ตอนที่ 385 สงครามทลายฟ้า
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
สีหน้าของม่งฉีเปลี่ยนไปเล็กน้อย หญิงสาวจำสัญลักษณ์ภาพปักนั้นบนเสื้อผ้าของเขาได้ และในตอนนี้นาง และก็ต้องตกตะลึงยิ่งขึ้นเมื่อรู้ภูมิหลังของเขา
“เด็กน้อย ถ้าเจ้าฉลาด ก็จงส่งนกมายาขนม่วงตัวนั้นมาให้ข้า แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” ฮั่วอู๋ฟาง จ้องมองหลงเฉินอย่างเย็นชา เขากล่าวพร้อมกับเอามือไขว้หลัง แววตาหยิ่งทะนง
“หลงเฉิน เขามาจากหอคอยโอสถ พวกเราไม่ควรไปมีเรื่องกับเขา” ม่งฉีกระตุกแขนเสื้อของหลงเฉินเบาๆ แล้วกระซิบเสียงค่อย
หลงเฉินงุนงงเล็กน้อย แล้วแสดงสีหน้าครุ่นคิด : หอคอยโอสถงั้นหรือ? เหตุใดถึงรู้สึกคุ้นเคยนักนะ เหมือนกับว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“หอคอยโอสถเจ้าอาจจะยังไม่รู้จัก แต่ผู้ที่อยู่ในวิถีโอสถทุกคนต้องรู้จักหุบเขาโอสถแน่ หอคอยโอสถก็คือสาขาที่ขึ้นตรงต่อหุบเขาโอสถ และเพราะได้รับการสนับสนุนจากหุบเขาโอสถโดยตรง จึงทำให้หอคอยโอสถมีความแข็งเเกร่งเป็นอย่างมาก พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ พวกเขาก็คือผู้แทนแห่งหุบเขาโอสถ”ม่งฉีเอ่ยอธิบาย
หลงเฉินอดไม่ได้ที่จะตกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าคนผู้นี้จะน่ากลัวถึงเพียงนี้ หุบเขาโอสถคือดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ในวิถีโอสถ ซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอก
และหอคอยโอสถนั้น ก็เป็นเสมือนสำนักงานหลักของโลกแห่งโอสถเลยก็ว่าได้ กล่าวกันว่า แม้กระทั่งโอสถระดับสูงของสำนักพลิกสวรรค์ ก็ได้มาจากหุบเขาโอสถแห่งนี้
หอคอยโอสถเกือบผูดขาดตลาดการค้าโอสถทั้งหมด หากผู้ใดกล้าทำให้พวกเขาขุ่นเคือง นั่นก็เรียกได้ว่าเป็นการ ‘ขุดหลุมฝังศพตัวเอง’ แล้ว ยาโอสถนั้นจำเป็นในการส่งเสริมการฝึกยุทธ์ให้ก้าวหน้า ดังนั้น หากไร้การสนับสนุนจากโอสถไปแล้วก็เหมือน ‘ถอนฟืนใต้กะทะ’ และในท้ายที่สุดก็คงจะเหลือแต่เพียงรอให้สำนักของตนเองล่มสลายลงไปเท่านั้น
นี่เองคือเหตุผลว่าเหตุใดผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศฝ่ายอธรรมทั้งสองจึงไม่กล้าต่อกรกับฮั่วอู๋ฟาง ในการต่อสู้นั้นเห็นได้ชัดว่าคนทั้งสองยังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงออกมาเลยด้วยซ้ำ แต่กลับถอนตัวออกจากการแข่งขันด้วยสีหน้าเป็นกังวล นั่นเพราะในตอนนั้นพวกเขารับรู้ถึงสถานภาพของฮั่วอู๋ฟางแล้ว
หอคอยโอสถนั้น เป็นกลางระหว่างฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็สามารถทำการค้ากับพวกเขาได้ ดังนั้นแม้แต่ฝ่ายอธรรมก็ยังไม่อยากมีเรื่องบาดหมางกับพวกเขา
“หลงเฉิน อย่างนี้ไม่ดีแน่ เจ้าควรจะมอบนกมายาสีม่วงให้เขาไป สัตว์มายาธาตุไฟพวกเราค่อยช่วยกันหาตัวอื่นแทนก็ได้” ม่งฉีกระซิบแผ่วเบา น้ำเสียงเจือความร้อนรนอย่างชัดเจน
เบื้องหลังของหอคอยโอสถนั้น น่าหวั่นเกรงเป็นอย่างมาก พวกเขาเป็นผู้แทนของหุบเขาโอสถ และเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดบนโลกในด้านโอสถ ไม่เคยมีผู้ใดกล้าท้าทายพวกเขามาก่อน
หลงเฉินเองคิดไม่ถึงว่า คนตรงหน้าจะมีเบื้องหลังที่น่าตกใจเช่นนี้ หากตนเองกระทำการยั่วยุคนผู้นี้ เกรงว่าผลลัพธ์ที่ตามมา ตัวเขาเองคนเดียวคงไม่อาจจะรับผิดชอบไหว ดังนั้นจึงพยายามอย่างหนัก ตัดอารมณ์เคียดแค้นในจิตใจออกไป สูดลมหายใจเล็กน้อย แล้วเอ่ยปากออกมา: “นกมายาขนม่วงตัวนี้ข้าเป็นคนเจอและสัตว์ร้ายแห่งวายุข้าก็เป็นคนนำมา ดังนั้น...”
