บทที่ 10 แผนการที่ยิ่งใหญ่สู่ความร่ำรวย
กฎของตระกูลเจียงนั้นค่อนข้างเข้มงวดและจำนวนสมาชิกของตระกูลที่ถูกประหารชีวิตเพราะการละเมิดกฎหมายเหล่านี้มีไม่น้อยเลย
ความคิดของเจียงอี้นั้นมัวแต่คิดถึงเรื่องของการเข้าไปทำงานในห้องปรุงยา ซึ่งเขาก็ลืมปัญหาป้ายคำสั่งของเขาไปซะสนิทเลย ในขณะนี้เขาทำได้เพียงแกล้งทำหน้าสงบนิ่งและใจเย็นเข้าไว้
เจียงอี้หันกลับไปพูดกับหัวหน้าหรงว่า "หัวหน้าหรงข้าขอโทษ ข้าทิ้งมันไว้ที่บ้านและลืมนำป้ายคำสั่งติดตัวมาด้วย ... "
สิ่งที่เจียงอี้ไม่คาดคิดมาก่อนคือ หัวหน้าหรงโบกมืออย่างสบายใจและตอบว่า "ไม่มีปัญหา งั้นเจ้าก็อย่าลืมนำมันมาให้ข้าภายในสองวันก็แล้วกัน เจียงอี้ เจ้ารีบไปไวๆและอย่าทำให้ผู้เฒ่าหลิ่วต้องรอเจ้านาน ทำตัวดีๆเมื่อเข้าไปทำงานในห้องปรุงยาล่ะ และจำไว้ว่าอย่าทำให้ผู้เฒ่าหลิ่วโมโหด้วย!"
เจียงอี้ตอบกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรีบออกจากห้องของหัวหน้าหรงและเดินกลับไปที่ลานบ้านเล็ก ๆ ของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เจียงอี้ก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ภายในใจของเขา
หากหัวหน้าหรงกลับมาเอาป้ายคำสั่งในอีกสองวันข้างหน้า หรือหากหัวหน้าหรงตรงไปที่บ้านของเขาเพื่อขอมันคืนเลย ความลับของเจียงอี้ก็จะถูกเปิดเผยขึ้นมาทันที ...
"ช่างมันก่อน! ข้าจะต้องจัดการกับปัญหาอื่นก่อน! คอยดูว่าข้าจะสามารถเลื่อนวันไปได้ถึงเมื่อไหร่!"
เมื่อเจียงอี้ที่น่าสงสารกลับไปถึงลานบ้านเล็กๆของตัวเอง
เจียงเสี่ยวนู๋ก็ทำอาหารเช้าเสร็จแล้วเรียบร้อย นางนั่งเท้าคางอยู่ที่บันไดทางเข้าเพื่อรอให้เจียงอี้กลับมา ใบหน้าที่บอบบางของเสี่ยวนู๋นั้นเต็มไปด้วยความกังวล
เมื่อนางเห็นเจียงอี้เดินมา นางก็รีบถามอย่างเป็นกังวลว่า
"นายน้อย ท่านไปที่ไหนมา? ท่านทำให้ข้าเป็นห่วงแทบแย่! ชุนหยานางได้ยินคนพูดว่า เจียงหยูหู่ได้นำลูกน้องไปที่เขาซีชานตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อที่จะดักทำร้ายท่าน! ท่านไม่ได้มุ่งหน้าไปยังเขาซีชานอย่างนั้นหรือ....."
"โอ้ ? จริงหรอ... "
หัวใจของเจียงอี้รู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที หากเพียงระดับพลังของข้าอยู่ที่ระดับที่สองของขอบเขตฉูติ่ง....
เจียงอี้คงรวมพลังของเขาเข้ากับแก่นแท้พลังสีดำ ซึ่งนั่นคงสามารถจัดการเจียงหยูหู่และลูกน้องกลุ่มนั้นเป็นผุยผงได้ง่ายๆ แต่น่าเสียดายที่พลังเวทย์มนต์ของแก่นแท้สีดำนั้นไม่สามารถใช้เพื่อปรับกำลังของแก่นแท้พลังของเขาได้ ...
