Re-new ตอนที่ 90 พี่หก
ตอนที่ 90 พี่หก
ด้วยความช่วยเหลือของหัวหน้าคนงานซุน ท่านลุงใหญ่กับลูกพี่ลูกน้องคนโตของเสี่ยวเฉาจึงได้งานทำทุกวัน บางคราพวกเขาก็จะพาท่านลุงรองของนางมาด้วย พวกเขาหาเงินได้คนละ 100 อีแปะในทุก ๆ วัน ท่านป้าใหญ่ก็หยุดขายผักดองด้วยเนื่องจากนางไม่สามารถทำเงินจากการขายพวกมันได้มากนัก...
เมื่อเห็นว่าพ่อของนางกำลังสนทนากับท่านตาหลิว เสี่ยวเฉาจึงลุกขึ้นและเดินเตร่ไปรอบ ๆ ในช่วงสองวันมานี้นางเอาแต่หาเงินอย่างเดียวจนไม่มีเวลาเดินเที่ยวชมท่าเรือ
ท่าเรือถังกู่เพิ่งเริ่มพัฒนาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหลังจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบันขึ้นครองราชย์ ตอนที่ฮ่องเต้ยังเยาว์อยู่นั้น พระองค์ทรงโปรดการออกผจญภัยในทะเลมากยิ่งนัก และทรงควบคุมดูแลการสร้างเรือเดินสมุทรด้วยตนเองอีกด้วย หลังจากขึ้นครองราชย์แล้ว ก็ทรงพัฒนาการขนส่งทางทะเลอย่างจริงจังและทรงจัดตั้งกองทัพเรือที่แข็งแกร่งขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับเหล่าโจรสลัดและปกป้องเรือขนส่งเหล่านี้ จึงส่งผลให้อุตสาหกรรมการเดินเรือเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างมากในช่วง 5 - 6 ปีมานี้
ในฐานะที่เป็นท่าเรือที่ใกล้เมืองหลวงมากที่สุด การพัฒนาของท่าเรือถังกู่จึงเป็นเรื่องปกติ แต่มันก็ยังเป็นท่าเรือที่ค่อนข้างใหม่อยู่ดี ถึงจะใหญ่ แต่ก็ดูเรียบง่าย สิ่งก่อสร้างหลายอย่างก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่เหล่าพ่อค้าที่มองการณ์ไกลก็ดูเหมือนจะจับจองท่าเรือนี้ไว้แล้ว กล่าวกันว่าตระกูลโจวได้เลือกทำเลที่ใกล้กับท่าเรือเพื่อสร้างร้านสาขาของร้านอาหารเจินซิวไว้แล้วด้วย
ขณะที่เสี่ยวเฉาเดินเตร่ไปรอบ ๆ นางก็ได้เดินออกห่างจากร้านก๋วยเตี๋ยวของท่านตาหลิวและมาถึงสถานที่จ้างงานของพวกคนงานท่าเรือ ที่นี่คึกคักมีชีวิตชีวามากที่สุดในตอนก่อนรุ่งสาง เหล่าแรงงานระยะสั้นมากกว่า 100 คนจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อรอคอยให้หัวหน้าคนงานคัดเลือก แต่ในเวลานี้ผู้คนกำลังทำงานกันยุ่งอยู่ที่ท่าเรือ ดังนั้นจึงแทบไม่มีคนอยู่ที่นี่
“อ่า ! เจ้าน่ะ...ชื่อเสี่ยวเฉาใช่หรือไม่ ?” ผู้ชายหลายคนที่หน้าตาราวกับพวกโจรกระจอกเข้ามาขวางทางนางเอาไว้
หยูเสี่ยวเฉามองไปรอบ ๆ แล้วขมวดคิ้ว นางมองไปที่ชายคนหนึ่ง ที่มีใบหน้าแปะป้ายบอกยี่ห้อไว้ว่า ‘ข้าเป็นคนเลว’ และเอ่ยถามออกไปว่า “มีอันใดรึเจ้าคะ ?”
หัวหน้าโจรที่สวมเสื้อบุฝ้าย ได้ซ่อนมือของเขาเอาไว้ในแขนเสื้อแล้วมองเสี่ยวเฉาอย่างเย็นชาด้วยดวงตาที่เหมือนหนู เขายิ้มเจ้าเล่ห์และเอ่ยว่า “ได้ยินว่าอาหารจานเนื้อราคา 1 อีแปะของเจ้าขายดีมากเลยนี่”
“มิมีอะไรพิเศษหรอกเจ้าค่ะ มันอาจจะดูเหมือนข้าขายได้มากแต่เราขายราคาถูกก็เลยมิค่อยมีกำไร มิค่อยได้เงินมากเท่าใดหรอกเจ้าค่ะ” เสี่ยวเฉาไม่เชื่อว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับนางเป็นแน่ นางจึงลอบระวังตนเอาไว้
ผู้ชายคนที่ผอม ๆ มีปากและคางยื่นเหมือนลิงกระโดดออกมาจากด้านหลังคนที่มีดวงตาเหมือนหนูแล้วตะโกนว่า “ใครสนเรื่องกำไรของแกวะ ! มาขายของในถิ่นของท่านพี่ฉลามเช่นนี้ เจ้าได้มาคารวะหัวหน้าแล้วรึ ? จ่ายค่าคุ้มครองรึยัง ?”
หยูเสี่ยวเฉาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว การค้าของนางในช่วงสองวันมานี้ดีมากเกินไปจนทำให้คนอื่นอิจฉา จึงมีคนมารีดไถเงินของนาง ! นางมองไปรอบ ๆ แล้วคร่ำครวญอยู่ในใจ แถวนี้เวลานี้ไม่มีใครอยู่เลยสักคน แล้วนางจะทำเยี่ยงไรดี ?
“ค่าคุ้มครอง ? ข้าเพิ่งมาใหม่ มิเคยได้ยินว่าต้องจ่ายค่าคุ้มครองเพื่อทำการค้าที่ท่าเรือเลยนะเจ้าคะ” หยูเสี่ยวเฉาถ่วงเวลา นางพยายามคิดหาทางหนีจากพวกอันธพาลกลุ่มนี้
ชายที่เรียกกันว่าพี่ฉลามยิ้มเหมือนพวกผู้ร้ายในละครหลังข่าวแล้วเอ่ยว่า “มิเคยได้ยินก็มิได้หมายความว่ามิมี ! เลิกกล่าวให้มากความแล้วส่งเงินมา !”
“ก็ได้ ก็ได้ ! ข้าจะจ่าย...ต้องจ่ายเท่าใดรึเจ้าคะ ?” เสี่ยวเฉาแสดงความอ่อนแอออกมาเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามประมาท
พี่ฉลามกับลิงผอมมองหน้ากันอย่างผู้ชนะ แล้วเรียกค่าคุ้มครองเสียแพงหูฉี่ “10 อีแปะต่อวัน หากจ่ายรายเดือนก็แค่ 200 อีแปะต่อเดือนเท่านั้น”
หึ ! 200 อีแปะรึ ? ร้านที่ขายดีที่สุดบนท่าเรือก็จ่ายค่าคุ้มครอง 200 อีแปะต่อเดือนไม่ไหวหรอก ! พวกอันธพาลท้องถิ่นพวกนี้จงใจเพ่งเล็งมาที่นางเท่านั้นสินะ
หยูเสี่ยวเฉาแกล้งทำเป็นกลัว นางมองไปที่สะพานท่าเรือกับพ่อแล้ววัดระยะทางที่สั้นที่สุดเพื่อไปที่นั่นอยู่ในใจ จากนั้นก็เอ่ยด้วยเสียงสะอื้นว่า “พี่ชาย ! น้องสาวคนนี้เพิ่งมาถึงเองนะเจ้าคะ ยังมิทันได้เริ่มขายเลย จะไปเอาเงิน 10 อีแปะจากไหนมาให้กัน ? เอาเยี่ยงนี้ดีหรือไม่...พอข้าขายอาหารวันนี้เสร็จแล้ว ข้าจะจ่ายเป็นรายเดือนทีเดียวเลย พวกท่านคิดว่าเยี่ยงไรเจ้าคะ ?”
