ตอนที่ 381 กำลังเสริมมาถึงแล้ว
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
หลายวันต่อมาหลังจากที่หลงเฉินได้เดินทางมาตามแผนที่ ก็พบว่าเบื้องหน้าที่อยู่ไม่ไกลออกไปมากนักได้มีสระน้ำขนาดใหญ่ เมื่อเขามองไปที่ด้านข้างของสระน้ำก็ได้พบเห็นว่ามีเงาขนาดใหญ่หลบซ่อนอยู่ จึงทำให้ใบหน้าเขาปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
สัตว์ร้ายแห่งวายุแม้ว่าจะเป็นสัตว์มายาระดับห้า แต่ทั้งมันและนกมายาขนม่วงเป็นสัตว์ที่มีสติปัญญาไม่สูงมาก แม้เวลาจะผ่านไปหลายวัน แต่สัตว์มายาตัวนี้ก็ยังคงเฝ้ารออยู่ที่นี่
“ตูม”
หลงเฉินจึงได้ขว้างหินปราณวายุในมือก้อนหนึ่งออกไป แม้ว่าหินปราณวายุจะไม่ได้มีน้ำหนักอะไร แต่มันก็ยังมีพลังวายุอยู่จำนวนมาก ทำให้สามารถลอยออกไปได้ไกล
สัตว์ร้ายแห่งวายุที่กำลังจ้องมองไปที่สระน้ำโดยไม่ยอมขยับไปไหน ในขณะนั้นเองเมื่อหลงเฉินขว้างหินปราณวายุออกไป หินปราณวายุที่เพิ่งลอยออกไปได้ไม่ไกลก็ถูกสัตว์ร้ายแห่งวายุสังเกตุเห็นเข้า
สัตว์ร้ายแห่งวายุนั้นมีปฏิกิริยาที่รวดเร็วต่อการตรวจจับพลังงานลม แม้แต่การแปรผันของลมเพียงเล็กน้อยก็สามารถรับรู้ได้
หลงเฉินที่กำลังยืนอยู่บนภูเขาตรงข้ามกับสระน้ำลึก ตรงนั้นเป็นตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดมาก เพียงครู่เดียวสัตว์มายาธาตุวายุ ก็สังเกตุเห็นหลงเฉิน
“โครม”
สัตว์ร้ายแห่งวายุเมื่อเห็นหลงเฉินเข้าก็มีปฎิกิริยาทันที รีบวิ่งข้ามสระน้ำเพื่อตรงเข้าไปหาหลงเฉิน มันสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมาก และยังได้หอบเอาสายลมลูกใหญ่มาด้วย ร่างขนาดใหญ่ของมันสามารถข้ามน้ำไปจนถึงหลงเฉินได้
“ดีมาก เมื่อบาดแผลของเจ้าหายดีแล้ว ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ต่อสู้อย่างเท่าเทียม”
เมื่อหลงเฉินพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและวิ่งด้วยความเร็วราวกับเงา
หลังจากเขาได้เลื่อนระดับพลัง เมื่อได้ลองนำไปใช้กับท่าร่างภูตมืดสงัดก็ทำให้เขาใช้มันได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
แต่ไม่ว่าเขาจะรวดเร็วเพียงใด มันก็ไร้ประโยชน์เมื่อเทียบกับนกมายาขนม่วง แต่หากเทียบกับสัตว์ร้ายแห่งวายุแล้ว ความเร็วของเขาถือว่าไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
ก่อนหน้านี้สัตว์ร้ายแห่งวายุสามารถไล่ตามหลงเฉินได้แม้ว่าเขาจะใช้ความเร็วสูงสุด แต่ขณะนี้หลงเฉินกลับสามารถรักษาห่างกับสัตว์ร้ายแห่งวายุเลยทีเดียว ยิ่งถ้าหากเรียกวงแหวนเทพออกมาความเร็วของเขาก็ยังจะเหนือกว่าอีกเล็กน้อย
แต่ทว่าในครั้งนี้หลงเฉินไม่ได้พยายามที่จะสลัดออกห่าง แต่ว่าเขาต้องการจะล่อมันไปอีกทาง ดังนั้นจึงต้องพุ่งออกไปทิศทางข้างหน้าเพื่อรักษาระยะห่างกับสัตว์ร้ายแห่งวายุ
ด้วยความน่าเกรงขามของสัตว์ร้ายแห่งวายุ ทำให้สัตว์มายาตัวอื่นๆไม่กล้าเข้ามาใกล้ หลงเฉินจึงไม่ต้องกังวลใจใดๆเขาจึงเพ่งสมาธิทั้งหมดไปกับการวิ่งหนี