“เลิกกล่าววาจาไร้สาระ! เจ้าจะส่งนกนั่นมาหรือว่าไม่ส่ง?” ฮัวอู๋ฟางกล่าวตัดบทหลงเฉิน พร้อมกับโบกไม้โบกมือวุ่นวาย ในหน้าถมึงทึง
ความเคียดแค้นในใจของหลงเฉินปะทุขึ้นมาอีกครั้ง โทสะมีเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวี แต่ทว่าก็ต้องพยามสงบใจให้ได้อีกครั้ง เขากล่าวขึ้นมาอย่างอดกลั้น: “เพลิงปราณในตัวของนกมายาสีม่วง ข้าสามารถแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่งได้ นั่นก็น่าจะเพียงพอที่เจ้าจะรวบรวมเพลิงกาฬจากสัตว์เพลิง เพลิงจากสัตว์มายาตัวนี้ก็จำเป็นกับข้าเช่นกัน”
“ไม่ต้องต่อรอง จะส่งนกมายาสีม่วงมาให้ข้าหรืออยากตาย เจ้าเลือกเอา” ฮั่วอู๋ฟางกล่าวอย่างไร้เยื่อใย
“เจ้า!....” ฉู่เหยาเอง ก็กลั้นความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ นี่มันรังแกกันมากเกินไปแล้ว
หลงเฉินโบกมือยับยั้งฉู่เหยา เขาทราบดีว่าฮัวอู๋ฟางเป็นคนเช่นไร ในขณะเดียวกันก็ทราบด้วยว่าคนเช่นนี้ต้องการสิ่งใด
จู่ๆหลงเฉินก็เผยยิ้มบางอย่างไร้สาเหตุ ทว่าทั้งสีหน้าและแววตากลับเยือกเย็น รอยยิ้มของหลงเฉินนั้นทำให้หญิงสาวทั้งสามรู้สึกขนลุกขึ้นมาในทันที
“เอาละ หากเจ้าต้องการ ข้าก็จะให้เจ้า รับไปสิ!” เมื่อหลงเฉินกล่าวจบ ชั่วพริบตาก็หายตัวไปจากจุดที่ยืนอยู่
เมื่อฮัวอู๋ฟางเห็นเช่นนั้น ก็คิดว่าหลงเฉินถอดใจและยอมยกนกมายาขนม่วงให้เขา และยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว แต่ทว่า ในตอนที่เขากำลังจะยิ้มเย้ย สายตาของเขาก็ต้องพร่ามัวไป ใบหน้าซีกหนึ่งชาวาบ จู่ๆก็มีฝ่ามือปริศนาฟาดเข้าไปที่หน้าของฮั่วอู๋ฟางอย่างแรง
“ผลัวะ”
เกิดเสียงดังคล้ายเสียงกิ่งไม้หัก แรงฟาดจากฝ่ามือนั้นส่งให้ร่างของฮั่วอู๋ฟางกระเด็นขึ้นไปในอากาศ ฟันหลายซี่หลุดออกมาจากปากและลอยออกไปพร้อมร่างกายของเขาด้วย
เมื่อได้ทำเช่นนี้แล้ว หลงเฉินก็รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจอย่างยิ่ง จนเกือบจะเรียกได้ว่า ‘รู้สึกรื่นเริง’ ขึ้นมาเลยทีเดียว
“หลงเฉินนี่เจ้า......” ม่งฉี ลู่ฟางเอ๋อ และฉู่เหยา ต่างยกมือขึ้นมาปิดปาก ดวงตาใสกระจ่างของพวกนางฉายแววสะดุ้งตกใจ หลงเฉินเจ้าบ้าไปแล้วใช่หรือไม่?