เจ้าลิงผอมขยับเข้าไปใกล้พี่ฉลามแล้วกระซิบข้างหูเขาว่า “วันนี้เจ้าเด็กนี่มากับผู้ชายตัวสูง ๆ ท่าทางแข็งแรง ถ้าปล่อยมันไปพวกเราก็คงจะจบเห่เป็นแน่”
คนพวกนี้เป็นพวกขี้เกียจไร้ประโยชน์แถว ๆ ท่าเรือ พวกเขามักจะรังแกคนที่อ่อนแอและหวาดกลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า อีกทั้งบางคราก็จะลักเล็กขโมยน้อยอีกด้วย พวกเขาขู่กรรโชกเงินจากคนแก่, คนอ่อนแอ, ผู้หญิง แม้แต่เด็กที่ขายของที่ท่าเรือ พวกพ่อค้าเร่ส่วนใหญ่มาจากหมู่บ้านใกล้เคียง พวกเขาจึงไม่กล้าคัดค้านอันธพาลท้องถิ่นพวกนี้
มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยที่ท่าเรืออยู่บ้าง แต่โจรพวกนี้จะทำตัวดีเป็นอย่างมากเวลาที่เจ้าหน้าที่เดินลาดตระเวนในพื้นที่ พวกเขาจะซ่อนตัวอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งแล้วจะออกมาตอนที่เจ้าหน้าที่ไปแล้ว ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่ที่ถูกขู่กรรโชกก็จะยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อความสงบสุขให้กับตนเอง
อันธพาลกลุ่มนี้ได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่งว่าการค้าของพี่น้องหยูกำลังเฟื่องฟู พวกเขาจึงวางแผนรอจนกว่าสองพี่น้องจะขายอาหารเสร็จแล้วจะปล้นเงินทั้งหมดของพวกเขาด้วยการหลอกลวงและข่มขู่ แต่พวกเขามิคิดว่าวันนี้จะมีผู้ใหญ่มาด้วย นอกจากนั้นยังตัวสูงและแข็งแรง ดูมิใช่คนที่พวกเขาจะรังแกเอาได้ พวกเขาจึงต้องเปลี่ยนแผนมาขวางทางเด็กหญิงตัวน้อยและพยายามข่มขู่เอาเงินจากนางให้ได้มากที่สุด
“ตอนนี้เจ้ามีเงินติดตัวอยู่เท่าใด ? ส่งมาให้หมด !” พี่ฉลามทำเสียงโหด
เสี่ยวเฉาส่ายหน้าแบบขลาดกลัวและขยับไปด้านข้าง นางทำเสียงราวกำลังจะร้องไห้ว่า “เงินอยู่ที่ท่านพ่อเจ้าค่ะ ข้ามิมีเงินติดตัวสักอีแปะเดียว พี่ชายปล่อยข้าไปเถอะนะเจ้าคะ ข้ามิมีเงินจริง ๆ...!”
ทันใดนั้นนางก็นั่งลงกับพื้นและคว้าทรายขึ้นมาปาเข้าใส่หน้าของพวกอันธพาล จากนั้นก็รีบวิ่งไปทางท่าเรือด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
นางใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในร่างกายและคิดอยู่อย่างเดียวว่าวิ่ง วิ่ง และวิ่ง ! ถ้านางวิ่งเข้าไปหาฝูงชนได้ พวกอันธพาลพวกนี้ก็จะไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามต่อหน้าสาธารณชน
ทว่า ความเป็นจริงนั้นโหดร้าย ขาสั้น ๆ ของเสี่ยวเฉาจะพานางวิ่งให้ชนะผู้ใหญ่หลายคนได้เยี่ยงไร ? แค่ไม่กี่ก้าวพวกเขาก็ตามนางมาทันเสียแล้ว
เมื่อถูกล้อมอีกครา เสี่ยวเฉาจึงรู้สึกหงุดหงิดและเอ่ยสบถอยู่ในใจ ไอหยา ! ท่าทางจะไม่รอดแล้วเสียแล้วเสี่ยวเฉา
พี่ฉลามที่ถูกเจ้าลิงผอมประคองขึ้นมาก็ได้ขยี้ตาด้วยมือข้างหนึ่งและเริ่มสบถด่า เมื่อกี้เสี่ยวเฉาปาทรายเข้าที่หน้าของเขา ตอนนี้เขาจึงมองได้ไม่ชัดนัก
“เจ้าเด็กเวร ! เอ่ยกันดี ๆ มิรู้ความ อยากโดนดีใช่หรือไม่ สั่งสอนมัน !” พี่ฉลามรู้สึกเจ็บที่เบ้าตาและน้ำตาไหลอยู่ตลอด เขามองภาพเบื้องหน้าไม่เห็นจึงได้ตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราดด้วยความโมโห
“อ๊าก !”
