บทที่ 83: การต่อสู้ยังไม่จบ!
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)
••••••••••••••••••••
บทที่ 83: การต่อสู้ยังไม่จบ!
“มู่โจวอวิ๋น เด็กทั้งสองคนนี้ของเมืองบ่อล้วนแต่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ ดังนั้นให้มันจบลงเพียงเท่านี้จะดีกว่า คุณน่ะเป็นคนใหญ่คนโตของเมืองบ่อแห่งนี้ ควรจะหยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว คุณไม่ควรจะคิดแค้นเด็กน้อยเช่นนี้ คุณโตแล้ว!” อาจารย์ใหญ่ซูเปิดปากออกมาในที่สุด
ในตอนนี้ผู้ชมรอบข้างต่างเริ่มเข้าใจถึงเหตุการณ์ระหว่างโม่ฝานและมู่โจวอวิ๋น อีกทั้งทุกคนยังรู้อีกว่าถ้าหากโม่ฝานพ่ายแพ้ในครั้งนี้เขาจะต้องขอโทษจนกว่ามู่โจวอวิ๋นจะพอใจ
ในตอนนี้ความสามารถของโม่ฝานนั้นประจักษ์ต่อทุกคนในที่นี่อย่างแจ่มชัด เพียงแค่เขาสามารถฝึกฝนไปสู่ทักษะบอลเพลิงขั้นที่สามได้นั้นก็ทำให้ทุกคนประทับใจอย่างมากแล้ว
ในตอนนี้มู่หนิงเซวียได้จ้องใบหน้าของมู่โจวอวิ๋นเช่นกัน เธอคิดว่าบิดาของตนควรจะปล่อยวางได้แล้ว
เพราะถ้าหากหยู่อั๋นนั้นไม่มีอุปกรณ์เวทป้องกันเหล่านั้น แน่นอนว่าเขาจะต้องพ่ายแพ้ต่อโม่ฝานจริงๆ อีกอย่างถ้าหากว่าหยู่อั๋นสามารถเอาชนะมาได้ ชัยชนะครั้งนี้ก็ไม่มีผลอะไรเลยเพราะมันมาจากการโกง!
“แค่ลืมมันไปงั้นเหรอ? จะทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ?!” มู่โจวอวิ๋นเหยียดพร้อมถอนหายใจอย่างเย็นชา
‘ถ้าหากมีไอ้เด็กเหลือขอที่ไหนก็ไม่รู้กล้าที่จะชี้หน้าและสาปแช่งแก แกจะทำแบบนั้นงั้นเหรอ? เหอะ ฉันมู่โจวอวิ๋นเป็นใครในเมืองบ่อแห่งนี้? จะต้องชนะเท่านั้นและมันก็จะต้องรับผิดชอบในสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ด้วย!’
“โม่เซี่ยจิง คุณมีความสุขรึเปล่า? ตอนนี้ลูกชายคุณกำลังได้รับความสนใจจากทุกคนเลยนะ” ชายอีกคนที่อยู่ข้างเขากล่าวขึ้นมา
“สนใจอะไรกัน?” โม่เซี่ยจิงถามออกมาด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า ตอนนี้เขาเพียงแค่มีความสุขกับความสามารถของโม่ฝานตรงหน้า เขาไม่คิดว่าบุตรชายของเขาจะสามารถทำให้ทุกคนตื่นเต้นได้มากขนาดนี้
“บัดซบ คุณไม่รู้งั้นเหรอว่าลูกชายคุณนั้นเดิมพันอะไรกับคุณชายใหญ่มู่โจวอวิ๋น? ถ้าหากหยู่อั๋นพ่ายแพ้ มู่โจวอวิ๋นจะยอมขอโทษคุณในเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีตท่ผ่านมา แต่ถ้าหากว่าลูกชายคุณพ่ายแพ้ เขาจะยอมขอโทษจนกว่าคุณชายใหญ่มู่โจวอวิ๋นจะพอใจ! แน่นอนว่าบุตรหลานของพวกเรานั้นก็คิดแบบเขาเช่นกัน แต่ทว่าไม่มีใครกล้าพูดไป แต่บุตรชายของคุณได้ชี้หน้าและสาปแช่งคุณชายใหญ่ซึ่งๆหน้า! แน่นอนด้วยสถานะของเขา เขาจะต้องโกรธอย่างมาก ในวันนี้เขาไม่ปล่อยโม่ฝานไปอย่างแน่นอน!” เขากล่าวอธิบายกับโม่เซี่ยจิง
โม่เซี่ยจิงนั้นไม่รู้เรื่องการเดิมพันเหล่านี้มาก่อน เขานี่เป็นพ่อประสาอะไรกันนะ?
โม่เซี่ยจิงที่ได้ยินเช่นนั้นร่างกายแข็งทื่อในทันที เขาไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย!