ไม่ใช่แค่เพียงหญิงสาวทั้งสามคนที่ตกใจแต่ยอดฝีมือฝ่ายธรรมะและอธรรมทั้งหมดที่เห็นเหตุการณ์ ต่างก็ตื่นตะลึงขึ้นมาด้วยเช่นกัน ในเมื่อก็แล้วทราบว่าฮัวอู๋ฟางเป็นผู้ใด มีความสำคัญมากมายเพียงใด แล้วเหตุใดจึงกล้าลงมือ นี่มันไม่ต่างจากการรนหาที่ตายเลยก็ว่าได้ หลงเฉินผู้นั้นบ้าไปแล้วอย่างแน่นอน
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ? คิดว่าอยู่ภายใต้กระดองที่ชื่อว่าหอคอยโอสถ แล้วจะไม่มีผู้ใดกล้าทำอะไรเจ้าอย่างนั้นหรือ? วันนี้ข้าจะช่วยให้เจ้าได้เปิดหูเปิดตาเอง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องกลัวหอคอยโอสถ! ในเมื่อเจ้ากล้าใช้อิทธิพลมาข่มขู่ข้าเราคงต้องเห็นดีกัน” หลงเฉินด่าทอออกมาอย่างเกรี้ยวกราด นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขายอมถอยให้ศัตรูก้าวหนึ่ง ทว่าแม้เขาจะยอมถอยให้แล้ว แต่อีกฝ่ายกับยังคงดึงดันแข็งขืน
นี่เองทำให้หลงเฉินเข้าใจอย่างลึกซึ้ง คนบางประเภทไม่สมควรอ่อนข้อให้ หรือปล่อยให้เป็นไปตามใจเขา เพราะความเอาแต่ใจของเขาจะทำให้เขามองไม่เห็นคุณค่าในน้ำใจของผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย
“เจ้ากล้าตบหน้าข้า?”
ฮั่วอู๋ฟางคำรามออกมาอย่างเดือดดาล เขาถูกหลงเฉินตบจนลอยออกไป โดยแทบจะไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา
ถึงอย่างนั้น ที่เขาไม่ทราบก็นับว่าไม่ผิด มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่เคยถูกหลงเฉินตบอย่างไม่ทันตั้งตัว ถ้าไม่ได้เตรียมการป้องกันด้วยจิตใจทั้งหมดหรือรู้ตัวมาก่อน ผู้ฝึกยุทธ์ในระดับเดียวกันก็ไม่มีผู้ใดป้องกันท่าตบของหลงเฉินได้อย่างแน่นอน เพราะการตบที่รุนแรงของหลงเฉินนั้นไม่ได้เป็นเคล็ดวิชา ไม่ต้องอาศัยพลังลมปราณในร่างกาย จึงโจมตีศัตรูได้โดยที่พวกเขาไม่ทันรู้ตัว
ด้วยมุมองศาที่เหมาะสม รวมกับทิศทางและวิถีโค้งอันสวยงามของวงแขนที่วาดออกไปก็ทำให้เกิดแรงส่งที่รุนแรง อีกทั้งยังไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ก็สามารถซัดศัตรูให้กระเด็นออกไปได้
หากจะว่าไปแล้วการตบหน้าของหลงเฉินนั้น ก็เป็นเพียงการระบายอารมณ์เท่านั้น ได้ออกแรงหนักๆ ซัดหน้าศัตรูจนปลิวออกไปด้วยท่วงท่าที่น่าดูชม ก็ช่วยให้ในใจที่โกรธแค้นรู้สึกเบาสบายขึ้นมาได้เป็นอย่างมาก หรือจะกล่าวให้เข้าใจก็คือ ช่วยให้รู้สึก ‘สะใจ’ ยิ่งนัก
แต่ความสะใจนั้น เกิดขึ้นกับผู้ชมและหลงเฉินเท่านั้น ใครก็ตามที่โดนฝ่ามือของหลงเฉินเข้าไป กลับเกิดความเจ็บปวดจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูงเกินไป มองผู้อื่นผ่านปลายจมูก จะได้รับความเสียหายทางจิตใจมากกว่าความเจ็บปวดทางร่างกายเป็นเท่าทวี
“ตูม”