“โอ๊ย ! !”
“แม่จ๋า ช่วยด้วย !”
ตอนแรกพี่ฉลามก็รู้สึกภูมิใจและมั่นใจเป็นอย่างมาก ‘เจ้าเด็กนั่นบังอาจปาทรายใส่หน้าข้า ! มันจะต้องโดนสั่งสอน ! ’
อ่า ? มีบางอย่างผิดปกติ ! เหตุใดเสียงร้องถึงฟังดูคุ้น ๆ เหมือนเสียงคนของเขาเลยมิใช่รึ เกิดอันใดขึ้นกัน ?
“หก...พี่หก...” เสียงเอ่ยตะกุกตะกักของเจ้าลิงดังขึ้นข้าง ๆ เขา มือที่ประคองเขาอยู่ก็สั่นระริก...
หลังจากที่พี่ฉลามออกคำสั่ง เสี่ยวเฉาก็กุมหัวแล้วลงนั่งย่อลงทันที นางพร้อมที่จะโดนเตะหรือต่อย แต่สิ่งที่นางได้คาดเอาไว้ก็ไม่เกิดขึ้น เมื่อได้ยินเสียงร้องติดต่อกันเป็นชุดนางจึงเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย และเห็นว่าพวกอันธพาลทั้งหมดลงไปนอนกองอยู่กับพื้นพร้อมกับร้องครางออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
เสี่ยวเฉากระพริบตาปริบ ๆ และมองไปยังร่างสูงที่อยู่ตรงหน้านาง ไหล่กว้าง, ร่างเพรียวบาง เสื้อผ้าเก่า ๆ ที่สวมใส่ไม่อาจปกปิดเสน่ห์ของเขาได้ ไอหยา ! นี่มันฉากในตำนานนี่ ‘พระเอกมาช่วยนางเอก’ ใช่รึไม่ ? แค่ก แค่ก...อ่า ! ตอนนี้เป็น ‘พระเอกมาช่วยเด็กน้อย’ ก็ได้...
“หก...พี่หก...” นางเห็นเจ้าลิงผอมตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าทรง เขากลัวมากเสียจนฉี่ราดกางเกง ทำให้นางยิ่งอยากรู้ตัวตนของคนที่มาช่วยนางเอาไว้มากขึ้นไปอีก
เสี่ยวเฉาลุกขึ้นยืนมองคนที่มาช่วยนางไล่เตะพวกนั้นทีละคนและส่งเจ้าลิงผอมกับพี่ฉลามลอยออกไป ในใจนางยิ่งบูชาเขามากขึ้นไปอีก
ความเจ็บปวดที่ท้องทำให้ทั้งน้ำมูกและน้ำตาของพี่ฉลามไหลลงมา ในที่สุดน้ำตาของเขาก็ล้างทรายออกจากตาเขาได้ เขากระพริบตาที่แดงและบวมนั้นและได้เห็นคนที่มาต่อสู้เพื่อความยุติธรรม เขาอดทนต่อความเจ็บและรีบลุกขึ้นพร้อมกับส่งเสียงเรียกเบา ๆ ว่า “พี่หก...”
ชายคนที่ถูกเรียกว่า ‘พี่หก’ ทำหน้าเฉยชา เขามองไปที่พี่ฉลามด้วยสายตาเย็นเยียบที่เกือบจะทำให้เลือดแข็งตัวได้ พี่ฉลามรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวและทรุดลงกับพื้นราวกับสุนัขที่ตายแล้ว
มีใครในท่าเรือไม่รู้จักพี่หกบ้าง ? เขาเคยเป็นขอทานที่แย่งอาหารจากสุนัขตอนที่ยังเด็ก เขาฆ่าหมาป่าได้ด้วยมือเปล่าตอนอายุ 10 ขวบ
ตอนอายุ 16 เด็กหนุ่มที่ชื่อ ลิ่วซือ (ลิ่วแปลว่าหก) กับพี่น้องขอทานหลายคนได้เอาชนะเจ้าถิ่นที่ท่าเรือและเปิดเส้นทางสู่อาชีพของเขาเอง ด้วยความสามารถของเขา เขาจึงผูกขาดท่าเรือเอาไว้ได้ แต่เขาก็ไม่ได้โลภ แค่ยึดลูกค้าสำคัญเอาไว้บ้างและปล่อยที่เหลือไว้ให้หัวหน้าคนงานคนอื่น ๆ ต่อมาหัวหน้าคนงานซุนก็ค่อย ๆ รวบรวมเครือข่ายของตนเองและกำจัดกลุ่มเล็ก ๆ ไปจำนวนมาก เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์ก็เป็นอย่างทุกวันนี้...
