ตอนที่ 11 แม้แต่อัจฉริยะก็ยังมีข้อบกพร่อง
ตอนที่ 11 แม้แต่อัจฉริยะก็ยังมีข้อบกพร่อง
วันเวลาค่อยๆไหลผ่านไป ลู่โจวก็ยังวนเวียนอยู่ในโรงอาหารกับห้องสมุด นอกจากการไปทานอาหารที่โรงอาหารหรือขอความช่วยเหลือจุดที่เขาติดขัดกับศาสตราจารย์ถัง ชีวิตแต่ละวันเขาก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
นับตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้ามาในมหาลัย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ชีวิตเขามีแบบแผน แถมเขายังรักษามันไว้นานกว่าสองอาทิตย์
เขาคาดไม่ถึงเลยสักนิด
ในที่สุดลู่โจวก็สามารถทำวิทยานิพนธ์ได้เสร็จก่อนวันที่สิบห้า นอกจากนี้เขายังแปลจากจีนกลางเป็นอังกฤษอีกด้วย
เรื่องที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็คือ เมื่อลู่โจวพูดเรื่อง'การกำเนิดอนุกรมฟูเรียร์ที่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชันผกผัน'กับศาสตราจารย์ถัง ศาสตราจารย์ถังก็แสดงความสนใจอย่างมากในวิทยานิพนธ์ของลู่โจว ศาสตราจารย์ถังบอกว่าเขาไม่คิดมากกับการช่วยเหลือลู่โจวแก้ไขวิทยานิพนธ์
และเมื่อพูดถึงวิทยานิพนธ์ ลู่โจวก็เชื่อมั่นในความสามารถในการแก้ไขของศาสตราจารย์ถังมาก
ถ้าไม่นับเรื่องความใจกว้างของศาสตราจารย์ถัง เขาทำงานเป็นศาสตราจารย์มานานแล้ว แถมยังตีพิมพ์วิทยานิพนธ์มากกว่าหนังสือที่ลู่โจวอ่านเสียอีก มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะสนใจวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาตรี นอกจากนี้หัวข้อวิทยานิพนธ์ของเขายังไม่ได้มีอะไรพิเศษ แม้ว่าลู่โจวจะแก้โจทย์เก่าๆนี้ แต่ถังจื้อเหว่ยก็รู้สึกภูมิใจนักเรียนของเขามากที่สุด
จะมีแต่อาจารย์ที่มีคุณสมบัติต่ำและไม่สามารถเป็นศาสตราจารย์ได้เท่านั้นที่จะกดดันให้นักศึกษาไปทำโปรเจ็คจบการศึกษา แล้วเอาเรื่องการจบการศึกษามาข่มขู่เพื่อขโมยผลงานวิจัย
ลู่โจวไม่รู้ว่าจะมีขยะแบบนั้นอยู่ในสถาบันระดับสูงอย่างมหาลัยจินหลิงไหม อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้นั่นก็คือศาสตราจารย์ถังไม่ใช่หนึ่งในนั้น
การมีอาจารย์ที่มีประสบการณ์มามอบคำแนะนำให้จะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการทำวิทยานิพนธ์อย่างมาก นอกจากนี้เขาเชื่อว่าศาสตราจารย์ถังจะสามารถมอบคำแนะนำที่มีค่าเกี่ยวกับการเลือกวารสารเชิงวิชาการให้แก่เขาได้
ดังนั้นลู่โจวจึงวางแผนขอให้ศาสตราจารย์ถังดูวิทยานิพนธ์ให้เขาหลังจากสอบคณิตศาสตร์เสร็จ
ส่วนตอนนี้ เขาต้องไปอธิษฐานต่อพระเจ้า
เพราะยังไงนอกจากพีชคณิตขั้นสูง เขายังจำเป็นต้องเรียนประวัติศาสตร์สมัยใหม่
ส่วนที่ทำให้เขาโกรธมากที่สุดก็คือในปีนี้ มันเป็นการสอบแบบ closed book!
ลู่โจวไม่เข้าใจเลยว่าการเรียนอะไรเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร
การเรียนอะไรเหล่านี้จะทำให้ฉันประสบความสำเร็จเหรอ?
