Re-new ตอนที่ 88 พ่อกับลูกสาว
ตอนที่ 88 พ่อกับลูกสาว
เสี่ยวเฉาทำตัวราวกับเด็กน้อยทันที นางเดินเข้าไปเขย่าแขนของหยูไห่พร้อมกับเอ่ยว่า “ท่านพ่อ ข้ามิเหนื่อยสักหน่อย แล้วข้าก็เพียงแค่เตรียมเหยื่อแล้ววางมันลงในหนองน้ำเท่านั้น ที่เหลือก็ให้ท่านพ่อจัดการไงเจ้าคะ ท่านพ่อเป็นชาวประมงที่เก่งที่สุดในหมู่บ้าน ท่านพ่อต้องจับปลาเก่งกว่าข้าอยู่แล้ว ไปเถอะนะ ไปนะเจ้าคะ พวกเราจับปลามาอีกแล้วเอามาใส่ในถังน้ำหลังบ้านก็ได้ พรุ่งนี้ยามเว่ยก็ทำปลาหมักแล้วจะได้เอาไปขายที่ท่าเรือ”
หยูไห่ทนลูกอ้อนของนางมิได้ เขาแอบย่องพาเสี่ยวเฉาไปที่หนองน้ำโดยลัดเลาะผ่านสวนหลังบ้านโดยที่นางหลิวมิรู้ สวนหลังบ้านมิดีเท่าหน้าบ้าน มันมีรั้วที่ทำจากไม้ไผ่กับกิ่งไม้ล้อมรอบอยู่ ที่รั้วมีประตูหลังเพื่อให้เข้าออกได้ง่าย
เสี่ยวเฉาเอาแป้งถั่วมาผสมกับน้ำมันพืช แล้วตัดเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก ๆ เพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อ ฉีโตวยังเด็กและซื่อ แต่พ่อของนางเป็นชาวประมงที่มีประสบการณ์ นางจะให้เขารู้ไม่ได้เป็นอันขาดว่านางล่อปลาด้วยน้ำหินศักดิ์สิทธิ์
นางเอาเหยือกดินเผาที่มีหินศักดิ์สิทธิ์แช่อยู่จากห้องของนางออกมา ลูกแมวสีทองกำลังนอนอยู่ข้าง ๆ เหยือกและยืดตัวบิดขี้เกียจ เมื่อมันเห็นนางก็เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า [ จะทำอะไรน่ะ ? ข้ามิอยากจะเชื่อว่าเจ้าจะใช้น้ำแช่หินศักดิ์สิทธิ์อันสูงส่งของข้ามาจับปลา เจ้าทำให้ของขวัญแห่งสวรรค์ต้องเสียเปล่าเช่นนี้ได้เยี่ยงไร ประเดี๋ยวก็ฟ้าผ่าเจ้าเอาหรอก ! ]
เสี่ยวเฉาดูจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นและเอ่ยว่า “เสี่ยวทังหยวน ข้าจะต้องกลัวอันใดอีก ? ข้ายังมีเจ้าอยู่นี่ เจ้าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าแม่หนี่วาสร้างขึ้นมิใช่รึ ? เทพสายฟ้าต้องไว้หน้านางสิ ไปกันเถอะ ชอบว่ายน้ำมิใช่รึ ? พอไปถึงหนองน้ำแล้ว ข้าจะให้เจ้าว่ายได้สมใจอยากเลยเป็นเยี่ยงไร ?”
[ ไม่ ! อย่าเอาข้าลงไปในน้ำเชียวนะ ! เดี๋ยวก็ได้ดึงดูดสิ่งมีชีวิตที่มิรู้จักมาหรอก ! เจ้าอยากได้แค่ปลาตัวเล็ก ๆ มิใช่รึ ? ใช้เพียงแค่น้ำในเหยือกก็พอแล้ว ! ] ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ หินศักดิ์สิทธิ์ได้เข้าไปในภูเขาลึกและเลือกหนองน้ำลึกแห่งหนึ่งที่มีพลังวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อดูดซับพลัง แต่มันไม่คิดเลยว่ามันจะดึงดูดสัตว์ป่าในภูเขามาด้วย งูหลามตัวหนึ่งดำลงไปในหนองน้ำและเกือบจะกลืนตัวมันเข้าไป
หินศักดิ์สิทธิ์กลัวว่าเสี่ยวเฉาจะโยนมันลงไปในหนองน้ำ ถ้ามันโดนเป็ดหรือปลากินเข้าไป มันก็ต้องเข้าไปวิ่งเล่นในลำไส้ของสัตว์น่ะสิ ทั้งสกปรกทั้งเหม็น ไม่มีทาง มันไม่เอาด้วยหรอก !