ที่ท่าเรือนั้น คำกล่าวของชายที่เป็นที่เคารพนับถือในฐานะ ‘พี่หก’ ก็มีอำนาจยิ่งกว่าพวกเจ้าหน้าที่เสียอีก แม้แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องไว้หน้าเขา พวกอันธพาลที่ท่าเรือเคยโดนเขาทุบตีมาก่อน ดังนั้นพวกนั้นจึงกลัวเขามากจนพากันวิ่งหนีทันทีที่เจอเขา
พี่ฉลามกับลิงผอมก็เป็นหนึ่งในนั้น พวกเขาเป็นเพียงแค่นักเลงกระจอก ๆ ที่ไม่มีคุณสมบัติจะแข่งกับพี่หกได้เลย พวกเขาเคยได้ยินชื่อเสียงของเขา แต่ไม่ได้คิดว่าจะมาเจอกับเขาเข้าในวันนี้ เจ้าลิงผอมตัวสั่นเมื่อนึกถึงความโหดร้ายของพี่หก และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอุ่น ๆ ที่บริเวณเป้ากางเกงของเขา...
“ไสหัวไป ! อย่าให้ข้าเห็นพวกเจ้าที่ท่าเรืออีก มิเยี่ยงนั้น...” พี่หกหรี่ตาซึ่งดูดุร้ายราวกับหมาป่ากำลังมองหาเหยื่อ เสียงของเขาแผ่วเบาแต่กลับส่งผลได้รุนแรงยิ่งนัก !
พี่ฉลามลุกขึ้นจากพื้นทันทีและตอบกลับว่า “ได้ขอรับ ได้ ! พวกเราจะไปประเดี๋ยวนี้ ไปประเดี๋ยวนี้เลย ! พวกเราสัญญาว่าจะมิมาที่ท่าเรือนี้อีก...”
เขากลัวจนแข้งขาอ่อนและกลิ้งไปกับพื้นหลายครา จากนั้นก็ใช้ทั้งมือทั้งเท้าคลานตะเกียกตะกายหนีไป คนอื่น ๆ ก็นึกโกรธพ่อแม่ที่ไม่ให้ขาพวกเขาเพิ่มอีกสองขาและได้วิ่งหนีไปอย่างหมดท่าราวกับถูกไล่ล่าโดยหมาป่าที่หิวโหย
“เอ่อ...ขอบคุณนะเจ้าคะ” หยูเสี่ยวเฉาเคยได้ยินชื่อ ‘ลิ่วซือ’ จากหัวหน้าคนงานซุน นางรู้เพียงแค่ว่าเขาเป็นคู่แข่งของหัวหน้าซุน จึงไม่รู้อะไรอย่างอื่นอีก แต่จากท่าทางของอันธพาลพวกนั้น ลิ่วซือผู้นี้ต้องไม่ใช่คนที่จัดการได้อย่างง่ายดายเป็นแน่
พี่หกหันกลับมาช้า ๆ และพยักหน้าให้นาง ในที่สุดเสี่ยวเฉาก็เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน เขามีใบหน้าที่สุขุม คิ้วและดวงตาทำให้เขาดูเหมือนพวกลูกครึ่ง จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง ผิวสีแทนเนื่องจากสัมผัสกับลมทะเลและแสงแดดเป็นเวลานาน ถ้าไม่ใช่เพราะแผลเป็นที่พาดจากคิ้วซ้ายไปจนถึงมุมปากขวา เขาจะต้องเป็นคนที่หล่อไร้ที่ติอย่างแน่นอน