พลังเวทย์มนตร์…ใช่แล้ว! ข้าควรจะรีบกินอาหารเช้าให้เสร็จแล้วไปทดลองมันต่อ! เมื่อวานข้าได้ค้นพบความสามารถในการเร่งการรักษา บางที แก่นแท้พลังสีดำนี้ก็อาจจะมีความสามารถอื่นอีกเช่นกัน!
เจียงอี้รู้สึกเบิกบานใจอยู่เงียบๆ เขาปลอบใจเสี่ยวนู๋ด้วยคำพูดต่างๆมากมายและได้บอกนางว่า เขาไม่จำเป็นต้องขึ้นไปบนเขาซีชานอีกต่อไป เพราะตอนนี้เขาได้ย้ายไปทำงานที่ห้องปรุงยาแล้ว
ตราบใดที่เจียงอี้ไม่ได้ออกไปนอกลานบ้านของที่พักคนรับใช้ เจียงหยูหู่และลูกน้องของเขาก็ไม่มีทางที่จะสกัดกั้นและจับเจียงอี้ได้
ตระกูลเจียงนั้นให้อภัยลูกหลานของพวกเขาเพื่อให้ "เรียนรู้ซึ่งกันและกัน" แต่ตอนนี้เจียงอี้ทำงานที่ห้องปรุงยาแล้ว และแน่นอนว่าเจียงหยูหู่คงจะมีความวิตกกังวลไม่มากก็น้อยและคงไม่กล้าที่จะทำให้ตัวเองเป็นปัญหาขึ้นมา ...
หลังจากเจียงอี้ฟาดอาหารเช้าของเขาเรียบร้อยแล้ว เจียงอี้ก็ตรวจดูบาดแผลของเสี่ยวนู๋ จากการค้นพบนั้น บาดแผลของนางหายเป็นปกติหลังจากใช้ยาขี้ผึ้งทาไปแล้ว เจียงอี้จึงไม่รู้สึกเป็นกังวลอีกต่อไป
เมื่อเจียงอี้กลับไปที่ห้องของตัวเอง เขาก็หยิบเม็ดยาโสมเหลืองที่เขานำมาจากห้องเก็บยาแล้วกลืนลงไป
เขาตัดสินใจที่จะรอให้พลังของเม็ดยาโสมเหลืองส่งผลก่อนที่จะขับพลังปราณด้วยแก่นแท้พลังสีดำเพื่อช่วยเร่งการรักษาบาดแผล
เจียงอี้ไม่ได้ออกจากห้องตลอดทั้งวัน ในขณะที่เจียงอี้อยู่ในห้อง เจียงอี้ก็ได้รักษาบาดแผลของเขาและศึกษาแก่นแท้พลังสีดำไปด้วย อย่างไรก็ตามผลที่ออกมาทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกหดหู่
สองความสามารถใหม่ของแก่นแท้พลังสีดำก็ได้ถูกทดลองแล้ว ซึ่งก็คือการได้ยินและการรับรู้กลิ่นนั้นสามารถรับรู้ได้อย่างดีเยี่ยม
ถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะถูกค้นพบภายในวันเดียว แต่ไม่ว่าเจียงอี้จะสามารถนึกหรือทดลองอะไรขึ้นมาได้ สุดท้ายแล้วเขาก็มีแก่นแท้พลังสีดำที่สามารถสะสมไว้ได้แค่เพียงสิบเส้น ซึ่งมันไม่เพียงพอต่อการใช้งานได้อย่างเต็มที่
ทั้งความสามารถในการได้ยินและการดมกลิ่นของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่ประสาทสัมผัสทั้งสองนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่นัก
เพราะเมื่อพลังของแก่นแท้สีดำนั้นถูกถ่ายไปที่หูของเขา ความรู้สึกในการได้ยินก็ทำให้เขารู้สึกหนวกหู เสียงที่ดังกว่าเดิมนั้นทำให้ร่างกายของเจียงอี้รู้สึกผิดปกติและรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
