ตอนที่ 382 ไข่นกมายาขนม่วง
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
บ่อที่อยู่ด้านข้างนั้น ก่อนหน้านี้หลงเฉินได้ขอร้องให้ฉู่เหยาช่วยขุด ก่อนที่เขาจะออกไปหาสัตว์ร้ายแห่งวายุ มันเป็นบ่อที่ค่อนข้างแคบแต่มีความลึกเกินกว่าร้อยจั้ง
และหลังจากที่เข้าไปถึงก้นลึกของบ่อ ก็จะมีอุโมงค์เล็กๆที่สามารถในเดินทางไปถึงภูเขาลูกเล็กๆที่ทั้งสามคนรออยู่ได้
การขุดเส้นทางนี้ไม่ได้ยากอะไรสำหรับฉู่เหยาที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ธาตุไม้ ตอนที่หลงเฉินเข้าไปในบ่อนั้นเขาก็เห็นไม้จำนวนมากที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นเส้นทาง
ฉู่เหยาละเอียดรอบคอบมากจริงๆ จนหลงเฉินอดที่จะชื่นชมไม่ได้ เป็นเส้นทางการหลบหนีที่ดูดีและสะดวกสบายอยู่มาก
อุโมงค์ใต้ดินทั้งหมดทำมาจากไม้สูงประมาณเก้าฉื่อ หลงเฉินจึงวิ่งผ่านไปได้อย่างสบายโดยไม่ต้องก้มตัวลง เขาพยายามจะลงไปให้ถึงข้างล่างให้เร็วที่สุด
หลังจากที่เข้าสู่อุโมงค์ได้เพียงชั่วครู่ เส้นทางที่อยู่ด้านหลังของเขาก็เริ่มถล่มลงมา เขาจึงต้องรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น
“ตูม”
หลงเฉินพุ่งตัวออกมาจากอุโมงค์ ข้างหน้าปรากฏแสงสว่างและก็พบม่งฉีกับทุกคนที่กำลังมองดูเขาด้วยความเป็นห่วง
“จัดการเรียบร้อย ข้าพาผู้ช่วยที่ทรงพลังมาแล้ว” หลงเฉินรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของพื้นดินไม่หยุด ก็รู้เลยว่าสัตว์มายาระดับห้าทั้งสองตัวได้เริ่มสู้กันแล้ว
ยิ่งเป็นสัตว์มายาที่แข็งแกร่งมาก มันจะไม่อนุญาติให้ใครเข้ามาในอาณาเขตของพวกมัน เพราะโดยมากเขตเเเดนของสัตว์มายาระดับสูงมักจะมีสมบัติซ่อนอยู่ หากผู้ใดเข้ามามันคิดว่าจะต้องเข้ามาแย่งสมบัติของมันดังนั้นมันจะโจมตีจนตาย
ก่อนหน้าที่สัตว์ร้ายแห่งวายุจะวิ่งตามมาอย่างดุเดือด ในช่วงที่มันโจมตีหลงเฉินก็ได้วิ่งลงบ่อน้ำเข้ามาจนทะลุถึงอุโมงค์
ทำให้การโจมตีนั้นตรงไปทางนกมายาขนม่วงแทน สัตว์มายาทั้งสองตัวนี้แม้ว่าพลังจะน่ากลัว แต่ความฉลาดของพวกมันกลับไม่ได้สูงมากนัก
โดยเฉพาะเมื่อสัตว์ร้ายแห่งวายุได้เริ่มโจมตีก่อน นกมายาขนม่วงจึงโจมตีกลับตามธรรมชาติ สำหรับนิสัยของสัตว์มายา แม้ว่าจะไม่มีหลงเฉินจับคู่ทั้งสองมาเจอกัน แต่โดยพื้นฐานแล้ว มันก็ต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายอยู่แล้ว ถ้ามันได้เห็นหน้ากัน
“หลงเฉิน เจ้าทำได้อย่างไร?” ม่งฉีกล่าวด้วยความตกใจ แม้แต่ฉู่เหยาและลู่ฟางเอ๋อก็มีสีหน้าก็งุนงงเช่นกัน
“ฮ่า ฮ่า ข้าเป็นลูกพี่ที่ดีของสัตว์มายาสองตัวนี้ ที่ขอให้พวกมันช่วยนั้นคือเรื่องของคำพูด” หลงเฉินกล่าวอย่างโอ้อวด