เพราะก่อนหน้านี้ที่หลงเฉินใช้เส้นทางนี้ เขาจะต้องระวังการโจมตีจากสัตว์มายาทุกชนิด นั่นจึงทำให้เขาต้องใช้เวลาในการเดินทางนับสิบวัน
แต่ว่าตอนนี้เขาได้มีสัตว์ร้ายแห่งวายุมีพลังที่แข็งแกร่งเป็นเสมือนเครื่องป้องกัน หลงเฉินจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกแมลง มีพิษหรือสัตว์ต่างๆโจมตี เพียงแค่ช่วงเวลาสามวันก็ทำให้เขาเห็นจุดหมายปลายทางมาแต่ไกล
ในหุบเขาอันเงียบสงบห่างจากรังของนกมายาขนม่วงไปประมาณสามร้อยลี้ ม่งฉี ลู่ฟางและฉู่เหยากำลังรอคอยหลงเฉินอยู่ด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความกังวล
หลงเฉินที่เดินทางยาวนานถึงสิบกว่าวันและก่อนจะออกเดินทางเขาไม่ได้บอกว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากใคร เพียงแค่บอกให้พวกนางรอและช่วยดูแลเสี่ยวเสว่ยให้ดี
เมื่อผ่านมาได้สิบกว่าวันเสี่ยวเสว่ยที่อยู่ภายใต้การรักษาของฉู่เหยา ขณะนี้ร่างกายก็ได้ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว บนร่างกายมีขนปุยๆสีขาวงอกออกมาอีกครั้ง
“เจ้าว่าหลงเฉินไปขอความช่วยเหลือจากใครกัน?” ม่งฉีกล่าวถามขึ้น
ตามความเข้าใจของม่งฉีแล้ว หลงเฉินไม่ได้มีเพื่อนที่แข็งแกร่งที่ไหน การที่เขาพูดว่าจะไปหากองกำลังเสริมนั้น จึงทำให้นางยากที่จะคาดเดาได้
“ที่จริงเขาก็แข็งแกร่งพออยู่แล้ว หากเขาจะหาใครมาช่วย คนผู้นั้นต้องมีพรสวรรค์ที่ไม่แตกต่างจากเขามากนัก นั่นทำให้ข้าคิดไม่ออกเลยจริงๆ” ฉู่เหยาพยักหน้ากล่าว
ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งพอๆกับหลงเฉินก็มีเพียงแค่หยินหลอและหานเทียนหวู่เท่านั้น ที่อยู่ในระดับเดียวกัน แม้ว่าหานเทียนยวู่จะไม่ได้เป็นศัตรูกับหลงเฉิน แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนิทสนมกัน
ทางหยินหลอยิ่งเลิกคิดไปได้เลยเพราะเพิ่งถูกเขาตัดแขนไป นอกจากทั้งสองคนนี้แล้วก็ไม่มีผู้อื่นจะมาช่วยเหลือหรือทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้ได้
“ใช่แล้ว หลงเฉินกับม่อเนี่ยนเป็นเพื่อนสนิทกันเขาจะต้องไปหาม่อเนี่ยนแน่ๆ” ลู่ฟางเอ๋อพูดขึ้นมาทันที
“ใช่ ข้าลืมเขาไปได้ยังไงกัน ม่อเนี่ยนผู้มีพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบ เขาเคยเคียงบ่าเคียงไหล่หลงเฉินสู้รบกับหยินหลอ หลงเฉินจะต้องไปหาเขาแน่ และแน่นอนว่าเขาก็จะต้องมาช่วยเรา”
ความแข็งแกร่งของม่อเนี่ยนนั้นไม่จำเป็นต้องสังสัย เพราะก่อนหน้านี้ได้มีข่าวลือมาว่าเคยเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ ระหว่างเขากับหานเทียนหวู่ ทั้งสองมีฝีมือใกล้เคียงกัน
ผู้ที่หลงเฉินไปหาจะต้องเป็นเขาแน่ ถ้าหากพวกเขาทั้งสองร่วมมือกันก็มีโอกาสโจมตีนกมายาขนม่วงได้
“หลงเฉินอะไรก็ดีไปหมด เสียตรงที่มีนิสัยตรงไปตรงมาเกินไป เสียเปรียบเพียงเล็กน้อยก็ไม่ยอม แม้แต่สถานที่ที่สัตว์มายาระดับห้าอาศัยอยู่ก็ยังกล้าเข้าไปหา”
“โบร๋วโบร๋ว” เสี่ยวเสว่ยที่นอนอยู่ด้านข้างส่งเสียงร้องขึ้นมา
