ตอนที่ 326 กลไกที่น่าหวาดกลัว
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
“พี่ใหญ่ ข้ารู้สึกว่าภายในสุสานโบราณแห่งนี้ จะต้องมีโชคลาภอันยิ่งใหญ่ของข้าอยู่ด้วย” กัวหรานได้กระซิบบอกต่อหลงเฉิน
“เจ้าทราบอย่างไรกัน ?”หลงเฉินก็ได้ถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“พี่ใหญ่ท่านดูสิ ภาพบนผนังเหล่านี้ตัวหลักโดยส่วนมากจะเป็นชายชราผู้หนึ่ง ที่เหมือนกำลังสร้างอะไรบางอย่างอยู่
หากข้าเดาไม่ผิดละก็ สุสานโบราณแห่งนี้อาจจะเป็นหลุมศพของช่างฝีมือผู้หนึ่งเป็นแน่ ตั้งแต่สมัยโบราณ สิ่งที่ช่างฝีมือชื่นชอบมากที่สุดในชีวิตก็คือความรู้ความสามารถของตนเอง จึงได้นำมาไว้อยู่ภายในสุสานแห่งนี้ด้วย แม้แต่ศิษย์ก็ยังไม่คิดที่จะถ่ายทอดไปให้” กัวหรานกล่าวออกมา
หลงเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ที่กัวหรานกล่าวออกมาก็ถือได้ว่ามีเหตุผล นับตั้งแต่โบราณกาลเป็นเรื่องธรรมดาที่คนที่มีฝีมือต่างก็ชื่นชอบ “ทิ้งผลงานเอาไว้”
นี่เป็นสิ่งที่เรียกกันว่า“สมบัติใต้กล่อง” ที่ในสมัยโบราณสิ่งที่เรียกกันว่าใต้กล่องก็คือโลงศพนั่นเอง
ที่ผ่านมาส่วนมากบุคคลชั้นสูง ต่างก็จะทิ้งวิชาส่วนหนึ่งเอาไว้แล้วฝังไปพร้อมกับความรู้ส่วนหนึ่ง ที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายในโลงศพ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ภายหลังวิชาทักษะยุทธ์ต่างก็ได้หายสาบสูญไปเป็นจำนวนมาก
ภายหลังจึงมีคนอีกมากมายที่ได้หมายตาสุสานโบราณส่วนหนึ่งเอาไว้ ทว่าสุสานโบราณเหล่านั้น จะต้องเป็นสุสานโบราณของผู้ที่ไม่มีคนสืบทอดจึงจะสามารถที่จะทำได้
ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการหยามเกียรติของคนในตระกูลนั้น และจะกลายเป็นสิ่งที่กระตุ้นความแค้นที่ไม่รู้จักจบจักสิ้นขึ้นมา จึงไม่มีคนคิดที่จะทำเช่นนั้น
ความจริงนั่นก็เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว ยอดฝีมือมากมายต่างก็ชื่นชอบที่จะทำเช่นนี้ จึงได้นำสิ่งที่ภาคภูมิใจตลอดทั้งชีวิต ฝังลงไปพร้อมกับโลงศพนั่นเอง
แล้วยังมีการเล่าขานในช่วงเวลาที่ขาดหายไป ว่าสามารถเข้าสู่ภายในหลุมศพของบรรพบุรุษของตนเองได้ จากนั้นก็นำวัตถุที่สืบทอดออกมา สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นการสืบทอดอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้
และสุสานโบราณเบื้องหน้าแห่งนี้ ถือได้ว่าเก่าแก่จนน่าตกใจเลยทีเดียว ถ้าหากเจ้าของสุสาน ยังมีอะไรเหลือไว้ให้สืบทอด ก็คงจะต้องเป็นสิ่งที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั่งฟ้าได้อย่างแน่นอน