ฮั่วอู๋ฟางแผดเสียงคำรามดังลั่น ในเวลานี้ปรากฎเปลวไฟสีแดงลุกอยู่เหนือไหล่ทั้งสอง ทันใดนั้นเปลวไฟที่หน้าหวาดกลัวนั้นก็ลุกโชนปกคลุมร่างกายของเขา และแผ่กระจายออกไปรอบบริเวณในระยะหลายจั้ง เปลวเพลิงสีแดงที่ห่อหุ้มร่างกายของเขานั้น ทำให้เขาดูราวกับเทพแห่งอัคคี
เป็นความร้อนที่สูงจนน่ากลัว ราวกับว่าจะจุดท้องฟ้าให้ลุกไหม้ได้ เป็นเหตุให้ผู้คนตกตะลึงรีบถอยห่างออกไปในทันที
“เป็นพลังเพลิงที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก คนธรรมดาไม่สามารถย่างกรายเข้าใกล้เขาได้เลย” ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศฝ่ายอธรรมกล่าวออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวา
แม้จะเป็นถึงผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศก็ยังไม่สามารถทนทานต่อความร้อนสูงที่น่ากลัวนี้ได้ ไม่มีทางที่จะเข้าไปใกล้เพลิงเช่นนี้ได้เลย
ผู้อยู่ในวิถีโอสถนั้น ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้เพลิงจากสัตว์เพลิง ที่ครอบครองอยู่ พวกเขาสามารถไหลเวียนพลังเพลิงของสัตว์มายาธาตุไฟได้ด้วยทักษะพิเศษ จนพลังเพลิงที่ปลดปล่อยออกมานั้นน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเพลิงที่สัตว์มายาใช้ออกมาเองเสียอีก นี่เอง ถือเป็นจุดที่น่ากลัวที่สุดของวิถีโอสถ
“ตายซะ”
ฮั่วอู๋ฟางตะโกนด้วยความโกรธ เพลิงในมือพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน ก่อตัวเป็นดาบเพลิงที่ยาวกว่าร้อยจั้ง ตัดผ่านอากาศตรงไปที่หลงเฉิน
ดาบเพลิงที่พุ่งออกมาทำให้เกิดพายุเพลิงหมุนไปทั่วท้องฟ้า แผ่พลังเพลิงไปทุกสารทิศ ครอบงำทั่วพื้นพิภพ ---- การโจมตีนี้ถูกส่งออกมาพร้อมพลังเพลิงอันแข็งแกร่งของฮั่วอู๋ฟาง!
ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศที่อยู่ไกลออกไปอดหน้าซีดไม่ได้ ตัวสั่นขึ้นมาทันทีอย่างห้ามไม่ได้
พวกเขาตื่นตกใจถึงขีดสุด เปลวเพลิงของฮัวอู๋ฟางนั้น มีอานุภาพรุนแรงบางอย่าง ที่ราวกับพลังที่มองไม่เห็น ที่แทบจะสามารถยับยั้งจิตวิญญาณและสำนึกรู้ตัวของพวกเขาไปจนหมดสิ้น
“อย่างที่คิดเอาไว้เลย ฮั่วอู๋ฟางมีสายเลือดโบราณ” ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศฝ่ายอธรรมที่เคยประมือกันกับฮัวอู๋ฟาง กล่าวพึมพำ พยักหน้าผงกศีรษะอย่างลืมตัว เมื่อข้อสันนิษฐานที่เขาคาดเดาไว้เป็นจริง
ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศฝ่ายอธรรมคนนั้น พึ่งจะได้ประมือกับฮั่วอู๋ฟางไปสองครั้ง แม้ว่ายังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดออกมาแต่ตัวเขาสืบสายเลือดโบราณ จึงสามารถรับรู้ถึงพลังสายเลือดโบราณกาลในตัวของฮั่วอู๋ฟางได้เช่นกัน
เหตุผลที่เขาถอนตัวออกมาไม่เพียงเพราะภูมิหลังของฮัวอู๋ฟาง ขณะเดียวกันก็รับรู้ถึงพลังอันแข็งแกร่งจากพลังทางสายเลือดของฮัวอู๋ฟางด้วย
ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศฝ่ายอธรรมผู้นั้น เคยปะมือกับหยินหลอมาก่อน ทำให้เขารับรู้ได้ว่าร่างของฮัวอู๋ฟางเขาแผ่พลังแรงกดดันที่แทบจะเหมือนกันกับหยินหลอ
ตอนนี้ในที่สุดฮัวอู๋ฟางก็ได้ปลดปล่อยพลังออกมา อานุภาพของพลังแห่งจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเช่นนั้น ---- ไม่ผิดอย่างแน่นอน ฮั่วอู๋ฟางมาจากตระกูลเก่าแก่ที่สืบเชื้อสายโบราณเช่นกัน คลื่นพลังต่อสู้จึงสูงส่งเทียมฟ้าเช่นนี้
เมื่อประจักษ์ถึงพลังทั้งหมดของฮัวอู๋ฟางที่ปะทุออกมา หลงเฉินก็ไม่กล้าที่จะเฉยเมยอีกต่อไป เขารู้สึกได้ว่าพลังอันน่าหวาดกลัวที่ฮั่วอู๋ฟางซัดเข้าใส่เขา นั้นแข็งแกร่งและทรงพลังอย่างยิ่ง และให้ความรู้สึกไม่ต่างจากในตอนที่ได้ต่อสู้กับหยินหลอแม้แต่น้อย
ผู้ฝึกยุทธ์วิถีโอสถต่างเป็นที่รู้กันดีว่าจะแข็งเเกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ในสายอื่น ถ้าไม่นับผู้ฝึกยุทธ์ธาตุน้ำแล้ว ไม่ว่าผู้ฝึกยุทธ์วิถีใดก็ยากที่จะเทียบกับวิถีโอสถได้
“กายาศึกกักวายุ –-- เบิก”
วงแหวนแห่งเทพปรากฏขึ้น ผืนฟ้าสั่นสะเทือน พลังมหาศาลคล้ายคลื่นยักษ์ในมหาสมุทรซัดสาด แผ่กระจายไปทั่วทุกทิศ ในจุดที่หลงเฉินยืนอยู่เกิดลำแสงสว่างเจิดจ้าพุ่งสูงขึ้นไปบนฟ้า ในดวงตาคู่คมปรากฎภาพดวงดารานับล้านดวง ผมดำขลับปลิวไสว ในตอนนี้หลงเฉินดูราวกับเทพเจ้าแห่งสงครามลงมาจุติ เจตจำนงทลายสวรรค์เก้าชั้นพื้นพิภพสิบขั้น ข่มขวัญไปทั่วท้องฟ้า
เมื่อเหล่าศิษย์ที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่รับรู้ได้ถึงพลังที่น่าหวาดกลัวนั้น ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดลงทันที หลงเฉินผู้นั้น น่ากลัวมากเกินไปแล้ว ความน่าหวาดกลัวนั้นสั่นคลอนลึกลงไปในจิตวิญญาณของพวกเขา สะกดให้ผู้คนที่ได้พบเจอ ต่างต้องคุกเข่าก้มหัวยอมจำนน
แต่สิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดก็คือ ความแน่วแน่ของหลงเฉิน ความแน่วแน่นั้นไม่เพ่งตรงมาที่พวกเขาและไม่ได้เพ่งไปที่ฮัวอู๋ฟางที่อยู่ด้านหน้า แต่มันถูกปล่อยออกมาอย่างธรรมชาติและพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยตรง
ความแน่วแน่ของหลงเฉิน ฉีกได้แม้แต่ท้องฟ้า ทะลายได้แม้เเต่พื้นพสุธา ทำให้พวกเขารู้สึกราวกับเป็นเพียงมดปลวกตัวเล็กๆ บนพื้นดิน ไร้ซึ่งความสำคัญใดๆ
เปลวไฟสีฟ้าโอบล้อมร่างกายของหลงเฉิน ตวัดดาบทลายมารในมือ ประกายแสงจากใบดาบขนาดใหญ่ส่องสะท้อนไปจนถึงท้องนภา มุ่งหน้าเข้าปะทะกับดาบเพลิงของฮั่วอู๋ฟาง
“ตูม”
ดาบทลายมารปะทะเข้ากับดาบเพลิง เกิดการระเบิดรุนแรงสะเทือนไปทั้งโลกหล้า อานุภาพที่น่าหวาดกลัวกระจายออกไปทั้งสี่ทิศ เกิดเสียงดังสะเทือนโสตประสาทผู้คนที่อยู่โดยรอบ พลังมหาศาลตรงเข้าเขย่าจิตวิญญาณของพวกเข้า ข่มขวัญให้หวาดกลัวแทบสิ้นสติ
