บทที่ 338 - วันสิ้นโลก (14) [15-06-2020]
บทที่ 338 - วันสิ้นโลก (14)
”
ยูอิลฮานได้ตัดสินใจเริ่มวิเคราะห์องค์ประกอบร่างราฟาเอลก่อน ในขั้นตอนการรับยูเรียลเข้ามาในดราก้อนเนสยูอิลฮานก็ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับขอบเขตของพลังพระเจ้ารวมไปถึงข้อมูลในตัวสี่ยอดเทวทูตจำนวนมาก แต่ในท้ายที่สุดยูเรียลก็ได้กลายมาเป็นมังกรก่อนที่เขาจะดึงข้อมูลมาได้จนหมด บันทึกที่เขาได้มาจากเธอจึงยังไม่ได้สมบูรณ์
"ยังไงก็ตามราฟาเอลได้ตายไปในฐานะเทวทูต พ่อของฉันได้ล่ะทิ้งตำแหน่งสี่ยอดเทวทูตไปนานแล้ว ส่วนมิคาเอลก็ได้ก้าวข้ามไปสู่ระดับเทพแล้ว เพราะงั้นสมาชิกที่ยังเป็นสี่ยอดเทวทูตอยู่ก็เหลือแค่ราฟาเอล"
"แต่ในแง่ศักยภาพเขาคือคนที่ด้อยที่สุด"
เลียร่าได้เสริมขึ้นมา ยูอิลฮานได้หยิบเอาอุปกรณ์ออกมาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
"เอาล่ะมาเริ่มวิเคราะห์กันเถอะ"
ปีก ผิวหนัง สมอง กล้ามเนื้อ กระดวก - ยูอิลฮานได้ชำแหละทุกๆส่วนออกมาอย่างสมบูรณ์และประณีตถึงขีดสุด ภาพนี้มันดูคล้ายกับฆาตกรโรคจิตอย่างมาก ในท้ายที่สุดยูอิลฮานก็ได้ข้อสรุปออกมา
"หมอนี่ก็สูญเสียไปเหมือนกัน"
"สูญเสียอะไรหรอ?
"เขาแทบจะไม่มีพลังพลังในฐานะของสี่ยอดเทวทูตเลย หากเอาเขาไปเทียบกับยูเรียลก่อนเธอจะกลายมาเป็นมังกร ราฟาเอลแทบจะอ่อนแอกว่าสองขั้นใหญ่ๆเลย"
"มันไม่ใช่ว่าเพราะเขาตายหรอ?"
"ไม่"
ยูอิลฮานจำได้ว่าความพิเศษของราฟาเอลคือการรักษา เขามีพลังในการฟื้นฟูตัวเองที่น่าทึ่งมากรวมไปถึงพลังในการรักษาคนอื่นๆด้วย ในตอนเขาได้รักษามิคาเอล เขาครอบครองในพลังที่มหาศาลอย่างแน่นอน แต่ว่า...
"เขาถูกฉันฆ่าเอาง่ายๆ"
"มันไม่ใช่ว่าเพราะนายแกร่งเกินไปหรออิลฮาน?"
"สี่ยอดเทวทูตคือคนที่ขโมยพลังพระเจ้ามา พวกเขาควรที่จะอยู่ในระดับที่แกร่งกว่าหัวหน้ากองพันของกองกำลังอื่นๆอย่างสิ้นเชิงสิ"
ยังไงก็ตามราฟาเอลได้ตายไปอย่างไร้ค่ายิ่งกว่าหัวหน้ากองพันคนอื่นๆอีก เขาได้ตายไปในทันทีด้วยวิถึไร้ขอบเขตของยูอิลฮาน
ยังไม่ใช่แค่นั้น เขาไม่ได้ตายคนเดียวแต่ยังตายไปพร้อมๆกับหัวหน้ากองพันที่หนึ่ง เครสเช่นแห่งกองทัพปีศาจวิบัติ
"พลังราฟาเอลได้ถูกส่งไปให้กับมิคาเอลก่อนที่เขาจะถูกฉันฆ่า ฉันมั่นใจแล้ว ที่นี่มีร่องรอยเหลืออยู่"
"เพราะงั้นมิคาเอลก็เลยได้กลายเป็นระดับเทพง่ายๆสินะ?"
"หากว่าเขาไม่มีคุณสมบัตินั่นมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ว่า อืมมม..."
ยูอิลฮานได้คิดอยู่ครู่หนึ่ง มีความคิดมากมายเข้ามาในหัวของเขา
"ฉันได้ทำการตอบโต้มิคาเอลหรือใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังเขาไปแล้ว แต่ว่าฉันคิดว่าตอนนี้ฉันได้อาวุธใหม่แล้ว"
"...นี่นายเพิ่งจะคิดอะไรได้ใช่ไหม?"
