MS บทที่ 12 หลีมู่แม่งบ้า
MS บทที่ 12 หลีมู่แม่งบ้า
หยดเหงื่อเริ่มไหลไปทั่วร่างคนของฝ่ายเฉินหนง พวกเขาหวาดกลัวกันสุดชีวิต หลีมู่เองก็ไม่ใช่คนอ่อนแอที่ให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ เขากำลังแสดงให้เห็นว่าเต่าที่หดหัวอยู่นั้นก็สามารถล้มราชสีห์ได้
พวกเฉินหนงกำลังเดินเข้าสู่ความพินาศเรื่อยๆ
มาดูกันดีกว่าว่าฉีกงจิ้งจะรับมือยังไง
ตู้ม!
หลีมู่ถีบเสาหินขนาดใหญ่จนสองคนโอบจนล้มลง
เศษหินกระจายไปทั่วบริเวณ แมลงมีพิษทั้งหลายถูกบดขยี้จนพื้นดินกลายเป็นสีสันสวยงาม สาวกบางคนก็ถูกทับเช่นกัน
หลีมู่พุ่งตัวเข้าไปในป่าหินราวกับยอดมนุษย์อีกครั้ง
“ต้องช่วยเหลือเหยื่อก่อน”
เขากำลังมองหาสองแม่ลูกคู่นั้นอยู่
ตู้ม!
เสาหินจำนวนมากล้มถล่มลงมาต่อเนื่องตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโวยวาย ราวกับว่ามีเสือกำลังบุกเข้าไปในเล้าไก่
จากนั้นไม่นานนัก
“เจ้า...เจ้าทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน... พวกเจ้าต้องตาย!”
หลีมู่โกรธจัดจนกู่ร้องเสียงดังไปทั่วทั้งป่า
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากเหล่าสาวกของเฉินหนง พร้อมมาด้วยกลิ่นคาวเลือด
หลีมู่เริ่มทำการสังหารหมู่อีกครั้ง
หม่าจุนวูที่ยืนอยู่ด้านนอกพอจะเดาเรื่องราวที่เกิดขึ้นข้างในได้ทันที
แรกเริ่มเดิมทีพวกเฉินหนงนั้นคือการรวมตัวกันของกลุ่มชาวไร่สมุนไพรเพื่อที่จะได้อยู่รอดไปร่วมกัน ซึ่งก็เป็นปกติจนกระทั่งเมื่อมันพัฒนาไปไกลขึ้นก็เริ่มมีพวกโจรถ่อยเข้ามา จากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไปทั้งหมดเมื่อฉีกงจิ้งเข้ามาเป็นผู้นำทำให้ทั้งฝ่ายกลายมาเป็นเหมือนดั่งที่ซ่องสุมพวกนอกกฎหมาย
ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ฝ่ายเฉินหนงดูเหมือนจะถูกป้ายสีอยู่บ่อยครั้งในมณฑลไถไป๋ด้วยความชั่วร้ายของมันเองด้วย เร็วๆนี้มีข่าวว่ามีผู้หญิงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในไถไป๋และต่อมาก็สืบทราบได้ว่าเป็นฝีมือของไถไป๋ทั้งหมด มีข่าวลือว่าพวกมันทำการทรมาณหญิงสาวเหล่านั้นหรืออาจจะแย่กว่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น จับไปทดลองยาพิษของมัน,ใช้เป็นหนูทดลองบ้าง หรือแม้แต่ใช้พวกนางเป็นอาหารแก่เหล่าสัตว์มีพิษของพวกมัน ซึ่งเป็นการกระทำที่โหดร้ายมาก
ทุกคนที่ไม่ใช่สาวกของเฉินหนงล้วนตายจนหมดสิ้น
และในครั้งนี้ ฉางหลีและลูกสาวเองก็ถูกจับตัวมาที่ฐานที่มั่นของพวกมัน ซึ่งน่าจะเดาได้เลยว่าคงไม่รอดแน่ๆ
หม่าจุนวูบอกได้เลยว่าผู้พิพากษาคนนี้ไม่ได้สนุกกับการฆ่าคนหรอก เขาทำไปเพราะอยากจะรีบช่วยเหลือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมากกว่า และการที่เขาฆ่าสี่คนนั้นไปก็เพราะล้างแค้นให้กับทหารของเขา
ตัวหลีมู่เองก็ไม่ได้อยากจะฆ่าสาวกมากนักหรอก แต่หลังจากที่เขาได้พบเห็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านรกในป่าแห่งนี้ มันก็ยิ่งทำให้เขาเดือดดาลจนออกไล่พวกมันให้เหี้ยน
เสียงกรีดร้องดังขึ้นต่อเนื่องในป่าหิน
หลายคนที่อยู่รอบนอกต่างก็จ้องมองเข้ามาด้วยความหวาดกลัว
เด็กคนนั้นกำลังโกรธสุดๆ
.
