ตอนที่แล้วRe-new ตอนที่ 81 สูตรลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปRe-new ตอนที่ 83 บัณฑิตผู้มีชื่อเสียง

Re-new ตอนที่ 82 รสชาติใหม่


ตอนที่ 82 รสชาติใหม่

แม้ว่าเขาจะตะกละ แต่เขาก็รู้ว่าครอบครัวของฉีโตวกำลังลำบากยิ่งนัก เนื้อมีราคาแพงและเขารู้สึกว่ามันมีค่ามากเกินกว่าจะกิน ถ้าเขาเข้าไปยุ่ง มันจะหมายความว่าเยี่ยงไรเล่า ?

แต่ฉีโตวคว้ามือของเขาแล้วดึงเข้าไปในครัว เด็กน้อยชี้ไปที่หัวหมูตุ๋นร้อน ๆ ที่เพิ่งออกจากหม้อแล้วยิ้ม “มาก่อนเวลาสู้มาได้เวลาพอดีมิได้หรอก ! มา ๆ ลองชิมฝีมือของพี่สามดูสิ...”

ในความเป็นจริงแล้ว ฉีโตวเป็นคนเจ้าเล่ห์ เขาอยากใช้เฉียนหวู่เป็นหนูทดลองตัวแรก  พอเขาคิดถึงสภาพของหัวหมูก่อนถูกต้มแล้วก็รู้สึกไม่กล้าลองขึ้นมา

หัวหมูตุ๋นเป็นสีแดงและมีกลิ่นหอม เนื้อดูนุ่มน่าอร่อยมากยิ่งนัก มีมันแต่ไม่เลี่ยน มีคุณสมบัติทุกอย่างในการกระตุ้นความหิวของลูกค้า

ดูเหมือนเสี่ยวเฉาจะอ่านแผนของฉีโตวออกและยิ้มอย่างรู้ทัน นางตัดเนื้อชิ้นเล็ก ๆ ยัดใส่ปากของเฉียนหวู่ก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยอะไร

ทันทีที่เนื้อเข้าปาก รสชาติอันเข้มข้นก็พุ่งออกมา มันอร่อยมากจนเฉียนหวู่แทบจะร้องไห้ด้วยความดีใจ อร่อยเกินไปแล้ว ! เขาไม่เคยกินเนื้อที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต !

ฝีมือการทำอาหารของเสี่ยวเฉาดีกว่าท่านแม่ของเขาเป็นร้อยเท่า คงจะดีถ้านางเป็นพี่สาวของเขา เขาจะได้กินอาหารฝีมือนางบ่อย ๆ

ฉีโตวมองสีหน้าของเฉียนหวู่อย่างตั้งใจแล้วเอ่ยถามว่า “เป็นเยี่ยงไรบ้าง ? อร่อยหรือไม่ ? มีรสแปลก ๆ อยู่รึไม่ ?”

เฉียนหวู่จับมือของฉีโตวเอาไว้ เขากลั้นน้ำตาแห่งความสุขเอาไว้แล้วตอบอย่างจริงจังว่า  “ฉีโตว เราสองคนสลับตัวกันเถอะนะ ! เจ้าไปเป็นลูกชายของแม่ข้า เจ้าอยากมีน้องสาวมาตลอดเลยมิใช่รึ ? ข้ามีน้องสาวอยู่ที่บ้าน แล้วข้าจะมาเป็นน้องของเสี่ยวเฉาเอง...”

เส้นสีดำสองเส้นปรากฏเหนือขมับของเสี่ยวเฉา ‘ไอหยา ! เฉียนหย่าฟางอายุมากกว่าฉีโตวอีกนะ นางเป็น ‘น้องสาว’ ของเขามิได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวหวู่ เจ้าเด็กบ้า เจ้าอายุมากกว่าข้าตั้งปีหนึ่งนะ กล่าวออกมาได้เยี่ยงไรมิอายปากบ้างรึไงกัน’

นางฟางช่วยพวกเขาเตรียมไส้หมู ขณะที่นางกำลังเอากะละมังเข้าไปในครัว นางก็ได้ยินข้อเสนอแบบเด็ก ๆ ของเฉียนหวู่เข้าจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “หวู่ซือ ถ้าแม่ของเจ้าได้ยินว่าเจ้าจะขายน้องสาวของตนเองแล้วออกจากบ้านเพื่อมากินอาหารล่ะก็ สงสัยเจ้าคงโดนแม่ตีจนขาหักเป็นแน่”