"ไม่ใช่ว่าที่รักบอกว่าราฟาเอลได้มอบพลังของเขาให้กับมิคาเอลไปแล้วหรอ? ตอนนี้ร่างของเขาก็น่าจะกลายเป็นแค่เปลือกเปล่าๆแล้วนี่?"
"ไม่หรอก เฮเรียน่า ฉันไม่ได้บอกซะหน่อยนี่ว่าราฟาเอลเต็มใจส่งพลังที่เขามีไปให้มิคาเอล ฉันแค่บอกว่าพลังของราฟาเอลถูกส่งไปให้มิคาเอลเท่านั้นเอง"
"หืมม? อืมม...!"
เฮเรียน่ารู้ได้ทันทีว่าเขาสื่อถึงอะไร
"มิคาเอลขโมยพลังไปงั้นหรอ?"
"ใช่แล้ว มันไม่แปลกหรอกที่เธอจะไม่รู้เพราะเธอไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่ว่าก่อนที่ราฟาเอลจะเข้ามาสู้กับฉัน มีอยู่ช่วงเวลาสั้นๆที่ราฟาเอลได้รักษามิคาเอล และในต่อจากนั้นมิคาเอลก็พุ่งเข้ามาใส่ฉันทันที ส่วนมิคาเอลก็ได้แกล้งทำเป็นรั้งราฟาเอลเอาไว้"
"แสร้งรั้งเขาไว้? นี่นายหมายความว่า..."
"มิคาเอลได้แค่ใช้คำพูดบอกให้หยุดเท่านั้น แต่หากว่าเขาอยากจะหยุดราฟาเอลเอาไว้จริงๆ ถ้างั้นเขาก็ควรจะเข้าไปหยุดเลยสิ"
พวกเธอพูดไม่ออกแล้ว นี่มันคือเรื่องจริง!
"ในตอนนั้นฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะว่าฉันไม่ได้สนใจราฟาเอล แต่ว่าราฟาเอลได้แสดงสีหน้าราวกับว่าเขาไม่มีทางตายในที่แบบนั้น มันเป็นความมั่นใจในตัวเองและพลังของเขา แต่แล้วยังไงล่ะ เขาได้ตายจากวิถีไร้ขอบเขตของฉันในทีเดียวยังไงล่ะ เพราะอะไรกัน นั่นมันก็เพราะเขาได้เสียพลังในการรักษาไปแล้วยังไงล่ะ ฉันยังจำคำพูดสุดท้ายของเขาได้อยู่เลย [อ่า ได้ยังไงกัน] [เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน นี่ฉันถูกทรยศ ฉันไม่น่าไว้ใจไอ้สารเลวนั่นเลย!] หรืออะไรทำนองนี้นี่แหละ"
ราฟาเอลน่าจะเชื่อใจมิคาเอลเอามากๆ แต่ว่ามิคาเอลก็ได้ทรยศเขาและกระทั่งขโมยพลังของเขาไปอีกด้วย มิคาเอลน่าจะรู้ถึงอะไรบางอย่างได้ในตอนที่ยูอิลฮานกลายมาเป็นระดับเทพและเตรียมการบางอย่าง เพราะอย่างนั้นมิคาเอลก็เลยขโมยพลังของราฟาเอลมา!
"เดี๋ยวสิที่รัก ฉันเข้าใจแล้วนะว่ามันเป็นแบบนั้น"
เฮเรียน่าก็ยังคงมีคำถามอยู่
"แต่นั่นมันก็ไม่ได้เปลื่ยนความจริงที่ว่าศพราฟาเอลในตอนนี้เป็นแค่เปลือกที่ว่างเปล่านี่ แล้วที่รักกำลังจะใช้เปลือกนี่ทำอะไรกันล่ะ?"
"ส่วนที่สำคัญที่สุดคือร่างกายดั้งเดิม ฉันคิดว่าเธอคงจะยังไม่รู้นะ แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในอาร์ติแฟคมากยิ่งกว่าฟังก์ชั่นคือ 'ประวัติของมัน'"
"ขอโทษนะ แต่ว่าในศาสตร์การสร้างฉันไม่รู้อะไรเลย"
"เยี่ยม ถ้างั้นฉันจะใช้คำพูดที่ต่อให้เป็นเด็กประถมก็เข้าใจแล้วกัน
ยูอิลฮายนได้หยิบเอาลูกตาราฟาเอลออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส
"ในตอนที่เขากำลังจะตายไปทั้งๆที่รู้ว่าทุกๆอย่างถูกขโมยไปเขาจะคิดยังไงกันล่ะ?"