นอกจากนี้เมื่อเจียงอี้มีประสาทรับกลิ่นที่ไวขึ้นเขาก็ได้กลิ่นแม้กระทั่งห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ ทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา ดังนั้นเจียงอี้จึงไม่รู้สึกดีใจกับความสามารถใหม่ที่ทั้งสองนี้อย่างแน่นอน
นอกจากสองพลังนี้แล้ว เจียงอี้ก็ยังไม่สามารถค้นหาความสามาถใหม่ๆของแก่นแท้พลังสีดำอื่นได้เลย
จากการวิเคราะห์ เจียงอี้สรุปเอาเองว่าแก่นแท้พลังสีดำนี้อาจมีความสามารถพิเศษเหมือนการเสริมพลังต่างๆ มันมีความสามารถในการเพิ่มพลังของแก่นแท้พลังสีน้ำเงิน ความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพของประสาทสัมผัสทั้งห้าและความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพของเม็ดยาต่างๆ
"แต่ทำไมมันเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังของข้าไม่ได้ล่ะ? ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของข้าช้ายิ่งกว่าหอยทาก นอกจากนี้ข้ายังสามารถเก็บแก่นแท้พลังสีดำไว้ได้เพียงสิบเส้นเท่านั้น ซึ่งนี่มันน้อยเกินไป ไม่ว่าพลังของแก่นแท้พลังสีดำจะมีพลังเพียงใด ข้าก็สามารถจัดการได้เพียงผู้ที่มีระดับขั้นที่สองหรือขั้นที่สามของขอบเขตฉูติ่งอยู่ดี เห็นได้ชัดว่าข้าก็ยังคงไร้ประโยชน์ ... "
หลังจากศึกษาแก่นแท้พลังสีดำมาจนถึงเที่ยงคืน อาการบาดเจ็บของเจียงอี้ก็ใกล้หายเป็นปกติ เมื่อเจียงอี้ยืนยันได้ว่าเขาไม่สามารถหาความสามารถของแก่นแท้พลังสีดำเพิ่มได้แล้ว
เขาก็เข้านอนด้วยความรู้สึกผิดหวัง และเจียงอี้ไม่สามารถต้านทานความง่วงได้อีกต่อไป เนื่องจากเมื่อคืนก่อน เขาไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน
วันถัดมา, เจียงอี้ก็ตื่นก่อนเวลารุ่งสาง เขานั่งสมาธิเป็นเวลาสองชั่วโมงในการฝึกฝนวรยุทธวารี หลังกินอาหารเช้า เจียงอี้สั่งให้เจียงเสี่ยวนู๋ไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านของชุนหยาสักสองสามวันก่อนถ้าหากนางไม่ได้มีอะไรต้องทำ
เผื่อไว้ในกรณีที่เจียงหยูหู่มาที่นี่เพื่อหาเรื่องเจียงอี้ หลังจากพูดคุยกับเสี่ยวนู๋เสร็จแล้ว เจียงอี้ก็ค่อยตรงไปยังห้องปรุงยา
เจียงอี้วางแผนที่จะใช้แก่นแท้พลังสีดำของเขาในการผลิตเม็ดยาคุณภาพสูงอย่างลับๆที่ห้องปรุงยาและแอบขายมันเพื่อที่จะหาเงินมาให้ได้ ด้วยเงินที่ได้มานี้ เจียงอี้จะสามารถชำระหนี้ให้แก่หอนางโลมเฟิงเยว่ได้
อารมณ์ของเจียงอี้ดีขึ้นอย่างมากทันทีเมื่อเขานึกถึงเรื่องนี้ ตราบใดที่เจียงอี้สามารถหาเงินได้อย่างรวดเร็ว เขาก็จะสามารถซื้อยาระดับสูงๆได้
ซึ่งมันจะช่วยให้เจียงอี้สามารถขยับระดับพลังของเขาให้เป็นขั้นที่สองของขอบเขตฉูติ่งได้ ด้วยวิธีนี้ เจียงอี้ก็จะไม่ต้องกลัวเจียงหยูหู่และลูกน้องของเขาอีกต่อไป!
เมื่อเจียงอี้เข้ามาถึง เขารู้สึกว่าภายในห้องปรุงยานั้นช่างเงียบสงัด
ผู้เฒ่าหลิ่วไม่ได้อยู่แถวนี้หรอกหรือ? เจียงอี้คิดในใจอย่างมีความสุขและนึกขึ้นมาทันทีว่าเขาจะสามารถแอบปรุงยาได้ยังไง
แล้วก็คิดอีกว่า ถ้าหากว่าผู้เฒ่าหลิ่วเดินเข้ามาในขณะนั้นพอดี เจียงอี้ก็สามารถบอกได้ว่าเขากำลังพยายามเรียนรู้ที่จะปรุงยาอยู่ เมื่อเจียงอี้แสดงออกถึงความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ แน่นอนว่าผู้เฒ่าหลิ่วก็จะไม่ทำโทษเขา!
เหนือสิ่งอื่นใด ความรวยนั้นย่อมเป็นอันตราย!
เจียงอี้ไม่มีทางที่จะรู้เลยว่าวันไหนหัวหน้าหรงจะมาขอเก็บป้ายคำสั่งคืน มันเป็นช่วงเวลาคับขันของเจียงอี้ และเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่กังวลอะไรมากมาย จากนั้น เขาก็เริ่มไตร่ตรองว่าจะทำยังไงกับการปรุงยาของเขาดี
หลังจากเดินไปรอบๆห้อง เจียงอี้ก็นึกอะไรบางอย่างได้ทันที
เขาตบหน้าผากและอุทานออกมาว่า "ข้ากำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย? การปรุงยารึ? ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันต้องปรุงยังไง มีอะไรเป็นส่วนผสมบ้าง...."
เครื่องมือสำหรับการกลั่นยานั้นมีพร้อมหมดทุกอย่าง ห้องโถงกลางของห้องปรุงยานั้นมีหม้อหลายชนิดและหลายขนาดที่ใช้ผลิตยาต่างๆ
นอกจากน้ัน สมุนไพรที่เป็นส่วนผสมในการปรุงยาก็พร้อมใช้งานเช่นกัน มันอยู่ในห้องเก็บสมุนไพรห้องหนึ่งที่เต็มไปด้วยสมุนไพรมากมายอยู่ในนั้น อย่างไรก็ตาม เจียงอี้รู้ดีว่าไม่มีอะไรที่บอกถึงส่วนผสมของการผลิตยาแน่ๆ
ข้าควรจะทำเหมือนการต้มผักเวลาทำอาหาร และทำแค่โยนส่วนผสมทุกอย่างลงไปในหม้อให้หมดหรือเปล่านะ?
ดูเหมือนว่าข้าควรสังเกตอย่างละเอียดว่าผู้เฒ่าหลิ่วปรุงยายังไงบ้าง ก่อนอื่นข้าจะต้องเรียนรู้ทักษะของการปรุงยาก่อน ก่อนที่จะนึกไปถึงเรื่องอื่นๆ ...
หลังจากทำใจในเรื่องนี้อย่างสงบ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการหยิบไม้กวาดขึ้นมาและเริ่มกวาดพื้น เมื่อเจียงอี้ทำความสะอาดห้องปรุงยาจนเสร็จสิ้นทั้งภายในห้องและข้างนอกตำหนัก
เจียงอี้ก็เห็นร่างมหึมาวิ่งเข้ามาพร้อมกับย่างก้าวที่รวดเร็ว ร่างนั้นมีผมหงอกสีขาวเทาที่รกเหมือนทุ่งหญ้าที่รกร้างและตาโปนๆที่แดงก่ำใกล้เข้ามา
"นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย" ร่างมหึมาพึมพำ "มันไม่สมเหตุสมผลไปหมดเลย! อะไรคือส่วนผสมลึกลับที่อยู่ในเม็ดยาพิภพนี่กัน? มันควรจะเป็นอะไรได้บ้างในโลกนี้? หรือบางทีมันอาจจะเป็นผงป๋ายจื่อ? หรือมันจะเป็นขมิ้น ... "
"เอ่อ?" เจียงอี้ก้มหน้าก้มตากวาดพื้นไปเรื่อยๆ เมื่อเจียงอี้เงยหน้าขึ้นมามอง ทันใดนั้นเขาก็ตกใจกับการปรากฏตัวของบุคคลคนนี้ เมื่อมองดูดีๆ เจียงอี้ก็รีบคำนับและทักทาย "อรุณสวัสดิ์ท่านผู้เฒ่าหลิ่ว"
"หืม? เจ้านี่เอง! "
ผู้เฒ่าหลิ่วก็ประหลาดใจกับเจียงอี้เช่นกัน ผู้เฒ่าหลิ่วเหลือบมองไปรอบๆห้องก่อนที่จะพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า "ไม่เลวนี่ เจ้าทำงานหนักกว่าไอ้เจียงซงที่ไร้ประโยชน์นั่นเยอะ นั่นสิ…เจ้าว่าเจ้าชื่ออะไรนะ?"
