โปรเพลเยอร์วัยเกษียณ (SMRiaG) บทที่ 4 เริ่มต้นการเดินทาง [อ่านฟรี]
บทที่ 4 เริ่มต้นการเดินทาง
เอริแนะนำผู้บุกเบิกแต่ละราย ซึ่งพวกเขาต่างก็เดินเข้ามาใกล้เธอเพื่อทักทายตามความเหมาะสม
เอวาเลีย หญิงสาวผมบลอนด์พูดขึ้นเป็นคนแรก ก่อนจะวางมือท้าวสะโพกแล้วมองคนอื่นรอบ ๆ ตัวเธอ “พวกนายเป็นยังไงกันบ้าง? ไพร์มอินดัสทรีขอให้พวกนายสอนเรื่องอะไร?” เธอถามด้วยสำเนียงอเมริกันตอนใต้ที่ฟังได้ชัดเจนและยิ้มอย่างมีความสุข เนื่องจากไม่มีใครคิดที่จะพูดเธอจึงถอนหายใจเสียงดังและส่ายหน้า “เป็นใบ้กันเหรอ? ฮืม สงสัยฉันคงต้องเริ่มก่อน! ฉันเป็นศิลปินโดยแท้ และเชื่อได้เลยว่าฉันน่ะเก่งกว่าในทุกเครื่องดนตรีที่พวกนายจะเล่นเป็น ฉันเรียนประวัติศาสตร์ด้านศิลปะ ฉันได้เงินค่าเทอมจากการวาดภาพและแกะสลัก ไพร์มอินดัสทรีเรียกตัวฉัน ฉันก็เลยสอนพวกเขาว่าศิลปินที่แท้จริงมันเป็นยังไง!” เอวาเลียเริ่มอธิบายอย่างมีความสุขว่าทำไมเธอถึงอยู่ที่นั่นและมองไปรอบ ๆ เพื่อรอให้คนอื่นเริ่มพูด
มนุษย์วานร เจี๊ยก ถอนหายใจเสียงดังและเกาขนที่หน้า บางสิ่งดูเหมือนเขาจะยังไม่คุ้นเคย “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อเจี๊ยก ผมเป็นนักชีววิทยาและนักสัตววิทยา ผมช่วยในการสร้างมอสเตอร์ สัตว์ และพื้นที่สีเขียวในโลกแห่งเวทมนต์นี้ครับ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมเลือก...เอิ่ม...หลิ...ลิง เอริบอกผมว่าเผ่านี้เชื่อมต่อกับธรรมชาติและสัตว์” เจี๊ยกพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อซ่อนสำเนียงญี่ปุ่นจ๋า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงติดขัดอยู่กับการออกเสียงคำว่า ‘ลิง’ อยู่ดี แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจ และให้เวลาเขาได้อธิบาย แม้ว่ารูปลักษณ์เขาจะดูโหดเหี้ยมกว่าคนธรรมดา แต่เจี๊ยกก็แสดงท่าทีที่อ่อนโยนและเปี่ยมด้วยความเคารพ
เนื่องจากการแนะนำตัวไล่ลำดับทวนเข็มนาฬิกา ถัดไปจึงเป็นตาของโบรดี้ เขาถอนหายใจเสียงดังและหยอกล้อกับคนอื่นรอบ ๆ ก่อนจะเริ่มพูด “ฉันชื่อโบรดี้ ฉันเป็นนักสู้ และคนพวกนั้นอยากรู้เรื่องการต่อสู่นิดหน่อย โอ้ และพวกนั้นก็ประทานเผ่าที่สุดยอดนี้ให้แก่ฉัน ฉันใช้เวทมนต์ไม่ได้เลย แต่ในทางกลับกันฉันนี่แหละสุดยอดเครื่องจักรสังหาร!” โบรดี้ฉีกยิ้มอย่างตื่นเต้นและเริ่มเบ่งกล้ามที่แขนให้ดู