"เขาก็คงจะมีความแค้นอยู่ภายในใจ"
"ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ"
"ฉันอยากจะฆ่าทุกๆอยาง"
"คล้ายๆกันแต่ก็ไม่ใช่"
นั่นมันธรรมดาไป! หลังจากเลียร่าได้ตอบคำตอบที่ไม่ถูกต้องออกมามากมาย สุดท้ายแล้วคนที่ตอบถูกก็คือเฮเรียน่า
"ฉันอยากที่จะแก้แค้นด้วยวิธีเดียวกัน"
รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นมาบนริมฝีปากของยูอิลฮานหลังจากได้ยินคำตอบนี้ นี่คือคำตอบที่เหมือนกับกองทัพปีศาจวิบัติที่สุดแล้ว และในเวลาเดียวกันก็เป็นคำตอบที่เป็นมนุษย์ที่สุดเช่นกัน
"นั่นแหละ ตอนนี้พวกเธอก็คงจะรู้ถึงสิ่งที่ฉันจะทำแล้วสินะ"
"ใช่ ฉันเข้าใจแล้ว มันจะต้องกลายเป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมแน่นอน"
"ให้ตายสิ ความคิดนายนี่มันน่ากลัวจริงๆ"
"เมื่อคนเราเกือบจะตายและกำลังจะตาย มันก็เป็นปกติที่จะเกิดความคิดน่ากลัวแบบนี้ขึ้นมา"
ยูอิลฮานได้แยกส่วนที่ไม่จำเป็นและส่วนที่ไร้ความทนทานออกมาจากร่างราฟาเอลและละลายพวกมันไป ในขั้นตอนนี้จะทำให้เพลิงผสานเข้ากับวัตถุดิบและยกระดับขึ้นไป
"เอาล่ะตอนนี้เรามีไฟกับวัตถุดิบแล้ว เพราะงั้นฉันน่าจะเริ่มได้แล้ว"
"แล้วทั่งตีเหล็กกับค้อนล่ะ?"
"ฉันไม่ต้องใช้ของพวกนั้นอีกแล้ว"
ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมาและเปิดใช้งานสกิลการสร้าง
[เปิดใช้งานการสร้าง กำลังทำตามเป้าหมายที่คุณต้องการให้สำเร็จ]
การสร้างเป็นทั้งการรวมเอาชีวิตกับวัตถุดิบที่ซึ่งองค์ประกอบเข้าด้วยกัน และเนื่องจากยูอิลฮานไม่ได้อ่อนแอเหมือนกับตัวเขาเมื่อก่อนแล้วทำให้เขาไม่จำเป็นต้องลองใส่วิญญาณเข้าไปในทุกๆครั้งที่เขาสร้างอะไรซักอย่าง
ยังไงก็ตามตอนนี้ยูอิลฮานก็มีวิญญาณที่เหมาะสมกับอาวุธนี้อยู่
ราฟาเอลงั้นหรอ? แน่นอนว่าเพราะพลังของเขาถูกขโมยไป เขาจึงโกรธแค้นมิคาเอล แต่ว่าสิ่งที่เขาโกรธแค้นมากที่สุดเลยก็คือคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้
ยูอิลฮานได้สูดหายใจเข้าลึก... และตั้งใจเรียกชื่อเธอออกมา ชื่อของคนที่ซื่อย์ตรง ดีงาม งดงาม รวมไปถึงน่าเศร้าด้วยเช่นกัน
"สเปียร่าเธอตื่นอยู่ไหม?"
"...อิลฮาน เมื่อกี้นายว่ายังไงนะ?"
"ที่รัก?"
เลียร่ากับเฮเรียน่าที่ได้ยินเสียงของเขาได้เบิกตากว้างขึ้นมาทันที พวกเธอตกใจมากจนคิดว่าพวกเธอได้ยินผิดไป
"นี่นายหมายถึงสเปียร่าน่ะหรออิลฮาน อย่าบอกนะว่า...?"