แม้ว่าเขาความคับข้องใจเป็นล้าน แต่เขาก็ยังต้องศึกษายังต้องเรียน
อย่างไรก็ตามมันมีสองหน่วงกิต มันส่งผลต่อเกรดเฉลี่ยค่อนข้างน้อย
ลู่โจวนั่งอยู่คนเดียวในห้อง เขาหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาอ่านอย่างอดทน
ผลเป็นไปตามที่คาดไว้
เนื้อหาไม่เข้าสมองเขาเลย!
ลู่โจวนั่งอยู่ในห้อง หลังจากอ่านมาตลอดทั้งเช้า เขาก็รู้สึกวิงเวียน เขาโยนหนังสือไว้บนโต๊ะด้วยความท้อแท้
เมื่อคนเราเหนื่อย เราก็จะไม่อยากทำอะไร ลู่โจวจ้องมองเพดานอย่างว่างเปล่าไปสองนาทีก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา
บังเอิญมีคนส่งข้อความมาหาเขาพอดี เขาเปิดวีแชทขึ้นมา
เฉินยู่ซาน : ศิษย์น้องน้อย ทำไมวันนี้ไม่มาห้องสมุดล่ะ? ฉันติดอยู่โจทย์นึง นายช่วยฉันหน่อยได้ไหม?
เฉินยู่ซาน : [รูปถ่าย]
ลู่โจวคิดสักครู่ จากนั้นเขาก็เขียนข้อความส่งไป
'ผมกำลังอ่านประวัติศาสตร์สมัยใหม่ โปรดรอสักครู่...'
ลู่โจวซูมดูโจทย์ในรูป เขามองมันแปปนึงก่อนจะวางโทรศัพท์ลงแล้วลุกขึ้นยืน
เขาหยิบกระดาษทดขึ้นมาก่อนจะเขียนลงไป ผ่านไปสองนาที เขาก็แก้โจทย์เสร็จ
เขาใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปแล้วส่งไป ลู่โจวดูหนังสือประวัติศาสตร์สมัยใหม่แล้วครุ่นคิด
ฉันว่าคณิตยังน่าสนใจกว่าอีก!
ลู่โจวรู้สึกขี้เกียจ เขาไม่อยากเรียนแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์แล้วดูหน้าฟีตของเพื่อนต่อ
หลังจากไถไปสักพัก เขาก็พบโพสต์ของเพื่อนร่วมห้องเขา
หลิวรุ่ย : อ้ากกก...ฉันยังไม่ได้อ่านหนังสือเลย! คณิตยากมาก! ฉันกำลังจะตาย T.T
"..."
ลู่โจวรู้สึกว่าเขาควรบล็อคเพื่อนประเภทนี้ทิ้งซะ อย่างไรก็ตามในใจเขา เขาจำได้ว่าเขาเป็นคนใจดี ดังนั้นหลังจากคิดสักพัก เขาก็ยังกดไลค์ให้แล้วเลื่อนผ่านอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เขาเลื่อนอ่านโพสต์ เขาก็รู้สึกเหมือนเขาทบทวนวิทยานิพนธ์ไปด้วย
เวลาผ่านไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออก สื่อช่างถือลูกบาสเกตบอลเดินเข้ามาพร้อมกับเหงื่อเปียกโชก
"นายตกท่อมาเหรอ?" ลู่โจวถามหลังจากที่มองดูเขา
"ท่ออะไร? บาสโว้ยบาส! สิ้นเดือนหลังสอบอังกฤษ ฉันมีแข่งบาสภาคอินเตอร์ หัวหน้าห้องลากฉันไปฝึก" สือช่างกล่าว เขานั่งลงบนเก้าอี้ เปิดขวดน้ำแล้วดื่มอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา "เชี่ยเอ้ย ผู้เล่นกองกลางของห้องสองสูงเกินไป! เขาสูงหยั่งกับเสาไฟฟ้า"
"นายไม่อ่านหนังสือเหรอ?"
"อ่านบ้านนายสิ ฉันดูเนื้อหาแล้ว ต่อให้ฉันอ่านหนังสือมันก็ไม่เปลี่ยนแปลง 90 อาจเวอร์ไปหน่อย 80 นี่พอได้ แต่ 70 นี่ชิลๆเลย ถ้าฉันอยากได้คะแนนดีๆ มันก็ขึ้นอยู่กับความใจดีของศาสตราจารย์ถัง" สือช่างกล่าว เขาเอาหนังสือเรียนมาพัด "ไม่ต้องพูดถึง บาสสำคัญกว่าคณิต"
"แต่กีฬามีหน่วยกิตแค่ไม่กี่หน่วยกิต..." ลู่โจวกล่าวอย่างเฉยเมย
"ลู่โจว" สือช่างกล่าวขณะมองลู่โจวอย่างเคร่งขรึม
ลู่โจวรู้สึกไม่สบายตัวเมื่อชายคนนี้เคร่งขรึม
"หือ...?"