“เสี่ยวเฉาทำอาหารเก่งจริง ๆ ทั้งชีวิตนี้...ไม่สิ ชาติก่อนด้วย ชาติก่อนของชาติก่อนไปอีก  สาบานเลยว่ามิเคยกินเนื้อที่อร่อยเยี่ยงวันนี้เลย ฉีโตวนายเรียกไอ้นี่ว่าอะไรนะ ใช่เนื้อหัวหมูตุ๋นหรือไม่ ? ใช้เนื้อจากหัวหมูรึ ? เป็นไปมิได้หรอกใช่หรือไม่ ? หัวหมูเป็นของที่น่าขยะแขยงถึงเพียงนั้น จะทำเป็นของอร่อยถึงเพียงนี้ได้เยี่ยงไร ?” เฉียนหวู่ส่ายหน้ารัวไปมา เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเนื้อที่กินเข้าไปจะทำมาจากหัวหมู

เมื่อฉีโตวเห็นปฏิกิริยาของเฉียนหวู่ เขาก็รีบหั่นเนื้อใส่ปากของตนเองทันที เขาเชื่อว่าเต้าหู้เลือดกับเครื่องในไก่ตุ๋นที่เขากินเมื่อวานเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก ใครจะคิดว่าหัวหมูที่ทุกคนหลีกเลี่ยงเหมือนโรคระบาดจะทำเป็นอาหารตุ๋นได้อร่อยกว่าเครื่องในไก่ตุ๋นเสียอีก

หลังจากตุ๋นแล้ว เนื้อจากหัวหมูจะมีอัตราส่วนระหว่างเนื้อติดมันกับเนื้อล้วน ๆ มิมีมันที่ลงตัวเป็นอย่างมาก พอกินเข้าไปรสชาติของมันหมูกับเครื่องปรุงก็ละลายรวมกันในปาก  รสชาติอันเข้มข้นของมันแทรกซึมไปทั่วทุกมุมปากและทำให้ผู้คนรู้สึกมีความสุขมากเสียจนแทบตายได้เลย

เมื่อเห็นสีหน้าของพวกเขา เสี่ยวเฉาก็ได้เนื้อหัวหยิบขึ้นมาอีกชิ้นหนึ่งที่ดูไม่ค่อยน่ากินนักแล้วหั่นมันเป็นชิ้น ๆ แจกจ่ายให้ทุกคนได้ชิมกันชิ้นเล็ก ๆ และใช้ตะเกียบคีบขึ้นมาชิ้นหนึ่งเพื่อลองชิมฝีมือของตนเอง นางเอาเนื้อหมูใส่ปากแล้วค่อย ๆ เคี้ยว อืม รสชาติดีจริง ๆ ชาติก่อนนางกินอาหารตุ๋นจนเอียนแต่นางก็ไม่เคยเบื่อหัวหมูตุ๋นเลย เพราะเยี่ยงนั้นน้ำหนักของนางในชาติที่แล้วจึงพัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด

ตอนแรกนางฟางก็กลัวจนไม่ยอมที่จะลองกิน แต่หลังจากเห็นทุกคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย นางจึงใช้ตะเกียบคีบชิ้นที่เล็กที่สุดขึ้นมาใส่ปาก ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมาด้วยความตกตะลึง รสชาติของเนื้อ เข้มข้นและอร่อยกว่าไหล่หมูตุ๋นที่เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดของนางเสียอีก เสี่ยวเฉาไปเรียนวิธีทำอาหารจานนี้มาจากที่ใดกัน

“เสี่ยวเฉา เสี่ยวเฉา ! เจ้าทำเนื้อหัวหมูตุ๋นนี่ได้เยี่ยงไรรึ ? ข้าอยากให้ท่านแม่มาเรียนจากเจ้าน่ะ ได้หรือไม่ ?” เฉียนหวู่กินเนื้ออย่างเอร็ดอร่อย รสชาติและน้ำมันจากเนื้อกระจายอยู่ในปากของเขา เขากัดเนื้อหมูคำใหญ่แล้วชมไม่หยุด

ฉีโตวลืมตาโตทันทีและเอ่ยว่า “ฝีมือทำอาหารของพี่สามได้มาจากเทพในความฝัน บอกผู้อื่นมิได้หรอก ! ถ้าท่านเทพตำหนิพี่สามที่บอกความลับกับผู้อื่นแล้วเอาความสามารถของนางไป เจ้าก็จะมิได้กินของอร่อยเช่นนี้อีกเป็นแน่ !”

นางฟางคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่เด็ก ๆ สร้างเรื่องขึ้นมาเอง นางคิดว่าเสี่ยวเฉาเรียนสูตรลับนี้มาจากใครบางคนและเขาห้ามนางไม่ให้บอกใคร ดังนั้นนางจึงตัดสินใจไม่ขอให้เสี่ยวเฉาบอกสูตรลับนี้แก่นาง

แต่เฉียนหวู่นั้นเชื่ออย่างสนิทใจ เมื่อเขาลองคิดทบทวนดูแล้ว แต่ก่อนเสี่ยวเฉาร่างกายอ่อนแอ ลุกออกจากเตียงได้ก็นับว่าดีแล้ว เป็นไปได้เยี่ยงไรที่นางจะไปเรียนทำอาหารจากใคร อีกทั้งช่วงนี้ก็ไม่มีคนนอกเข้ามาในหมู่บ้านเลยสักคน ถ้าเทพมิได้สอนนาง แล้วนางจะได้ความสามารถนี้มาจากที่ใด ? เมื่อเขาคิดดูแล้วเขาจึงพยักหน้าถี่ ๆ แล้วเอ่ยว่า  “งั้นข้าจะมิให้ท่านแม่มาเรียนแล้ว...เสี่ยวเฉา วันหน้าถ้าเจ้าทำอาหารใหม่ ๆ อีก อย่าลืมเก็บไว้ให้ข้าด้วยล่ะ...ข้าจะมิกินฟรีหรอกนะ จะช่วยเจ้าเก็บสมุนไพร, ขโมยไข่จากนกป่า แล้วก็ตอนที่อากาศอุ่นกว่านี้ ข้าจะไปเก็บหอยมาให้เจ้าด้วย...”

“ตกลง ! ถ้าหากมีของอร่อยอีกเมื่อใด ข้าจะให้ฉีโตวเรียกเจ้ามาอีกนะ” เสี่ยวเฉาไม่ได้เติมเนื้อหัวหมูเพิ่มในจานที่หมดไป ถึงเยี่ยงไรแล้วเนื้อตุ๋นพวกนี้ก็คือของที่จะเอาไว้ขายที่ท่าเรือพรุ่งนี้

หลังจากที่แน่ใจว่าหัวหมูตุ๋นทำได้เรียบร้อยดีแล้ว เสี่ยวเฉาก็เริ่มตุ๋นไส้กับกระเพาะต่อทันที ไส้ตุ๋นมีรสชาติที่อร่อยและมีเนื้อสัมผัสนุ่ม ส่วนกระเพาะหมูตุ๋นนั้นมีรสหวาน สัมผัสลื่นนิ่มไม่เละทำให้เคี้ยวเพลิน ทั้งสองอย่างเป็นอาหารตุ๋นที่อร่อยและน่ากินเป็นอย่างมาก

หลังจากทำอาหารตุ๋นเสร็จทั้งหมดแล้ว ทั้งครอบครัวจึงได้คิดว่าอาหารแต่ละชนิดก็มีจุดเด่นของตนเองแต่ก็นับว่าอร่อยมากทุกอย่าง เมื่อนางฟางกำลังจะกลับ เสี่ยวเฉาก็ได้เอาหัวหมู, ไส้หมู และกระเพาะหมูใส่จานให้นางเอากลับบ้านไปด้วย

นางฟางรู้ว่าจุดประสงค์ที่ทำอาหารทั้งหมดนี้ขึ้นมาก็เพื่อเอาไปขายที่ท่าเรือ นางจึงปฏิเสธ แต่เสี่ยวเฉาก็บอกว่าวัตถุดิบทั้งหมดซื้อมาด้วยเงินจากการขายเครื่องในไก่ ถ้านางฟางไม่อยากได้เนื้อ เสี่ยวเฉาก็จะให้เงินแทน เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางฟางจึงยอมเอาอาหารกลับบ้านไป

คืนนั้น หลังจากที่โจวต้าชางกับลูกชายกลับมาจากการเร่ขายของ ทั้งสองคนก็ได้กินอาหารตุ๋นกันจนเกือบหมดจานและพากันชมไม่หยุด พวกเขาย้ำกับนางฟางหลายหนเลยว่า ‘อาหารจานเนื้อที่อร่อยเยี่ยงนี้ คราหน้าควรซื้อมาให้มากกว่านี้อีก’