"ใช่แล้ว"
หลังจากยูอิลฮานได้ต่อสู้และฆ่าสเปียร่าลงไป ยูอิลฮานก็ไม่เคยได้ยินคำว่า 'สเปียร่า' อีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว นั่นมันเพราะเขารู้ว่าเขาต้องฆ่าเธอ แต่เขาก็อึดอัดใจมากที่ต้องฆ่าเธอด้วยตัวเอง ในทุกๆครั้งที่เขาคิดถึงเธอ เขาถึงขนาดรู้สึกว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับความไร้มนุษยธรรม ความเย็นชา และความไร้ปราณีในตัวของเขาเอง
คนอื่นๆก็ไม่ได้พูดชื่อนี้ออกมาเพราะเป็นห่วงเขาเช่นกัน เพราะงั้นการมาได้ยินชื่อนี้ในตอนนี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ
"นายมีจิตวิญญาณของสเปียร่า?"
"ฉันได้วิญญาณมากกว่าครึ่งของเธอมานะเฮเรียน่า นี่เธอคิดว่าฉันจะไม่ได้วิญญาณของสเปียร่ามางั้นหรอ?"
"ฉันคิดว่านายไม่ได้มาซะอีก"
"นี่เธอกำลังพูดอะไรอยู่กัน"
ดูเหมือนว่าคนอื่นๆจะยังไม่รู้ว่าพลังที่ยูอิลฮานมีในฐานะยมทูตเป็นแบบไหน ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมาและแก้ไขความเข้าใจผิดของเธอ
"ทุกๆการจบชีวิตชีวิตหนึ่งจะมีความรับผิดชอบที่ไม่อาจเลี่ยงได้ตามมา สำหรับคนอื่นๆแล้วนี่อาจจะเป็นการทิ้งความรู้สึกผิดบาปเอาไว้ในใจ แต่สำหรับฉันการรับผิดชอบการฆ่าหลังจากผ่านมาถึงจุดๆหนึ่งก็คือ... วิญญาณ"
"อิลฮาน คำพูดนี่มัน..."
ดวงตาเลียร่ากำลังสั่นไหว ยูอิลฮานได้ยิ้มอย่างไร้ปราณีและพูดให้จบ
"การไม่รับมามันเป็นไปไม่ได้ ทุกๆชีวิตได้อยู่กับฉันตรงนี้ พวกเขาทุกๆคนอยู่ร่วมกันกับฉัน"
"ที่รัก..."
สิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งสองคนพูดไม่ออกกันแล้ว และตอนนี้เองก็ได้มีเสียงดังชัดขึ้นมาที่หูยูอิลฮานราวกับรอคอยเวลานี้มานาน
[ฉันตื่นอยู่นานแล้วยูอิลฮาน หลังจากที่ฉันถูกนายจัดการ ฉันก็ไม่เคยหลับตาเลยแม้แต่ครั้งเดียว และก็ไม่เคยปิดหูลงแม้แต่เสี้ยววินาที]
น้ำเสียงนี้เลียร่ากับเฮเรียน่าก็ได้ยินเช่นกัน ทั้งสองคนต่างก็เงียบอยู่เช่นเดิม มีแค่ยูอิลฮานเท่านั้นที่ตอบกลับไป
"เธอไม่ยอมเรียกฉันสักครั้งเลยงั้นหรอ?"
[ฉันได้พยายามล่ะออกมาจากสวรรค์เพื่อพยายามจะสอนหอกนาย ในอดีตนายได้ปฏิเสธมัน และจากนั้นนายก็ได้ประสบความสำเร็จในระดับที่สูงยิ่งกว่าฉัน เพราะงั้นฉันไม่ได้มีอะไรที่ผูกมัดตัวฉันเอาไว้กับนายอีกแล้ว นอกไปจากนี้... ฉันก็ไม่อยากจะเป็นภาระให้กับนายที่ต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาลอยู่แล้วด้วย]
"เธอนี่เป็นคนใจดีจังเลยนะ"
[จะเรียกฉันว่าโง่แทนก็ได้]
ทั้งสองคนได้คุยกันราวกับว่าพวกเขาไม่เคยสู้แลกชีวิตกันมาก่อนเลย ในมุมมองคนอื่นบางทีนี่มันอาจจะแปลก แต่ว่านี่แหละคือความสัมพันธ์ที่มีระหว่างทั้งสองคน ต่อให้เธอจะตายไปแล้วมันก็ไม่ได้เปลื่ยนอะไรไป
[แต่นายเป็นคนเรียกฉันออกมาก่อน เพราะงั้นฉันก็เลยต้องมาเจอกับนาย การที่นายหลีกหนีไปจากทุกๆอย่างที่นายทำพลาดไปก็เพราะกลัวสายตาคนอื่นที่มองมา และในตอนนี้ที่นายได้ไตร่ตรองถึงการกระทำทั้งหมด ยอมรับในความผิดพลาดทั้งหมดนั่นพร้อมทั้งเลือกก้าวต่อไป]