เสี่ยวเฉาผูกมันไว้ที่ข้อมืออีกคราแล้วเอ่ยถามเบา ๆ ว่า “จากนี้ไปขาท่านพ่อของข้าจะเป็นเยี่ยงไรรึ ?”
ลูกแมวสีทองลอยขึ้นไปบนหัวของนางและนอนอยู่บนนั้นเหมือนแม่ไก่กำลังกกไข่ในรัง แล้วตอบอย่างภูมิใจว่า [ เจ้ากำลังดูถูกความสามารถของหินศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้อยู่นะ ขาพ่อของเจ้าจะดีขึ้นอย่างแน่นอน แต่เส้นเลือดและกระดูกเสียหายมากเกินไป จะทำให้หายสนิทคงเป็นไปมิได้หรอก ในอนาคตเขาอาจจะเดินกะเผลก แต่มันก็มิได้มองเห็นชัดนักหรอก ! ]
เมื่อเสี่ยวเฉามาถึงสวนหลังบ้านพร้อมกับเหยื่อล่อปลา ในเหยือกน้ำหินศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งหยูไห่ได้รออยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อคิดถึงขาของเขาแล้ว สองพ่อลูกจึงเลือกทางลาดที่ค่อนข้างต่ำเดินไปทางหนองน้ำ
ขณะที่เสี่ยวเฉาวาง ‘เหยื่อ’ ลงไปในหนองน้ำ หยูไห่ก็ถามออกมาอย่างกังวลว่า “เฉาเอ้อร์ ถ้าเกิดเหยือกลอยออกไปล่ะ ? ผูกเชือกเอาไว้ที่ปากเหยือกก่อนมิดีกว่ารึ ?”
“ข้าจะไปเอาเชือก !” เสี่ยวเฉาคิดว่าที่หยูไห่เอ่ยออกมามีเหตุผล นางจึงยืนขึ้นและจะวิ่งกลับไปที่บ้าน
แต่หยูไห่ได้ห้ามนางเอาไว้และเอ่ยว่า “มิต้องกลับไปหรอก...รอเดี๋ยว !” หยูไห่ดึงเอาหญ้าเหี่ยว ๆ สีเหลืองจากหนองน้ำออกมาและใช้มือของเขาปั่นเข้าด้วยกันอย่างชำนาญ เชือกหญ้ายาวเส้นหนึ่งถูกถักทอขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เสี่ยวเฉานึกตกตะลึงกับความสามารถของหยูไห่อยู่ในใจ ‘อย่าได้ดูถูกสติปัญญาและความสามารถของคนโบราณ’
เมื่อมีเชือกและความช่วยเหลือของหยูไห่ เสี่ยวเฉาจึงวางเหยือกให้ห่างออกไปอีก นางถือตาข่ายเอาไว้ในมือเตรียมพร้อมที่จะจับปลา
ในยามเว่ยเสี่ยวเฉากับฉีโตวจับปลาได้ราวร้อยตัวในเวลาไม่ 1 ชั่วยาม ตอนแรกหยูไห่คิดว่านางมีวิธีจับปลาแบบใหม่ แต่ตอนเขาเป็นเด็ก เขาก็เคยวางเหยื่อในไหเช่นนี้เหมือนกัน หลังจากจับปลาอยู่ตลอดทั้งเช้า ก็ไม่เคยได้ปลาเกิน 12 ตัวเลย นี่คือวิธีที่ลูกสาวของเขาใช้จับปลาเมื่อยามเว่ยเยี่ยงนั้นรึ ?