นางฟางหัวเราะออกมาแต่ไม่ได้บอกความลับของเสี่ยวเฉาออกไป หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ถ้านางหลี่กับนางจางรู้ถึงพรสวรรค์ในการทำอาหารของเสี่ยวเฉา พวกนางทั้งสองคนต้องมาก่อเรื่องอีกเป็นแน่ พวกนางคงทนไม่ได้แน่ถ้ารู้ว่าบ้านสองของตระกูลกำลังไปได้ดี

วันรุ่งขึ้นเสี่ยวเฉากับน้องชายก็ได้ช่วยกันยกตะกร้าที่หนักอึ้งไปที่ท่าเรือ เมื่อไปถึงที่นั่น  หัวหน้าคนงานซุนที่กำลังสั่งคนงานขนสินค้าอยู่ก็เห็นเข้ากับพวกเขาทันที เขาตะโกนเสียงดังว่า “พี่น้อง ขยันทำงานเข้า ! ขนสินค้าเรือนี้เสร็จแล้วก็ไปพักกินอาหารเช้ากันได้ !  สองพี่น้องที่ขายเนื้อห่อละ 1 อีแปะเมื่อวานนี้มาอีกแล้ว !”

พวกคนงานที่ได้ลองเครื่องในไก่เมื่อวานรู้สึกฮึกเหิมและกระตือรือร้นขึ้นมาทันที คนที่ไม่ได้กินอาหารตุ๋นเมื่อวานก็กระตือรือร้นมากขึ้นด้วย พวกเขาอยากขนย้ายสินค้าให้เสร็จก่อนคนอื่น ๆ เพื่อที่จะได้ไปต่อแถวซื้ออาหารตุ๋นและลองกินเนื้อที่บรรดาคนงานพากันชมไม่หยุด

เจ้าของเรือขนสินค้าเดินเรือมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเห็นคนงานท่าเรือทำงานเร็วเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกงุนงงมากจึงถามด้วยความสงสัยว่า ‘เนื้อห่อละ 1 อีแปะ’ คืออะไรรึ

หัวหน้าคนงานซุนเป็นคนคุ้นเคยเก่าแก่กับเจ้าของเรือสินค้าลำนี้ เขารู้ว่าถ้าเจ้าของเรือสินค้าลำนี้พูดถึงเขาในทางที่ดีกับพ่อค้าที่ขายสินค้า มันจะช่วยเรื่องธุรกิจของเขาได้อีกมากโข

เขาจึงรีบเชิญเจ้าของเรือไปกินที่เพิงขายอาหารผัดแห่งเดียวในบริเวณนี้แล้วให้เอ้อร์ซือไปเรียกสองพี่น้องนั่นมา “แม่หนูน้อย ข้าเอาเนื้อตุ๋นแบบเมื่อวาน 10 ห่อ แล้วก็เต้าหู้เลือด 2 อีแปะ...”

“ขอโทษด้วยเจ้าค่ะหัวหน้าซุน ! วันนี้ข้าเอาอาหารตุ๋นอีกแบบมาและมิมีเต้าหู้เลือดด้วยเจ้าค่ะ” หัวหน้าซุนรู้สึกผิดหวังเมื่อได้ยินคำตอบของเสี่ยวเฉา เขาคิดจะพึ่งอาหารตุ๋นที่ราคาถูกแต่อร่อยนี้ทำให้เขาได้หน้าและชื่อเสียงเสียหน่อย !

เจ้าของเรือสินค้าไม่พอใจเล็กน้อยที่หัวหน้าคนงานซุนเชิญเขามากินที่ร้านต่ำ ๆ สกปรกเช่นนี้ เขาคิดนิดนึงและตัดสินใจว่าคราหน้าเขาควรให้เฒ่าหกรับงานขนสินค้าแทน...

แต่แล้วเขาก็ได้ยินเด็กน้อยคนหนึ่งเอ่ยอย่างร่าเริงว่า “หัวหน้าซุนขอรับ อาหารตุ๋นวันนี้อร่อยกว่าเมื่อวานอีกนะขอรับ มีหูหมูพอกัดแล้วจะรู้สึกกรุบ ๆ , ปากหมูนุ่ม ๆ , เครื่องในหมูแสนอร่อย แล้วก็กระเพาะหมูเคี้ยวเพลิน...รับรองว่าท่านจะมิเสียใจอย่างแน่นอนที่ได้ลองขอรับ !”