"ชีวิตนายมีแต่หน่วยกิตเหรอ?" สือช่างถามเสียงเครียด
"แล้วมันจะมีอะไรอีก?"
"ฉันจะเปลี่ยนคำถาม นายอยากมีแฟนไหม?" สือช่างถามจริงจัง
"มันก็ไม่เป็นไรนะ..."
ลู่โจวรู้สึกว่าเขาไม่ได้สนใจแฟนนัก ตามหลักเหตุผล เขายังไม่มีเงินเก็บด้วยซ้ำ
เขากลัวปัญหาและเขาก็กลัวทำให้คนอื่นมีปัญหามากกว่า แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าเขาจะร่ำรวยได้สักวัน บางทีเขาอาจรวยกว่าคนอื่น แต่เขาก็ยังไม่อยากขโมยชีวิตวัยหนุ่มสาวของคนอื่น
แน่นอนอาจมีเพียงเหตุผลเดียวที่เขาคิด นั่นก็คือเขายังไม่พบใครที่จะมอบความรักให้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามใครจะรู้ได้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง?
"ไม่เป็นไรหมายความว่าไง? ลู่โจว ในฐานะหัวหน้าห้องพัก ฉันต้องสอนบทเรียนให้นาย" สือช่างกล่าว เขาเอนตัวพิงเก้าอี้แล้วกล่าวจริงจัง "ลองคิดดู เมื่อนายเลี้ยงลูกเข้าไปในเขตยิงจุดโทษแล้วมีชายร่างโตๆสองคนยืนอยู่ตรงหน้านาย ทันใดนั้นนายก็ฝ่าไปดังค์ได้งามๆ...อะไรจะเกิดขี้นต่อจากนั้น?"
"ฉัน...ฉันเล่นบาสไม่เป็น"
ส่วนสูงของลู่โจวพอที่จะแตะห่วงได้ แต่เขายังห่างไกลกับคำว่าดังค์ ถ้าเขาพยายามแย่งบอลมา เขาก็อาจถูกบล็อค
"โยน! นายรู้วิธีโยนใช่ไหม? นายโยนลูกสามแต้มได้อย่างเพอร์เฟ็ค" สือช่างกล่าว เขากล่าวต่อ "ลองคิดดู!"
เขารู้วิธีโยนลูก
ลู่โจวคิดเล็กน้อยแล้วกล่าว "ลูกลงห่วง?"
"แค่นั้น? เด็กเหลือเกิน! เรียบง่ายเหลือเกิน!" สือช่างกล่าว เขาคว้าต้นขาแล้วกล่าวด้วยความตื่นเต้น "เสียงเชียร์! ลองคิดถึงเชียร์ลีดเดอร์พวกนั้นสิ! ลองคิดถึงสาวๆขาเรียวยาวใส่กางเกงขาสั้นพวกนั้นกรี๊ดกร๊าดชื่อนายด้วยหน้าแดงอ่อนๆ..."
"หยุด! หยุดก่อน!" ลู่โจวกล่าวแล้วขมวดคิ้ว เขาขัดจังหวะความคิดของสือช่าง "เอกเรา...มีสาวด้วยเหรอ?"
ไม่ใช่แค่ห้องหนึ่งเท่านั้นที่ไม่มีสาวๆ ห้องสองก็ไม่มีเช่นกัน
"..."
ในห้องแปรเปลี่ยนเป็นความเงียบสงัด
จากมุมมองอื่น การจบบทสนทนาได้ด้วยประโยคเดียวถือเป็นพรสวรรค์ฟ้าประทานเลยทีเดียว
สือช่างถอนหายใจออกมายาวๆแล้วแหงนหน้ามองเพดาน "ฉัน...ฉันคุยกับนายไม่รู้เรื่อง"
ลู่โจวถอนหายใจ เขาก็คิดแบบเดียวกัน