GE323 ศัตรูที่อันตราย [ฟรี]
หนิงฝานลงมืออย่างรวดเร็วจนสตรีเหล่านั้นไม่ทันตั้งตัว
แม้เป็นน่าหลานจื่อยังไม่อาจตามความเร็วหนิงฝานได้ทัน
ความรู้สึกแปลกๆแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ราวกับความหนาวเหน็บที่กัดกร่อนไปถึงกระดูกจนทำให้พวกนางเริ่มรู้สึกอ่อนแรง
“วิชาราคะ!” พวกนางรู้ตัวทันทีว่าถูกวิชาราคะของหนิงฝานเข้าไป จึงเร่งทำทุกวิถีทางเพื่อต่อต้าน
ในหมู่สตรีทั้ง 10 คน น่าหลานจื่ออยู่ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด 3 คนอยู่ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง และอีก 6 คนอยู่ขั้นต้น
สตรี 6 คนไม่อาจตามทันการกระทำของหนิงฝาน วิชาราคะจึงแผลงฤทธิ์ทันที ส่งผลให้ร่างกายของพวกนางไร้เรี่ยวแรง ไม่อาจโคจรปราณในร่างได้โดยสมบูรณ์
สตรีขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง 3 คนเร่งกระตุ้นกระเกราะคุ้มกาย ต้านวิชาราคะของหนิงฝานออกไปได้ทัน และเร่งถอยห่างด้วยความเร็วสูงสุดพร้อมๆกับน่าหลานจื่อ
4 คนรอด 6 คนตกอยู่ภายในอำนาจของวิชา
“เป็นไปไม่ได้ วิชาราคะอะไรถึงได้รุนแรงขนาดนี้ แค่ดรรชนีเดียวถึงกับทำให้ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้น 6 คนหมดสภาพในพริบตา!”
ในอดีตน่าหลานจื่อเคยสั่งให้ซีหลานสังหารหนิงฝาน แต่ครั้งนั้น ซีหลานบอกว่ากลัววิชาราคะของหนิงฝาน จึงไม่เข้าร่วมประลอง นางไม่เชื่อว่าวิชาราคะใดจะทำให้ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลางหวาดกลัวได้ และคราวนี้ นางก็ได้ประสบกับวิชาคาระที่ว่าด้วยตนเอง
“ดรรชนีคลายหยิน! นี่มันเขาวิชาดรรชนีจนถึงขั้น ‘เงาดรรชนีจันทรา’!”
เป่ยเหยาตกตะลึง แต่ไม่นาน หน้านางกลับแดงระเรื่อและแอบด่าทอหนิงฝานในใจ
วิชาการแปลงหยินหยางของหนิงฝานทรงพลังมาก แม้ในแดนสวรรค์ทั้ง 4 ที่มีผู้ฝึกฝนวิชาการแปลงหยินหยางเช่นเดียวกัน แต่สมควรไม่มีผู้ใดที่ก้าวหน้ามาถึงขั้นนี้เหมือนหนิงฝาน
โจรขโมยแก่นหยิน จิตใจที่ชั่วร้าย จะแสดงผลของดรรชนีคลายหยินได้ทรงพลังมาก
แต่หนิงฝานกลับต่างออกไป ดรรชนีคลายหยินของเขาไร้ซึ่งความชั่วร้าย เปรียบได้ดั่งสายลมที่พริ้วไหวพัดผ่าน
หากจะหาคำอธิบาย สมควรเป็นคำว่างดงามและเสรี เปรียบดั่งสายลมที่พัดผ่านโลกหล้า
“เจ้าโจรน้อย...”
วู่หยานแอบตำหนิหนิงฝาน แววตาที่นับถือชื่นชม แปรเปลี่ยนเป็นขุ่นเคือง
“เจ้าแตงกวาเหม็น!”