"เธอพูดถูกหมดเลย... จริงๆแล้วฉันคิดว่าฉันทำผิดต่อเธอเยอะมากเลย ฉันขอโทษนะ"
[สำหรับฉันก็เหมือนกัน ฉันมักจะบังคับให้นายมองเหมือนกับฉันและไม่ยอมฟังนายเลย ฉันขอโทษ]
การที่มาได้ยินสเปียร่าคนที่เขาคิดว่าเป็นคนที่ยอมหักไม่ยอมงอมาพูดแบบนี้ได้ทำให้ยูอิลฮานยิ้มแห้งๆออกมาและพูดต่อไป
"ทุกๆอย่างยังไม่ถูกเผยออกมา บางทีการเรียกเธอออกมานี้อาจจะทำให้เธอต้องลำบากมากกว่าเดิม แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็อยากจะให้เธอได้ยืนยันด้วยสายตาตัวเอง ฉันอยากที่จะตอบแทนเธอที่สอนวิชาหอกให้กับฉัน"
[ในตอนนี้นายได้กลายมาเป็นคนที่มองย้อนกลับมาข้างหลังเป็นแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงมันก็มีผลข้างเคียงอยู่ นายได้เริ่มกลายมาเป็นคนที่สนใจกับทุกๆคนรอบตัวนายมากเกินไป ระวังเอาไว้ให้ดี ผู้หญิงอาจจะเข้าใจผิดตกหลุมรักนายเอาได้นะ]
นี่คือเรื่องจริง การมองโลกด้วยสายตาดวงใหม่นี้ ความรักและความซาบซึ้งที่เขามีต่อทุกๆคนมันมากเกินไปจนเขาเถียงไม่ได้เลย นี่คือเหตุผลที่เรียกสเปียร่ากลับมาเช่นเดียวกัน
[ยังไงก็ตามในจุดยืนของฉันมันก็ไม่ได้แย่หรอกนะ นายเพิ่งจะบอกว่ามันจะทำให้ฉันลำบากกว่าเดิมใช่ไหม? มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก ฉันรู้สึกขอบคุณยินดีต่างหากล่ะที่ในที่สุดแล้วฉันก็ได้มีหนทางในการระบายอารมณ์ออกไป เพราะงั้นยูอิลฮานขอมาได้เลย ขอสิ่งที่นายอยากจะขอมาได้เลย]
ยูอิลฮานได้ทำตามอย่างยินดี เขาดีใจที่สเปียร่าเข้าใจเขา ดีใจที่จะได้ร่วมมือกับเธออีกครั้ง และได้ทำให้ตัวเธอได้เผยรอยยิ้มออกมาได้ แต่เขาได้พูดคำถามที่ตรงกันข้ามกับความรู้สึกออกมา
"สเปียร่า เธออยากจะทำอะไรกับมิคาเอลแล้วก็คนที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าในขณะที่เล่นตลกกับชีวิตและเจตจำนงนับไม่ถ้วนมาตั้งแต่ต้นล่ะ?"
คำตอบที่ตอบกลับมาโหดร้ายมาก
[ฉันอยากที่จะบดขยี้พวกมันเป็นชิ้นๆจนตายไป]
"ถ้างั้นฉันได้ตัดสินใจที่อยู่ 'ชั่วคราว' ของเธอได้แล้ว"
[ด้วยความยินดี]
"เยี่ยม ดีใจที่ได้ยินแบบนี้นะ"
ยูอิลฮานได้ยกมือขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม บนมือของเขามีหอกสีขาวบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นมาจากการสร้างอยู่ น่าแปลกที่ว่ารูปร่างของหอกเล่มนี้เหมือนกับหอกที่สเปียร่าได้ใช้มาทั้งชีวิต
"หากว่าฉันต้องการ ฉันก็สามารถจะสร้างวิญญาณตั้งแต่เริ่มได้ แต่ว่าฉันยังไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของวิญญาณอย่างสมบูรณ์ ถึงฉันจะพอข้าใจอยู่บ้างแต่มันก็คลุมเครือ จุดหลักคือวิญญาณนั้นหาได้ยากและซับซ้อนเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆ แต่สุดท้ายวิญญาณก็คือ 'สิ่งมีชีวิต' หรือก็คือวัตถุดิบอยู่ดี!"
[ฉันอยากจะตบตัวเองซะทีที่คิดไปว่านายดีขึ้นแล้ว แต่ตอนนี้นายก็แค่ยอมรับในทุกๆอย่างที่อยู่กับตัวเองและก้าวหน้าไปอย่างประมาทอยู่ดี!]
"ถูกแล้ว! ฉันเป็นแบบนี้แหละ แต่ว่าโดยพื้นฐานแล้วฉันมันคนเลว!"
[นายกลายไปปีศาจไปแล้ว!]
สเปียร่าไม่สามารถจะเข้าไปในหอกได้ในทันที แม้ว่าเขาจะรู้สึกผิดที่จะพูดแบบนี้หลังจากได้พูดล่อลวงเธอให้ทำแบบนี้ แต่ว่าสเปียร่าในปัจจุบันอ่อนแอเกินไปจริงๆ เพราะแบบนี้ยูอิลฮานก็เลยเตรียมการเพิ่มพลังให้กับตัวเธอ นั่นก็คือบุฟเฟ่ต์จิตวิญญาณสุดหรูนั่นเอง!
"สเปียร่าได้เวลาอาหารแล้ว!"
[ทำไมนายถึงได้พูดให้ฉันต้องโมโหตลอดเลยนะ...]
แม้ว่าในระหว่างที่เธอได้ตอบกลับไปเธอก็ได้เจอกับจิตวิญญาณ์ที่เขาเตรียมให้เธอแล้ว
มีบาปกรรมมากขนาดไหนกันที่เขาก่อเอาไว้จนมาถึงตอนนี้? มีจิตวิญญาณน่าสงสารจำนวนนับไม่ถ้วนและต่อให้เขาเลือกหยิบสุ่มๆออกมาก็ยังเหลืออีกมากอยู่ดี
[เจ็บ...]
[ฆ่า... ฉัน...]
[ฉันไม่อยากจะคิดอะไรแล้ว...]
สเปียร่าได้ตกอยู่ในความรู้สึกโศกเศร้าที่ได้เผชิญหน้ากับจิตวิญญาณที่พูดคำสั่งเสียออกมาอย่างไม่สิ้นสุด ยังไงก็ตามความตั้งใจของยูอิลฮานแน่วแน่มากๆ และในเมื่อเธอได้ตัดสินใจจับมือกับเขาอีกครั้งแล้วเธอก็ไม่อาจจะหนีความจริงในเรื่องนี้ไปได้
[ชิ ช่วยไม่ได้แล้ว...]
สเปียร่าได้แต่ต้องช่วยตัวเอง เธอได้พูดขึ้นมา
[ฉันจะแบกรับความไม่พอใจและบาปกรรมของพวกนายทั้งหมดเอง ตอนนี้ปล่อยให้ฉันจัดการทุกๆอย่างให้พวกนายได้แล้ว]
[ก๊าซซซซซซซซซซว!]
การล่าจิตวิญญาณของสเปียร่าได้เริ่มต้นขึ้น อย่างที่ยูอิลฮานบอกว่าตอนนี้เขาสามารถจะจัดการดูแลวิญญาณได้แล้ว เขาสามารถที่จะนำจิตวิญญาณมาเป็นอาหารมอบให้เธอแกร่งยิ่งขึ้นกว่าในตอนมีชีวิตได้ไม่ยากเลย
นี่คือความแตกต่างที่มากที่สุดระหว่างยูอิลฮานในอดีตกับยูอิลฮานในตอนนี้ โอโรจิต้องผ่านความยากลำบากมามากขนาดไหนในตอนที่ต้องเจอกับจิตวิญญาณที่แกร่งกว่าตัวเอง? แต่ว่าสเปียร่าได้กลายมาเป็นแกร่งมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องพยายามเลย...
[นี่คือเส้นทางแห่งอสูรสินะ? การจะต่อต้านพระเจ้าทำให้ฉันต้องกลายไปเป็นปีศาจซะเองสินะ ฟุฟุ ฉันรู้สึกได้เลย]
"เฮ้ คำพูดของเธอมันกระทบฉันนะ"
สเปียร่าอาจจะเป็นคนที่มีความยุติธรรมทรงพลัง แต่ว่ายูอิลฮานแล้วคิดเพียงแค่จิตวิญญาณเป็นอาหาร และการผสมอาหารในฐานะเครื่องปรุงไม่นับเป็นเรื่อง 'ชั่วร้าย' ถึงทั้งสองคนจะบอกว่าเข้าจกันแล้ว แต่ก็ยังคงมีกำแพงบางอย่างขว้างกั้นอยู่
"โอ้ ฉันรู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณสเปียร่าแกร่งขึ้น"
"เฮ้ นี่ไม่ใช่ว่าเป็นใครหากถูกที่รักฆ่าแล้วได้กินจิตวิญญาณทั้งหมดไปก็กลายเป็นคนแข็งแกร่งได้เลยหรอ?"
"มันแทบจะเป็นไปไมได้เลยหากเป็นวิญญาณที่ตายไปแล้ว เธอกับสเปียร่าเป็นวิญญาณที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์เลย ส่วนโอโรจิกับมิสทิคเป็นพวกที่จะเรียกได้ว่าเกิดใหม่ก็ได้"
"ตอนนี้ฉันชักกลัวแล้วสิ..."
สเปียร่าได้ฟื้นฟูพลังในอดีตของเธอมาด้วยการปราบจิตวิญญาณจำนวนมาก และในท้ายที่สุดเธอก็ได้รับพลังในฐานะของคลาส 7 มา ยังไงก็ตามนี่มันยังไม่จบลง เมนูบุฟเฟ่ต์พิเศษที่ยูอิลฮานเตรียมเอาไว้ยังเหลืออยู่อีกหนึ่ง
[...ราฟาเอล]
[เป็นไปไม่ได้]
จิตวิญญาณราฟาเอลได้ถูกยูอิลฮานขังเดี่ยวเอาไว้ทำให้เขาไม่ได้เห็นแสงตะวันเลยแม้แต่ครั้งเดียวนับตั้งแต่ยูอิลฮานได้จิตวิญญาณมา
หากว่ายูอิลฮานได้สอบสวนจิตวิญญาณราฟาเอลตั้งแต่อดีตเขาก็คงจะได้รู้ว่าพลังของราฟาเอลถูกขโมยไปนานแล้ว แต่ว่ายูอิลฮานไม่ได้มองราฟาเอลเป็นศัตรูที่คู่ควรแต่แรกแล้วทำให้ยูอิลฮานไม่ได้คิดว่าจะจำเป็นต้องไปสอบสวนอะไรเลย
"ราฟาเอลขอบคุณฉันซะสิที่ทำให้นายโผล่มาถึงสองครั้งทั้งๆที่นายเป็นแค่ตัวประกอบ"
[ฉะ ฉันไม่ขอบคุณนายเลย! ฉันไม่ได้ซาบซึ้งอะไรซะนิด! นายกล้ามากนะ! นายมันกล้ามากจริงๆ!]
[ฟุฟุ... ราฟาเอล ฉันน่าจะเอาอารมณ์ในช่วงสุดท้ายนายมาเหมือนกัน ส่งมันมาซะสิ ฉันในตอนนี้ต้องการอารมณ์ด้านลบที่น่าขยะแขยง]
"ฉันคิดว่าเธอได้กลายเป็นปีศาจแล้วจริงๆ"
ยูอิลฮานได้เงยหน้าขึ้นมาใช้พลังเข้าใส่ราฟาเอลที่พยายามจะหนีจากสเปียร่าจนเขาไม่อาจจะทำอะไรได้ดี เขาทำได้แค่ตะโกนสาปแช่งออกมาอย่างสุดเสียงเท่านั้น
[บ้าเอ้ย! ฉันก็แค่เชื่อในตัวหัวหน้าและเลือกติดตามเขา! ทำไมฉันถึงได้ต้องมาเจอเข้ากับจุดจบที่น่าเศร้าด้วยล่ะ! ฉันคือหนึ่งในสี่ยอดเทวทูตเชียวนะ หนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ ทำไมหัวหน้ามิคาเอลถึงได้ทรยศฉัน? ทำไมกาเบรียลถึงไม่บอกอะไรฉันเลย? ทำไมยูเรียลถึงได้รักกาเบรียลด้วย!]
หืม ดูเหมือนว่ายูเรียลจะเป็นที่สนใจทั้งมิคาเอลกับราฟาเอลเลยสินะ ถึงแม้ว่ายูเรียลจะรักกาเบรียลก็เถอะ.... ต่อให้เป็นสี่ยอดเทวทูตก็ยังมีชีวิตเหมือนละครดราม่าเลย ยูอิลฮานได้รับความรู้ใหม่มาแล้ว
[ขอบคุณสำหรับอาหารนะ]
[อ๊ากกกกกกกกกกก]
สเปียร่าได้เมินเสียงของราฟาเอลและกินเขาไปจนหมด ในตอนนี้เองคลื่นพลังที่แข็งแกร่งได้พวยพุ่งออกมาจากยูอิลฮาน สเปียร่าได้ดูดกลืนทุกๆอย่างจากราฟาเอลไปสำเร็จและกำลังพัฒนาขึ้น
[ฉันรู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิมอีกยิ่งพลังเพิ่มขึ้น...]
"ไม่ต้องห่วง ฉันยังมีร่างกายของเธออยู่ เมื่อทุกๆอย่างจบลงแล้ว ฉันจะคืนร่างให้เธอ"
[ยิ่งนายทำเป็นใจดีนายยิ่งดูไม่น่าพอใจ ทำตัวเป็นขยะเหมือนอย่างเคยเถอะนะ]
"เพราะแบบนี้สินะฉันถึงได้ไม่เคยเห็นร่างของสเปียร่าถูกชำแหละเหมือนทูตสวรรค์คนอื่นๆ"
เลียร่าได้โน้มน้าวยูอิลฮานให้ส่งร่างสเปียร่าให้เธอหากว่าเขาคิดจะใช้ทำอะไรซักอย่าง แต่ว่ายูอิลฺฮานก็ดูจะแค่เก็บเอาไว้เฉยๆ
เธอก็แค่คิดว่าเขาไม่อยากจะทำอะไรที่เกี่ยวกับสเปียร่าอีก แต่ดูเหมือนยูอิลฮานก็รู้สึกผิดกับมันเหมือนกัน เลียร่าได้ยิ้มออกมาและสเปียร่าก็ได้เข้าไปในหอกสีขาวบริสุทธิ์ทั้งๆที่ยังรู้สึกอัดอัด
เมื่อวัตถุดิบทั้งหมดเข้าที่แล้ว ยูอิลฮานก็เปิดใช้การสร้างอีกครั้งหนึ่ง ข้อความแสดงความยินดีได้ปรากฏขึ้นมา
[คมเขี้ยวแห่งความแค้นเสร็จสมบูรณ์]
เขาได้มองดูชื่ออาร์ติแฟคและจำไว้ในใจ ในเมื่อเขาได้ทำมันสมบูรณ์แล้ว เขาก็สามารถจะเรียกมันออกมาในรูปแบบเพลิงได้ตามต้องการ
"สเปียร่า ปรับตัวให้เข้ากับสภาพในตอนนี้ซักพักนะ"
[เข้าใจแล้ว ฉันจะรอจนถึงเวลาที่จำเป็นนะ พอถึงเวลาก็แค่เรียกฉันก็พอยูอิลฮาน]
"หืม"
เฮเรียน่าได้เอียงหัวมองเขาและถามออกมา
"ที่รักจะไม่ดูระดับหรือรายละเอียดเลยหรอ?"
"ฉันได้สร้างมันตามที่ฉันต้องการแล้ว เพราะงั้นฉันก็ต้องรู้เรื่องพวกนั้นอยู่แล้ว มันมีฟังก์ชั่นที่ฉันต้องการอยู่แล้วเพราะงั้นระดับจะสำคัญอะไรอีกล่ะ?"
"โอ้..."
นี่คือคำพูดสุดเท่ที่เขาอยากจะพูดมาตลอด! เพราะคำพูดนี้ได้ทำให้หัวใจเฮเรียน่าได้เต้นแรงในทันที ในเวลาเดียวกันนี้ยูอิลฮานก็ได้ทำงานต่อไปของเขาโดยไม่ลังเล เนื่องจากว่าเขามีวัตถุดิบทุกประเภทไร้ขีดจำกัดทำให้เขาสามารถสร้างสิ่งต่างๆได้ไร้ขีดจำกัดเช่นกัน
เขาจะต้องสร้างอุปกรณ์ไว้ให้คนอื่นใช้ และทำอาร์ติแฟคฉุกเฉินไว้ให้ปกป้องทุกๆคนด้วย แถมยังต้องทำอาร์ติแฟคพิเศษที่เก็บพลังประกาศิตของยูอิลฮานเอาไว้เผื่อในกรณีที่มีเรื่องเหนือกว่าที่เขาคาดคิดเกิดขึ้น และ....
เมื่อได้ยินแผนอันสมบูรณ์แบบจากยูอิลฮานที่ไร้ซึ่งช่องโหว่ เลียร่าก็ได้ถามออกมาอย่างยอมแพ้
"อิลฮาน มันยังจะมีวิธีไหนเอาชนะนายได้อีก?"
"ไม่มี ในตอนนี้ฉันน่าจะเอาชนะใครก็ได้ได้ทุกคนนั่นแหละ"
"ว้าว"
ยูอิลฮานได้ตอบเลียร่ากลับไปอย่างมั่นใจและเปิดสกิลการสร้างอีกครั้ง เขาได้ปล่อยไฟไว้กลางอากาศราวกับจะลบวัตถุดิบทั้งหมดที่เขารวบรวมมาตลอด
เวลาหนึ่งปีได้ผ่านพ้นไป