เมื่อได้ฟังการคาดเดาของกัวหราน หลงเฉินเองก็คาดเดาได้ไม่ต่างไปจากกัวหรานเสียทีเดียว ภายในจิตใจจึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความคาดหวังขึ้นมาบ้าง
เพราะภาพวาดห้วงอวกาศที่มีดวงดาราทั้งเก้านั้นทำให้เขาเห็นว่า อาจสามารถทำให้เขาเสาะหาเบาะแสของเคล็ดวิชากายานวดาราได้
แต่หลงเฉินก็ได้พบว่า นอกจากภาพวาดนั้นแล้ว ภาพอื่นๆทั้งหลายกลับเป็นเพียงสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับการตีเหล็กเท่านั้น
การคาดเดาของกัวหรานถือได้ว่าไม่ผิดเลยทีเดียว เจ้าของสุสานโบราณแห่งนี้คงต้องเป็นช่างหลอมแห่งยุค ข้อมูลที่อยู่บนภาพวาดจึงเป็นสิ่งที่รำลึกถึงความสำเร็จของเขานั่นเอง
หลงเฉินหาได้มีความสนใจในงานช่างตีเหล็ก แต่กัวหรานที่มีความสนใจต่องานเช่นนี้อยู่แล้ว จึงถือได้ว่าเป็นดั่งวาสนาอันยิ่งใหญ่สำหรับเขาเลยก็ว่าได้
หลงเฉินกับกัวหราน ยังคงทำการสำรวจภาพฝาผนังทั้งหมดต่อไป คนที่อยู่ภายในห้องโถงใหญ่ในขณะนี้ ก็ได้แบ่งออกเป็นสามฝ่าย ฝ่ายธรรมะ ฝ่ายอธรรมและฝ่ายของหลงเฉินนั้นเอง
ถึงแม้ทางด้านของหลงเฉินจะมีกันเพียงแค่สองคน แต่ก็ไม่มีคนกล้าดูแคลนพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังคงระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา
“เอ๊ะ บนภาพฝาผนังนี้ ยังมีวงกลมอยู่อีกวง”
ทันใดนั้นศิษย์ฝ่ายธรรมะผู้หนึ่ง ก็ได้พบเห็นวงกลมที่อยู่ด้านบนภาพฝาผนังภาพหนึ่ง อีกทั้งวงกลมนั้นค่อนข้างที่จะไม่สะดุดตาอีกด้วย
ที่ด้านบนภาพวาดได้มีดวงตาของสัตว์ร้ายดึกดําบรรพ์ตัวหนึ่ง เพียงแต่ว่าภาพสัตว์ร้ายดึกดําบรรพ์นั้นคล้ายกับมีชีวิตก็ว่าได้ ที่ดวงตาก็ถือได้ว่าทั้งกลมโตทั้งน่าแปลกเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าสัตว์โบราณเช่นนั้นหากอยู่ในโลกภายนอก ก็คงจะสาบสูญไปตั้งแต่แรกแล้ว แม้แต่จะเคยได้ยินก็ยังไม่เคยมาก่อน ทั้งผู้อื่นยังคงคิดกันว่าดวงตาของสัตว์โบราณก็คงจะต้องเป็นเช่นนี้
แต่เมื่อได้ลองค้นหาอยู่หลายวันทุกคนต่างก็ไม่ได้พบเจอเบาะแสอะไรเลย จนกระทั่งได้พบว่าลูกตาบางส่วนนั้นมีบางสิ่งที่ผิดปกติ
เมื่อได้ขยับเข้าไปใกล้ๆเพื่อดูใจกลางตำแหน่งของลูกตานั้น เห็นได้ชัดว่าคล้ายดั่งปุ่มเปิดปิด คนผู้นี้ก็ได้ลองกดลงไปเบาๆ
“ครืนครืน”
ทันใดนั้นเองทั่วทั้งสุสานโบราณก็เกิดการสั่นไหวขึ้นมาเป็นระลอก ทุกคนต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป หากว่าสุสานโบราณนี้เกิดพังทลายขึ้นมาทุกคนก็คงต้องตาย
“กร๊อบ”
ทันใดนั้นที่กลางพื้นห้องโถงใหญ่ก็ได้ถูกเปิด แล้วก็ปรากฏบันไดหินขนาดใหญ่ขึ้น จนกลายเป็นทางเชื่อมต่อลงไปยังชั้นใต้ดิน