เยว่หลิงคงเรียนขานหนิงฝาน เพราะทุกครั้งที่นางนึกถึงหนิงฝาน นางมักจะนึกถึงเหตุการณ์ที่ได้ร่วมรักกับเขา โดยที่เขาพยายามดันบางสิ่งเข้ามาในตัวนาง
“จริงอย่างพี่หลิงคงว่า! พี่ลู่เป่ยชั่วร้าย!” ซีหลานยังคงจดจำวันที่ถูกหนิงฝานช่วย และโดนเขาใช้วิชาดรรชนีคลายหยินเพื่อทำให้นางสงบคำ
จะมีก็เพียงศพนางสวรรค์ ที่ไม่ได้สนใจดรรชนีคลายหยินของหนิงฝาน นางมองแต่เพียงหนิงฝานเท่านั้น
“ผีเสื้อ… ผีเสื้อ...” ในสายตาของนาง หนิงฝานคือผีเสื้อในวันนั้น
ครั้งแรกที่น่าหลานจื่อและคนของนางปรากฏตัว หนิงฝานระมัดระวังตัวเล็กน้อย แต่เมื่อพวกนางถูกดรรชนีคลายหยินเข้าไป ก็ไม่มีพวกนางคนใดที่สู้เขาได้อีก
หนิงฝานฝานมองน่าหลานจื่อด้วยสายตาเรียบเฉย ตั้งแต่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณมา นี่เป็นครั้งแรกที่หนิงฝานใช้ดรรชนีคลายหยินเต็มที่ ซึ่งหากเทียบแล้ว พวกนางราวกับถูกผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงจู่โจมเต็มกำลัง
“น่าหลานจื่อ มาเป็นกระถางขัดเกลาให้ข้าซะ!”
“บังอาจ!”
น่าหลานจื่อโกรธแค้น นางต้องทุ่มความพยายามมหาศาลกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ แต่ยามนี้กลับต้องมาตกเป็นทาสของบุรุษ!
นางไม่ยอม การกระทำเช่นนั้นทำให้นางหวนนึกถึงวันคืนที่ยากลำบากในอดีต
“ฆ่ามัน!”
นางออกคำสั่ง เหล่าสตรีที่ 4 เข้าล้อมหนิงฝาน พวกนางผสานมือเป็นทาทาง น่าหลานจื่อขบกัดที่ปลายลิ้น พ่นโลหิตสีม่วงออกมา
“วิชาวิญญาณคุมขัง!” แสงสีฟ้าปรากฏใต้ฝ่าเท้าหนิงฝาน เส้นแสงจำนวนมากผุดขึ้นมา เข้าพันธะนาการร่างของหนิงฝานเอาไว้
อัสนีม่วงที่รุนแรงไหลผ่านเส้นแสงฟาดผ่าเข้าร่างหนิงฝานดังสนั่น อัสนีที่รุนแรงเช่นนี้ แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงก็ไม่กล้ารับตรงๆ
“ลู่เป่ย สตรีของพวกเจ้าทุกคนต้องถูกอัสนีม่วงลงทัณฑ์ ข้าเสริมอานุภาพวิชาด้วยโลหิตของราชาอสูร เจ้าไม่มีทาวรอดไปได้แน่”
เมื่อจู่โจมผนึกหนิงฝานสำเร็จ น่าหลานจื่อเผยสีหน้าเย้ยหยัน
นางมั่นใจว่าข่ายอาคมผนึกที่ผสานโลหิตของราชาอสูรเข้าไป หนิงฝานไม่มีทางสลัดหลุดได้แน่ ดังนั้นยามนี้ จึงเหลือเพียงซีหลาน วู่หยาน และเยวหลิงคง
ในหมู่สตรีที่เหลือ เยว่หลิงคงให้ความรู้สึกที่อันตรายแก่น่าหลานจื่อ แต่สตรีที่เหลือไม่เป็นภัยคุกคาม
แต่หากนางได้รู้ว่าพลังดั้งเดิมของเยว่หลิงคงคือขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง และเป่ยเหยาที่เป็นเซียน นางคงไม่กล้าทำแบบนี้
เพียงแต่… นางยังดูถูกหนิงฝานเกินไป
“อัสนีม่วงคุมขัง… เป็นวิชาผนึกที่ดี แต่แค่นี้ยังผนึกข้าไม่ได้!”