“อะไรนะ?” โชวหวูที่ได้ยินรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในป่าหินนั่นก็ถึงกับทำถ้วยชาสีแดงในมือหล่นตกแตก
“นายท่าน หลีมู่มันเป็นจ้าววรยุทธ์และน่ากลัวมากๆเลย ข้าตั้งใจจะกวาดล้างพวกเฉินหนงด้วยดาบธรรมดาเพียงเล่มเดียว แม้แต่พวกสี่หลิงกงเองก็ไม่อาจรับมือได้เลยขอรับ ทุกคนถูกมันฆ่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว...” ข้าทาสของโชวหวูมารายงานด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวและเสียงอันสั่นไหว
“เป็นไปได้ยังไง? เจ้า...เจ้าต้องดูผิดแน่ๆ” โชวหวูเริ่มรู้สึกผิดในน้ำเสียง
“ไม่มีผิดพลาดแน่นอนขอรับ” ข้าทาสคนนั้นยังไม่หายจากอาการเหนื่อยอ่อน
โชวหวูนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยอาการหวาดกลัวจนพูดไม่ออก
เฟิงหยวนซิงเลขาของเขาโบกมือไล่ให้ทาสคนนั้นไปสังเกตการณ์หลีมู่ต่อ
เมื่อเขาคนนั้นออกไป เฟิงหยวนซิงก็ออกมาพูด “นายท่าน พวกเราพลาดเสียแล้ว เจ้าหลีมู่มันรับมือด้วยยากมาก เขาหลอกเรามาโดยตลอด เราควรต้องระวังในหมากตัวต่อไปที่จะเดินแล้วล่ะขอรับ ข้ามั่นใจว่าข่าวลือของหลีมู่จะต้องแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองและเปลี่ยนแนวคิดของหลายๆฝ่ายที่มีต่อตัวหลีมู่แน่นอน”
โชวหวูพยักหน้ายอมรับ แต่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมา
เขาจะไม่ต้องกังวลเลยหากหลีมู่เป็นแค่นักปราชญ์ธรรมดาๆ หรือเป็นแค่จ้าววรยุทธ์ธรรมดาๆ แต่ตอนนี้เด็กคนนั้นดันเป็นถึงผู้พิพากษาของเมืองเสียด้วย นั่นทำให้กลายเป็นว่ารับมือด้วยยากมากๆ
ในแผ่นดินฉินนี้ ถึงแม้ว่าผู้พิพากษาจะเป็นตำแหน่งที่ต้อยต่ำมากๆ แต่ก็ยังมีอำนาจเบ็ดเสร็จและสูงสุดในมณฑลนั้นอยู่ดี ถึงกระนั้นโชวหวูก็เป็นหัวหอกใหญ่ในไถไป๋อยู่ดี เขาไม่สามารถเอาชนะพลังแบบนั้นได้แน่ๆ
ในขณะเดียวกัน
เฉิงหลงซิง นายเฝ้าประตูเตียนฉีนั่งอยู่ในห้องลับด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
เขาคิดว่าเขาสามารถควบคุมทุกอย่างได้ สามารถล้มทุกอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาได้ แต่ตอนนี้เขารู้สึกคิดผิดเป็นครั้งแรก เขาคิดว่าเขาสามารถเป็นเงามืดที่คอยบงการทุกอย่างในเมืองนี้ แท้ที่จริงแล้วกลับเป็นผู้พิพากษาคนนั้นต่างหาก
เฉิงหลงซิงเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเด็กคนนั้นถึงได้เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องทำงานของเขา ไม่ใช่เพราะว่าเขาหวาดกลัว แต่เป็นเพราะว่าเขาไม่สนใจใยดีพวกที่คิดร้ายกับเขาต่างหาก
เขาเริ่มรู้สึกเจ็บใจขึ้นมาทันที
ตอนที่เขาได้รับข่าวจากจันทราโลหิตเรื่องความผิดพลาดในครั้งนั้นทำให้เขาไม่สนใจหลีมู่เท่าไหร่นัก และตอนนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาคิดผิด
การก้าวย่างที่ผิดพลาดเพียงก้าวเล็กๆนำไปสู่ความผิดที่ร้ายยิ่งกว่า
ตอนนี้เขาควรจะทำยังไงดีล่ะ?