“เชื่อเจ้าก็แปลก เห็นได้ว่าสัตว์สองตัวนี้มันตามล่าเจ้าอย่างกับกระต่าย พวกมันแทบรอไม่ไหวที่จะได้กลืนเจ้า” ฉู่เหยาอดหัวเราะไม่ได้
หลงเฉินขบขันและเล่าเรื่องที่พาตัวเองมาอยู่ในหุบเขาที่หมอกหนาทึบอย่างสรุปสั้นๆ
“หลงเฉินเจ้ามันบ้ามากจริงๆ ที่คิดวิธีเช่นนี้ได้” ม่งฉีกล่าวด้วยความประหลาดใจ
แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าสัตว์มายาแข็งแกร่งมากในอาณาเขตของมัน แต่เมื่อมีสัตว์มายาระดับเดียวกันปรากฏขึ้น ก็จะเกิดการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย
ทว่าจำเป็นต้องมีความกล้าอย่างมากที่หลงเฉินจะใช้วิธีบ้าๆนี้ หลายคนแค่คิดก็ยังไม่กล้า
“ตูม”
ระหว่างที่พูดคุยกันทันใดนั้นก็มีคลื่นพลังความร้อนพัดผ่านเฉียดไป ฉู่เหยาสะบัดมือสร้างไม้จำนวนนับไม่ถ้วนราวกับโล่ ล้อมพวกเขาเอาไว้แน่น
หลังจากผ่านไปหลายลมหายใจ ฉู่เหยาก็ถอนโล่ไม้ออก พวกเขาพบว่าต้นไม้เขียวชะอุ่มบริเวณรอบๆ เพียงแค่พริบตาเดียว ก็กลายเป็นถ่านไปแล้ว
“การโจมตีบริเวณรอบๆนี้น่ากลัวมาก” ลู่ฟางเอ๋อกล่าวออกมาด้วยความกลัว
นี้คือสถานที่ที่มีสัตว์มายาทั้งสองตัวสู้กัน แม้จะห่างไกลกันหลายร้อยลี้ก็ยังคงได้รับผลกระทบ พวกสัตว์มายาระดับห้านั้น ช่างน่ากลัวจริงๆ
“นกมายาขนม่วงตัวนั้นเป็นธาตุไฟ และสัตว์ร้ายแห่งวายุนั้นคือธาตุลม เมื่อการโจมตีทั้งสองปะทะกันก็ ทำให้เขตการโจมตีขยายกว้างมากขึ้น
ม่งฉี ถ้าหากสัตว์มายาระดับห้าได้รับบาดเจ็บ ไร้แรงต้านทานแล้ว เจ้าจะทำให้มันกลายเป็นสัตว์มายาของเจ้าได้หรือไม่? " ทันใดนั้นหลงเฉินก็แววตาเป็นประกาย กล่าวถามม่งฉีขึ้นมา
หากสัตว์มายาทั้งสองตัวต่อสู้แพ้และได้รับบาดเจ็บ จนสูญเสียพลังการต่อสู้ ถ้าม่งฉีสามารถรับมันทั้งสองเป็นสัตว์มายาของตัวเองได้ พลังการต่อสู้ของนางแม้แต่สวรรค์ก็คงต้องยำเกรง นางคงจะมีอำนาจพอที่จะกวาดล้างพวกสำนักเล็กๆได้สบายเลย
หยินหลออะไร หานเทียนหวู่อะไรนั่น? ก็คงจะไม่อยู่ในสายตาของนางอีกต่อไป
“เรื่องเช่นนี้จะเป็นไปได้อย่างไร เจ้าคิดเยอะไปแล้ว สัตว์มายาที่เข้าระดับห้าจิตวิญญาณของพวกมันเองก็พัฒนาไปมากด้วยเช่นกัน
เจ้าเคยก็เห็นแล้วใช่หรือไม่ว่าการโจมตีทางจิตวิญาณก่อนหน้านี้ของข้า มันใช้กับนกมายาขนม่วงไม่ได้ผล นั่นก็เพราะว่าพลังจิตวิญญาณของพวกมันสูงส่งกว่า
หากต้องการสัตว์มายานี้ ข้าจะต้องเข้าสู่ขอบเขตปรือกระดูกก่อน พลังจิตวิญญาณอาจจะเเข็งเเกร่งขึ้นถึงจะมีความหวัง” ม่งฉีถอนหายใจแล้วกล่าว
“อย่างนี้เอง เช่นนั้นมันก็น่าเสียดาย” หลงเฉินกล่าวอย่างเสียดาย
“หลงเฉินความคิดของเจ้าไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปจริงๆ” ม่งฉีรู้สึกหมดคำพูด ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นที่คิดอยากได้สัตว์มายาระดับห้าเป็นความคิดที่บ้ามาก มีเพียงหลงเฉินเท่านั้นที่จะคิดออกมาได้