ฝุ่นทรายสีม่วงทองพัดพา เส้นแสงและข่ายอาคมถูกพัดพาราวกับสลายเป็นธุลี!
วิชาหมอกเมฆาม่วง!
พัดพาทุกสรรพสิ่งให้กลับคือจุดเริ่มต้น
เพียงแต่อานุภาพของมันในยามนี้กลับทรงพลังกว่าเมื่อก่อนมาก
“เจ้าทำลายผนึกได้… ทำลายอัสนีม่วงของราชาอสูรได้!”
“เจ้าไม่ต้องตกใจไป… ข้าทำได้มากกว่านั้น”
หนิงฝานก้าวเท้าไปเบื้องหน้า ทำลายข่ายอาคมที่น่าหลานจื่อวางไว้ก่อนหน้าจนพังทะลาย
ด้วยพลังของหนิงฝานยามนี้ หมอกเมฆาม่วงอาจไม่เพียงพอให้ทำลายข่ายอาคมโบราณระดับเซียน แต่กลับข่ายอาคมระดับล่างของน่าหลานจื่อ ย่อมทำลายได้ง่ายๆ
ดวงตาข้างซ้ายหนิงฝานส่องประกายคล้ายจันทราโลหิต… เขากระตุ้นดาราอสูรดวงที่สองของตน… วิชาลวงตาจันทราโลหิต
วิชานี้จะใช้ได้เฉพาะในยามราตรีเท่านั้น… และในสวนสมุนไพรตอนนี้ ก็เป็นยามราตรีพอดี!
เมื่อดวงตาข้างซ้ายของหนิงฝานสำแดงฤทธิ์ น่าหลานจื่อและสตรีทั้งหมดสั่นสะท้าน
“วิชาลวงตา!”
วิชาลวงตาคือวิชาที่ส่งผลกับจิตใจของผู้ที่ถูกใช้ หากจิตใจปั่นป่วนมากเท่าไหร่ ยิ่งหลุดพ้นจากวิชาลวงตาได้ยากเท่านั้น
หนิงฝานตั้งใจจะทำให้จิตใจของพวกนางปั่นป่วน เพื่อทำให้ฤทธิ์ของดรรชนีคลายหยินออกฤทธิ์ ยามนี้ สองวิชาผสานอานุภาพ ทำให้ส่งผลที่รุนแรงต่อจิตใจของพวกนาง
เมื่อน่าหลานจื่อรู้ว่าถูกวิชาลวงตาของหนิงฝาน นางเร่งขบกัดปลายลิ้นก่อนจะสลัดหลุดจากวิชาลวงตา แต่ชั่วพริบตานั้นก่อนที่นางจะทันได้เคลื่อนไหว ลำคอของนางกลับถูกมือที่ทรงพลังจับไว้ หากเจ้าของมือนั่นออกแรงเล็กน้อย นางก็จะถูกสังหารทันที!
หนิงฝานตจี้ดรรชนีคลายหยินกับนางซ้ำหลายครั้ง จนดวงตาของนางเริ่มพร่ามัว ร่างกายเริ่มไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน
“ข้าคือคนของวังราชาอสูร… สนมอสูรแห่งราชาอสูร… เจ้าอย่า… อื้ม~~”
ในระหว่างที่นางกล่าว หนิงฝานบีบจุดที่ไวต่อความรู้สึกบนหน้าอกนาง
หากเป็นทั่วไปจะเจ็บมาก แต่ด้วยฤทธิ์ของดรรชนีคลายหยิน นางจะรู้สึกในอีกความรู้สึก
“ฆ่าข้าสิ… ฆ่าข้าเลย… ต่อให้ตาย ข้าจะไม่ยอมให้บุรุษสัมผัสกายเด็ดขาด! น้ำตาโลหิตกาเหว่าม่วง!”