ท่ามกลางความสงสัยของเขา พวกปลาที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็สัมผัสพลังวิญญาณได้และว่ายมาทางเหยือกดินเผาทีละตัว เมื่อเห็นว่ามีปลาเข้ามารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ หยูไห่จึงตกตะลึงอยู่ในใจ ‘เป็นไปมิได้ ! ’
ขณะที่เขากำลังลังเล เสี่ยวเฉาก็หยิบตาข่ายมาช้อนปลาอย่างระมัดระวัง แปลกมากยิ่งนัก ปลาที่คล่องแคล่วว่องไวกลับไม่ได้หลบหนีเมื่อตาข่ายมาถึงตัว ทุกคราที่ลูกสาวของเขาเอาตาข่ายตักลงไป นางจะสามารถช้อนปลาขึ้นมาได้หลายตัว
หยูไห่จ้องมองลูกสาวของเขาอย่างเหม่อลอย พลางนึกได้ว่าตั้งแต่นางหัวกระแทกเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว นางก็ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ในหัวของนางมีวิธีหาเงินอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
หลังจากที่พวกเขาแยกออกมาจากตระกูลหลัก นางก็เป็นคนริเริ่มปลูกผักในลานบ้านของพวกเขา ตอนแรกเขาเพียงสงสารลูกจึงไม่อาจปฏิเสธนางได้ ด้วยความคิดที่ว่าพวกเขาแค่เสียเมล็ดพืชไปเพียงไม่กี่ถุงและไม่อยากทำให้ลูกสาวผิดหวัง เขาจึงสนับสนุนนางอย่างเต็มที่ แต่ผลปรากฏว่าสวนผักหน้าบ้านถูกปกคลุมไปด้วยสีเขียวในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน ผักใบเขียวที่มีระยะเวลาเติบโตสั้นอย่างผักโขมก็ยาวเกือบเท่านิ้วของเขาแล้ว สำหรับผักที่มีระยะเวลาเติบโตนานก็งอกต้นกล้าสีเขียวออกมาซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากยิ่งนัก
หลังจากนั้นนางก็ทำอาหารตุ๋นด้วยของที่คนอื่นไม่กินและไม่ต้องการ อย่างพวกเครื่องในไก่, ไส้หมู และหัวหมู... วันนี้นางก็ยังซื้อเลือดหมูกลับมาทำสิ่งที่เรียกว่า ‘ไส้กรอกเลือด’ อีก เขาคิดถึงสมองหมูตุ๋นเมื่อวันก่อนซึ่งเป็นสิ่งที่ดูน่าขยะแขยง แต่นางก็เปลี่ยนมันให้เป็นอาหารอันโอชะได้
ตอนนี้นางก็ใช้ปลาตัวเล็กที่มีก้างเยอะ ๆ มาทำเป็นปลาหมักที่นุ่มและกรอบได้อย่างไม่น่าเชื่อ วิธีตกปลาของนางก็เป็นส่วนที่น่าประหลาดใจมากที่สุด สิ่งที่อยู่ในเหยือกคืออะไรกัน ถึงได้ทำให้ปลาทุกตัวกระทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับพฤติกรรมปกติของพวกมันและมารวมตัวกันได้ แม้แต่ชาวประมงมือใหม่ก็ยังรู้ว่าปรากฏการณ์เช่นนี้มิทางที่จะเกิดขึ้นได้
ลูกสาวของเขาเจอกับอะไรตอนที่นางได้รับบาดเจ็บและหมดสติไป ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าที่นางเอ่ยว่าได้พบกับเทพแห่งโชคลาภที่ปรโลกนั้นคือเรื่องจริง ? หลังจากได้รับโชคจากเทพแห่งโชคลาภแล้วนางก็ได้รับ ‘มือทองคำ’ มาจริง ๆ เยี่ยงนั้นรึ ?