จากนั้นก็ได้ปรากฏเส้นทางขึ้นมาสายหนึ่ง ทั้งศิษย์ฝ่ายธรรมะ และยอดฝีมือฝ่ายอธรรม ต่างก็แยกย้ายมุ่งหน้าเข้าไปภายในถ้ำ
“ซวบซวบซวบ……”
“อาอาอา……”
ขณะที่ทุกคนเดินเข้าไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นที่ด้านบนของฝาผนังก็ได้ปรากฏช่องว่างขนาดเล็กขึ้นมาอย่างถี่ยิบ ลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้ดีดตัวออกมาจากช่องว่างเหล่านั้น จนปลิชีพผู้คนไปถึงสิบกว่าคน
เนื่องจากภายในช่องที่เปิดขึ้นมานั้นคับแคบเป็นอย่างยิ่ง มองเห็นได้เพียงแค่ไม่กี่จั้ง ด้วยสภาพพื้นที่ที่แคบเช่นนั้น จึงเป็นไปได้ยากที่จะหลบเลี่ยงได้อยู่แล้ว
ต่อให้ถอยกลับไปทางด้านหลัง คนที่อยู่ทางด้านหลังที่กำลังเดินไปทางด้านหน้า ผลสุดท้ายก็ต้องถูกลูกธนูที่ออกมานั้นแทงทะลุร่างไปอย่างแน่นอน
ในตอนแรกนั้นทุกคนคิดว่าเมื่อได้เข้าไปยังภายในถ้ำแล้ว ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากขุมสมบัติ จึงเกิดความหวาดระแวงว่าถ้าช้าไปอาจจะถูกชิงไปเสียก่อน
ทว่าบุคคลที่คิดเช่นนี้ก็คือคนที่มีพลังการฝึกปรือที่ต่ำอยู่แล้ว คนที่มีพลังฝีมือแข็งแกร่งต่างก็หาได้เกรงกลัวไม่ เพราะต่อให้ผู้อื่นได้รับสมบัติไป ก็ยังสามารถที่จะแย่งชิงมาได้นั้นเอง
เมื่อพบว่าเป็นเช่นนี้ต่างก็ได้พากันถอยออกมา ทั้งยังทอสีหน้าหวาดผวามองไปยังเส้นทางสายนั้น
เมื่อทุกคนทราบว่าที่ถ้ำยาวสายนั้นไม่อาจจะมองเห็นปลายทางได้เลย ก็ได้เกิดอาการขนลุกขนพองกันขึ้น
บนใบหน้าหลงเฉินกับกัวหราน ก็ได้มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น พวกคนโง่คิดว่าบรรพจารย์แห่งการตีเหล็กเป็นคนโง่งมหรือยังไงกัน ?
ถ้าหากมีสมบัติอยู่มีหรือที่จะไม่มีการป้องกันเอาไว้ นี่คิดที่จะดูแคลนผู้สร้างสุสานหรือไงกัน ?
สุสานแห่งนี้จะต้องมีวิธีเปิดเส้นทางที่ชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าหากไม่เป็นไปตามวิธีการเปิดที่ถูกต้อง ในที่สุดแล้วก็ย่อมมีกลไกที่น่ากลัวแฝงอยู่อีกอย่างแน่นอน ก้าวละกับดัก ดักจนต้องตายกันไปข้าง
“ซูม”
ทันใดนั้นก็มียอดฝีมือผู้หนึ่งที่ในมือได้มีโล่ขนาดใหญ่ขนาบเอาไว้ทั้งสองด้าน จากนั้นก็นำไปกันไว้ทั้งทางด้านหน้าด้านหลัง จนคล้ายกับเป็นก้อนลูกลมลูกหนึ่งเลยก็มิปาน แล้วมุ่งหน้าเดินออกไป
“เป็นวิธีที่ไม่เลว”
ผู้คนต่างก็เกิดดวงตาเป็นประกายเมื่อพบเห็นวิธีเช่นนี้ คงมีแต่ต้องทำการคุ้มกันรอบกายแบบนี้เท่านั้น จึงจะไม่ต้องมาห่วงพะวงลูกธนูที่มาจากทั้งสี่ด้าน
ในขณะที่พวกเขากำลังจะเลียนแบบคนผู้นั้น ทันใดก็ได้มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา จนต้องพากันหันไปมองในทันที