“เสี่ยวเสว่ยบอกว่าหลงเฉินยอมให้ตัวเองเจ็บปวด แต่เขาจะไม่ยอมเห็นคนรอบข้างต้องมาเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน” ม่งฉีหัวเราะเบาๆและกล่าว
ม่งฉีนั้นมีจิตวิญญาณแข็งแกร่ง แม้จะไม่เท่าหลงเฉินกับเสี่ยวเสว่ยที่มีจิตวิญญาณเชื่อมกัน แต่ว่านางก็พอจะสามารถแยกแยะ และเข้าใจความคิดของมันได้
“หลงเฉินเป็นเช่นนั้นเสมอ ไม่ว่าเขาจะมีเรื่องอะไรในใจก็เอาแต่ยิ้มตลอด ไม่เคยระบายความในใจออกมาให้ผู้ใดรับรู้
ตอนที่หลงเฉินยังอายุน้อย เขาโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งต้องทนทุกข์ทรมาณ ต้องผ่านความอับอายขายหน้า โดนรังแกและดูถูก
ทว่าแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยบ่น เขาดีต่อคนรอบข้างทุกคน คอยปกป้องดูแล นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ข้ามีความสุขมาก” ฉู่เหยากล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแล้วถอนหายใจออกมา
“เหยาเม่ยช่างมีจิตใจดีจริงๆ เจ้าพยายามจะบอกข้าอ้อมๆว่าไม่ต้องหึงหวงหลงเฉินงั้นหรือ?” ม่งฉียิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว
เมื่อเห็นว่าม่งฉีสามารถมองความคิดของนางออกได้อย่างง่ายดาย ใบหน้างามของฉู่เหยาก็แดงขึ้นเล็กน้อย นางกำลังปูทางเพื่อให้ม่งฉียอมรับถังหว่านเอ๋อเมื่อเวลามาถึง เพื่อให้หลงเฉินไม่ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ลำบากใจ
คิดไม่ถึงว่าแค่เริ่มก็ถูกมองออกแล้ว ฉู่เหยายิ้มอย่างเขินอาย “หว่านเอ๋อเป็นผู้หญิงที่ดี รอพวกท่านเจอนางแล้วจะเข้าใจ”
“ฉู่เหยาเจ้าคิดมากเกินไปแล้ว โลกของการฝึกยุทธ์พลังฝีมือคือทุกสิ่ง สุดยอดฝีมือทั้งหลายล้วนมีแต่สาวงามมารุมล้อม ก็เป็นเรื่องปรกติมิใช่หรือ” ม่งฉีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
อีกอย่างเมื่อทุกคนเหยียบลงบนเส้นทางของการฝึกยุทธ์ ทางเส้นนี้ย่อมไม่อาจเปลี่ยน สิ่งที่เราต้องใส่ใจมากที่สุดคือการฝึกปรือไม่ใช่เรื่องรักใคร่ เพราะมันจะเป็นตัวขัดขวางการฝึกปรือของพวกเรา
ที่เรียกว่ามังกรมิอาจอยู่ในถ้ำเดียวกับงู นกก็ไม่บินเยี่ยงหงส์ เรื่องความรักทุกคนเก็บไว้ในใจก็พอแล้ว "
“เจี่ยเจียสั่งสอนถูกแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว” ฉู่เหยากล่าวอย่างจริงใจ
ฉู่เหยาที่เกิดมาเพื่อเป็นเจ้าหญิงของจักรวรรดิ แต่ม่งฉีกลับต้องเข้าสู่โลกการฝึกฝนตั้งแต่อายุยังน้อย จึงทำให้ฉู่เหยามองความรักในแบบคนธรรมดาทั่วไป
ขณะที่ม่งฉีตั้งแต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ก็ไม่ได้มองความรู้สึกนั้น เพราะผู้ฝึกยุทธ์ไม่ควรคิดเรื่องสามีภรรยาหรือการแย่งชิงมากเกินไป
โดยปกติสุดยอดฝีมือมักจะมีคนมากมายเคารพยกย่อง ดังนั้นความรักใคร่ชื่นชมในเรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดา
กฎที่ยากที่สุดของผู้ฝึกยุทธ์ก็คือต้องแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะได้รับการเคารพ การที่ได้เข้ามาอยู่ในเส้นทางสายนี้แล้ว ใครจะมีเวลาว่างไปคิดถึงเรื่องหึงหวงกัน?
ความรู้สึกลึกๆของคนสองคนแม้จะลึกซึ้งแค่ไหน แต่เมื่อต้องมุ่งสู่เส้นทางของการฝึกปรือตัวเองอย่างหนัก มันก็ยากเป็นอย่างยิ่งที่พวกเขาจะได้เคียงคู่กัน
ในโลกของผู้ฝึกยุทธ์ การจะเป็นสหายกันได้ก็ยังต้องเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์และพลังฝีมือในระดับที่ใกล้เคียงกัน แม้แต่ตอนแรกหลงเฉินกับเสี่ยวฮวาก็เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องพูดถึงความรู้สึกเลย เพราะมันบริสุทธิ์มากราวกับหยกขาวบริสุทธิ์
แต่ทว่าหลงเฉินก็ไม่มีวิธีจะรับรักนางได้เพราะทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน หากสองคนคบกันมีเพียงสองผลลัพธ์
อย่างแรกคือหลงเฉินเริ่มฝึกยุทธ์ของเขา ขณะที่ปกป้องเสี่ยวฮวาอยู่อย่างเงียบๆ จนร้อยปีผ่านไปพลังฝีมือของหลงเฉิน ก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเสี่ยวฮวาแม้ว่าจะมียาโอสถระดับสูงค่อยประคับประคองก็คงไม่อาจจะเคียงคู่กับหลงเฉินได้ มีแต่ต้องถูกฝังใต้ผืนทรายสีเหลืองเท่านั้น
อีกผลลัพธ์ก็คือในโลกของการฝึกยุทธ์ ในเส้นทางสายนี้หลงเฉินคงต้องผ่านการต่อสู้อีกนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังมีศัตรูอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งในที่สุดก็จะต้องเปลี่ยนเป้าหมายมาที่นาง จนสุดท้ายทั้งหลงเฉินทั้งนางก็คงจะมีจุดจบที่ไม่ดีทั้งคู่
ทั้งสองผลลัพธ์นั้น ไม่ว่าจะข้อไหนหลงเฉินก็รับไม่ได้ ดังนั้นความรู้สึกที่มีต่อกันของเสี่ยวฮวาและหลงเฉินนั้นก็ถึงวาระที่ไม่มีวิธีจะเดินหน้าต่อไปได้อีก
แม้ว่านางเองจะอยู่ในเส้นทางของการฝึกยุทธ์เช่นเดียวกัน แต่ด้วยพรสวรรค์และเส้นทางที่แตกต่างนี้ จะทำให้ผลลัพธ์นี้อย่างไรก็ไม่มีวันเปลี่ยน
ดังนั้นม่งฉีจึงเตือนฉู่เหยา ไม่ปล่อยให้นางรู้สึกลุ่มหลงกับความรู้สึกเช่นนี้ หากอยากจะทำให้ความรักยาวนานก็จำเป็นต้องมีศักยภาพที่แข็งแกร่งพอ ถ้าหากห่านป่ายังพยายามจะบินสูงไปด้วยกันผลสุดท้ายก็ต้องมีคนที่ตกลงมา ซึ่งจะทำให้ทุกคนต้องเจ็บปวดไปด้วย
ฉู่เหยาและเสี่ยวเสว่ยก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในความหมายของม่งฉี นางรูู้สึกนับถือม่งฉีมากๆ "ขอบคุณม่งฉีเจี่ยมาก"
“พี่น้องกันไม่ต้องเกรงใจที่จะพูดเรื่องเหล่านี้ แบบนี้มันจะดูห่างเหิน” ม่งฉีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อือ” ฉู่เหยาพยักหน้าหน้าเอ็นดู บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม
“ความรู้สึกของพวกเจ้าสองคนนั้นดีต่อกันมาก จนตัวข้านั้นรู้สึกว่าตัวเองยังห่างขั้นกับพวกเจ้ามาก” ลู่ฟางเอ๋อมองดูทั้งสอง รู้สึกได้ถึงความสนิทสนม จนนางรู้สึกอิจฉาขึ้นมา
“ห่างชั้นอะไรกัน ? หยุดพูดไร้สาระเถอะ” ม่งฉีกล่าว
“แต่ข้ากล้าพูดได้แลยว่า หลงเฉินไม่ได้ชอบข้าจริงๆ สายตาที่เขามองข้ามันช่างต่างจากที่มองพวกเจ้าจริงๆ” ลู่ฟางเอ๋อกล่าว ด้วยเสียงที่ดังขึ้น
“มีอะไรที่ไม่เหมือนกัน? ทำไมข้าถึงมองไม่ออก?” ม่งฉีถาม
“ในสายตานั้น จะพูดอย่างไรดี?” ลู่ฟางเอ๋อ มองท้องฟ้าคิดหาคำมาอธิบาย
ทันใดนั้นก็ปรบมือตื่นเต้นและกล่าวว่า “ใช่แล้ว มันเป็นสายตาที่บอกประมานว่า เขาต้องการกดพวกเจ้าไปกับพื้น และก็แพร่ขยายสายเลือดของเขา”
“เจ้ามันผู้หญิงน่าไม่อาย เจ้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้อย่างไร ? ข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไรดีเนี่ย!”