"ผู้เฒ่าหลิ่ว ข้ามีนามว่าเจียงอี้ขอรับ"
"โอ้ เจียงอี้! "ผู้เฒ่าหลิ่วพยักหน้าแล้วโบกมือสั่งเจียงอี้ "เจ้าจงไปเตรียมสิ่งเหล่านี้มานะ: รากจีนหนึ่งร้อยกรัม, สารส้มหนึ่งร้อยห้าสิบกรัม, เมล็ดเทียนเกล็ดหอยเจ็ดสิบห้ากรัมและ อีกสองร้อยกรัมของ.... ข้าต้องการที่จะปรุงยาเดี๋ยวนี้เลย!! วันนี้ข้าจะต้องปรุงเม็ดยาที่มีคุณภาพระดับพิภพให้ได้!"
หลังจากผู้เฒ่าหลิ่วสั่งเจียงอี้เสร็จ ผู้เฒ่าหลิ่วก็เข้าไปในห้องปรุงยาทันที แต่เจียงอี้ยังคงยืนนิ่ง เขาจะรู้ได้อย่างไรว่ารากของจีนคืออันไหน? และบนโลกนี้มีอะไรที่เรียกว่าสารส้มด้วยหรอ?
อย่างไรก็ตาม เจียงอี้ไม่กล้าถามอะไรจากผู้เฒ่าเพิ่มเติม เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเดินเข้าไปในห้องที่เก็บส่วนผสมต่างๆไว้
เจียงอี้มองไปในห้องที่เต็มไปด้วยสมุนไพร และถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขาเดินกลับเข้าไปในห้องที่ผู้เฒ่าอยู่และภาวนาให้ผู้เฒ่าหลิ่วบอกเขาว่าเขาจะสามารถแยกแยะความแตกต่างของสมุนไพรพวกนี้ได้อย่างไร
อย่างไรก็ตามเขาเห็นผู้อาวุโสหลิ่วใจจดใจจ่ออยู่กับการกำหนดส่วนผสมของยา จนถึงขั้นที่เขาไม่ได้สังเกตเห็นเจียงอี้เลย ถึงแม้เจียงอี้จะเข้ามาในห้องและยืนอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานแล้วก็ตาม ...
"เอ๋? จะมีคู่มืออยู่ที่นี่รึเปล่านะ?"
เจียงอี้กวาดสายตาไปทั่วห้องและเห็นหนังสือเล่มเล็กๆมากมายบนชั้นวางหนังสือถัดจากผนังด้านซ้าย เจียงอี้รีบเดินไปตรงนั้นเพื่อดูข้อมูลภายในหนังสือนั่น
เขาพบหนังสือเล่มหนึ่งที่มีบทสรุปและการแนะนำสั้นๆเกี่ยวกับสมุนไพรหลากหลายชนิดรวมถึงรูปภาพที่เข้าใจได้ง่ายอยู่ภายในหนังสือเล่มนั้น เจียงอี้นำหนังสือเล่มนี้ไปที่ห้องเก็บสมุนไพรทันที
ตอนนี้เขาพร้อมที่จะหยิบส่วนผสมตามรูปภาพในหนังสือและนำสิ่งต่างๆตามที่ผู้เฒ่าหลิ่วต้องการมาให้ได้
"เด็กคนนี้มีแววและสมควรได้รับการสอน ลูกหลานของตระกูลเจียงผู้นี้ฉลาดกว่าเจียงซงแน่นอน "
จริงๆแล้ว ผู้เฒ่าหลิ่วทำเป็นไม่สนใจเจียงอี้ก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเจียงอี้เดินออกไป เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองเจียงอี้และพยักหน้าอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะปรุงยาของเขาต่อไป
"ใช่แล้ว นี่ต้องเป็นรากของจีนหนึ่งร้อยกรัม…"
ณ มุมหนึ่งของห้องเก็บสมุนไพร, เจียงอี้กำลังดูรายละเอียดจากในหนังสือและเลือกสมุนไพรแต่ละชนิดอย่างระมัดระวัง
เขาใช้เวลาทั้งชั่วโมงก่อนที่เขาจะหาสมุนไพรทั้งเก้าชนิดที่ผู้เฒ่าหลิ่วขอมาได้ครบ เจียงอี้ใช้ตราชั่งขนาดเล็กเพื่อวัดปริมาณที่ถูกต้องของส่วนผสมแต่ละอย่าง
"เอ๊ะ…นี่มันถูกต้องแล้วใช่มั้ย?"