โลหิตไหลออกจากดวงตาของนาง ดรรชนีคลายหยินถูกสะกดโดยสมบูรณ์
นางยอมเสียดวงตาทั้งสองข้าง เพื่อกระตุ้นวิชาที่สืบทอดมาทางสายเลือด
บนหน้าผากของนางปรากฏลอยสลักโลหิต พร้อมกับใบหน้าข้างซ้ายของหนิงฝานที่ปรากฏรอยสลักเช่นกัน
“ผู้ใดก็ตามที่ถูกประทับตรา หากไม่ใช่เผ่าพันธุ์กาเหว่าม่วง คนผู้นั้นจะตายในอีก 100 ปีข้างหน้า!”
แม้ดวงตาจะบอกสนิท แต่นางกลับยิ้มด้วยความภาคภูมิ แม้นางมองไม่เห็น แต่นางสัมผัสได้ว่าใบหน้าข้างซ้ายของหนิงฝาน ถูกประทับตราเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น อีก 100 ปีหลังจากนี้ หนิงฝานจะต้องตาย!
ยามนี้ นางฆ่าตัวตายได้อย่างวางใจแล้ว
“ลู่เป่ย!” วู่หยานและซีหลานตะโกนชื่อหนิงฝานสุดเสียง
ตราประทับของเผ่ากาเหวาม่วง เป็นเหมือนเพชรฆาตที่น่าสะพรึงกลัว หากไม่สามารถหาวิธีถอนมันได้ อีก 100 ปีผู้ที่ถูกประทับตราจะต้องตาย
หนึ่งในวิธีที่จะคลายตราประทับได้นั้น คือต้องยกระดับพลังให้เหนือกว่าผู้ประทับตราในเวลา 100 ปี!
แต่ชั่วพริบตานั้นเอง รอยประทับที่ใบหน้าหนิงฝานกลับหายไป!
“เป็นไปไม่ได้ ตราประทับของข้าหายไปได้ยังไง!”
น่าหลานจื่อกำลังจะระดับดวงจิตเพื่อฆ่าตัวตาย แต่ยามนี้ นางกลับแตกตื่นจนทำตัวไม่ถูก!
หากผู้ที่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ของนาง คนผู้นั้นต้องตาย แต่เหตุใดหนิงฝานถึงไม่เป็นเช่นนั้น
“หรือเจ้าเป็นเผ่าพันธุ์… หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็...”
ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางกล่าวถึงสิ่งใด แต่นางในยามนี้กลับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พร้อมกับหมดสติไปด้วยดรรชนีคลายหยินของหนิงฝาน
“ผนึกกาเหว่าม่วง… แม้ข้าจะไม่กลัวว่าอีก 100 ปีต้องตาย แต่ผนึกนี่ก็ยังเป็นปัญหาใหญ่ พวกเจ้าหลับไปก่อน ค่อยว่ากันทีหลัง!”
หนิงฝานใช้ดรรชนีคลายหยินทำให้เหล่าสนมอสูรหมดสติ แล้วเก็บพวกนางเข้าแหวนกระถางขัดเกลา
หนิงฝานขบคิด น่าหลานจื่อเป็นสตรีที่ใจเด็ด นางยอมทำลายดวงตา และยอมทำลายดวงจิตเพื่อฆ่าตัวตาย นางเป็นสตรีที่เด็ดเดี่ยว ควรค่าแก่การนับถือ
แม้สตรีจะอ่อนโยนและอ่อนหวานในบางครา แต่หากเมื่อถึงจุดที่พวกนางไม่อาจหลีกพ้นความตาย พวกนางย่อมเด็ดเดี่ยวไม่แพ้บุรุษ
แต่น่าเสียดายที่หนิงฝานคงปล่อยนางไปไม่ได้ เพราะนางเป็นภัยกับว่านเอ๋อร์ ซีหลาน และวู่หยาน
“แตงกวาน้อย… มีกระถางขัดเกลาขอบเขตตัดวิญญาณนับสิบคงดีใจสิท่า?” เยว่หลิงคงล้อเลียน
“แล้วเจ้าคิดว่ายังไง?”