หยูไห่ไม่ได้ระแวงสงสัยเลยว่าวิญญาณของลูกสาวของเขาถูกเปลี่ยนไปแล้ว ก็การกลับมาเกิดใหม่ในร่างของผู้อื่นมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อมากกว่าการไปยังปรโลกและพลาดดื่มน้ำแกงยายเมิ่งเข้าไปมิใช่รึ
ไม่ ! เขาจะให้ผู้อื่นรู้ถึงความสามารถของลูกสาวเขาไม่ได้เป็นอันขาด ถ้าคนที่มีเจตนาร้ายรู้เข้า พวกเขาจะต้องจับนางไปเผาทั้งเป็นเหมือนนางเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแน่นอน ! ลูกสาวสุดที่รักของเขามีเคราะห์กรรมมาตั้งแต่เกิด เกือบตายก็หลายครา แต่ก่อนเขาไม่ได้ทำหน้าที่ของพ่อให้ดีและปกป้องครอบครัวของตนเองไม่ได้ ดังนั้น ตั้งแต่นี้ต่อไป เขาจะทำหน้าที่เป็นร่มคอยปกป้องลูกสาวและกำจัดอันตรายทุกอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นกับนางได้
“เฉาเอ้อร์ วันหน้าเจ้าเตรียมเหยื่อแล้วให้พ่อมาจับปลาเองเถิด ตอนที่เจ้าไปขายอาหารตุ๋นตอนเช้า พ่อจะไปจับปลาและให้แม่ของเจ้าล้างปลาไว้ให้ พอเจ้ากลับบ้านตอนบ่ายจะได้ทำปลาหมักได้เลย มันช่วยประหยัดเวลาได้เยอะเลยมิใช่รึ ?” หยูไห่เอ่ยออกมา
เสี่ยวเฉาชะงักนิดหนึ่ง นางรู้สึกได้ถึงสายตาของหยูไห่ที่จ้องนางอยู่นาน จึงอดรู้สึกกังวลไม่ได้ นางรู้ว่าเป็นการยากที่จะหลอกพ่อของนางได้ ดังนั้นนางจึงได้คิดคำอธิบายเอาไว้ในใจแล้ว แต่นางก็ยังคงกังวลว่าเขาจะเชื่อนางหรือไม่ ไม่ได้คาดหวังเลยว่าหลังจากที่หยูไห่ได้เห็นปรากฏการณ์แปลกประหลาดนี้แล้ว เขาจะไม่ถามอะไรเลยและยังรับหน้าที่จับปลาในอนาคตด้วย
เขาทั้งรักและเชื่อใจในตัวลูกสาวของเขาเป็นอย่างมาก อย่างที่ไม่อาจจินตนาการได้เลย ! เสี่ยวเฉารู้สึกตื้นตันใจจนอยากร้องไห้ นางยิ้มน้อย ๆ แล้วพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยว่า “ตกลงเจ้าค่ะ ! ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างก็กล่าวกันว่าท่านพ่อคือชาวประมงที่เก่งมาก ๆ เพราะงั้นท่านพ่อต้องจับปลาได้เก่งกว่าข้าเป็นแน่ ! เยี่ยงนั้นแล้วข้าจะมอบงานหนักนี้ให้ท่านพ่อทำเลยนะเจ้าค่ะ”
“พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน มิต้องเอ่ยเช่นนั้นหรอก หากเอ่ยถึงเรื่องงานหนัก เจ้าคือคนที่ทำงานหนักที่สุดในช่วงนี้มิใช่รึไง พ่อมิรู้เลยว่าครอบครัวเราจะเป็นเยี่ยงไรถ้ามิมีลูก...” หยูไห่ถอนหายใจยาวเมื่อเอ่ยออกมา
แท้ที่จริงแล้วการเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวเฉาคือสิ่งที่ทำให้ครอบครัวยังคงสภาพเดิมได้ เขามีลูกชายที่ยังเล็ก 1 คนและลูกสาวขี้โรค 1 คน ภรรยาของเขามีความสามารถก็จริงแต่ก็ป่วยกระเสาะกระแสะ นอกจากนี้ตัวเขาก็นับได้ว่าพิการไปครึ่งหนึ่งแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะการเปลี่ยนแปลงคราใหญ่ของเสี่ยวเฉา แค่เสี่ยวเหลียนคนเดียวคงไม่สามารถรับภาระหนักเท่าภูเขาเพียงลำพังได้
โชคดีที่สวรรค์ไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา ภรรยาและลูกสาวของเขาสุขภาพแข็งแรงขึ้น ส่วนขาของเขาก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ และสวรรค์ยังมอบความสามารถในการอยู่รอดให้กับลูกสาวของเขาอีกด้วย...