เซเนียยกมือกุมหน้าผากและส่ายหน้าราวกับรำคาญการมีตัวตนอยู่ของชายคนนี้ เธอพึมพำบางอย่างกับตัวเองด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ฉันชื่อเซเนีย ฉันเป็นนักวิจัยทางประวัติศาสตร์ที่เชี่ยวชาญในเรื่องเทพนิยายและตำนานโบราณ ส่วนใหญ่ทำงานกับแนวความคิดดั้งเดิมของเวทมนต์ ดังนั้นฉันจึงช่วยไพร์มอินดัสทรีเพื่อที่ฉันจะได้สัมผัสกับเวทมนต์และเข้าใจมันลึกซึ้งขึ้นเพื่อการวิจัย เอริอนุญาตให้ฉันเป็นเอลฟ์ระดับสูงเนื่องจากเผ่านี้มีความใกล้ชิดกับเวทมนต์เป็นอย่างมาก แต่ในทางกลับกันก็ด้อยเรื่องกายภาพ”
เมื่อดำเนินมาถึงคนสุดท้าย ทุกคนต่างจ้องมาที่ไอเซ็น เพราะมันถึงตาเขาที่จะบอกเล่าเกี่ยวกับตัวเขาเอง เขายิ้มกว้างก่อนจะเริ่มอธิบาย “ฮืมมม ใช้ชื่อผู้ใช้กันใช่ไหม? เอาล่ะ ฉันคือไอเซ็น ฉันเก่งใช้มือ ดังนั้นฉันเลยแสดงให้พ่อหนุ่ม... ซามูเอล ใช่ไหมนะ? เอาเถอะ ฉันได้แสดงกลวิธีและถ่ายทอดความรู้ที่ฉันสั่งสมมาให้พ่อหนุ่มคนนั้นได้ดูได้เห็น ความสามารถเผ่าคนแคระเหมาะกับฉัน แต่ตัวเล็กไปหน่อย ดังนั้นเอริจึงมอบร่างใหม่นี่ให้กับฉัน” หลังจากนั้นก็เขาเอนตัวเล็กน้อยไปหาเซเนียและกระซิบใส่หูเธอแบบที่ได้ยินกันแค่สองคน “แล้วเธอล่ะสาวน้อย บางทีเธออาจจะลองและซื่อสัตว์กับตัวเองดูนะ”
ใบหน้าซีเนียพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีพร้อมหันหน้าหนีไอเซ็น “แล้วคุณล่ะ? ทำไมคุณถึงไม่ซื่อสัตว์กับตัวเอง? ก็เผยร่างชายชราออกมาให้เห็นเลยสิ!”
“ฮ่า ๆ เผยให้เห็นอะไรกัน แม่สาวน้อย? นี่เธอคิดว่าฉันแกล้งทำเป็นแก่งั้นเหรอ?”
ไอเซ็นกอดอกและหัวเราะอย่างแรง เมื่อเอริสังเกตเห็นว่ามีคนสงสัยในตัวชายที่ป๊ะป๋าของเธอพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง เธอจึงก้าวเข้ามาคั่นระหว่างทั้งคู่แล้วหันไปมองซีเนียด้วยความโกรธ “ไอเซ็นไม่ได้โกหกนะคะ! เขาแก่! แบบแก่จริง ๆ น่ะค่ะ!”
“เอิ่ม เอริ ฉันก็อยากขอบใจอยู่นะ แต่ว่า...” เมื่อรู้สึกเจ็บแปล๊บเล็กน้อยกับคำพูดแทงใจดำของเธอ ไอเซ็นจึงพยายามพูดแทรกเธอ แต่เธอกลับไม่เปิดช่องว่างให้เลย
“ไม่ได้ค่ะ ไอเซ็น! ก็คุณแก่จริง ๆ! และฉันไม่ต้องการให้ซีเนียดูถูกคนที่ป๊ะป๋าของฉันชื่นชมด้วย!” เธอหันกลับไปมองไอเซ็นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นั่นยิ่งทำให้เจ็บปวดมากขึ้น
ซีเนียพูดแทรกขึ้นมาและมองไอเซ็นที่นั่งจ่อมกับพื้นเล่นก้อนหินด้วยสีหน้าบูดบึ้งไม่พูดไม่จา “เธอกำลังบอกฉันว่าตานี่แก่จริง ๆ งั้นเหรอ? ฉันว่าเหมือนเด็กแก่แดดที่พยายามจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากกว่า!”
“ไม่ค่ะ ไอเซ็นอายุ70ปีแล้ว! อายุเขามากกว่าคุณตั้งสองเท่า ยัยทึ่ม ยัยทึ่ม ยัยทึ่ม ยัย...”
“เอริ! หยุด!” ไอเซ็นพูดแทรกเอริเมื่อเขาได้ยินเธอต่อว่าซีเนีย “ไปนั่งรอตรงนู้นเลยสาวน้อย! ฉันจะเรียกเมื่อต้องการ!” เขาพูดและชี้ไปยังบันไดที่ใกล้กับทางเข้า เธอขัดขืนในทีแรก แต่ไม่ช้าเอริก็ยอมและเดินหน้าจ๋อยไปนั่งตามที่สั่งอย่างไม่เต็มใจ
คนอื่นจ้องไอเซ็นโดยไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งโบรดี้ทำลายความเงียบด้วยเสียงหัวเราะที่ดังลั่น “ให้ตายสิ คุณตา! ผมคิดไม่ถึงเลยนะว่าตาจะทำให้แม่เทพธิดาที่อารมณ์บ่จอยอยู่ในโอวาทได้ ฮ่า ๆ!”
ไอเซ็นเอียงหัวให้กับคำพูดของปีศาจออร์ค บ่จอย? จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคงอารมณ์ไม่ดีอยู่
เช่นนั้นแล้วพวกเขาจึงพูดคุยกันหลายเรื่องที่เกี่ยวกับเกมและแลกเปลี่ยนเคล็ดลับระดับมืออาชีพเกี่ยวกับความเชี่ยวชาญที่แต่ละบุคคลมี พวกเขาพูดคุยกันต่อเนื่องประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นในที่สุดก็ถึงเวลาที่พวกเขาก็ตัดสินใจจะเริ่มเล่นเกมแล้ว ไอเซ็นจึงเรียกเอริเข้ามาอีกครั้ง
แต่ก่อนที่เขาจะให้เธอทำอะไร ไอเซ็นได้ให้เอริขอโทษซีเนียที่เธอพูดไม่ดีก่อนหน้านี้
“เอาล่ะค่ะ ฉันจะพาพวกคุณไปสู่โลกใหม่ พวกคุณจะได้ไปเมืองที่ใกล้เคียงกับเผ่าที่เลือก เมืองจะถูกสุ่มมาตามพื้นที่เลเวลเริ่มต้นที่มีให้ พวกคุณจะได้รับสมุดเล่มเล็กในกระเป๋ากางเกง ซึ่งในนั้นมีข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมและวิธีไปเมืองนั้น ๆ ระบุไว้ ดังนั้นชาวบ้านจะไม่สงสัย ฉันปิ๊งไอเดียดี ๆ ที่จะบอกพวกเขาว่าพวกคุณทุกคนล้วนความจำเสื่อมและพบว่าตัวเองบังเอิญมาอยู่ใกล้เมือง” เอริอธิบายขณะที่สีหน้าของเธอยังคงบูดบึ้งเล็กน้อย
“สิ่งสุดท้ายที่ฉันต้องการจะบอกพวกคุณ...” เอริปลุกเร้าอารมณ์ด้วยการหยุดโดยทิ้งประเด็นที่จะพูดต่อไว้ที่คำสุดท้าย จากนั้นเธอก็มองพวกเขาและยิ้ม “...ไพร์มอินดัสทรีหวังว่าพวกคุณจะสนุกไปกับการเล่นเกมในโลกแห่งเวทมนต์มากที่สุดนะคะ”
ปัญญาประดิษฐ์ เอริ โบกมือหลังจากทิ้งคำพูดเหล่านั้นและโลกรอบ ๆ ไอเซ็นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ทุกครั้งที่เขากระพริบตา สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ จะเปลี่ยนไป
สิ่งแรกคือทุกคนนั้นหายไป
จากนั้นต้นไม้ก็เริ่มเติบโตในห้องโถง
หลังจากนั้นหินอ่อนเหนือร่างกายที่ฉลุตามฝาผนังก็เลือนหายไปผันเปลี่ยนเป็นท้องฟ้า ส่วนใต้เท้าก็ผันเปลี่ยนเป็นผืนหญ้า
และในที่สุดอากาศโดยรอบก็เต็มไปด้วยกลิ่นของป่า ผมสีขาวของเขาเริ่มไหวเล็กน้อยตามแรงลมที่พัดผ่าน และมีเสียงของสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยแต่งแต้มสภาพแวดล้อมโดยรอบ
“ไม่ชินกับอะไรแบบนี้สักที...” ไอเซ็นพึมพำกับตัวเองและหันไปมองรอบ ๆ สองสามครั้ง พยายามคิดว่าจะเห็นอารายธรรมใดหรือไม่ แต่โชคไม่เข้าข้าง เขาจึงพิงต้นไม้ที่ตระหง่านอยู่ข้างหลังแทน
มีสิ่งหนึ่งที่เขาอยากลองก่อนที่จะทำสิ่งอื่นใด เขาเพ่งสมาธิและทำสิ่งที่เอริอธิบายไว้ก่อนหน้านี้ เขาพยายามคิดให้หน้าจอแสดงผลปรากฏต่อหน้าเพื่อแสดงค่าสถานะ
[ไอเซ็น]
[เผ่า - ครึ่งยักษ์ครึ่งคนแคระ] [อาชีพ - ไม่มี] [เลเวล - 1]
[เลือด - 100] [มานา - 100]
[ความแข็งแกร่ง - 10] [ความอดทน - 10] [ความคล่องแคล่ว - 10] [ไหวพริบ - 10] [สติปัญญา - 10]
[ฉายา]
ไม่มี
[ทักษะ]
ไม่มี
“โอ้ว? ได้ผล ทีนี้ก็ทำเป็นแล้ว! ดูเหมือนตัวเลขพวกนี้จะยังไม่มีผลอะไรมากนะ...” เขาพึมพำขณะเอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อดูหน้าจอสีฟ้าที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็คิดเพื่อจะปิดหน้าจอนี้ และหน้าจอก็หายไปตามที่เขาสั่ง
ถัดมาเขามองดูร่างกายตัวเอง เขาสวมเสื้อผ้าสีน้ำตาลอ่อนเหมือนกับทุกคนที่ห้องโถงก่อนหน้านี้ ต่อด้วยกระเป๋าใบเล็กใบหนึ่งที่ติดกับเข็มขัดหนัง ไอเซ็นรีบเปิดออกดูทันที เขาพบเหรียญสิบเจ็ดเหรียญข้างใน ซึ่งทำมาจากวัสดุต่างชนิดกัน สิบเหรียญทำมาจากทองแดง ห้าเหรียญทำมาจากเงิน และสองเหรียญชัดว่าทำมาจากทอง ทุกเหรียญล้วนถูกแกะสลักอย่างงดงามด้วยรูปแบบที่แตกต่างกัน
“เงินเหรอ? มีค่าเท่าไหร่ล่ะเนี่ย... ไว้ไปถึงเมือง
เดี๋ยวก็คงรู้เอง” ไอเซ็นละความสนใจจากเงิน เนื่องจากยังไม่จำเป็นต้องใช้ตอนนี้ เขาใส่มันกลับคืนในกระเป๋าและผูกมันเข้ากับเข็มขัด หลังจากนั้นเขาก็ล้วงกระเป๋ากางเกงและดึงหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่ทำมาจากหนังขึ้นมา
เขาเปิดอ่านคำอธิบายสั้น ๆ เมื่อไปทางทิศตะวันตกของป่า เขาจะพบกับเทือกเขาซึ่งจะเห็นทางเดินเล็ก ๆ เมื่อเดินไปตามเส้นทาง เขาก็จะไปถึงอุโมงค์ซึ่งอีกฟากหนึ่งจะเป็นเมืองเริ่มต้น
“ช่างน่าประหลาดใจ...ของพวกนี้น่าจะทำมาจากวัสดุคุณภาพต่ำ แต่คุณภาพของของพวกนี้ดูสูงมากเพราะน่าจะทำมาจาก...” ก่อนที่เขาจะทำตามคำแนะนำที่ระบุไว้ในหนังสือ ไอเซ็นเงียบไปและพลิกดูหนังสือ พยายามจะหาข้อด้อยเด่น ๆ ระหว่างการสร้างหนังสือเล่มนี้ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ตรวจเสร็จและพยักหน้าเป็นการยืนยัน เนื่องจากคนที่พัฒนาหนังสือเล่มนี้ดูเหมือนจะทำงานใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยนี่เป็นอย่างดี เมื่อเขาตรวจสอบเสร็จ จู่ ๆ ก็มีหน้าต่างปรากฏขึ้นมาตรงหน้าไอเซ็น
[เรียนรู้ทักษะการประเมินสำเร็จ]
ไอเซ็นครุ่นคิดว่าทักษะนี้ทำอะไรได้ แต่ก่อนที่เขาจะเดา อีกหน้าต่างก็ปรากฏ
[ชื่อ – การประเมิน]
[อันดับ – 0] [เลเวล – 1]
[คำอธิบาย]
[ทักษะการประเมิน จะช่วยให้เห็นรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ รอบตัวคุณ อันดับที่สูงขึ้นจะช่วยให้สามารถแสดงข้อมูลได้มากขึ้นและเลเวลการประเมินที่สูงขึ้นต่ออันดับนั้น ๆ จะทำให้สามารถทำให้ประเมินสิ่งต่าง ๆ ในระดับที่สูงขึ้นได้]
“หือ ก็ดูไม่ได้ซับซ้อนอะไร แล้วฉันต้องคิดอีกทีไหมเนี่ย?” ไอเซ็นสงสัยและมองหนังสือตรงหน้า เพ่งสมาธิเพื่อรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
[หนังสือ]
“อะไรกัน?” ข้อมูลที่ชัดเจนนี้ทำให้เขาประหลาดใจ ไอเซ็นถอนหายใจและพยายามลองแบบเดียวกันกับเหรียญทองแดงในกระเป๋าหนัง
[เหรียญ]
“ไม่เห็นจะมีประโยชน์ตรงไหนเลย! แค่มองก็รู้แล้วไหมว่าอะไรคืออะไร!” ไอเซ็นตะโกนและเก็บเหรียญคืนกระเป๋า เขาบ่นกับตัวเองและก็ตัดสินใจทำตามคำแนะนำในหนังสือในที่สุด ขณะที่กำลังเดินไป เขาก็ดูค่าสถานะเพื่อคุ้นชินกับการเรียกใช้อีกครั้ง และสังเกตเห็นบางอย่างที่ไม่คาดคิดถัดจากชื่อทักษะการประเมินที่เขาเพิ่งได้มาใหม่นี้
[การประเมิน]
[อันดับ – 0] [เลเวล – 2]
“เมื่อกี้เพิ่งเลเวลหนึ่งไม่ใช่เหรอ? แค่ใช้ไปนิดหน่อยเลเวลก็เพิ่มเฉยเลย... หลังจากนี้คงจะได้หาวิธีใช้ประโยชน์จากมัน!” ไอเซ็นตื่นเต้นเมื่อคิดเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง เขามุ่งหน้าตรงไปยังเมืองเริ่มต้นพร้อมกับประเมินทุกอย่างไประหว่างทางที่เดินด้วย
[ต้นไม้]
[แอปเปิ้ล]
[ก้อนหิน]
[ก้อนกรวด]
[ใบไม้]
หลังจากเดินต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง เลเวลทักษะการประเมินของไอเซ็นก็พุ่งสูงไปถึงเลเวลแปดสิบเจ็ด แม้ว่าปริมาณข้อมูลที่แสดงจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย แต่เขาก็หยุดทำจนเมื่อในที่สุดก็พบอุโมงค์ เขาจึงเปิดหนังสืออ่านอีกครั้ง
เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่เขารู้สึกแบบนี้ครั้งล่าสุดตั้งแต่สมัยออกเดินทางตอนยังหนุ่ม ไอเซ็นค่อย ๆ ก้าวเข้าไปในอุโมงค์ที่ปลายสุดของอีกฝั่งมีเพียงแค่แสงสว่างจ้า
ทันทีที่เขาก้าวผ่าน สัมผัสของไอเซ็นก็ถูกสิ่งต่าง ๆ ประดังเข้ามา เขาได้ยินเสียงของผู้คนมากมายที่กำลังเดินไปมาบนถนนตรงหน้าเขา จมูกเขารับกลิ่นของอาหารเลิศรสซึ่งหาที่มาของกลิ่นไม่ได้ และอย่างสุดท้าย ดวงตาของเขากำลังจ้องมองทิวทัศน์ของเมืองอันสวยงามที่ตั้งอยู่ตรงหน้า
เมืองถูกล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน อุโมงค์คือทางเข้าและออกเดียวของเมืองซึ่งกระจายอยู่โดยรอบ สิ่งปลูกสร้างบางส่วนก็ดูเหมือนจะเป็นร้านค้า ที่อยู่อาศัยก็เป็นบ้านทรงเรียบง่ายมีแนวไม้กั้นตามหน้าผาส่วนการตกแต่งภายในนั้นพวกเขาใช้วิธีขุดหลุมลึกลงไปข้างใน ถนนเป็นรูปขดหอยทอดยาวไปตามแนวหน้าผา มาพร้อมกับชั้นหินด้านล่างกึ่งกลางขดหอย
ขณะที่ไอเซ็นกำลังมองไปรอบ ๆ เมือง ชายหน้าบูดบึ้งคนหนึ่งมีแขนขาสั้นลักษณะเหมือนคนแคระเดินเข้ามาหาเขาและมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มและสำเนียงที่หนักแน่นและแข็งกระด้าง
“ฮืม มาใหม่ล่ะสิตาเฒ่า? ยินดีต้อนรับสู่เมืองเมลโร”