หนิงฝานจ้องมองนางด้วยใบหน้าล้อเลียน เขาทำรายกับไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ
“ข้าจับตัวน่าหลานจื่อไว้แล้ว… พาท่านกลับวังราชาอสูร น่าจะไม่เป็นอันตราย หากท่านและซีหลานมอบธุลีสมุนไพรให้กับราชาอสูร พวกท่านคงบรรลุเซียนได้ในเวลาไม่นาน… ยามนี้ เรื่องที่ช่วยธุระของท่านถือว่าข้าทำเรียบร้อยแล้ว”
“ขอบคุณ...” วู่หยานก้มหัวให้หนิงฝานเล็กน้อย
“คาดไม่ถึงว่าจะหาธุลีสมุนไพรได้ง่ายขนาดนี้...”
หนิงฝานขมวดคิ้ว ในวังสวรรค์แห่งนี้ ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของเขาไม่ใช่องค์ชายซูฉวน ไม่ใช่น่าหลานจื่อ และไม่ใช่คนของนิกายปีศาจขาว แต่เป็นจ้าวดาราหมาป่าโหย
“หวังว่ามันจะตายไปแล้ว… ถ้าเกิดมันไม่ตาย มันน่าจะเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุด”
...
ดาราสมุทร… บุรุษผู้หนึ่งเหยียบย่ำซากร่างของอสูรมากมายนับไม่ถ้วน สายตาจับจ้องผู้เชี่ยวชาญสองคนไม่วางตา
ผู้เชี่ยวชาญสองคนนั้น หนึ่งเป็นบุรุษในชุดนักปราชญ์ อีกหนึ่งเป็นบุรุษสะพายกระบี่ ทั้งสองคือจ้าวดาราแห่งดาราสมุทร
แม้ทั้งสองจะเป็นจ้าวดาราที่ทรงพลัง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าบุรุษสวมหมวกผู้นี้ ทั้งสองกลับหวาดหวั่น
“เหตุใดเจ้าต้องสังหารอสูรของพวกข้า!”
“ข้ากำลังหาสตรีนางหนึ่งอยู่… พวกเจ้าเคยเห็นนางหรือเปล่า!” บุรุษสวมหมวกกล่าวด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“สตรี? ในดาราสมุทรมีสตรีนับ 10 ล้าน ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าสตรีนางไหนที่เจ้าตามหา!” จ้าวดาราในอาภรณ์นักปราชญ์กล่าว
“ไม่รู้? งั้นก็ไสหัวไปซะ!”
บุรุษสวมหมวกเปล่งแรงกดดันในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง จนทำให้สองจ้าวดาราไม่อาจต้านทานได้
“ไร้ดัดแปลงขั้นกลาง… ดูเหมือนจะยังบาดเจ็บสาหัส หากได้ดูกลืนอสูรจำนวนที่มากพอเข้าไป ย่อมฟื้นคืนไร้ดัดแปลงขั้นสูง!”
“หนีเร็ว!” สองจ้าวดาราจ้องมองบุรุษสวมหมวกก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อทั้งสองจากไปได้ไม่นาน รอบข้างบุรุษผู้นั้นแสนลี้ อัสนีที่รุนแรงฟาดผ่าเสียงดังสนั่น รอยแยกมิติเปิดออก นำมาซึ่งพายุมิติที่รุนแรง หากสองจ้าวดาราถอยช้ากว่านั้นอีกนิด พวกมันคงได้ถูกพายุมิติสังหาร
“ระดับไม่สูง แต่กลับหลบหนีได้เร็ว สมแล้วที่เป็นจ้าวดาราแห่งดาราสมุทร… ยังไงซะข้าต้องหานางให้พบ ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวว่า สตรีนางนั้นแอบลงมาที่นี่เพื่อตามหาดาราจักรพรรดิไปรักษาบุตรสาว ไว้ข้าเข้าไปวังสวรรค์ได้เมื่อไหร่ นางไม่รอดแน่!”
“ระหว่างทางไปประตูวังสวรรค์ ถ้าดูดกลืนอสูรระหว่างทาง น่าจะเพียงพอให้ฟื้นฟูถึงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูง!”...