เมื่อเจ้าของเรือสินค้าเห็นฉีโตวที่ดูเหมือนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลานชายคนเล็กของเขา เขาก็เริ่มคิดถึงหลานสุดที่รักขึ้นมา แม้ว่าฉีโตวจะสวมใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ โทรม ๆ แต่ใบหน้าของเขาก็สะอาดสะอ้านดีและมีรอยยิ้มน่ารักสดใส เจ้าของเรือมองฉีโตวแล้วยิ้ม  “หนูน้อย เจ้าพูดเก่งดีนี่ พอได้ยินเจ้าแนะนำอาหารของเจ้าแล้ว ข้าก็อยากกินขึ้นมาเลย”

หัวหน้าซุนอยากแก้ตัวจึงเอ่ยแทรกขึ้นว่า “เอาทุกอย่างที่น้องชายของเจ้าแนะนำเมื่อกี้ให้เรา 2 ห่อ ! ถ้ากินแล้วมันอร่อยดังเช่นที่น้องชายเจ้าได้เอ่ยเมื่อครู่ ข้าจะให้รางวัลพิเศษกับเจ้า” อาหารตุ๋นที่เสี่ยวเฉาเอามาครั้งนี้ห่อรวมเข้าด้วยกันเป็นห่อเล็ก ๆ แล้วก็ยังมีห่อแยกชนิดอีกสองสามห่อด้วยเผื่อว่าจะมีคนกินแล้วชอบแค่อย่างเดียว

“ได้เจ้าค่ะ !” เสี่ยวเฉาตอบรับเสียงใส

นางเอาอาหารตุ๋นออกมาวางทีละอัน อย่างแรกเป็นหูหมู โรยหน้าด้วยต้นหอม, กระเทียม และน้ำมันพริก อาหารจานนี้มีสีแดงสวยงามช่วยเพิ่มความอยากอาหาร นอกจากนี้เนื้อหูหมูก็แวววาวภายใต้แสงสว่าง ดูน่ากินมากยิ่งนัก จากนั้นก็เครื่องในหมูรสชาติเข้มข้น มันแต่ไม่เลี่ยน สุดท้ายก็กระเพาะหมูที่หั่นเป็นแผ่นบาง ๆ ดูน่าอร่อย เสี่ยวเฉายืมจานจากเจ้าของร้านมา 2 ใบและจัดอาหารอย่างพิถีพิถัน แม้ว่าห่ออาหารจะไม่ได้ใหญ่ แต่กลิ่นและรูปร่างหน้าตาก็ทำให้รู้สึกอยากอาหารขึ้นมาทันที

เจ้าของเรือโตขึ้นในแถบชนบทใกล้กับแหล่งน้ำ และเป็นคนที่ชื่นชอบการดื่มสุราและกินเนื้อ หลังจากเดินทางไปทั่วมาตลอดหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กินของที่อร่อยและราคาไม่แพงอย่างจานเนื้อพวกนี้ เขารู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ชายชราจัดการอาหารไปกว่าครึ่งด้วยเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ

ด้านหัวหน้าคนงานซุนก็ดื่มเหล้าต่อ เขากินแค่ผัดผักเท่านั้น แต่ไม่ลืมส่งสายตาสื่อความหมายให้เสี่ยวเฉาว่า ‘อย่าลืมเก็บไว้ให้ข้าห่อหนึ่งด้วย’

“หัวหน้า มีเรืออีกลำกำลังเทียบท่าขอรับ พวกเราควรรีบไป อย่าปล่อยให้เฒ่าหกเอาไปได้นะขอรับ...” เอ้อร์ซือตะโกนเสียงดัง เขาวิ่งเข้ามาพร้อมด้วยอาการหอบ

เจ้าของเรือสินค้ารู้ว่าสินค้าบนเรือของเขาจะขนเสร็จเร็ว ๆ นี้ เขาจึงมองไปที่หัวหน้าซุนแล้วเอ่ยว่า “ไปทำงานของท่านเถอะ มิต้องคอยดูแลข้าแล้วล่ะ มิต้องห่วง คราหน้าเวลามีสินค้ามา ข้าจะเรียกใช้บริการของท่านอีกเป็นแน่...”

เมื่อได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ หัวหน้าซุนจึงวิ่งไปที่ท่าเทียบเรือริมทะเลอย่างพอใจ ที่ไหนมีคน ที่นั่นมีคนจรจัด ก็เหมือนกับที่ไหนมีธุรกิจ ที่นั่นย่อมมีคู่แข่ง ท่าเรือถังกู่กำลังเป็นที่เฟื่องฟูและมีงานมากมาย เป็นธรรมดาที่คนงานขนสินค้าที่ท่าเรือย่อมมิได้มีแค่กลุ่มเดียว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด