GE328 ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง [ฟรี]
สายลมพัดพา หิมะอันหนาวเหน็บโปรยปราย หนิงฝานในยามนี้เลิกกระทำโหดร้ายต่อน่าหลานจื่อ
ขานำนางเข้าแหวนกระถางขัดเกลา บอกกล่าวให้เย่หลิงและชุ่ยหลิงดูแลนางเป็นพิเศษ ส่วนตนเองนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในถ้ำ
บนพื้นถ้ำยังคงมีคราบโลหิตของน่าหลานจื่อ ลากเป็นทางยาวออกนอกถ้ำ
“น่าหลานจื่อ… ถ้าข้าเป็นเจ้า ถ้าข้าได้เห็นมารดาถูกข่มขืนจนตาย ได้เห็นน้องสาวถูกกัดกินจนไม่เหลือร่าง ข้าคงกลายเป็นบ้า ที่ข้าไม่สังหารเจ้า เหตุผลมีเพียงเพราะมันขัดกับเต๋าของข้า ไม่ได้มีเหตุผลพิเศษอื่นใด...”
“ข้ามีคนที่ข้าต้องปกป้อง จึงต้องดูดซับพลังของสตรีเพื่อยกระดับ”
เขาเริ่มสงบใจไม่ฟุ้งซ่าน ปราณอสูรที่ได้มาจากสตรีในขอบเขตตัดวิญญาณทั้ง 9 คนทำให้ปราณของเขายกระดับขึ้นไม่น้อย แต่หากจะให้ทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ...ยังไม่พอ
“ยังไม่พอ!”
หนิงฝานนำผลไม้แห่งเต๋าตัดวิญญาณออกมา 7 ผล เขาสังหารอสูรในดาราสมุทรมากมายนับไม่ถ้วน จึงได้ผลไม้แห่งเต๋ามามากมาย แต่ผลไม้แห่งเต๋าในขอบเขตแก่นทองคำและดวงจิตแรกเริ่มไม่เป็นประโยชน์กับเขาแล้ว มีเพียงผลไม้แห่งเต๋าตัดวิญญาณเท่านั้นที่เป็นประโยชน์
หนิงฝานกินผลไม้แห่งเต๋าตัดวิญญาณทั้ง 7 ผลเข้าไป จากนั้นเร่งดูดซับด้วยความเร็วสูงสุด ผ่านไป 1 วัน เขาได้ปราณอสูรเพิ่มขึ้นทั้งหมดเป็น 34,620 เกราะ
“ยังไม่พอ… ยังเหลือผลไม้แห่งเต๋าหมาป่าโลหิต!”
หนิงฝานนำผลไม้แห่งเต๋าหมาป่าโลหิตออกมา เขาสัมผัสได้ถึงปราณอสูรที่อัดแน่นยิ่งกว่าผลไม้แห่งเต๋าทั่วไป แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันยังทำให้โลหิตในร่างกายของเขายกระดับขึ้นเช่นกัน
หนิงฝานกินผลไม้แห่งเต๋าเข้าไป เขารู้สึกราวกับว่าโลหิตและปราณในร่างกำลังเดือดพร่าน
“ดูดซับ!”
ที่สำคัญ มันยังช่วยทำให้โลหิตอสูรที่หนิงฝานเคยดูดซับเข้าไปในร่าง ดูดซับได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
วันคืนผันผ่าน เมื่อเวลาล่วงไปถึงวันที่ 7 ปราณอสูรในร่างเพิ่มพูนจนถึง 67,500 เกราะ ซึ่งเพียงพอให้ทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง
ขอบเขตเปิดเส้นชีพจร ประสานวิญญาณ และดวงจิตแรกเริ่ม แค่ระดับพลังถึงก็สามารถทะลวงขอบเขตได้
แต่เมื่อบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ เงื่อนไขในการทะลวงระดับกลับมากขึ้น ในกรณีของหนิงฝาน เขาต้องยกระดับเจตจำนงค์เทพ เจตจำนงค์อสูร และเจตจำนงค์ปีศาจ
“ยังขาดบางสิ่ง!” หนิงฝานขมวดคิ้ว แม้ปราณอสูรจะยกระดับจนเกินขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง แต่ก็ยังไม่พอให้ทะลวงระดับ
หนิงฝานขมวดคิ้วแน่น นำแมลงพิษที่ได้มาจากราชาหมึกออกมาทั้งหมด จากนั้นเร่งดูดซับพวกมันเพื่อยกระดับทะเลสติ
กำแพงที่เหมือนฉากขวางกั้นระดับพลังเริ่มสั่นคลอน ราวกับแมลงพิษเหล่านั้นมีผล
“ทะลายไปซะ!” หนิงฝานคำรามลั่น แรงกดดัน เพลิงทมิฬ สัมผัสเทพ ปะทุกระจายกินวงกว้างกว่า 5 หมื่นลี้
ภูเขาที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งพังทะลาย หิมะโปรยปรายละลายเป็นพิรุณและก่อตัวเป็นผลึกใสสีดำ
ท่ามกลางบรรยากาศที่ปั่นป่วนนั้น เส้นแสงสีม่วงทะยานขึ้นสู่ท้องนภา พร้อมกับเสียงคำรามของสัตว์อสูรที่ดูทรงพลัง!
สัมผัสเทพของหนิงฝานทะลวงขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง ปราณอสูรบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลางด้วยจำนวน 71,440 เกราะ
หนิงฝานไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้นอีกแล้ว แม้จะยกระดับเพียงหนึ่งขั้น แต่อานุภาพยามที่เปล่งพลังกลับเพิ่มพูนหลายเท่าตัว
“ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง… ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ ลี่ป่านติดขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้นอยู่นานกระทั่งมันตาย ตอนนี้ข้าก้าวข้ามมันแล้ว!”
หนิงฝานค่อยๆถอนแรงกดดัน หยุดยืนกลางนภาเพื่อสงบจิตใจ
แม้ตนเองจะทะลวงขอบเขตได้ใน 7 วันตามที่กล่าว แต่ยังต้องใช้เวลาในการทำให้ระดับเสถียร แต่วิธีการที่ทำให้ระดับเสถียรเร็วที่สุดนั้น คือการสังหาร!
“ครบ 7 วันแล้ว สมควรแก่เวลาที่จะบุกรังของหมาป่าโหยและชิงดาราจักรพรรดิมา”
หนิงฝานมุ่งหน้าไปหาเหล่าสตรี เพียงย่างก้าวเดียว เขาก็ปรากฏเบื้องหน้ารถเพลิงทองคำ
แรงกดดันของเขายังคงสงบนิ่งราวกับไร้ตัวตน ความเร็วของเขาก็เพิ่มพูนไม่น้อย
การปรากฏตัวของหนิงฝานแทบจะไม่มีผู้ใดสัมผัสได้ เว้นแต่เป่ยเหยาเท่านั้น
“ลู่เป่ยกลับมาแล้ว!”
เป่ยเหยาหันหน้ามองหนิงฝาน สตรีคนอื่นๆก็หันมองตาม
หนิงฝานแผ่แรงกดดัน เหล่านายกองอสูรทุกคนที่สัมผัสได้เร่งมุ่งหน้ามาหา เมื่อทั้งหมดสัมผัสได้ถึงพลังของหนิงฝาน ล้วนสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“ทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลางใน 7 วัน! ท่านทำได้ยังไง!” นายกองเผ่าพิภพตกตะลึง มันรู้ว่าการทะลวงระดับไม่ใช่เรื่องง่าย
เมื่อเหล่านายกองหยุดยืนเบื้องหน้าหนิงฝาน พวกมันสัมผัสได้ถึงความต่างอย่างชัดเจน
ผู้เชี่ยวชาญทั่วไปในระดับเดียวกับหนิงฝาน พวกมันล้วนเทียบหนิงฝานไม่ติด
แรงกดดันและเจตนาสังหารในวันนี้ของหนิงฝาน แตกต่างจากเมื่อ 7 วันที่แล้วอย่างชัดเจน
“เด็กนี่คงดูดซับโลหิตอสูรที่ถูกมันสังหารไปมากมายมหาศาล หากเดาไม่ผิด สมควรเป็นอสูรแก่นทองคำหลายล้านตัว เพราะหากมีโลหิตอสูรจำนวนขนาดนั้นอยู่ หากได้ผลไม้แห่งเต๋าหมาป่าโลหิตไป จะทำให้ดูดซับโลหิตอสูรเหล่านั้นได้ง่าย กระทั่งทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลางได้ไม่ยาก… แต่ไม่อยากเชื่อว่าเด็กนี่จะสังหารอสูรแก่นทองคำไปหลายล้านตัว”
ลู่ตู้เฉินจ้องมองหนิงฝาน เมื่อครั้งที่ลู่เฉิงรายงานเรื่องของหนิงฝานตั้งแต่คราวที่อยู่เมืองทะเลทรายตอนเหนือ ชายชราไม่ได้สนใจมากนัก แต่เมื่อหนิงฝานปลุกโลหิตเผ่าพันธุ์จักรพรรดิได้ ชายชราจึงเริ่มให้ความสำคัญ
ชายชราได้มีโอกาสได้เฝ้ามองหนิงฝานตั้งแต่คราวที่เขายังอยู่ขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม ยามนี้ผ่านมาเพียง 20 ปี หนิงฝานกลับบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง
“20 ปี… เพียง 20 ปีก็ก้าวมาถึงจุดนี้ ช่างเป็นเรื่องท้าทายสวรรค์ เด็กนี่สมควรผ่านทะเลโลหิตมานับไม่ถ้วน… หากผ่านไปอีก 20 ปี… หรือ 200 ปี... เด็กนี่จะยกระดับไปขนาดไหนกัน ข้าหล่ะอยากเห็นจริงๆ”
เหล่านายกองอสูรที่สัมผัสได้ถึงพลังของหนิงฝานล้วนรู้สึกอับอาย พวกตนทุ่มฝึกฝนอย่างหนักมาเป็นพันปี แต่ยังไม่อาจเทียบชั้นได้กับเด็กที่อายุกระดูกยังไม่ถึง 400 ปีด้วยซ้ำ
[ ** ประกาศ หนิงฝาน มีเว็บส่วนตัวแล้วครับ https://laosoofung.com/
มีการขายเหมือนที่นี่ แต่ราคาถูกกว่าเพียงตอนละ 1.5 บาท หากสนใจเชิญได้ที่เว็บ https://laosoofung.com/
หรือแฟนเพจ "ผู้ใหญ่บ้านเล่าสู่ฟัง" ข้างล่างครับ
“แค่ท่านลู่เป่ยกับทาสที่น่ากลัวสองตนนั้น ไม่มีทางแพ้พวกหมาป่าโลหิตแน่นอน...” นายกองเผ่าอัสนีกล่าว
“ท่านกล่าวเกินไปแล้ว...” หนิงฝานยิ้มเล็กน้อย แต่ก็ไม่ปฏิเสธ
หมาป่าโลหิตที่เหลืออยู่ 8 ตัวนั้น มี 3 ตัวบรรลุขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง อีก 5 ตัวอยู่ในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด
เมื่อเห็นหนิงฝานไม่ปฏิเสธ นายกองเผ่าอัสนีแอบตกใจ เพราะนั่นหมายความว่า หนิงฝานมั่นใจว่าเขาจะสังหารหมาป่าโลหิตได้
“ช้าก่อน! เจ้าเพิ่งทะลวงระดับมา สมควรปรับระดับพลังให้เสถียรก่อนออกไปสู้” วู่หยานกล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร ข้าอยากสู้ มันช่วยให้ข้าปรับระดับพลังได้เร็วกว่า!”
ผลไม้แห่งเต๋า โอสถ และสิ่งต่างๆล้วนเป็นส่วนเสริม
หากไม่ได้ต่อสู้เพื่อปรับระดับพลัง สิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า
“มุ่งหน้าไปที่นั่นกันเลย!”
“ช้าก่อน!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังจะเดินทาง เส้นแสงสีฟ้าพาดผ่านท้องนภาและปรากฏเสียงของคนผู้หนึ่ง ผู้ที่มาคือลู่เจี่ยเฟิน!
คาดไม่ถึงว่ามันจะกลับมา!
“ลู่เจี่ยเฟิน เจ้ายังมีหน้ากล้ากลับมา ตอนนี้นายกองเป่ยของเราทะลวง...” ในขณะที่นายกองเผ่าพิภพกล่าว สีหน้ามันกลับแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
นอกจากลู่เจี่ยเฟินแล้ว ด้านหลังมันยังมีผู้เชี่ยวชาญอีก 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือองค์ชายซูฉวน อีกกลุ่มดูเหมือนจะเป็นผู้ที่มาจากแดนสวรรค์!
ผู้ติดตามของซูฉวนหายไปหลายคน ดูเหมือนระหว่างทางพวกมันจะถูกสังหารไปไม่น้อย ส่วนฝั่งของคนที่มาจากแดนสวรรค์ พวกมันมีผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงด้วยกัน 2 คน แรงกดดันของสองคนนั้น ทำให้นายกองเผ่าเพลิงไม่กล้ากล่าวคำ
“ฮ่าฮ่า! เจ้ามั่นใจเหรอว่าจะสังหารจ้าวหมาป่าลงได้! ข้าไปพาผู้ช่วยมาให้พวกเจ้า ฝั่งนี้คือคนขององค์ชายซูฉวน ส่วนอีกฝั่งคือคนจากแดนสวรรค์ ข้าบังพบ จึงเชื้อเชิญให้มาร่วมด้วย...”
ลู่เจี่ยเฟินหัวเราะราวกับลืมเรื่องที่มันเพิ่งก่อเอาไว้
เมื่อสองกลุ่มนั้นร่องลงพื้น ฝั่งของซูฉวนต่างคารวะให้กับเหล่านายกองอสูร แต่อีกฝั่งกลับทำสีหน้าท่าทางเย่อหยิ่ง พวกมันมีผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลง 2 คน มีขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มอีกหลายร้อย ส่วนผู้นำกลุ่มคือผู้เยาว์ในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง
“ลู่เจี่ยเฟิน เจ้าเป็นอสูร เหตุใดกล้าร่วมมือกับมนุษย์!” นายกองเผ่าอัสนีกล่าว
“มนุษย์แล้วยังไง? ในทะเลไร้สิ้นสุด วังผนึกอสูรของข้าล้วนมีสหายเป็นมนุษย์มากหน้าหลายตาเป็นเรื่องธรรมดา เหตุใดจึงถือเป็นเรื่องแปลก!”
ลู่เจี่ยเฟินหันไปหาหนิงฝาน มันรู้ว่าหนิงฝานเป็นมนุษย์ เป็นผู้ที่ชื่อซัวหมิงที่โด่งดัง
เมื่อมันรู้จักตัวตนของหนิงฝานแล้ว มันจึงอยากร่วมมือมากกว่าสร้างศัตรู
มันรู้ความลับที่ว่าจ้าวหมาป่าได้ชิงกุญแจเปิดวังดาราไป หากจะเข้าไปข้างในย่อมต้องชิงกุญแจนั้นมา ดังนั้น มันจึงต้องหาคนช่วย
“7 วันก่อนเจ้ายังเป็นศัตรูกับพวกข้าอยู่!” นายกองเผ่าวายุกล่าว
“เมื่อ 7 วันก่อนข้ากระทำเกินเลย เพราะผู้เชี่ยวชาญอย่างเราล้วนเห็นผลประโยชน์เป็นสำคัญ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่มีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ยามนี้ หากเราร่วมมือกันสังหารหมาป่าที่หลับไหลอยู่ได้ พวกเราจะได้ประโยชน์มากกว่า”
แม้ศัตรูจะหลับไหล แต่ก็อยู่ในขอบเขตไร้ดัดแปลง ดังนั้น ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งดี แต่ในทางกลับกัน คนยิ่งเยอะก็ยิ่งเปลี่ยนสถานะการณ์ได้ง่าย
“ลู่เป่ย เจ้าจะร่วมมือกับลู่เจี่ยหรือเปล่า?” วู่หยานกล่าวถามพลางขมวดคิ้ว
“เจ้าร่วมมือหรือไม่นั้นยังไม่ใช่เรื่องที่จะบอกได้ เพราะข้าต้องการแน่ใจบางสิ่งก่อน… ลู่เจี่ยเฟิน เจ้าไม่แนะนำสหายใหม่ของเจ้าหน่อยเหรอ?”
หนิงฝานหันมองคนจากแดนสวรรค์ด้วยสายตาเย็นชา
“ข้าอยากรู้ว่าคนเหล่านี้เป็นใคร แค่เพิ่งพบกัน คนเหล่านั้นมากกว่าครึ่งก็จ้องมองข้าด้วยสายตามุ่งร้าย… แต่ข้าขอบอกไว้ก่อน หากพวกเจ้าคิดหาเรื่องข้า ข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่!”
คำกล่าวข่มขู่ของหนิงฝาน ทำให้กลุ่มคนที่มาจากแดนสวรรค์ขมวดคิ้ว
“เจ้าจะทำได้เหรอ? ข้าไม่เหมือนเจ้าซื่อฉวนที่เจ้าจะจัดการได้ง่ายๆ!”
“นายน้อย! เจ้าต้องรู้ว่าเรื่องใดสำคัญ!” ชายชราที่อยู่ข้างหลังมันกล่าวเตือน
“ฮึ่ม! ช่างเถอะ เห็นแก่ผู้อาวุโสทั้งสอง ข้าจะไม่สนใจมัน เจ้าคือลู่เป่ย...คนที่ทำให้ซื่อฉวนวิ่งหางจุกก้นกลับแดนสวรรค์ใช่มั้ย? ข้าอยากเห็นเจ้ามานานแล้ว อยากเห็นว่าเจ้าจะเก่งขนาดไหนกันเชียว ข้ามีนามว่า ‘หลินซู’ แห่งนิกายปีศาจขาว! เจ้าจำชื่อข้าไว้ให้ดี!”
“นิกายปีศาจขาว?” แววตาหนิงฝานเผยเจตนาสังหารชั่วครู่ แต่ไม่มีผู้ใดสังเกตุเห็น
นิกายของมันทำร้ายหานหยวนจี๋และเว่ยฉวย!
“ข้าได้ยินมาจากซื่อฉวนว่าเจ้าอยู่ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้น แต่ก็น่าสะพรึงกลัวกระทั่งจักรพรรดิเซียนยังไม่กล้าสู้… เช่นนั้นแล้ว ข้าขอชมพลังเจ้าสักหนึ่งกระบวนท่าให้เป็นขวัญตาได้หรือเปล่า!”
ชายชราทั้งสองพยายามจะกล่าวเตือน แต่หลินซูกลับยกมือปรามพลางกล่าวเย้ยหยัน
“เจ้าวางใจเถอะ… ข้าแค่อยากประลองกับเจ้าเพียง 1 กระบวนท่า ไม่สมควรทำให้เจ้าถึงแก่ชีวิตหรอก!”
เมื่อมันกล่าวจบ รอบข้างเงียบสงัด เหล่านายกองอสูรจ้องมองหลินซูราวกับมันเป็นคนโง่
“เจ้าอยากประลองกับข้า 1 กระบวนท่า?” หนิงฝานยิ้ม
“ใช่… เจ้ากล้าหรือเปล่าหล่ะ!”
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้!” หนิงฝานเก็บรอยยิ้ม หมัดกำแน่น รอบข้างเริ่มปรากฏหิมะสีดำโปรยปราย...