เสือขี้เกียจในตอนแรกที่ตอนนี้กลายเป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือดที่ควบคุมไม่ได้ไปเสียแล้ว
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะข้าเอง...” เฉิงหลงซิงโทษตัวเอง
“ไม่สิ ข้าต้องไปช่วยพวกเขา” เขาคิดอยู่นานก่อนจะกระโดดขึ้นมาจากเก้าอี้ “เราต้องรีบส่งทหารเข้าไปช่วยผู้พิพากษาแล้ว เร็วเข้า!”
.
หลีมู่โกรธมาก โกรธสุดๆ
ฐานที่มั่นเฉินหนงเหมือนกับนรกบนดินชัดๆ และภาพของสองแม่ลูกถูกทรมาณก็แล่นเข้ามาในหัวของเขา
เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ร้องขอความยุติธรรมกลับถูกจับไปทรมาณจนตายด้วยวิธีการที่โหดร้ายป่าเถื่อนที่สุด
นอกจากนี้หลีมู่ยังเห็นซากศพใครก็ไม่รู้ที่ถูกพวกเฉินหนงเชือดทิ้งขว้างเพื่อนำมาปรุงอาหารให้สัตว์มีพิษเหล่านั้น
และยังมีผู้คนมากมายที่ถูกจับอยู่ในกรงราวกับถูกปล่อยในรอวันตาย บนเนื้อตัวก็มีรอยแผลเต็มไปหมด พวกเขาถูกตัดแขนขาเพื่อไม่ให้หนีได้ ช่างน่าเวทนายิ่ง
ฐานที่มันของพวกมันราวกับเป็นโรงเชือดชัดๆ
เด็กหนุ่มยิ่งโกรธขึ้นไปอีก ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟและมีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว
ฆ่าแม่งให้เหี้ยน!
ฆ่าไอ้พวกสัตว์นรกในคราบมนุษย์!
ดาบของเขานั้นได้หักไปแล้ว เขาจึงพุ่งเข้าไปต่อยสาวกเฉินหนงด้วยมือเปล่า เตะทำลายเสาหินเพื่อให้หล่นมาทับพวกมัน ทุกคนเริ่มกรีดร้องแต่หลีมู่ก็ยังไม่หยุด
ไม่มีใครต่อกรกับหลีมู่ได้แล้วในตอนนี้ แม้แต่ปรมาจารย์วิชายุทธ์ก็ตาม
เขารีบพุ่งไปตามป่าอย่างโกรธเกรี้ยวราวกับเสือโคร่งในดงแกะ ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้อีกแล้ว
.
ณ ลึกเข้าไปในใจกลางป่าหิน
บรรยากาศนั้นเงียบงัน
ฉีกงจิ้งในชุดสีดำและด้วยสาวกที่ทรงพลังของเขาในชุดเกราะพร้อมศึกเต็มรูปแบบเช่นกัน
นี่คือไพ่ตายสุดท้ายของฝ่ายเฉินหนงแล้ว
“พังหมดแล้ว... ฝ่ายเฉินหนงฉิบหายหมดแล้ว...”
ในใจของฉีกงจิ้งกำลังกรีดร้องออกมา
ด้วยหยาดเหงื่อและแรงกายของเขาในการสรรค์สร้างกลุ่มเฉินหนงขึ้นมา และทั้งหมดก็กำลังจะล่มสลายในเวลาเพียงวันเดียว
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น สถานะที่แท้จริงของเขาก็จะต้องถูกเปิดโปงว่าเป็นโจรที่มีค่าหัว ซึ่งเฉิงหลงซิงก็ไม่อาจจะช่วยเขาได้แล้วในตอนนี้ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปคือหนทางแห่งการล่มสลาย 20 ปีแห่งความหลังแหลกสลายหายไปกลายเป็นฝุ่น
ทุกสิ่งเกิดจากผู้พิพากษาคนนั้น
“เอาเถอะ ถึงกระนั้นอย่างน้อยข้าก็อยากจะตายด้วยน้ำมือของพวกทางการอยู่แล้ว ยิ่งมันเป็นคนทำลายชีวิตของข้า ข้าก็จะไม่ขออยู่ร่วมโลกกับมัน!”
ความคิดนี้ก่อตัวขึ้นในใจของเขา
“พี่น้องของข้า! ตามข้ามา! เราจะไปล้างแค้นให้เพื่อนพ้องของเรากัน!”
เขาพูดปลุกกำลังใจลูกน้องของเขา และก่อนที่จะได้ทันพูดจบ
ตู้ม!
เสียงดังสนั่นจากประตูถ้ำ
มีใครบางคนพุ่งทะลุประตูเข้ามา แรงสั่นนั่นสะเทือนไปทั้งถ้ำจนหินแทบจะถล่มลงมา
...