ม่งฉีหน้าแดงน้ำเสียงขึงขัง เอื้อมมือไปคว้าลู่ฟางเอ๋อแล้วจักกะจี๋ แม้แต่ฉู่เหยาก็เข้าร่วมด้วย
ทั้งสามแหย่กันเล่นสนุกสนาน ทำให้ปรากฏเสียงหัวเราะดังเป็นครั้งคราว โชคดีที่อยู่ไกลจากรังนกมายาขนม่วง อีกทั้งยังซ่อนตัวไว้อย่างดี จึงทำให้ไม่กลัวว่าจะถูกใครพบเห็น
เมื่อเล่นสนุกสนานอยู่ได้สักพัก ทั้งสามก็เริ่มสงบลง เมื่อยังไม่มีวี่แววใดๆจากหลงเฉิน พวกนางก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล ที่นี่คือพงไพรแห่งความมืดที่เต็มไปด้วยอันตราย หากพลังไม่แข็งแกร่งพอก็ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยได้ทั้งหมด
“เสียงอะไร”
ทันใดนั้นทั้งสามรู้สึกว่าพื้นดินสั่นสะเทือน และก็เริ่มสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกันก็มีบรรยายกาศ ที่น่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“กำลังเสริมมาถึงแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามแผน” เสียงที่คุ้นเคยลอยมาทำให้ทั้งสามคนดีใจอย่างยิ่ง
“หลงเฉิน”
ทั้งสามรีบกระโดดขึ้นต้นไม้แล้วมองดูจากไกลๆ ว่าใครคือกำลังเสริมที่หลงเฉินเชิญมา
เห็นด้านหลังหลงเฉินมีเงาใหญ่อยู่ไกลออกไปประมาณสามร้อยจั้ง มือหยกของฉู่เหยายกขึ้นมาปิดที่ปากเบาๆ ดวงตาสองข้างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“สัตว์ร้าย..แห่งวายุ”
ในความคิดของทั้งสามคนเมื่อมองไปที่ร่างน่ากลัวนั้น ซึ่งเคยปรากฏให้เห็นเพียงในหนังสือโบราณที่มีรูปภาพบันทึกไว้
“ตูมตึงตึง”
พื้นดินยังสั่นสะเทือนไม่หยุดสัตว์ร้ายแห่งวายุขนาดใหญ่ราวกับภูเขา เคลื่อนไหวราวเกิดแผ่นดินไหว แม้แต่ในบริเวณระยะหลายร้อยลี้ก็ยังรู้สึกได้
ทันใดนั้นก็มีเสียงนกร้องดังก้อง นกมายาขนม่วงร่างใหญ่นั้นบินออกมาจากรัง และปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวออกมาเพื่อเตือนผู้ที่กำลังบุกรุกเข้ามา
ทว่าสัตว์ร้ายแห่งวายุไม่สนใจนกมายาขนม่วงตัวนั้น กลับเปิดปากกว้างพ่นคมวายุขนาดใหญ่ออกไปใส่หลงเฉิน
“อย่างนั้นล่ะ”
ทันทีที่หลงเฉินเห็นนกมายากขนม่วงปรากฎตัวเขาก็วิ่งตรงไปทันที ตอนนี้สัตว์ร้ายแห่งวายุได้ปลดปล่อยการโจมตีแล้ว เขาจึงรีบหลบไปด้านข้าง และกระโดดลงไปในบ่อน้ำ
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**