เขานั้นรู้จักความดื้อรั้นของบุตรชายตนเองเป็นอย่างดี เขาต้องการที่จะได้รับคำขอโทษจากทุกคนในที่นี้งั้นเหรอ? แต่วันนี้ถ้าหากเขาพ่ายแพ้ เขาจะต้องอับอายต่อหน้าเพื่อร่วมชั้นทั้งหมด รวมไปถึงครูประจำชั้นและผู้คนอีกมากมาย รวมไปถึงมู่หนิงเซวียด้วย?
ในวันนี้เด็กคนนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่? บุตรชายของเขากำลังจะฆ่าตัวตายงั้นเหรอ ถ้าหากเรื่องราวเป็นเช่นนั้น แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่สามารถอยู่ในเมืองบ่อได้อีกต่อไป!
โม่เซี่ยจิงรีบลุกขึ้นพร้อมกับวิ่งไปยังที่นั่งใหญ่ตรงกลางทันที
“คุณชายใหญ่มู่ คุณชายใหญ่…” โม่เซี่ยจิงตะโกนออกไป
“โอ้ นั่นโม่เซี่ยจิงงั้นเหรอ?” มู่โจวอวิ๋นเหล่ตาเล็กน้อยพร้อมกับจดจำคนขับรถคนนี้ได้
“เรื่องราวมันก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว ได้โปรดอย่าทำเรื่องยุ่งยากให้กับเด็กมันเลยเถิด วันนี้นั้นเต็มไปด้วยเพื่อนร่วมชั้นของเขา ครู อาจารย์และบุคคลใหญ่โตมาก…” โม่เซี่ยจิงพยายามอ้อนวอน
“ไม่ต้อง ไม่ต้องแล้ว หยุดพูดเรื่องที่ผ่านมากับฉัน แกพูดเหมือนกับว่าฉันไม่ได้จ้างแกเลยอย่างนั้นแหละ เมื่อก่อนฉันเคยเป็นห่วงความรู้สึกของแกมาก แต่ในเวลานี้เราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว ฉันไม่มีทางปล่อยเด็กนั่นไปแน่นอน!” มู่โจวอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างชัดเจน
โม่เซี่ยจิงรู้สึกตกใจอย่างมาก เขาไม่คิดมาก่อนว่าการประลองนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีต
นี่เป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขา เขาได้เห็นว่าบุตรชายแข็งแกร่งมากขนาดไหน อีกทั้งเขายังรู้ดีถึงความเย่อหยิ่งในใจโม่ฝาน ถ้าหากต้องขอโทษต่อคนหมู่มากเช่นนี้ หัวใจของเขาจะต้องแตกสลายอย่างแน่นอนใช่ไหม?
“ถ้าอย่างนั้น… ให้ฉันไปแทนเขา ให้ฉันไปยืนตรงนั้น เด็กที่ไม่ได้รับการสั่งสอน บิดาต้องเป็นคนรับผิดชอบ ฉันจะขอโทษคุณเองจนกว่าคุณจะพอใจ!” โม่เซี่ยจิงกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่เจ็บปวด
เขาคุกเข่าลงทันทีพร้อมกับสายตานับร้อยคู่จับจ้องมาที่เขา โม่เซี่ยจิงเงยหน้าขึ้นราวกับกำลังอ้อนวอนมู่โจวอวิ๋นอย่างไร้ศักดิ์ศรี
สายตาที่จับจ้องมาเช่นนี้ ทำให้โม่เซี่ยจิงรู้สึกอับอายอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตามเขาจะไม่ยอมให้โม่ฝานต้องพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้แน่นอน เขานั้นถูกยกย่องและได้รับคำชมมากมายจากการฝึกฝนเวทมนตร์ที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้น เขาจะต้องไม่มีวันได้พบเจอกับสถานการณ์น่าอัปยศเช่นนี้!
ตอนนี้เขาได้รับการยอมรับจากบุคคลใหญ่โตในเมืองบ่อแล้ว เขาเกือบจะเอาชนะหยู่อั๋นจากตระกูลใหญ่ได้อีกด้วย ในเวลาสามปีที่ผ่านมาเขาจะต้องฝึกฝนอย่างหนักมากจริงๆ… เขาเป็นเด็กฉลาด เหตุผลที่เขาเดินพันกับมู่โจวอวิ๋นเพียงเพราะต้องการช่วยเหลือจิตใจของพ่อตนเองที่ถูกขับไล่ออกจากงานอย่างหมูหมาเมื่อหลายปีที่แล้ว
บุตรชายของเขานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ซึ่งในอนาคตเขาจะต้องเป็นนักเวทที่ยอดเยี่ยม ถ้าหากเขาปล่อยให้โม่ฝานได้พบเจอกับความอัปยศเช่นนี้ แน่นอนว่ามันจะส่งผลต่ออนาคตของเขา มันจะกลายเป็นบาดแผลไปตลอดชั่วชีวิต! แต่สำหรับตัวเขาเองซึ่งเป็นเพียงแค่คนขับรถ ไร้โอกาส ไร้หน้าตา เขาไม่จำเป็นต้องห่วงตนเองอีกต่อไป
โม่เซี่ยจิงมองไปที่มู่โจวอวิ๋นด้วยใบหน้าที่อ้อนวอน กรามของเขาขบกันแน่นอย่างเจ็บปวด
บนสนามประลอง โม่ฝานเห็นภาพเหล่านั้นชัดเจน หัวใจของเขาราวกับถูกลูกธนูนับพันปักลงพร้อมกัน ความเจ็บปวดที่เขาไม่เคยต้องพบเจอมาก่อนได้เกิดขึ้นแล้ว…
ไม่ว่ายังไง คนทื่อำนาจก็จะยังมีอำนาจอยู่วันยังค่ำ
ส่วนคนที่ต้อยต่ำ.. ก็ต่อยต่ำอยู่เช่นนั้นตลอดไป
ในสังคมนี้มันเท่าเทียมกันจริงๆงั้นหรือ?
ถ้ามันเท่าเทียมจริงๆ พวกเขาก็คงไม่ต้องถูกขับไล่ออกไปเพียงเพราะเขาและมู่หนิงเซวียสนิทกันมากเกิน…
ถ้ามันเท่าเทียมกันจริงๆบ้านของเขาจะไม่ถูกยึด บ้านหลังเล็กนั้นเป็นเหมือนกับสิ่งที่คอยปกป้องพวกเขามาตลอด มันปิดกั้นลม บังแดดและฝนให้กับพวกเขาทั้งหมด มันเป็นแค่หยดน้ำเล็กๆสำหรับมู่เห่อเท่านั้น แต่เขาก็ยังต้องการจะเอามันไป!
ถ้าหากมันเท่าเทียมกันจริงๆ มันก็คงจะไม่มีอุปกรณ์เวทป้องกันมากมายวางขายให้ซื้อได้ด้วยเงิน! ซึ่งการต่อสู้ในครั้งนี้ทุกคนล้วนแต่เป็นพยานความเหลื่อมล้ำนี้ได้อย่างดีเยี่ยม มันเปรียบเหมือนกับภูเขาขนาดใหญ่ที่เหล่าคนรากหญ้าไม่มีวันข้ามไปได้!
เมื่อก่อนนี้มีการจัดสถานะในสังคมไว้อย่างชัดเจน พวกเขาล้วนแต่บีบบังคับให้เข้าใจได้ว่าตนเองอยู่ในระดับไหน แต่ในยุคปัจจุบันนี้ไม่มีใครทำเช่นนั้นอีกแล้ว กว่าที่ทุกคนจะรู้ตัวก็เมื่อออกจากโรงเรียนเข้าสู่สังคมใหญ่ มันจะเปรียบเหมือนกับสายฟ้าผ่าลงมากลางกระหม่อม มันจะจัดการกับทุกคนที่ต้อยต่ำทันทีโดยไม่ให้ตั้งตัวและเมื่อถึงวันนั้น พวกเขาเหล่านั้นจะกลายเป็นหนูขยะตัวเล็กๆที่ตายอยู่ข้างถนนโดยไร้คนสนใจ
ทำไมยังต้องคุกเข่า? ทำไมต้องหมอบคลาน?
ความต้อยต่ำนั้นน่ากลัวมาก ถึงแม้ว่าคุณจะยืนอยู่ แต่ก็ไม่มีใครมองว่าคุณยืน ทุกคนจะเห็นว่าคุณคุกเข่า!
“พ่อ… ลุกขึ้น!” โม่ฝานหันหน้าไปที่โม่เซี่ยจิงที่กำลังคุกเข่าต่อหน้ามู่โจวอวิ๋น
โม่เซี่ยจิงหันหน้าไปหาบุตรชาย ขาของเขาไม่มีแรงมากพอที่จะกล้าหาญลุกขึ้นได้ เห็นได้ชัดว่าเขาเกรงกลัวมู่โจวอวิ๋นมาก เขากลัวว่าโม่ฝานจะต้องมาทำอย่างเขาในตอนนี้
มู่โจวอวิ๋นเพียงแค่นั่งเฉยๆและมองอย่างไม่แยแสเช่นเดิม
โม่ฝานจับจ้องไปที่พ่อของเขาอย่างไม่วางตา ผู้ที่เสียสละให้เขาเสมอมา แม้ว่าเขาจะยอมทำขนาดนี้แต่ว่ามู่โจวอวิ๋นก็ไม่คิดจะปล่อยเขาไปแน่นอน
“พ่อ… อย่ารีบมอบของรางวัลให้กับมู่โจวอวิ๋นอย่างนั้นสิ การประลองมันยังไม่จบเลยนะ” โม่ฝานมองไปมองไปที่โม่เซี่ยจิง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
“ของรางวัลงั้นเหรอ?” โม่เซี่ยจิงนั้นไม่เข้าใจสิ่งที่บุตรชายกล่าวออกมา
มู่โจวอวิ๋นก็ไม่รู้เช่นกันว่าเด็กคนนั้นพูดถึงเรื่องอะไร
‘รางวัลอะไรกัน? แกพูดถึงอะไรงั้นเหรอ ฉัน… มู่โจวอวิ๋นน่ะเหรอจะคุกเข่าและขอโทษแก?’
••••••••••••••••••••
••••••••••••••••••••