เมื่อได้เห็นแววตาหลงเฉินผิดหวังก็ทราบทันทีว่าเขาจริงจังมาก เขาไม่เพียงกล้าคิดเท่านั้น แต่เขายังจะกล้าทำอีกด้วย มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทำได้ เหมือนที่มีสัตว์มายาทั้งสองตัวต่อสู้กัน นั่นก็มีเพียงหลงเฉินที่กล้าใช้วิธีนี้
“ยิ่งพวกมันต่อสู้กัน พวกมันก็น่าจะยิ่งออกไปไกลมากขึ้น ข้าว่านกมายาขนม่วงคงกลัวกระทบกระเทือนไปถึงรังของมัน ทำไมพวกเราไม่ลองเข้าไปดูกันว่ารังของมันมีสมบัติล้ำค่าอะไร?” หลงเฉินกล่าวและหัวเราะอย่างมีเลศนัย
การที่สัตว์มายาระดับห้าจะเลือกที่อยู่ตรงไหนนั้น มันต้องต้องมีเหตุผลของมัน และที่เเห่งนั้นจะต้องไม่ใช่ที่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เมื่อพวกเขาทั้งสี่เห็นนกมายาขนม่วงหายไปจนลับสายตาแล้ว หลังจากนั้นก็ค่อยๆเข้าไปใกล้รังของนกมายาขนม่วง
รังของนกมายาขนม่วงอยู่บนยอดภูเขาสูงที่สามารถมองเห็นได้ทั่วแปดทิศ ใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยามที่หลงเฉินและทุกคนกว่าจะปีนขึ้นมาได้
ทั้งสี่คนพากันสำรวจอย่างระมัดระวัง ได้ยินเสียงร้องของนกมายาขนม่วงและสัตว์ร้ายแห่งวายุมาแต่ไกลๆ พวกเขามองเห็นมันต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง บริเวณรอบๆภูเขาสูง คมวายุและเปลวไฟปะทะกันอย่างดุเดือด ทำให้พื้นบริเวณนั้นราบเรียบไปหมด
ดูท่านกมายาขนม่วงไม่มีเวลาสนใจกับรังของมันแล้ว หลงเฉินจึงพาทั้งสามสาวปีนขึ้นไปบนภูเขาสูง ที่ตรงด้านหน้าคือ รังนกขนาดใหญ่ รังนี้มีขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ มันมีขนาดไม่ต่ำกว่าครึ่งลี้ หลงเฉินยังพบว่ารังนี้ทำมาจากไม้โบราณ ที่มีความยืดหยุ่นสูง
เขามองไปรอบๆไม่เห็นสิ่งใดเป็นพิเศษจึงกล่าว “พวกเราปีนขึ้นไปเพื่อดูข้างในรังกันเถอะ”
รังมีขนาดใหญ่สูงเกือบหนึ่งร้อยจั้ง จากด้านล่างของรังทำให้มองไม่เห็นสถานการณ์ที่อยู่ข้างใน
ทั้งสี่จึงปีนขึ้นไปสำรวจรังนก เมื่อไปถึงพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะกระโดดด้วยอาการตื่นเต้น
“ไข่นกมายาขนม่วง”
ไข่ยักษ์ทั้งสี่ใบนอนอย่างเงียบๆอยู่ข้างใน เปลือกไข่เปล่งประกายสีหยกออกมาแค่มองดูก็สัมผัสได้ถึงพลังอันมาศาลของสัตว์มายาระดับสูง
ม่งฉีและลู่ฟางเอ๋อแววตาเป็นประกาย ไข่ยักษ์สี่ใบเทียบเท่ากับนกมายาขนม่วงสี่ตัว เท่ากับว่านางมีโอกาสได้สัตว์มายาระดับสูงสี่ตัวในคราวเดียว
“พวกเรารวยแล้ว รีบเก็บไข่เร็ว” หลงเฉินกล่าวอย่างเร่งรีบ
เป็นครั้งแรกที่ม่งฉีวิ่งเข้าไปอย่างไม่ลังเล มือก็ค่อยๆลูบไข่ใบใหญ่ที่สูงราวหนึ่งจั้ง
“ไข่นกมายาขนม่วงทั้งหมดมีสี่ใบ พวกเราคนละใบพอดีเลย เอ๊ะ นกน้อยข้างในกำลังจะฟักออกมาแล้ว” ม่งฉีชักมือกลับ ใบหน้างดงามปรากฏความประหลาดใจ เพราะม่งฉีรู้สึกได้ถึงคลื่นชีวิตที่แข็งแกร่งภายในไข่ พวกมันใกล้ฟักออกมาแล้ว
“เช่นนั้นก็ดี นกมายาขนม่วงที่เกิดใหม่จะอ่อนต่อโลก มันน่าจะง่ายที่สุดที่จะทำให้มันเป็นสัตว์มายาของเรา!” ลู่ฟ่างเอ๋อดีใจ มือปล่อยพลังแห่งจิตวิญญาณเพื่อสัมผัสกับนกน้อยที่อยู่ด้านใน และค่อยๆเริ่มเชื่อมสัมพันธ์กับมัน
ลูกนกใกล้จะฟักออกมา ในสถานการณ์นี้สภาวะอารมณ์ของพวกมันจะไม่คงที่ จึงยังไม่จำเป็นต้องประทับตราจิตวิญญาณ เพียงสร้างความไว้ใจให้มันก็สำเร็จแล้ว
สัตว์มายาแม้ว่าจะเป็นสัตว์ที่กระหายเลือดด้วยตัวของมันเอง แต่ถ้าเกิดพวกมันได้เป็นสหายกันแล้วก็จะไม่คิดทรยศแน่นอน
แม้ว่าการประทับตราทาสจะทำให้สัตว์มายาไม่สามารถต้านทานได้ แต่มันก็ส่งผลต่อการเจริญเติบโต และการพัฒนาของสัตว์มายา โดยปกติแล้วการประทับตราจิตวิญญาณจะใช้กับสัตว์มายาที่โตแล้วมากกว่า
ข้อเสียร้ายแรงของการประทับตราจิตวิญญาณลงไป ก็คือถ้าพลังจิตวิญญาณของเราด้อยลง หรือพลังจิตวิญญาณของสัตว์มายาสูงขึ้นจนสามารถทำลายตราประทับได้ มันก็จะสามารถหลุดจากการควบคุมได้
และตอนนี้นกมายาขนม่วงยังไม่ทันฟักออกมา จึงสามารถเชื่อมสัมพันธ์กับพวกมันได้ง่ายที่สุดและเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะผูกสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณกับพวกมัน
มีเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ม่งฉีก็ได้สร้างความเชื่อใจระหว่างเจ้าตัวเล็กที่อยู่ข้างในและกับจิตวิญญาณของนางได้สำเร็จแล้ว
“ฉู่เหยามาข้าจะสอนเจ้า มันไม่ยากเท่าไรหรอก.......”
เมื่อเห็นฉู่เหยาไม่เข้าใจสิ่งที่พวกนางกำลังทำ ม่งฉีจึงรีบสอนทักษะวิญญาณขั้นพื้นฐานแก่ฉู่เหยา มันง่ายมากแค่ฉู่เหยาฟังครั้งเดียวก็สามารถเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เริ่มโคจรพลังจิตวิญญาณไปรอบๆไข่เพื่อสื่อสารกับชีวิตข้างใน
แม้ว่าฉู่เหยาจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ธาตุไม้ แต่พลังจิตวิญญาณก็ถือว่าแข็งแกร่งเหมือนกัน นางมีพรสวรรค์ที่สามารถควบคุมพลังจิตวิญญาณได้ง่าย โดยเฉพาะเรื่องของการสร้างช่องว่างทางจิตวิญญาณ นางก็สามารถทำได้นานแล้ว
ตอนแรกนางเพียงสร้างเล่นสนุกๆ ไม่ได้คิดเรื่องที่จะควบคุมหรือใช้สัตว์มายาแต่อย่างใด เนื่องจากนางต้องหาสถานที่เพื่อใช้ฝึกปรือวิชาธาตุไม้
ทว่าไข่ของนกมายาขนม่วงที่ถือเป็นสัตว์มายาระดับสูง และมันก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ใครบ้างที่จะไม่ต้องการนกมายาขนม่วง?
“หลงเฉิน ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อมต่อจิตวิญญาณกับมัน?” เมื่อเห็นหลงเฉินไม่เก็บไข่ยักษ์ แต่กำลังมองหาอะไรที่บริเวณรอบๆ ม่งฉีจึงถามขึ้นมา
“ม่งฉี นี่เป็นส่วนของข้า เจ้ามาเอาไปสิ” หลงเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ทำไม นี่เป็นนกมายาขนม่วงพลังการต่อสู้นั้นแข็งเเกร่งเป็นอย่างยิ่ง แล้วเหตุใดเจ้าไม่ต้องการ?” ม่งฉีอดไม่ได้ที่จะสงสัย
“ข้ามีเสี่ยวเสว่ยก็พอแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องมีสัตว์มายาอื่น” หลงเฉินกล่าว
“แต่ว่าเสี่ยวเสว่ย.....” ม่งฉีกล่าวอย่างลังเล
“ข้ารู้ แต่ว่าเสี่ยวเสว่ยจะเป็นเพียงหนึ่งเดียวในใจ ไม่มีใครมาแทนได้ แม้มันอาจจะช่วยหรือสู้เคียงข้างข้าไม่ได้ในอนาคต แต่ข้าก็จะให้มันร่วมทางไปกับเข้าเสมอ” หลงเฉินกล่าวอย่างหนักแน่น
“โบร๋ว โบร๋ว”
ในช่องว่างจิตวิญญาณของหลงเฉิน เสี่ยวเสว่ยส่งเสียงเบาๆ หลับตาลงและค่อยๆมีน้ำตาไหลออกมา
“หลงเฉิน....” ม่งฉีใจเต้นเบาๆ
"ไม่ต้องห่วง ข้าคือผู้ฝึกยุทธ์ เขาควรจะเชื่อพลังของตัวเองมากที่สุด ถ้าข้าเติบโตหรือพัฒนาโดยใช้ผู้ช่วยมากเกินไป มันก็จะทรงผลต่อจิตใจที่แน่วแน่ของข้า เจ้าควรจะเก็บมันไว้เองเถอะ ถ้ารอช้ามันจะฟักออกมาเสียก่อน”
ม่งฉีพยักหน้า ในเวลาเดียวกันก็มีความรู้สึกแปลกๆปรากฏขึ้นในใจแววตาที่มีความอบอุ่น ในที่สุดนางก็ไม่ลังเลอีก และเริ่มสื่อสารกับไข่นกอีกใบ
นอกจากไข่นกยักษ์ทั้งสี่แล้ว หลงเฉินยังพบว่ามีเปลือกไข่ที่แตกอยู่ก่อนแล้ว ในใจตกตะลึงที่ตำนานเป็นเรื่องจริง ว่านกมายาขนม่วงจะกำเนิดไข่ทั้งหมดห้าใบ หลังจากเกิดก็จะกินไปหนึ่งใบเพื่อชดเชยพลังของร่างกายที่สูญเสียไป
และตลอดระยะเวลาในการฟักไข่ มันก็จะกินไข่ไปเรื่อย จนสุดท้ายจะเหลือเพียงนกมายาขนม่วงเพียงตัวเดียวเท่านั้น ที่จะฟักออกมาได้จริงๆ โชคดีที่พวกเขามาถึงก่อนที่นกมายาขนม่วงจะกินไข่ใบอื่นๆ
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ฉู่เหยาพยายามจะนำไข่ยักษ์เก็บลงช่องว่างของจิตวิญญาณ ในขณะที่หลงเฉินกำลังดูการต่อสู้ของ สัตว์มายาทั้งสองตัว เขาถอนหายใจและกล่าวขึ้น
“ข้ากลัวว่าจะเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ในอีกไม่ช้านี้”
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**