ตอนที่ 386 เอาชนะกลุ่มขุนศึกที่ตั้งตัวเป็นใหญ่
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
“โล่เพลิง”
ทันใดนั้นฮั่วอู๋ฟางก็คำรามเสียงดังลั่น ปรากฎเปลวไฟลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง และเข้ารวมตัวกันเป็นโล่ขนาดใหญ่ แม้ว่าจะเป็นการก่อตัวของเปลวไฟแต่กลับดูราวกับโล่โลหะที่แข็งแก่ง
นี่แสดงให้เห็นว่าการควบคุมเพลิงของฮัวอู๋ฟางอยู่ในระดับที่สูงมาก ทว่าเมื่อหลงเฉินใช้ทลายมารฟันเข้าไปที่โล่เพลิงนั้น มันก็ได้แตกกระจายออกไปทันที
ฮั่วอู๋ฟางและหลงเฉิน ต่างก็หวาดกลัวกับพลังอันแข็งแกร่งของอีกฝ่าย ร่างกายของพวกเขาทั้งคู่ต่างได้รับผลกระทบที่รุนแรง กระทั่งในตอนนี้หลงเฉินก็ไม่สามารถปกปิดอาการบากเจ็บได้อีกต่อไป ในที่สุดเขาก็กระอักเลือดออกมา
ทว่าฮั่วอู๋ฟางนั้นมีสภาพที่ย่ำแย่ยิ่งกว่าหลงเฉิน เขากระอักเลือดติดต่อกันสามครั้ง ดาบเพลิงนั้นสร้างขึ้นมาจากเพลิงโอสถของเขา จึงเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณโดยตรง เมื่อมันถูกทำลายจึงส่งผลกระทบกับร่างกายและพลังภายในร่างกายของเขาด้วย
อาวุธเพลิงของฮั่วอู๋ฟางถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง ในเวลานี้ไม่เพียงแต่เกิดความเสียหายทางร่างกายเท่านั้น แต่ทางจิตใจก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักด้วย
หลงเฉินถูกพัดถอยออกไปไกลกว่าหลายจั้ง เขาเช็ดเลือดที่มุมปาก ยกทลายมารขึ้นมา เตรียมการจะสังหารฮั่วอู๋ฟางอีกครั้ง เขาต้องการแสดงความเเน่วแน่ให้ทุกผู้คนเห็นว่า หากฮั่วอู๋ฟางยังไม่ตาย เขาก็จะไม่มีวันหยุดอย่างแน่นอน
เมื่อทุกคนเห็นความกล้าหาญเช่นนั้นของหลงเฉินแล้วก็ถึงกับตกใจตื่นตะลึง รูปแบบการต่อสู้เช่นนี้ เหมือนกับการต่อสู้ของสัตว์มายาอย่างมาก ร้ายกาจและรุนแรง ทั้งยังสู้ไม่ถอย
เมื่อถูกหลงเฉินขับไล่อย่างต่อเนื่อง ต้องกระอักเลือดออกมาหลายครั้ง ฮั่วอู๋ฟางก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขาพึ่งจะพบเจอกับสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้เป็นครั้งแรก
เขาคือผู้ฝึกยุทธ์วิถีโอสถ ของเพียงไม่ใช่การเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญธาตุน้ำ ผู้ฝึกยุทธ์ในระดับเดียวกันในทุกสายทั้งหมด ล้วนไม่มีผู้ใดสามารถรับมือเขาได้ถึงสามกระบวนท่า
แม้ว่าฮั่วอู๋ฟางจะเป็นคนหยิ่งผยอง แต่พลังฝีมือของเขาก็ถือว่าไม่ธรรมดา ความสามารถในการควบคุมเพลิงจากสัตว์มายาของเขา ในสำนักเดียวกันไม่มีใครเทียบเขาได้
เมื่อมีเพลิงปราณคุ้มกาย เขาก็แทบจะไร้คู่ต่อสู้ระดับเดียวกัน ทว่าในการต่อสู้กับหลงเฉินนั้น หลงเฉินเองก็ใช้พลังเพลิงปราณคุ้มกายเช่นกัน แม้ว่าพลังเพลิงของหลงเฉินจะด้อยกว่ามาก แต่ทว่าเขาใช้เพลิงโอสถเพียงเพื่อปกป้องส่วนสำคัญในร่างกายเท่านั้น และใช้พลังด้านอื่นที่เหนือกว่าไล่กดดันฮั่วอู๋ฟาง จนความได้เปรียบในเรื่องพลังเพลิงโอสถของฮั่วอู๋ฟางถูกลบล้างไป ถ้าหลงเฉินไม่ได้มีความทรงจำของจักรพรรดิโอสถ เขาคงจะไม่มีทางสู้กับคนอย่างฮั่วอู๋ฟางได้
“ทุกคนในที่นี้ หากช่วยข้าฆ่าเจ้าเด็กน้อยผู้นี้ ข้าฮัวอู๋ฟาง จะไม่ลืมน้ำใจของพวกเจ้า!” ดาบเพลิงปรากฎบนมือของฮัวอู๋ฟางอีกครั้ง เขาใช้มันป้องกันการโจมตีของหลงเฉิน
ฮัวอู๋ฟางทราบดีว่า เขาประเมินพลังของหลงเฉินไว้ต่ำเกินไป การต่อสู้ของหลงเฉินไม่ได้ต่างไปจากเขา อีกทั้งยังมีเพลิงปราณคุ้มกาย ดังนั้นตัวเขาเองเพียงคนเดียวคงไม่สามารถเอาชนะหลงเฉินได้แน่
ดังนั้นเขาจึงใช้คำมั่นสัญญาของตนเอง เพื่อซื้อใจผู้อื่นให้ช่วยเหลือ นกมายาขนม่วงอยู่ในมือของหลงเฉิน อย่างไรเสียเขาก็ต้องเอามาให้ได้
หากเขาสามารถหลอมพลังเพลิงของนกมายาขนม่วงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในพลังของเขาได้ พลังเพลิงของเขาก็จะทยานขึ้นสูงอีกครั้งจนถึงระดับที่ไร้เทียมทานได้เลยทีเดียว
สิ่งล้ำค่านี้ เขาไม่มีวันยอมแบ่งปันกับผู้อื่นอย่างแน่นอน ดังนั้นที่ก่อนหน้านี้ที่หลงเฉินกล่าวว่าจะแบ่งให้เขาครึ่งหนึ่ง เขาจึงปฎิเสธทันที
แม้ว่าเพียงได้รับพลังเพลิงกาฬของสัตว์มายาแค่ครึ่งเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้เขารวบรวมพลังเพลิงจากสัตว์มายาออกมาใช้ได้ แต่เมื่อคิดว่า ต้องสูญเสียพลังบางส่วนที่ควรจะได้ไปก็ทำให้เข้าแทบยอมไม่ได้ ที่สำคัญของดีเช่นนี้เขาไม่ควรจะเเบ่งใคร
“ตูม ตูม....”
หลงเฉินคาดไม่ถึงว่าฮั่วอู๋ฟางจะร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น และในตอนนี้ก็มียอดฝีมือประมาณเจ็ดแปดคนเข้าร่วมวงต่อสู้ ทุกคนมุ่งหมายที่จะฆ่าหลงเฉิน
หลงเฉินไม่เคยคิดมาก่อนว่า ศิษย์ของหอคอยโอสถจะมีฐานะสูงส่งเช่นนี้ ไม่ว่าจะฝ่ายธรรมะหรืออธรรม ก็ไม่ยอมผิดใจกับพวกเขา
เห็นได้ชัดว่า เมื่อฮัวอู๋ฟางยื่นข้อเสนอและขอความช่วยเหลือ หลังจากไตร่ตรองเพียงชั่วครู่ ศิษย์จำนวนมากก็ยื่นมือเข้าช่วยทันที พวกเขาต้องการได้ชื่อว่าทำประโยชน์ให้แก่ศิษย์จากหอคอยโอสถ หรือจะกล่าวให้เข้าใจง่ายก็คื ทำเพื่อเอาหน้านั่นเอง
แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้หลงเฉินโกรธถึงขีดสุดคือ ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศสองคนที่เคยต่อสู้แย่งชิงนกมายาขนม่วงก่อนหน้านี้ กลับเข้าร่วมกับฮั่วอู๋ฟางเพื่อฆ่าหลงเฉินในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
หากแม้เป็นคนอื่นหลงเฉินไม่เห็นอยู่ในสายตา แต่ยอดฝีมือทั้งสองนี้เป็นผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศที่แข็งเเกร่ง พลังสภาวะของพวกเขาหนักแน่นราวกับคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้ามา แม้ว่าพวกเขาจะอยู่คนละระดับกับฮั่วอู๋ฟาง แต่ก็ด้อยกว่าเพียงแค่ขั้นเดียวเท่านั้น
เมื่อมียอดฝีมือผู้แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น มากถึงสองคนเข้าร่วมกับฮั่วอู๋ฟาง จึงทำให้หลงเฉินรู้สึกกดดันเพิ่มมากขึ้นทันที เขาเรียกทลายมารออกมา ดาบใหญ่เปล่งแสงสีทองเตรียมพร้อมรับการโจมตีของทุกผู้คน
และหลังจากได้เห็นว่าผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศทั้งสองคนนั้นเข้าร่วมกับฮั่วอู๋ฟาง ก็มียอดฝีมือจำนวนมากยื่นมือเข้าช่วยเหลือเขาเพิ่มขึ้น คนพวกนั้นต่างก็ต้องการเอาหน้า โดยการให้การช่วยเหลือศิษย์ของหอคอยโอสถ ทำให้ในขณะนี้ศิษย์ฝ่ายธรรมะและอธรรมกว่าสามร้อยคน กำลังบุกเข้ามาหาหลงเฉิน ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว หลงเฉินคงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว
“หมื่นบุษผาแห่งการกำเนิด”
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่น ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือน เสาไม้จำนวนนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาจากพื้นราวกับมังกรบ้าคลั่ง พุ่งตรงเข้าใส่กลุ่มคนที่กำลังจะโจมตีหลงเฉินอย่างรวดเร็ว เจาะทะลุพื้นดินราวลูกธนูที่ถูกยิงออกมา
“ตูม ตูม ตูม”
นั่นคือพลังแห่งพฤกษาของฉู่เหยา เสาไม้สีทองเปล่งประกาย แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า แทงเสียบทะลุร่างยอดฝีมือจำนวนไม่น้อย กรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังระงม
“จิตวิญญาณหวนคืน”
ฉู่เหยาเพิ่งจะโจมตีผ่านไป พลังจิตวิญญาณที่น่าหวาดกลัวราวกับคลื่นยักษ์สายหนึ่งก็ถาโถมเข้าใส่คนกลุ่มนั้น ทันใดนั้นยอดฝีมือส่วนใหญ่ก็ชะงักไป ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณ ยกเว้นผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศเพียงไม่กี่คน
นั่นเป็นการลงมือของม่งฉี ในตอนนี้ พลังแห่งจิตวิญญาณอันทรงพลัง ครอบคลุมสนามรบทั้งหมดเพียงชั่วพริบตา ทำให้ผู้คนฝ่ายตรงข้ามชะงักงั้น หยุดนิ่ง เข้าสู้สภาวะไร้จิตวิญญาณไปชั่วขณะ
ในการเผชิญหน้ากับผู้ฝึกจิตวิญญาณนั้น หากไม่ใช่ผู้ที่มีพลังจิตวิญญาณที่เเข็งเเกร่งในระดับที่เท่าเทียมกันหรือมีเครื่องป้องกันทางวิญญาณคุ้มครองแล้วละก็ ก็แทบไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานการโจมตีของจิตวิญญาณของพวกเขาได้ แม้ว่าม่งฉีจะใช้ทักษะทางวิญญาณที่เป็นการโจมตีแบบกลุ่ม แต่ขอเพียงแค่สามารถหยุดพวกเขาได้สักครึ่งลมหายใจก็เพียงพอแล้ว
“ตูม ตูม”
พลังวายุและเปลวเพลิงผสานส่งเสริมกัน จนกลายเป็นพายุไฟขนาดใหญ่พุ่งแหวกอากาศเข้าไปโจมตีเหล่ายอดฝีมือทางฝ่ายของฮั่วอู๋ฟางอย่างรวดเร็ว พลังอันรุนแรงทำให้เกิดการระเบิดที่น่าหวาดกลัว ทั้งเลือดและเนื้อปลิวว่อน กว่าที่คนเหล่านั้นจะฟื้นคืนจากการโจมตีทางจิตวิญญาณของม่งฉีเเละได้สติรู้สึกตัว พวกเขาก็หมดโอกาสที่จะกรีดร้องแล้ว
ผู้คนที่อยู่ไกลออกไป ที่กำลังคิดจะเข้าร่วม เมื่อเห็นเช่นนั้นก็เริ่มลังเล ครุ่นคิดจะเข้าร่วมการต่อสู้ดีหรือไม่ พวกเขาต่างตกตะลึงและหวาดผวาในสิ่งเห็น
เพียงการโจมตีระลอกแรกก็สังหารผู้คนไปไม่ต่ำกว่าแปดสิบคน หนึ่งในนั้นมีหลายคนเป็นผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศ ผู้อยู่เหนือขอบเขตอีกยี่สิบกว่าคน ในขณะที่ศิษย์สายตรงตายตกไปในชั่วพริบตา
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรืออธรรมทุกคนล้วนหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด รับรู้ถึงความรู้สึกหนาวสั่นที่ลึกเข้าไปในกระดูก โดยเฉพาะพวกที่ลงมือค่อนข้างช้านั้น ก็แอบรู้สึกดีใจที่ตนเองชีวิตยังรอดอยู่
การโจมตีของหญิงสาวทั้งสามและสัตว์เลี้ยงสองตัว ทำให้คนจำนวนมากหวาดผวา ก่อนหน้านี้ที่ม่งฉีและฉู่เหยาต่อสู้แย่งชิงสัตว์ร้ายแห่งวายุก็ไม่ได้ลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนั้น
เมื่อเห็นว่า หลงเฉินกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤต ทั้งสามก็เลือดขึ้นหน้า รีบลงมือด้วยพลังทั้งหมดอย่างโหดเหี้ยมไม่ปราณีผู้ใดอีกต่อไป เพียงโจมตีออกไปในครั้งแรกก็สังหารผู้คนไปได้มากมาย ผู้ฝีมือแข็งแกร่งจำนวนหนึ่งก็รู้สึกหวาดผวาไม่น้อย ใบหน้าพวกเขาซีดราวกระดาษ และเมื่อพบว่าตนเองยังรักษาชีวิตไว้ได้ก็โล่งใจ ค่อยๆก้าวถอยหลังออกไปอย่างเงียบๆ ไม่ต้องการกวนน้ำให้ขุ่นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามก็ยังมียอดฝีมืออีกเจ็ดคนที่กำลังรุมโจมตีหลงเฉิน ในเจ็ดคนนั้นมีสองคนที่เป็นผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศที่เเข็งเเกร่งในฝ่ายอธรรม อีกห้าคนเป็นฝ่ายธรรมะ และทุกคนล้วนเป็นผู้อยู่เหนือขอบเขตทั้งหมด
รอบตัวพวกเขามีแสงสว่างครอบคลุมอยู่ ดูราวกับเปลือกไข่ที่โปร่งใสครอบร่างกายเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าคนทั้งเจ็ดครอบครอบเครื่องป้องกันจิตวิญญาณ
และด้วยพลังของเครื่องมือเหล่านี้ ทำให้พวกเขาไม่กลัวการโจมตีทางจิตวิญญาณของม่งฉี เพราะมั่นใจว่าขอเเค่ต้านทานการโจมตีทางวิญญาณนั้นได้เเค่ชั่วครู่ ก็คงจะเพียงพอที่จะสังหารหลงเฉินได้แล้ว
และถึงอย่างไรในที่นี้ก็มีฮั่วอู๋ฟางที่เป็นสุดยอดฝีมือระดับสูง และยิ่งเมื่อมีความช่วยเหลือสนับสนุนจากเครื่องป้องกันทางวิญญาณเช่นนี้ หลงเฉินก็คงจะไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้นานแล้ว
ม่งฉีเเละคนอื่นๆ ช่วยกันโจมตีสกัดกั้นกลุ่มคนที่หวังเอาหน้าโดยให้การช่วยเหลือฮั่วอู๋ฟาง เพื่อไม่ให้คนเหล่านั้นเข้าไปโจมตีหลงเฉินได้
“ศรวิญญาณเหมันต์”
“มังกรหมื่นมวลไม้”
ม่งฉีและฉู่เหยาปลดปล่อยพลังออกไปพร้อมกัน ศรวิญญาณเหมันต์จำนวนมากลอยสูงขึ้นเต็มท้องฟ้า แล้วพุ่งตรงไปที่กลุ่มคนเหล่านั้น
ม่งฉีทราบดีว่า เครื่องป้องกันทางจิตวิญญาณมีพลังงานจำกัด และต้องพึ่งพาพลังของผู้ใช้งาน เมื่อผู้ใช้งานอ่อนล้า พวกเขาก็จะไม่สามารถป้องกันการโจมตีทางจิตวิญญาณได้อีก แต่ทว่าการโจมตี เป็นวงกว้างในพื้นที่เปิดเช่นนี้ ทำให้ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้คนพวกนั้นอ่อนล้าลงได้ นางจึงทำได้เพียงก่อกวนให้กลุ่มคนที่อยู่ในบริเวณที่รอบๆหลงเฉินเสียสมาธิไป
ขณะที่ฉู่เหยาเอง ก็ใช้พลังธาตุไม้อันไร้ที่สิ้นสุด โจมตีฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน กิ่งก้านไม้จำนวนนับไม่ถ้วนงอกเงยขึ้นมาจากพื้นดิน และตรงเข้าโอบล้อมผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศเหล่านั้นไว้
ไม้นั้นแข็งแกร่งมากเสียจนถ้าหากเป็นผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศธรรมดาก็ยากที่จะทำลายไม้ของฉู่เหยา แต่ทว่าคนกลุ่มนี้มีผู้ที่เป็นสุดยอดในหมู่ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศอยู่
ไม้ของฉู่เหยาจึงรบกวนจังหวะการโจมตีของพวกเขาได้่เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ผลลัพธ์ก็คือการก่อกวนของฉู่เหยา ทำให้พวกเขาเกิดอุปสรรคในการโจมตี เท่านี้ฉู่เหยาก็พึงพอใจแล้ว หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปได้ หลงเฉินก็จะสามารถประคับประคองพลังและร่างกายต่อไปได้
ด้วยการโจมตีทางจิตวิญญาณอย่างไม่ลดละของม่งฉีและลู่ฟางเอ๋อ ก็ทำให้ในที่สุดแสงสว่างที่ครอบคลุมร่างของเหล่าผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศนั้นเริ่มที่จะอ่อนลงเรื่อยๆแล้ว แสงนั้นจางลงไปอย่างรวดเร็ว ชัดเจนจนสามารถสังเกตเห็นด้วยตาเปล่า นั่นบ่งบอกว่าเครื่องป้องกันจิตวิญญาณของพวกเขาก็กำลังจะหมดพลังในอีกไม่นานนี้แล้ว เมื่อเครื่องมือจิตวิญญาณของพวกเขาหายไป ชัยชนะก็จะเทไปทางฝั่งของหลงในเฉินทันที
หลงเฉินกวัดแกว่งทลายมารในมือ ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังลมปราณแผ่กระจายไปทั่ว และเนื่องจากต้องสู้กับผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศถึงแปดคน เเม้ว่าจะมีเสี่ยวเส่วยและสิงโตสีเเดงอัคคีค่อยช่วย เเต่หลงเฉินก็ยังต้องสู้ไปพลาง ถอยหลังออกไปพลาง ถูกกดดันอย่างต่อเนื่อง
ฮัวอู๋ฟางนั้นแข็งแกร่งมาก ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าหยินหลอ เพียงแต่หยินหลอจะเน้นการโจมตีที่รุนแรงเเละเป็นวงกว้างในการโจมตีแต่ละครั้ง ในขณะที่ฮั่วอู๋ฟางจะค่อยๆเผาผลาญพลังในร่างกาย และใช้ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ และถึงแม้ว่าการต่อสู้จะผ่านมานานถึงเพียงนี้ แต่พลังเพลิงโอสถของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยเเม้เเต่น้อย นี่คือความน่ากลัวของผู้ฝึกยุทธ์วิถีโอสถ ที่จะใช้เพลิงกาฬค่อยๆทำให้คู่ต่อสู้อ่อนล้าจนต้องตายในที่สุด
ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศทั้งหมดช่วยกันโจมตีหลงเฉิน ทว่าก็มีพลังไม้ของฉู่เหยาก่อกวนอยู่ พลังโจมตีจิตวิญญาณของม่งฉีและลู่ฟางเอ๋อ บวกกับความช่วยเหลือของสัตว์มายาทั้งสองตัว เมื่อพวกเขาร่วมมือกัน ธูปผ่านไปครึ่งดอกเหล่าศัตรูก็ยังไม่สามารถเข้าถึงหลงเฉินได้
และในเวลานั้นเองที่เเสงสว่างที่คอยปกป้องร่างกายของพวกเขามืดดับลง เครื่องป้องกันวิญญาณของพวกเขาหมดพลังลงไปเเล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีทางวิญญาณของม่งฉีเเละลู่ฟานเอ๋อโดยตรงแล้ว
“ไปฆ่าแมลงวันที่น่ารำคาญพวกนี้ให้ตายไปซะ” ฮัวอู๋ฟางกล่าวด้วยความโกรธแค้น หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาก็จะยิ่งเสียเปรียบ
“ตูม”
เสียงระเบิดดังขั้น ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศฝ่ายธรรมะผู้หนึ่งทะยานออกมา เขาเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าหาม่งฉีจากระยะไกล เเละเงื้อมดาบขึ้นเตรียมฟาดฟัน
แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะได้ทำอันตรายม่งฉี ก็มีคมวายุสายหนึ่งตรงเข้าไปที่คนผู้นั้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอีกนอกจากต้องยอมล้มเลิกการโจมตีม่งฉี บิดดาบหันคมเข้าต้านทานคมวายุแทน เเต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร ก็ต้องร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เมื่อถูกลูกไฟขนาดใหญ่อัดเข้าไป
เมื่อเห็นว่ามียอดฝีมือคิดที่จะโจมตีม่งฉี แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ เนื่องจากมีเสี่ยวเสว่ยและสิงโตเพลิงอัคคีคอยคุ้มกัน อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
“ฆ่าพวกนางซะ!”
ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศฝ่ายธรรมะอีกคน ผละจากการโจมตีหลงเฉินและพุ่งเข้าไปที่ม่งฉีทันที ในระหว่างนั้นก็ได้ซัดพลังโจมตีไปที่ม่งฉีด้วย
“ระวัง!”
หลงเฉินร้องเตือนเสียงดัง ในขณะเดียวกันก็กำลังต้านทานการโจมตีจากทุกคน
ฉู่เหย่าสะบัดมือ นางละทิ้งการคุ้มกันหลงเฉินชั่วคราว หันมาใช้พลังธาตุไม้สร้างตาข่ายขนาดยักษ์ขึ้นมาตรงหน้าของม่งฉีเพื่อป้องกันการโจมตีให้แก่นาง
“เปิด!”
ตาข่ายไม้ของฉู่เหยาถูกดาบของผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศผู้นั้นฟันขาดกระจุย เขากระโจนเข้าหาม่งฉี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสภาวะพลังที่รุนเเรงของผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศผู้นั้นม่งฉีก็ตกใจจนหน้าถอดสี ฉู่เหยาและลู่ฟางเอ๋อไม่สามารถช่วยนางได้ทันแล้วในเวลานี้ เมื่อเห็นม่งฉีกำลังถูกดาบของคนผู้นั้น ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงกรีดร้องออกมา
“เจี่ยเจีย!”
“ตายซะ!”
“ตูม”
โลหิตสาดกระจายทั่วทั้งท้องฟ้า
.
.
.
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**