บทที่ 74: ปีสาม!
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)
••••••••••••••••••••
บทที่ 74: ปีสาม!
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โม่ฝานได้ยินเรื่องของบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ใต้ดิน ดูเหมือนว่าหมาป่าตาเดียวตัวนั้นได้ดูดซับพลังของบ่อน้ำพุนั้นด้วย ซึ่งมันเกือบจะพัฒนาไปสู่ขั้นสูงสุดได้! เห็นได้ชัดว่าบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ใต้ดินนั้นเป็นสมบัติล้ำค่าของเมืองบ่อแห่งนี้ แม้แต่อสูรเวทต่างๆยังต้องแอบเข้ามาในเมืองมนุษย์เพื่อที่จะได้ลิ้มรสของมัน!
“เมืองบ่อของเรานั้นเต็มไปด้วยทรัพยากรมากมาย ซึ่งมันพิเศษมากซะด้วย มันมีไว้สำหรับนักเวทฝึกหัดที่กำลังจะเข้าสู่มหาวิทยาลัยเวทมนตร์… น่าเสียดายที่บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดมาก ในทุกปีเราสามารถเปิดให้นักเรียนเข้าไปใช้มันได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งคนที่จะเข้าไปใช้ได้นั้นไม่ได้เลือกจากโรงเรียนเพียงอย่างเดียว เหล่าตระกูลใหญ่ก็จะเข้าร่วมการประลองเพื่อแย่งชิงสิทธิ์เหล่านั้นเช่นกัน” อาจารย์ใหญ่ซูกล่าวออกมา
หลังจากที่เขากล่าวเช่นนั้นจบ เติ้งข่ายอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มขื่นขมออกมาและกล่าวต่อ “อาจารย์ใหญ่ซู… เด็กของโรงเรียนเรานั้นไม่ได้ใช้สิทธิ์นั้นมาเนิ่นนานหลายปี ฉันรู้สึกว่ามันถูกใช้โดยศิษย์ของตระกูลใหญ่อยู่เสมอมาหรือเรียกได้ว่ามันเกิดมาเพื่อคนเหล่านั้น!”
“นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ตระกูลใหญ่ต่างๆล้วนแต่เน้นทรัพยากรไปที่ศิษย์ที่โดดเด่นมากกว่าใครเพื่อน นอกจากนี้เขายังมอบการบำรุงต่างๆมากมายไปที่ศิษย์เพียงคนเดียวและมุ่งเน้นการสอนโดยใช้ประสบการณ์จริง มันต่างจากวิธีของโรงเรียนเราอย่างมากและนั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำได้” อาจารย์ใหญ่ซูกล่าวออกมาอย่างสงบราวกับไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก
“โม่ฝาน… ผลของการต่อสู้นั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอจะต้องให้ความสำคัญกับมัน! แล้วจงตระหนักถึงพลังของศิษย์จากตระกูลใหญ่ไว้ย่อมดีมาก ในอนาคตเธอจะได้มีเส้นทางการฝึกฝนที่เรียบง่ายและไม่โดนรบกวน จงทำงานให้หนักเมื่อผ่านพ้นไปได้ ในส่วนของการแก้แค้นตระกูลมู่นั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอจะต้องกังวลแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้เช่นกัน หลังจากที่ได้เข้าสู่มหาลัยแล้วพวกเขาจะไม่สามารถแตะต้องเธอได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งถ้าหากเธอยังอยู่ในเมืองบ่อต่อไป พวกเราทั้งหมดยินดีที่จะปกป้องเธอต่อ!” เติ้งข่ายกล่าวออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ของอาจารย์ทั้งสอง โม่ฝานรู้สึกสั่นไหวในใจเล็กน้อย
เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอาจารย์ใหญ่ซูและเติ้งข่ายถึงได้เข้าไปนั่งอยู่ในใจของพลเมือง ดูเหมือนว่าพวกเขานั้นยืนอยู่ข้างเดียวกับนักเรียนอยู่เสมอ ทั้งสองยินดีที่จะปกป้องนักเรียนแม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับตระกูลใหญ่ ซึ่งคนประเภทนี้นั้นหาได้ยากยิ่ง หากเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนอื่นแน่นอนว่าทั้งหมดจะต้องเข้าประจบประแจงเพื่อขอรับผลประโยชน์ต่างๆแล้ว
“เอาล่ะ การประลองจะเริ่มต้นในวันมะรืนนี้ จงปรับความคิดของเธอซะและทำให้มันถูกต้อง แม้ว่าไม่สามารถเอาชนะหยู่อั๋นที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดีจากตระกูลมู่ได้ แต่การต่อสู้ในครั้งนี้ยังเป็นโอกาสของเธออยู่แน่นอน เพราะว่ามันไม่ใช่เหตุการณ์ที่จะสามารถเกิดได้ทุกวัน ไม่มีนักเวทที่ไหนต่อสู้กันทุกวันเช่นนี้!”