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของหยูไห่ เขาเหวี่ยงตาข่ายในมือและช้อนปลาขึ้นมาด้วยความรวดเร็วแม่นยำและมั่นคง เขาเร็วกว่าเสี่ยวเฉาที่ไม่มีประสบการณ์มากนัก อีกทั้งเขายังแข็งแรงกว่าเสี่ยวเฉาด้วย เขาจึงสามารถจับปลาตัวใหญ่ที่หนักถึง 5 ชั่งได้
เมื่อพระอาทิตย์ตกสองพ่อลูกก็กลับเข้าบ้านพร้อมด้วยปลาจำนวนมาก เสี่ยวเฉาเดินถือถังที่เต็มไปด้วยปลาตัวเล็กภายใต้แสงอาทิตย์สีทอง แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ที่กำลังตกทำให้ใบหน้าของนางขึ้นสีชมพูระเรื่อ ส่วนดวงตาของนางก็ถูกย้อมด้วยแสงสีทอง
หยูไห่แบกถังปลา 2 ถังตามหลังเสี่ยวเฉามา เขาจะถามนางเป็นระยะว่า “เหนื่อยรึไม่ ? ถ้าถือมิไหวก็เอามาให้พ่อถือ มือซ้ายของพ่อยังว่าง”
“ข้ายังถือไหวเจ้าค่ะ !” เสี่ยวเฉายิ้มกว้าง แม้ว่ารองเท้าของนางจะเปียกเพราะถังที่แกว่งไปมา และที่มือก็เจ็บเพราะความหนัก แต่นางก็ยังมีความสุขมากยิ่งนัก วันนี้ระยะห่างระหว่างหยูไห่กับเสี่ยวเฉาหดสั้นเข้ามาแล้ว ความรักอันเบาบางดูเหมือนจะค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นเพราะการปกป้องของหยูไห่
นางหลิวทำหัวหมูตุ๋นกับไส้ตุ๋นเสร็จแล้ว นางจึงไปเรียกเสี่ยวเฉาออกมากินข้าวเย็นและได้เห็นว่าในห้องว่างเปล่าไม่มีคน บนเตียงนอนเย็นเฉียบ ผ้าห่มก็ถูกพับไว้เรียบร้อย ขณะที่นางกำลังสงสัยว่าลูกสาวหายไปไหน นางก็ได้ยินเสียงหัวเราะของสามีและลูกดังมาจากสวนหลังบ้าน
นางหลิวเดินออกมานอกบ้านและเห็นสองพ่อลูกเดินยิ้มกว้างเข้ามาพร้อมถังในมือ แววตาของนางมีรอยยิ้มแฝงอยู่แต่ก็ยังเอ่ยขึ้นว่า “เฉาเอ้อร์ แม่บอกให้เจ้าไปพักมิใช่รึ ? เหตุใดถึงออกไปหาปลาอีกแล้ว ? ท่านพี่ก็อีกคน ! มิรู้วิธีดูแลลูกเลยรึเยี่ยงไรกัน ? อย่าทำให้ลูกต้องเหนื่อยสิเจ้าคะ !”
“ท่านแม่ ! ข้ามิเหนื่อยเลยเจ้าค่ะ อีกทั้งยังมิได้ทำอันใดสักหน่อยนอกจากนั่งเล่นอยู่ริมฝั่ง ท่านพ่อเป็นคนจับปลาทั้งหมดนี้เลยนะเจ้าคะ ! ดูสิ ! พวกเราได้ปลาตัวใหญ่มาด้วย มื้อเย็นนี้พวกเรามีอาหารพิเศษแล้ว !” เสี่ยวเฉายิ้มกว้างอย่างภูมิใจ
นางหลิวยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และเดินเข้าไปหา นางหยิบถังในมือเสี่ยวเฉามาเทปลาลงในถังแตก ๆ ที่ลานหลังบ้าน หลังจากนั้นนางก็แตะหน้าผากลูกสาวเบา ๆ และเอ่ยว่า “เจ้ากำลังเสี่ยงชีวิตตนเองเพื่อเงินอยู่นะ ! หิวหรือไม่ ? อย่ารอเสี่ยวเหลียนกับฉีโตวเลย ไปกินข้าวก่อนเถิด...”
“รอพวกเขากลับมาแล้วกินด้วยกันดีกว่าเจ้าค่ะ อีกประเดี๋ยวก็คงกลับมากันแล้ว กินข้าวพร้อมกันทั้งครอบครัวทำให้เจริญอาหารมากกว่านะเจ้าคะ ข้าจะไปทำซุปหัวปลากับเนื้อปลาตุ๋น คืนนี้พวกเรามากินอาหารดี ๆ กันเถอะเจ้าค่ะ” ภายในใจนั้น เสี่ยวเฉาค่อย ๆ มองว่าที่นี่คือบ้านของนาง นางเชื่อว่าความพยายามของนางจะทำให้ครอบครัวนี้ดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน