บทที่ 77: เป็นเพียงหินก้อนหนึ่ง
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)
••••••••••••••••••••
บทที่ 77: เป็นเพียงหินก้อนหนึ่ง
หลังจากที่เขาเข้าไปด้านในของคฤหาสน์มู่แล้ว โม่ฝานแอบได้ยินบทสนทนาของเฟยฉือ หลีเหวินเจี่ยและไฉ่ถังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของเขา ภายในใจเขาคิดว่าทั้งหมดจะรู้สึกอย่างไรถ้าได้รู้ว่าโม่ฝานกับฝานโม่นั้นเป็นคนๆเดียวกัน…
‘ลืมมันไปก่อนดีกว่า วันนี้ฉันต้องเต็มที่กับการประลองตรงหน้านี้ก่อน’
เขาเดินเข้ามาสู่ห้องอาหารขนาดใหญ่ด้านใน แน่นอนว่าบนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยอาหารมากมาย โม่ฝานรู้สึกหิวในทันทีที่เห็นสิ่งเหล่านี้ โดยรอบๆของเขาล้วนแต่เต็มไปด้วยหนุ่มสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน
“ยอดเยี่ยมเลยเด็กน้อย แกกล้าที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วยจริงๆ!” ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนมาที่โม่ฝาน
“อ่า หัวหน้ากองทัพ คุณมาที่นี่เพื่อกินและดื่มฟรีงั้นเหรอ?” โม่ฝานไม่คิดว่าเขาจะได้พบกับหัวหน้ากองทัพจ้านคงที่นี่ด้วย
“แค่ก! พูดอะไรของแกน่ะ!” จ้านคงรู้สึกเขินทันทีที่โม่ฝานกล่าวกับเขาเช่นนั้นต่อหน้าผู้หญิงมากมาย เขาดึงโม่ฝานมาด้านข้างพร้อมกับถามออกมาพร้อมขมวดคิ้ว “ทำไมแกถึงไม่เข้าร่วมกองทัพของฉันเมื่อเรียนจบ? มันเป็นยังไง? ถ้าหากว่าแกสามารถเข้ามหาลัยที่ดีได้ กองทัพของเราจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ ตอนนี้เรารู้ว่าเด็กน้อยอย่างแกน่ะได้สร้างปัญหาให้กับคุณชายใหญ่ แต่กองทัพสามารถปกป้องแกได้และรับประกันว่าแกจะสามารถกลับมาแก้แค้นมันได้อย่างสาสมได้เช่นกัน! เราจะช่วยจัดการทั้งหมดให้เอง!”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จ้านคงพยายามดึงโม่ฝานเข้าสู่กองทัพ แต่มันก็เป็นการยากที่เขาจะบอกกล่าวโม่ฝานว่าให้คืนโล่ห์เคียวกระดูกให้กับกองทัพ!
“ไม่ล่ะ การปกป้องเขตแดนทุกวันแบบนั้นมันน่าเบื่อเกินไป ผมอยากจะไปเดินเล่นในเมืองใหญ่ๆมากกว่า” โม่ฝานปฏิเสธอย่างเฉยชา
“ในเมืองใหญ่นั้นมีอะไรดี? ทั้งหมดล้วนแต่เต็มไปด้วยคอนกรีตเสริมใยเหล็ก มันจะดีไปกว่าป่าเขาที่กว้างใหญ่เต็มไปด้วยทิวทัศน์ เสียงนกร้องเพลงและดอกไม้ที่สวยงาม? หรือถ้าหากไม่พอใจกับอาหารที่มีก็สามารถออกไปล่าอสูรเวทด้านนอกแล้วกลับมาทำอาหารกินเองได้ มันไม่อิสระกว่างั้นเหรอ?” จ้านคงกล่าวเกลี้ยกล่อมด้วยรอยยิ้ม
“ผมไม่สนใจ” โม่ฝานตอบกลับอย่างเด็ดเดี่ยว
“เอาล่ะ โอเค! ฉันเข้าใจแล้วว่าแกไม่ต้องการ ถ้าหากว่าวันนี้แกยอมตกลงล่ะก็ภายในอนาคตฉันคนนี้สามารถช่วยเหลือแกได้แน่นอน แต่เนื่องจากแกปฏิเสธความหวังดีของฉัน ก็ย่อมได้… งั้นวันนี้ฉันจะไม่สนใจถ้าหากว่าแกจะต้องถูกหยู่อั๋นทุบตีจนตาย” จ้านคงกล่าวออกมาด้วยความโกรธ
ด้วยชื่อเสียงของจ้านคงนั้นทำให้เหล่านักเวทรุ่นเยาว์ทั้งหมดต้องการที่จะอยู่ในความดูแลของเขาจนตัวสั่น แต่ทว่าเด็กคนนี้กลับไม่สนใจอะไรเขาเลยแม้แต่น้อย!
ในขณะที่โม่ฝานกำลังจะเดินออกไป จ้านคงบีบไหล่ของโม่ฝานเอาไว้
“หัวหน้ากองทัพนี่หมายความว่าอะไร? คุณกำลังจะบังคับให้ผมเข้าร่วมกองทัพงั้นเหรอ?” โม่ฝานถามออกไปอย่างสับสน
ในตอนนี้จ้านคงหยุดทำหน้าตาโกรธแล้ว แต่เขาเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่หล่อเหลาเช่นเดิมพร้อมกระซิบโม่ฝานด้วยความจริงจัง “ไม่เข้าร่วมทีมกับฉันไม่เป็นไร แต่ว่าช่วยฟังฉันนิดนึงสิ”
“อะไร?” โม่ฝานสับสน
“เวลาที่ต่อสู้กับหยู่อั๋น แกต้องระวังตัวให้มาก”
“ระวังอะไร?”
“แค่ต้องมีสติตลอดเวลา!”
“ผมไม่เข้าใจ!” ก่อนที่โม่ฝานจะได้ถามต่อ ชายหญิงวัยกลางคนที่ดูเป็นคนสำคัญได้เดินมาทางนี้
พวกเขาดูคุ้นเคยกับจ้านคงเป็นอย่างดี ซึ่งจ้านคงก็ยิ้มทักทายทั้งสองด้วยเช่นกัน
ในตอนนี้โม่ฝานรู้สึกสับสนและโง่งมอย่างมาก เขาไม่เข้าใจว่าจ้านคงต้องการให้เขาทำอะไร
——
หลังจากนั้นไม่นานอาจารย์ใหญ่ซู เติ้งข่าย หยางซัวเห่อและบุคคลสำคัญภายในเมืองบ่อค่อยๆปรากฏตัวขึ้น แน่นอนว่ามู่โจวอวิ๋นนั้นนำหยู่อั๋นมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักอย่างรวดเร็ว
อาจารย์ใหญ่ซูนั้นเป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนเวทมนตร์ ซึ่งเป็นตัวแทนของโรงเรียนเวทมนตร์ทั้งหมดในเมืองบ่อ
เติ้งข่ายนั้นเป็นหัวหน้าของสมาคมนักฆ่าและสถานะของเขานั้นสำคัญมากเช่นกัน
หยางซัวเห่อนั้นเป็นตัวแทนของสมาคมเวทมนตร์ อีกทั้งพลังของเขาก็ยังเท่าเกือบจะเท่าเทียมสองคนก่อนหน้านี้อีกด้วย
ส่วนจ้านคงนั้นเป็นตัวแทนของกองทัพทหารทั้งหมด อาจจะกล่าวได้ว่าเขาเป็นนักเวทที่เก่งกาจที่สุดในเมืองบ่อหรือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามอย่างแท้จริง!
สำหรับมู่โจวอวิ๋นอวิ๋นนั้นไม่ต้องแนะนำอะไรกับใคร เพราะเขานั้นเป็นผู้นำของตระกูลมู่ที่ทุกคนรู้จักดีอยู่แล้ว!
โม่ฝานไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะได้พบกับคนสำคัญของเมืองบ่อพร้อมกันเช่นนี้ ถ้าแบบนี้เขาก็เป็นคนสำคัญเหมือนกัน…รึเปล่า?
