ายพลังเเห่งจิตวิญญาณ เข้ามาด้วย มันเป็นพลังที่มีลักษณะเหมือนกับของเหลวที่ไหลเวียนในร่างกายเขา
นั้นคือแก่นของพลังแห่งจิตวิญญาณของฉู่เหยา มันเป็นพลังชีวิตที่บริสุทธิ์ที่สุด นางจำเป็นจะต้องแลกมาด้วยอายุขัยของนาง เมื่อพลังนี้ได้เข้าสู้ร่างกายของหลงเฉินเเล้ว อวัยวะภายในของเขาที่แหลกเป็นชิ้นๆก็ค่อยๆฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง
ชิ้นส่วนของอวัยวะที่แหลกไปนั้นเมื่อถูกผสานกับของเหลวแห่งจิตวิญญาณ ก็เริ่มที่จะกลายเป็นการบำรุงรักษา และหล่อเลี้ยงอวัยวะภายในให้เกิดใหม่ อวัยวะที่เพิ่งงอกออกมาใหม่นั้น เหมือนกับถุงน้ำใสๆจนสามารถมองเห็นหลอดเลือด ที่กำลังไหลเวียนไม่หยุดได้อย่างชัดเจน
“ซูม”
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ฉู่เหยาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆใบหน้าซีดขาว คิ้วขมวดด้วยความเหนื่อยล้า
“ข้าทำให้เจ้าต้องเหนื่อยอีกแล้ว” หลงเฉินจับมือฉู่เหยา พร้อมกล่าวคำขอโทษ
ฉู่เหยายื่นมือไปจับแก้มหลงเฉิน ใบหน้าซีดขาวนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“หลงเฉินขอบคุณเจ้ามาก” หลังจากที่ม่งฉีมองอาการบาดเจ็บสาหัสและใบหน้าที่แสนจะเหนื่อยล้าของหลงเฉิน นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดใจ
“คนที่ต้องพูดว่าขอบคุณคือข้าไม่ใช่พวกเจ้า ครั้งต่อไปอย่าได้ทำเช่นนี้อีก เข้าใจหรือไม่? ครั้งนี้เพียงแค่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ถือว่าดีมากแล้ว” หลงเฉินจับมือม่งฉีพร้อมกับกล่าวอย่างจริงจัง
หลงเฉินรู้ว่าในมือของม่งฉีมียันต์เคลื่อนย้ายอยู่ ตอนที่นางอยู่ในอันตรายกลับไม่ใช้มัน ทำให้ตอนนั้นเขาโกรธมากและคิดว่าวิธีแบบนี้มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ทำ
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าในขณะนั้นม่งฉีและฉู่เหยาก็มียันต์เคลื่อนย้ายอยู่ แต่หลงเฉินกับลู่ฟางเอ๋อไม่มี ทำให้ม่งฉีกับฉู่เหยาไม่ยอมทิ้งหลงเฉินและลู่ฟางเอ๋อเพื่อหลบหนีตามลำพัง พวกนางยอมตายแต่ไม่ยอมที่จะใช้ยันต์เคลื่อนย้าย เหตุนี้จึงทำให้หลงเฉินทั้งโกรธและรู้สึกขอบคุณ
เมื่อเห็นว่าหลงเฉินกำลังอ่านความคิดของตนเอง ใบหน้าของม่งฉีก็เต็มไปด้วยความละอายใจ ก้มหน้าลงไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรออกไปดี
“เอาล่ะ อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย พวกเราออกไปจากที่นี่กันเถอะ” ลู่ฟางเอ๋อพูดแทรกขึ้นพร้อมกับพยุงฉู่เหยา
ม่งฉีก็ได้ช่วยพยุงหลงเฉินให้ลุกขึ้น ทั้งสี่คนพากันขึ้นหลังเสี่ยวเสว่ยและสิงโตแดงอัคคี เพื่อมุ่งหน้าออกไปยังภายนอกของพงไพรแห่งความมืด
พงไพรแห่งความมืดเป็นสถานที่ที่ไม่มีสิ่งที่พวกเขาต้องการอีกต่อไปแล้ว ด้านนอกป่ามีผู้คนเพียงน้อยนิด พวกเขาคาดว่า น่าจะปลอดภัยกว่าอยู่ภายในนี้
บาดแผลของหลงเฉินนั้นสาหัสมาก ฉู่เหยาเองก็สูญเสียพลังดั้งเดิมไปเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องหาที่ที่เงียบสงบเพื่อรักษาตัว
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ทุกคนก็พบสระน้ำที่อยู่ห่างไกลออกไป ในบริเวณใกล้ๆก็ไม่มีสัตว์มายาและยังเจอถ้ำที่สะอาดเหมาะแก่การพักชั่วคราว ทั้งสี่คนจึงจัดทางในถ้ำให้เรียบร้อยแล้วก็ปิดปากถ้ำเอาไว้
บาดแผลของหลงเฉินนั้นฟื้นฟูได้เร็วมาก เพราะได้พลังของฉู่เหยาที่ช่วยฟื้นฟูเปลี่ยนแปลงอวัยวะภายในของเขา รวมไปถึงร่างกายของหลงเฉินเองนั้นค่อนข้างจะแข็งแรง เขาคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
จริงๆแล้วอาการบาดเจ็บของฉู่เหยา และการที่ฉู่เหยาต้องสูญเสียพลังดั้งเดิมค่อนข้างน่าเป็นห่วงมากกว่า แต่ฉู่เหยากลับบอกหลงเฉินให้สบายใจได้และไม่ต้องกังวล นางเพียงแค่ต้องการเวลาฟื้นฟูเพียงเล็กน้อย ก็จะสามารถดูดซับพลังจากพฤษาเจ็ดดวงใจได้ เพื่อไปช่วยเสริมพลังดั้งเดิมของนาง เรื่องนี้จึงไม่น่าเป็นห่วงอะไรอีกแล้ว
เมื่อเห็นหลงเฉินและฉู่เหยาไม่เป็นอะไรมาก ม่งฉีและลู่ฟางเอ๋อก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก พร้อมกับหยิบเอาไข่ยักษ์ออกมา แล้วเริ่มทักษะลับเพื่อให้ลูกนกที่อยู่ภายในนั้นได้เติบโตรวดเร็วยิ่งขึ้น
เมื่อผ่านไปหลายวัน ร่างกายของหลงเฉินก็ฟื้นฟูจนหายสนิท เมื่อเห็นฉู่เหยาที่เริ่มหันไปสนใจการดูดซับพลังจากแก่นไม้ โดยมีม่งฉีและลู่ฟางเอ๋อคอยคุ้มกันอยู่ ก็ได้กล่าวทักทายพวกนางพร้อมกับเดินออกไปข้างนอกถ้ำ
.
.
.
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**