หลังจากเตรียมสมุนไพรทั้งหมดครบแล้ว เจียงอี้ก็ปาดเหงื่อที่หน้าผากของเขา และลุกขึ้นยืนแล้วค่อยๆเดินออกไปข้างนอก
อย่างไรก็ตามเจียงอี้เห็นชายแก่ที่มีผมยุ่งเหยิงกำลังยืนอยู่ข้างหลังเขาและจ้องมองมาที่เขา ความรู้สึกที่น่ากลัวที่เขาสัมผัสได้นั้น คล้ายกับความรู้สึกเหมือนเจอผีที่น่ากลัวจ้องอยู่ข้างๆเตียงในขณะที่เขากำลังหลับไหล...
เมื่อผู้เฒ่าต้องการที่จะข่มขู่ใครให้กลัว เขาอาจจะทำให้คนผู้นั้นกลัวจนตายได้เลย!
เจียงอี้สั่นเทาโดยไม่รู้ตัว เจียงอี้ผู้ที่ไม่รู้ว่าท่านเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ยังคงยืนอึ้ง ผู้เฒ่าหลิ่วไม่รอฟังคำพูดของเจียงอี้ เขาพูดขึ้นมาด้วยหน้าตาที่ดุดันว่า "เจ้าใช้เวลานานขนาดไหนกับการหยิบสมุนไพรแค่ไม่กี่ชนิดนี่กัน? เร็วเข้า แล้วเอามันไปวางไว้ตรงนั้น! ฮึ่มม…ไอ้เจ้าเด็กไร้ประโยชน์!"
สีหน้าของเจียงอี้แสดงความขมขื่นของเขาออกมา อย่างไรก็ตาม อีกความคิดหนึ่งของเจียงอี้ก็ตระหนักได้ว่าตั้งแต่ที่ผู้เฒ่าหลิ่วนั้นมาสังเกตอยู่ด้านหลังเจียงอี้ นั่นก็แปลว่าเจียงอี้นั้นหยิบยาแต่ละชนิดนั้นเป็นไปในทางที่ถูกต้องแล้ว
"เจ้าโง่ รีบเอาถ่านหินมาให้ข้าแล้วรีบไปจุดไฟสิ!"
"เจ้าเด็กโง่!! เจ้าใส่ถ่านหินมากเกินไป ... "
"เร็ว, ปล่อยแก่นแท้พลังเข้าไป! ทำให้มันละลายเข้าด้วยกัน... "
"เจ้าเซ่อ! มันเป็นเพราะเจ้า ยาในหม้อนี่ใช้การไม่ได้แล้ว! ไปหยิบส่วนผสมพวกนี้มาใหม่แล้วปรุงมันอีกรอบ.."
"เจ้าเด็กไร้ประโยชน์ ทำให้มันรวดเร็วกว่านี้และทำให้มันดีกว่านี้ด้วย!"