ความจริงแล้วโม่ฝานค่อนข้างรู้ตัวว่าเขานั้นยังห่างชั้นกับคนเหล่านี้อยู่มาก ซึ่งการที่เขาได้รับความสนใจจากคนเหล่านี้เพราะว่าเขาเป็นเพียงก้อนหินก้อนหนึ่งที่กำลังอยู่ด้านล่างให้บุตรหลานของคนในตระกูลใหญ่ก้าวผ่านขึ้นไป เมื่อบุตรหลานของคนชั้นสูงได้ก้าวเข้าสู่สังคมที่ต้องการ ตัวของเขาจะถูกลืมไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับอาจารย์ทั้งสามลั่วหยุนปั๋ว พันหลี่จวินและไป่หยางก็ได้มาร่วมงานด้วย ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอยากเห็นสิ่งที่โม่ฝานได้ทำไว้ตอนสอบปฏิบัติ ซึ่งพลังของทั้งสามคนนี้แข็งแกร่งกว่ากัปตันฉือต้าฮวงเล็กน้อย ทั้งสามคนนี้เข้าใกล้ระดับมัชฌิมแล้ว!
ความจริงก็คือนักเวทระดับมัชฌิมนั้นเป็นสิ่งที่เหล่าผู้มีอำนาจในเมืองบ่อล้วนแต่ให้ความสนใจ หลายคนมักจะยินยอมเสนอผลประโยชน์มากมายเพื่อที่จะผูกมัดพลังเหล่านั้นไว้ใกล้ตัว
แน่นอนว่าถ้าหากโม่ฝานสามารถไปถึงระดับมัชฌิมได้ แม้แต่มู่โจวอวิ๋นก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้ จำนวนนักเวทระดับมัชฌิมที่อยู่ในเมืองบ่อแห่งนี้นั้นสามารถนับได้ด้วยสองมือเท่านั้น!
—
“มู่โจวอวิ๋นนั้นทำเช่นนั้นจริงๆ เขาเชิญบุคคลมากมาย รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆในการมาร่วมงานครั้งนี้ อีกอย่างหลายคนที่มาร่วมก็คงเห็นแก่ใบหน้าของมู่โจวอวิ๋นทั้งนั้น” ในงานเลี้ยงแห่งนี้มีหลายคนเริ่มกระซิบกระซาบกัน
“ตระกูลมู่นั้นได้ปลุกปั้นมู่หนิงเซวียขึ้นมาแล้ว ในอนาคตไม่รู้ว่าใครกันจะได้ครอบครองตำแหน่งใหญ่ ใครล่ะจะรู้ว่ามู่โจวอวิ๋นคิดจะทำอะไรกับเมืองบ่อในอนาคต? วันนี้เขาต้องการจะแนะนำบุคคลหนึ่งให้เมืองบ่อรู้จัก ดังนั้นถ้าหากพวกเราต้องการที่จะรู้ว่าในอนาคตใครจะมากุมชะตาของพวกเรา ทำไมจึงจะไม่มาร่วมงานล่ะ? ฉันคิดว่าถ้าหากมีใครกล้าปฏิเสธคำเชิญนี้ แน่นอนว่าจะต้องโดนบันทึกชื่อไว้ในบัญชีดำ!” อีกคนที่ดูเหมือนมาจากสมาคมเวทมนตร์ได้แต่กระซิบอย่างแผ่วเบา
“พูดเกินไปรึเปล่า?” อีกคนถามกลับ
“ย่อมเป็นเรื่องจริงแน่นอน ดูสิว่าพวกเราสามารถเข้าสู่ระดับมัชฌิมได้ตอนอายุเท่าไหร่ แล้วมองดูมู่หนิงเซวียสิว่าเธออายุเท่าไหร่? จากนั้นคุณก็จะเข้าใจสิ่งที่ตระกูลมู่กำลังพยายามทำเกี่ยวกับอนาคต!”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้นำจ้านคงที่อยู่เหนือกว่าพวกเราทุกคนก็ยังต้องให้ความเคารพเมื่ออยู่ต่อหน้าของมู่โจวอวิ๋น ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าไอ้เด็กโง่ที่ชื่อโม่ฝานนั้นคิดอะไรอยู่ แม้ว่าสิ่งที่เขาพ่นออกมาจะถูกต้องทุกอย่างเกี่ยวมู่โจวอวิ๋น แต่ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ควรพูด… เขาทำเหมือนกับว่าไม่ต้องการอยู่ในเมืองบ่อนี่จริงๆ!”
“เฮ้อ มันยากที่จะพูดนะ ฉันได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ของมู่หนิงเซวียและมู่โจวอวิ๋นนั้นไม่ค่อยดีนัก ถ้าหากมู่หนิงเซวียกล่าวว่าห้ามแตะต้องใครบางคน แต่มู่โจวอวิ๋นไม่คิดอย่างนั้น!”
“อืม อีกอย่างหนึ่งฉันได้ยินมาว่าเด็กที่ชื่อโม่ฝานนั้นมีเป็นนักเรียนที่ได้คะแนนสูงสุดในโรงเรียนเวทมนตร์มัธยมเทียนหลาน อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากผู้นำจ้านคงอีกด้วยระหว่างการสอบปฏิบัติ เช่นนี้อาจารย์ใหญ่ซูและเติ้งข่ายจะปกป้องนักเรียนประเภทนี้อย่างแน่นอน แม้ว่าทั้งสองจะไม่รุกรานมู่โจวอวิ๋นโดยตรง แต่ถ้าหากเป็นจ้านคงแล้วเขาย่อมไม่เป็นเช่นนั้น ใครเคยเห็นผู้นำจ้านคงกลัวอะไรบ้างล่ะ? หากใครก็ตามที่มารุกรานคนของเขา แน่นอนว่าระหว่างทางกลับบ้านคนผู้นั้นจะต้องถูกขยี้จนราบคาบ!”
เฟ่ยฉือที่ได้ยินเช่นนั้นเขารีบร่วมวงสนทนาด้วยทันที
ผ่านไปสักพักเฟยฉือกลับมา เสี่ยวเก๋อรีบถามทันทีด้วยความอยากรู้อยากเห็น “พี่ชายเฟยฉือทำไมทุกคนจึงพูดคุยกันเรื่องหยู่อั๋นกับผู้ชายที่ชื่อโม่ฝาน?”
“อ๋อ ฉันก็เพิ่งรู้เช่นกัน เด็กที่ชื่อโม่ฝานนั้นเป็นตัวแทนความแข็งแกร่งของโรงเรียนเวทมนตร์แห่งหนึ่ง เขาเป็นตัวแทนของโรงเรียนในการต่อสู้กับหยู่อั๋นน่ะ ซึ่งเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ สำหรับผู้ชนะนั้นจะได้เข้าดูดซับพลังของบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ใต้ดินเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์!” เฟยฉืออธิบาย
“เรื่องนั้นฉันเคยได้ยินมานานแล้วว่าผู้ชนะจะได้รับรางวัลเช่นนี้!”
“มันก็เป็นเรื่องปกติที่ในโรงเรียนใหญ่ๆจะมีอัจฉริยะสักหนึ่งหรือสองคนโผล่ออกมา แต่เหล่าศิษย์ของตระกูลใหญ่นั้นเป็นกลุ่มคนชั้นสูง แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีจำนวนมากเท่ากับเด็กในโรงเรียน แต่ทุกคนล้วนแต่มีพื้นฐานที่ยอดเยี่ยม มันก็คงไม่แปลกอะไรที่คนอื่นจะมองว่าโม่ฝานเป็นเพียงหินก้อนหนึ่งเท่านั้น”
“มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ นักเรียนที่สามารถเอาชนะคนนับร้อยพันในโรงเรียนมาได้แต่สุดท้ายต้องมาแพ้ให้กับลูกหลานของตระกูลใหญ่เช่นนี้” เสี่ยวเก๋อถอนหายใจออกมาอย่างหดหู่ “การเกิดในครอบครัวที่ดีนั้นก็เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับนักเวทเช่นกัน!”
••••••••••••••••••••
••••••••••••••••••••