“อืม แม้ว่าหลังจากที่เธอได้เข้ามหาวิทยาลัยไปแล้ว การฝึกฝนนั้นจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ถ้าเธอสามารถหาคนที่สามารถดูแลและปกป้องเธอได้ก่อนที่จะเข้ามหาลัยหรือใครก็ตามที่พร้อมจะสนับสนุนเธอในทุกสิ่ง นั่นจะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก อีกทั้งการแข่งขันภายในมหาวิทยาลัยสำหรับนักเวทนั้นแข็งขันอย่างมาก ถ้าหากเธอไร้ทรัพยากรและไปตัวเปล่าเช่นนี้ แน่นอนว่าจะไม่มีทางสู้กับนักเรียนคนอื่นได้เลย” อาจารย์ใหญ่ซูแนะนำโม่ฝาน
ทั้งสองไม่ได้กล่าวอะไรที่ไร้ประโยชน์แม้แต่น้อย พวกเขาทั้งสองกำลังจะบอกถึงเส้นทางในอนาคตที่มันไม่เรียบหรูสวยงามและหวังว่าโม่ฝานจะเข้าใจพร้อมกับคิดตาม
โม่ฝานเผยรอยยิ้มบนหน้าพร้อมขอบคุณอาวุโสทั้งสองก่อนที่จะเดินออกมาจากห้อง
——
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตระกูลมู่ทั้งหมดนั่งอยู่ในคฤหาสน์ของตนเองพร้อมกับรัวกลองอย่างดุเดือด
โม่ฝานเดินออกจากโรงเรียนพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เขาถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ‘บัดซบ สามปีผ่านไปไวฉิบ!’
‘เหมือนทุกอย่างเพิ่งเกิดได้ไม่นาน ฉันเพิ่งจะเดินเข้าประตูโรงเรียนเมื่อวานนี้เอง’
‘สามปีที่แล้วฉันเดินออกจากโรงเรียนมัธยมต้น สามปีหลังมานี้ฉันกำลังเดินออกจากโรงเรียนมัธยมปลาย เฮ้อ…’
หน้าประตูโรงเรียนตอนนี้เต็มไปด้วยรถยนต์มากมาย ส่วนใหญ่เป็นผู้ปกครองซึ่งมารอรับบุตรหลานของตนเองกลับบ้าน โรงเรียนให้เวลาสิบวันให้นักเรียนเวทได้กลับบ้านไปเตรียมตัวก่อนที่จะกลับมาสอบครั้งสุดท้าย
แต่สำหรับโม่ฝาน เขาจะต้องประลองเวทก่อนที่จะได้สอบ!
อันที่จริง… เป็นเขาต่างหากที่เฝ้ารอวันนี้มาเนิ่นนานแล้ว!
เขาไม่เคยลืมเลือนสิ่งที่มู่เห่อทำในวันนั้น ทั้งการยึดบ้านของเขาและการดูถูกเหยียดหยามครอบครัวเขา อีกทั้งความเจ็บปวดที่พ่อของเขาต้องไปขอร้อง ทำตัวต้อยต่ำเพื่อให้เขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนเวทมนตร์เทียนหลานแห่งนี้ ทุกสิ่งยังคงชัดเจนอยู่ในใจเสมอมา
อีกทั้งเขาก็ไม่ลืมสิ่งที่มู่โจวอวิ๋นทำไว้เมื่อสองปีที่แล้วเช่นกัน ตระกูลมู่ทั้งหมดล้วนแต่ปฏิบัติกับครอบครัวเขาราวกับสุนัขรับใช้ แต่ในวันนั้นเขากลับโยนกระดูกให้โม่ฝานอีกครั้งเพื่อเรียกให้กลับไปยังตระกูลเส็งเคร็งอีกรอบ แล้วทำไมเขาจะต้องกลับไปอยู่ในสังคมที่ทารุนเขาแบบนั้นด้วย?
ไม่มีใครเกิดมาเพื่อเป็นทาสของใครทั้งนั้น ยกเว้นเสียแต่ว่าบุคคลผู้นั้นพร้อมที่เลียรองเท้าให้กับเจ้านาย!
ในตอนนี้ไม่มีเรื่องตลกใดในหัวของเขาอีกต่อไป วันพรุ่งนี้เขาจะไปที่ประตูบ้านของตระกูลมู่และใช้พลังที่เขาฝึกฝนมาอย่างขมขื่นตลอดระยะเวลาสามปีเพื่อเอาชนะศิษย์ที่เขาเลี้ยงดูมาอย่างดี เขาปล่อยให้คนโง่เหล่านั้นเข้าใจว่าเขาเป็นเพียงเปลวไฟเล็กๆที่ไม่สามารถส่องสว่างได้มาเนิ่นนาน จากนี้เขาจะได้เปิดเผยว่าตัวของเขาคือไฟประเภทใดกันแน่!
——
“เฮ้ โม่ฝาน! โม่ฝาน!” ชายวัยกลางคนตะโกนเสียงเขา น้ำเสียงนั้นช่างคุ้นเคย…
“พ่อ… พ่อมาได้ยังไงล่ะเนี่ย?” โม่ฝานถามพร้อมกับหันหน้าไปถามอย่างประหลาดใจ
“อ้าว ก็ฉันได้ยินมาว่าโรงเรียนอนุญาตให้แกกลับบ้านได้เพื่อค้นคว้าด้วยตัวเอง ฉันเลยมารับไง” โม่เซี่ยจิงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส เขาฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุขเมื่อได้เห็นบุตรชายของตน
ความรู้สึกเหมือนวันที่เขาสอบตกเมื่อสามปีก่อนหน้านี้ เขาเดินออกมาจากโรงเรียนและพบว่าพ่อของเขายืนรออยู่ด้วยสภาพเต็มไปด้วยเหงื่อไคล
ในตอนนี้โม่เซี่ยจิงเปลี่ยนไปมาก เขาผอมและดำขึ้น อีกอย่างโม่ฝานไม่รู้เลยว่าพ่อของเขาไปอยู่ที่ไหนมาตลอดสามปี เขารู้แค่เพียงพ่อใช้เวลาทั้งหมดเพื่อดูแลครอบครัวตลอดเวลา
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือโม่ฝานคนที่สอบตกและไม่เอาไหนได้หายไปแล้ว เหลือไว้เพียงโม่ฝานนักเรียนอันดับหนึ่งของโรงเรียนเวทมนตร์เทียนหลานและถือครองธาตุสายฟ้าและธาตุไฟ!
ในตอนนี้เขากล้าที่จะเผชิญหน้ากับพ่อของตนเองอย่างสมศักดิ์ศรี ไร้ความกังวลใดๆอีกต่อไป!
“พ่อทำไมพ่อยังต้องทำงานหนักอยู่ล่ะ? ไม่ได้รับเงินที่ฉันโอนไปให้งั้นเหรอ?” เขาเห็นว่าสีผิวของพ่อดำมาก จึงถามออกไปอย่างรู้สึกกังวล
“แกควรจะเก็บเงินไว้เพื่อตัวแกเองซะดีกว่า นักเวทนั้นต้องใช้เงินมาก ฉันเคยได้ยินอาวุโสจากเมืองอื่นเล่าว่าแกจะต้องใช้อุปกรณ์เวทละอองดาราเพื่อเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนด้วย ซึ่งตอนนี้ฉันกำลังมองดูว่าฉันน่ะจะหาเงินเพื่อซื้อมันให้แกได้รึเปล่า แกจำเป็นต้องใช้มันนะ เมื่อถึงเวลาที่เข้าสู่มหาลัยแล้ว มันจำเป็นต้องมีเพื่อเอาไว้แข่งขันกับเด็กๆคนอื่น แกจะย้ายไปเมืองใหญ่ด้วยใช่ไหมล่ะ?” โม่เซี่ยจิงกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น
โม่ฝานหมดคำจะกล่าวในทันที
แม้ว่าในตอนนี้โลกของเวทมนตร์จะเข้ามาแทนที่โลกแห่งวิทยาศาสตร์ แต่ทว่าโม่เซี่ยจิงพ่อของเขายังคงเป็นคนเดิมที่ซื่อตรงและไร้พิษสงเช่นเดิม
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก โรงเรียนได้มอบสิ่งนั้นให้กับผมแล้ว รับเงินที่ผมส่งให้แล้วไปเที่ยวหาป้ากับซินเซียบ้างถ้ามีเวลาน่ะ พ่อไม่ต้องซื้ออะไรหรอก” โม่ฝานพูดออกมาช้าๆ
ในปีนี้โม่ฝานนั้นออกล่าอสูรเวทมากมาย เขาโอนเงินให้พ่อของเขาไปหนึ่งแสนสามหมื่นหยวน
แม้ว่าเงินเหล่านี้จะไม่เพียงพอที่จะซื้ออุปกรณ์เวทมนตร์ใดๆ แต่มันก็เพียงพอที่จะให้พ่อของเขาได้พักผ่อนบ้างและลดความกดดันด้านการเงินของครอบครัวลง
ซึ่งความจริงก็คือโม่ฝานไม่รู้ว่าจะบอกพ่อของตนเองยังไงว่าอุปกรณ์เวทละอองดารานั้นเป็นสิ่งที่แพงมาก แพงมากๆ! มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถจ่ายได้แม้ว่าจะทำงานหนักตลอดสองถึงสามปีหรือแม้แต่ยอมทำงานหนักไปตลอดชีวิต… ก็ยังไม่อาจซื้อมันได้!
••••••••••••••••••••
••••••••••••••••••••