ตอนแรกที่ได้พบเห็นว่าคนผู้นั้นเข้าไปได้หลายจั้งและยังปลอดภัย จนเมื่อไปได้ถึงยี่สิบจั้งใจกลางกำแพงก็หาได้มีลูกธนูปรากฏขึ้นมาอีก แต่กลับกลายเป็นหลาวแหลมเลยทีเดียว
หลาวแหลมเหล่านั้นมีความหนาเท่าไข่ห่าน ทั้งยังแหลมคมเป็นอย่างยิ่ง เมื่อโล่ของคนผู้นั้นต้องมาเผชิญกับหลาวแหลม ก็แทบไม่ต่างอะไรไปจากเปลือกไข่เลยทีเดียว ถึงกระทั่งถูกฆ่าได้ในทันที
ทว่าการตายของเขาก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าจดจำยิ่ง เนื่องจากเขาสามารถที่จะเข้าไปถึงในระยะที่ทุกคนยังไม่อาจเข้าถึงได้เป็นคนแรก
เมื่อเป็นเช่นนี้ทุกคนต่างก็โง่งมขึ้นมา ด้วยการโจมตีเช่นนี้ต้องเป็นโล่ที่อยู่ในระดับเครื่องมือปราณเท่านั้น จึงจะสามารถต้านทานเอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้นก็คงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่วัสดุที่อยู่ในระดับเครื่องมือปราณนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง ส่วนมากแล้วจะตีขึ้นเพื่อเป็นอาวุธ มีน้อยนักที่จะนำมาสร้างเป็นเครื่องป้องกัน
ต่อให้มีคนที่มีโล่ระดับเครื่องมือปราณ ก็ไม่อาจที่จะมีได้ถึงสองชิ้นอย่างแน่นอน เมื่อไม่มีโล่สองชิ้นเช่นนี้ ก็ย่อมไม่อาจที่จะฝ่าไปได้
“พี่ใหญ่ พอจะมีวิธีอะไรหรือเปล่า ?” เมื่อกัวหรานได้พบเห็นกลไกที่แข็งแกร่งเหล่านั้น ก็เกิดความคันในจิตใจจนยากที่จะทนได้
“เจ้าของสุสานแห่งนี้หาได้เป็นบุคคลที่เยี่ยมยุทธ์แต่อย่างไร ข้าคิดว่าคงน่าจะช่วยส่งเจ้าเข้าไปได้” หลงเฉินกล่าว
“พี่ใหญ่ เหตุใดท่านถึงคิดว่าเจ้าของสุสานเป็นคนเช่นนั้น หาได้เป็นบุคคลที่ร้ายกาจอย่างงั้นหรือ ?”กัวหรานกล่าวออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เพราะกลไกของเส้นทางสายนี้หาได้มีไว้เพื่อให้เดินเล่น ต่างก็มีกลไกปรากฏออกมาตามทางอยู่แล้ว หรือจะว่ากันก็คือ ขอเพียงไม่ไปแตะต้องพื้น กำแพงและเพดาน ก็จะไม่เป็นการกระตุ้นกลไลเหล่านั้นให้ทำงานแล้ว” หลงเฉินกล่าว
“ไม่แตะต้องเลย เช่นนั้นก็กลายเป็นว่าต้องเหาะเหินเข้าไปอย่างงั้นหรือ ?” กัวหรานไม่เข้าใจขึ้นมา
“อือ ขอเพียงเหาะเหินเข้าไปก็ได้แล้ว ถึงได้บอกไงว่ากลไกนี้มีไว้เพื่อจัดการกับผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในขอบเขตด้อยกว่าขั้นก่อฟ้านั่นเอง หากสูงกว่าขอบเขตขั้นก่อฟ้าขึ้นไป ก็ย่อมสามารถที่จะใช้พลังลมปราณแปรเปลี่ยนเป็นปีกเหาะเหินลอยเข้าไปได้ในทันที
เส้นทางสายนี้มีเพียงแค่สามร้อยจั้งเท่านั้น และมีด้วยกันทั้งหมดเก้ากลไกที่แตกต่างกัน มีทั้งอ่อนจนถึงแข็งแกร่ง บรรจบไปจนถึงปลายทางเลยทีเดียว
ดังนั้นข้าคิดว่าเจ้าของสุสานแห่งนี้หาใช่สุดยอดฝีมืออันใดไม่ เพราะสุสานของสุดยอดฝีมือแห่งยุค จะต้องไม่ซ่อนกลไลเอาไว้ในที่ลับเช่นนี้แน่ แต่จะจัดตั้งเป็นด่านอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ทั้งในทุกๆด่านก็จะมีกับดักที่แตกต่างกันไป
ก็อย่างที่ได้กล่าวไปเจ้าเองก็ได้เห็นแล้ว ว่าหนทางของสุสานแห่งนี้หาได้มีอะไรที่ซับซ้อนเป็นพิเศษทั้งยังไม่ถือว่าใหญ่โต จึงทำให้มองออกถึงสถานภาพของเจ้าของได้” หลงเฉินกล่าวอธิบายออกมา
กัวหรานพยักหน้าไปมา ลักษณะของสุสานเช่นนี้ จะต้องไม่ใช่ของยอดฝีมือแห่งยุคแน่นอน จึงอดไม่ได้ที่จะต้องถามขึ้นมาด้วยความคาดหวัง “เช่นนั้นมิใช่กลายเป็นว่าดีใจโดยเปล่าประโยชน์แล้วหรอกหรือ ?”
“เช่นนี้เจ้าก็ผิดแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องที่เจ้าสมควรจะมีความสุขมากที่สุด ถ้าหากที่แห่งนี้เป็นสุสานของสุดยอดฝีมือแห่งยุค เพียงแค่พลังการฝึกปรือของพวกเราสอง เมื่อเข้าไปแล้วยังจะสามารถมีชีวิตออกมาได้อีกอย่างงั้นหรือ ?” หลงเฉินก็ได้ยิ้มแล้วกล่าว
เมื่อกัวหรานได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะมีดวงตาเป็นประกาย ใช่แล้วหากว่าเป็นสุสานของสุดยอดฝีมือแห่งยุค มีหรือที่จะปล่อยให้ผู้คนมารบกวนโดยสุ่มสี่สุ่มห้าได้กัน ? หากว่าเป็นเช่นนั้นก็มีแต่เข้าไปแต่กลับไร้หนทางในการออกมา
“ดังนั้นจึงได้บอกไง ว่าต่อให้มีวาสนา ก็ต้องมีชีวิตอยู่จึงจะได้ วาสนาเช่นนี้ถือได้ว่าพอเหมาะกับเจ้าพอดิบพอดี ทั้งไม่มากไปไม่น้อยไป” หลงเฉินกล่าว
ไม่ว่าเจ้าของสุสานแห่งนี้จะเป็นบุคคลเช่นไร ถ้าหากภายในสุสานนั้นมีสมบัติขึ้นมาจริงแล้วละก็ ในมุมมองของพวกเขาขณะนี้จะต้องเป็นสิ่งของที่สุดยอดเลยทีเดียว
ในส่วนที่จะมีหรือไม่มี ก็คงต้องเดิมกันกันแล้ว โดยการใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน
เดิมทีการฝึกยุทธ์ก็เหมือนกับการเดิมพันอยู่แล้ว ในบางครั้งโชคลาภยังสำคัญกว่าพลังฝีมือเสียอีก
เสียงกรีดร้องยังคงดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย เพราะยังคงมีคนที่ไม่ยอมแพ้อยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายต่างก็ได้แยกย้ายกันหาวิธีเพื่อจะเข้าไป ทว่าก็ต้องพบกับความล้มเหลวและจุดจบในที่สุด
เป็นธรรมดาที่ผู้พ่ายแพ้ก็ต้องทิ้งชีวิตกันอย่างน่าอเนจอนาถเป็นอย่างยิ่ง เส้นทางเพียงสายเดียวแต่กับหยุดยั้งทุกคนเอาไว้
คล้ายกับที่หลงเฉินได้บอกเอาไว้ นอกเสียจากจะสามารถเหาะเหินผ่านไปดุจดั่งยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้า ไม่เช่นนั้นก็ได้แต่มองดูเพียงอย่างเดียวแล้ว
“ซูม”
ทันใดนั้นยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้หนึ่งก็มีกรงเล็บบินลอยออกไป ลอยเข้าไปจับหลาวแหลมเล่มหนึ่งกลับมาในทันที
กรงเล็บบินที่มีโซ่ยาวคล้องเอาไว้อยู่สามารถลอยออกไปได้ไกลถึงสามสิบจั้งเลยทีเดียว ทว่านั่นก็ถือได้ว่าเป็นขีดจำกัดแล้ว คงไม่อาจที่จะยาวขึ้นได้อีก
“เด็กน้อยที่ดี ถือว่าเป็นวัสดุที่เทียบเท่าเครื่องมือปราณได้เลยทีเดียว”
เมื่อได้ดูไปที่วัสดุของหลาวแหลมเล่มนั้นอย่างชัดเจน เหล่าศิษย์ของฝ่ายอธรรมก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาด้วยความตกใจ
หลาวแหลมนั้นถ่วงมือเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งมีน้ำหนักอยู่หลายพันชั่งเลยทีเดียว ถึงกับจมลงไปภายในพื้นหินอิฐจนพื้นหินอิฐแตกออก จนกลายเป็นรูขนาดใหญ่หลุมหนึ่ง
ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะทอแววตาหวาดผวามองไปยังภายในถ้ำ พบเพียงแต่เห็นกำแพงศิลาที่อยู่ภายใน หาได้พบเห็นร่องรอยอื่นใดไม่
หลาวแหลมเหล่านั้นพุ่งออกมาจากภายในกำแพง ทั้งยังดีดออกมาจากกำแพงหินอย่างแรงอีกด้วย แต่กระนั้นกำแพงหินกลับไร้ซึ่งความเสียหายไม่ คงมิใช่ว่ากำแพงหินแข็งยิ่งกว่าหรือยังไงกัน ?
แม้แต่กำแพงหินก็ยังเป็นสมบัติได้ เช่นนั้นสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในก็ต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน ? ภายในจิตใจของทุกคนก็ได้ร้อนระอุกันขึ้นมา
“เป็นไปได้ไหมถ้าไปแตะกลไกลให้ทำงานตลอด เพื่อให้กำแพงหินปล่อยกลไกออกมาไม่หยุด หากเมื่อกลไกลหยุดลงก็จะถือได้ว่าหมดสิ้น เช่นนั้นก็สามารถที่จะเข้าไปได้แล้ว?” ศิษย์ฝ่ายธรรมะผู้หนึ่งก็ทอประกายคมกล้าแล้วกล่าวขึ้นมา
“โง่เง่า เจ้าคิดว่าผู้คิดค้นจะโง่เง่าเฉกเช่นเจ้าอย่างงั้นหรือ ? ความคิดที่ง่ายดายเช่นนั้นมีหรือที่จะคิดไม่ถึง ต่อให้ปล่อยให้ลูกธนูคมศรเต็มพื้นที่ กลไลก็คงยังไม่หยุดทำงานหรอก เมื่อถึงเวลานั้นยังคิดที่จะไปค้นหาสมบัติกันอีกอย่างงั้นหรือ ?” ศิษย์ของฝ่ายอธรรมผู้หนึ่งก็ได้กล่าววาจาเย้ยหยันโดยที่ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย
“เจ้า……” ศิษย์ฝ่ายธรรมะผู้นั้นมีโทสะขึ้นมายกใหญ่ หมายที่จะด่าทอออกมา ทว่าเมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ดุร้ายของคนผู้นั้น จึงได้แต่รั้งเอาไว้แต่เพียงแค่มุมปากแล้วจึงค่อยได้กล้ำกลืนกลับไป
“หุบปากโสโครกไปเลย อย่าได้คิดว่าจะสามารถหลอกลวงผู้อื่นได้ ปู่กัวจะแสดงให้พวกเจ้าได้เห็นเองว่า อะไรเป็นพลังฝีมือสะท้านฟ้า”
กัวหรานก็ได้ส่งเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเย่อหยิ่งดังขึ้นมา จนทำให้ทุกผู้คนต้องทอแววตาเป็นประกายมองไปทางด้านหลัง
.
.
.
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**