“เจ้าคิดว่า เจ้าสามารถสังหารข้า หลงเฉินได้งั้นหรือ ? ข้าจะบอกให้ เจ้าไม่มีปัญญาทำมันได้หรอก ไม่ใช่ว่าข้าดูถูกเจ้าหรอกนะ แต่เจ้ามันทำไม่ได้จริงๆ”
หลงเฉินฟันดาบเพลิงแตก แม้จะทำให้แขนของเขาชาจนไร้ความรู้สึกก็จริง แต่ทางด้านของฮั่วอู๋ฟางก็ดูจะตกตะลึงเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่าอาการของฮั่วอู๋ฟางคงไม่ได้ดีไปกว่าหลงเฉินเป็นแน่
หลังจากฟาดฟันออกไปหลงเฉินก็ก้าวออกไปข้างหน้า หลงเฉินในเวลานี้ทั้งสง่างามและยังเต็มไปด้วยจิตสังหารอันเข้มข้นไร้ขีดจำกัด แม้ว่าแขนจะยังรู้สึกชาอยู่ แต่หลงเฉินก็รู้ว่าอีกฝ่ายก็คงไม่ได้มีสภาพดีไปกว่าเขา ในเวลานี้เขาควรจะใช้ความแน่วแน่เล่นงานฝ่ายตรงข้ามให้ถึงที่สุด
“ตายซะ”
หลงเฉินตะโกนเสียงดัง อาวุธทลายมารในมือส่องแสงสีทองทะลุขึ้นถึงท้องฟ้า ราวกับเกิดฟ้าแลบในฤดูใบไม้ผลิ ดาบสีทองที่ราวกับลงมาจากสวรรค์นั้น ฟันลงมาที่ฮั่วอู๋ฟางอย่างรวดเร็ว
ฮัวอู๋ฟางตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก เมื่อพบว่าดาบเพลิงของเขาถูกหลงเฉินทำลาย และอานุภาพของพลังนั้นก็ทำให้เขาสูญเสียพลังลมปราณนจนกระอักเลือด อวัยวะภายในของเขาในตอนนี้ก็ได้รับบาดเจ็บ
ในขณะที่เขากำลังรวบรวมพลังเพื่อสร้างดาบเพลิงขึ้นมาใหม่ ยังไม่ทันที่จะได้พักหายใจ ก็พบว่าพลังโจมตีของหลงเฉินพุ่งเข้ามาหาอีกครั้ง หมายที่จะสังหารเขาอย่างรวดเร็ว ภายในใจของฮั่วอู๋ฟางในขณะนั้น แทบข่มกลั้นความหวาดกลัวเอาไว้ไม่ได้ เขารีบยกดาบเพลิงขึ้นป้องกันทันที
“ตูม”
เกิดเสียงระเบิดขึ้นอีกครั้ง ดาบเพลิงที่ฮัวอู๋ฟางกำลังรวบรวมได้ถูกทำลายแตกไปอีกครั้งเช่นกัน ร่างกายของเขากระเด็นออกไปด้านหลัง อวัยวะภายในของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก เขากระอักเลือดออกมาไม่หยุด
“อะไรกัน? ฮัวอู๋ฟางได้รับบาดเจ็บแล้วอย่างนั้นหรือ?” ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ตกใจขึ้นมายกใหญ่
เมื่อใช้ดาบใหญ่ทำลายดาบเพลิงไปเป็นคร้งที่สอง หลงเฉินเองก็ได้รับผลกระทบที่รุนแรงด้วยเช่นกัน เขารู้สึกได้ถึงรสชาติของโลหิตที่อยู่ในลำคอ หากรุนแรงมากกว่านี้อีกเพียงเล็กน้อยก็คงจะกระอักเลือดคำใหญ่ออกมาแล้วเช่นกัน
ทว่าหลงเฉินไม่ยอมให้ตนเองกระอักเลือดออกมา เขาต้องการเเสดงความแน่วแน่เพื่อข่มขวัญอีกฝ่าย เขาไม่ต้องการให้ศัตรูล่วงรู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บ
“ตูม”
หลงเฉินเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยไม่รอให้ฮั่วอู๋ฟางได้ลงถึงพื้น รีบส่งพลังโจมตีออกไปอีกเป็นครั้งที่สาม พลังการโจมตีที่รุนแรงพุ่งแหวกอากาศตรงไปที่ศรีษะของฮั่วอู๋ฟาง
.
.
.
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**