"ยาหม้อใหม่นี่ก็ใช้การไม่ได้! เจ้าหมูอืดอาด ทั้งหมดนี่มันเป็นเพราะเจ้าอีกแล้ว... "
เจียงอี้เร่งรีบและวุ่นวายกับคำสั่งของผู้เฒ่าหลิ่วตลอดช่วงเช้า และถูกดุตลอดเวลาในการทำงานวันนี้ เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าหลิ่วนั้นไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน
แต่เมื่อถึงเวลาการปรุงยามันก็เหมือนกับว่าผู้เฒ่าหลิ่วถูกปีศาจครอบงำ เจียงอี้เห็นว่านี่ก็เที่ยงแล้ว และท้องของเขาร้องออกมาด้วยความหิวโหย แต่ผู้เฒ่าหลิ่วไม่มีทีท่าว่าจะหยุดปรุงยาเลย
ยิ่งไปกว่านั้น การละลายส่วนผสมหลายๆครั้ง ทำให้แก่นแท้พลังในร่างกายของเจียงอี้หายไปหนึ่งในสิบส่วนแล้ว
อย่างไรก็ตาม เจียงอี้ไม่กล้าที่จะใช้แก่นแท้พลังสีดำของเขา เขาเกรงว่าผู้เฒ่าหลิ่วจะได้เบาะแสบางอย่างจากความลับของเจียงอี้ ...
หลังจากสังเกตตลอดช่วงเช้า เจียงอี้ก็เข้าใจขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการกลั่นเม็ดยาไม่มากก็น้อย การปรุงเม็ดยานั้นมีสามขั้นตอน: การละลายสมุนไพร การควบคุมอุณหภูมิยา และการจับตัวกันของยา
สิ่งที่ทำให้เจียงอี้สิ้นหวังไม่ใช่ขั้นตอนแรกของการละลายสมุนไพร หรือขั้นตอนที่สามในการทำให้ยาจับตัวกันเป็นก้อน แต่เขาไม่สามารถเข้าใจขั้นตอนที่สองในการควบคุมอุณหภูมิยาได้เลย
ทุกครั้งที่พวกเขาทำมาถึงขั้นตอนที่สอง ผู้เฒ่าหลิ่วทำขั้นตอนนี้ด้วยตัวเขาเองด้วยการควบคุมอุณหภูมิด้วยแก่นแท้พลังสีแดงเพื่อกลั่นยาสมุนไพรที่อยู่ภายในหม้อยา
การมองผู้เฒ่าหลิ่วใช้พลังอันแข็งแกร่งของเขา มันแลกมาด้วยความยากลำบาก
เห็นได้จากหยาดเหงื่อทั่วใบหน้าของผู้เฒ่าหลิ่วในขณะที่เขากำลังกลั่นยาในหม้อยานั้นเจียงอี้ตระหนักได้ว่า เขาต้องพักความคิดของตนเองไปชั่วขณะ ที่คิดจะทำแบบเดียวกันกับผู้เฒ่าด้วยพลังที่เขามีเพียงน้อยนิดนี่
หากเขาไม่สามารถกลั่นยาได้เขาจะขับแก่นแท้พลังสีดำลงไปในเม็ดยาได้อย่างไร
แผนการที่จะทำให้เจียงอี้กลายเป็นเศรษฐีนั้นก็ได้ดับไป ในขณะเดียวกันนั้นเจียงอี้รู้สึกหิวราวกับจะสามารถกินม้าเข้าไปได้ทั้งตัว และความหงุดหงิดในใจของเขาก็ใกล้จะถึงขีดสุด
"นี่มันไม่ใช่สีที่ถูกต้อง ข้าก็ยังคงกลั่นยาไร้ค่าขึ้นมาอีกหม้อ ข้ากลั่นมันไม่ได้อีกต่อไป ... ปัญหามันอยู่ที่จุดไหนของโลกใบนี้กันนะ? เป็นไปได้ไหมว่าสารประกอบของยาถูกเพิ่มลงไปอย่างไม่ถูกต้อง? เมื่อวานนี้มันมีอะไรเพิ่มเข้ามาบ้างที่ทำให้ข้ากลั่นเม็ดยาระดับพิภพนั่นขึ้นมาได้"
หม้อสุดท้ายของการต้มยานั้นพึ่งจะเสร็จใหม่ๆ ผู้เฒ่าหลิ่วหยิบเม็ดยาขึ้นมาดู และใบหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงความผิดหวังและความเหนื่อยล้าทันที
เขาทบทวนหลายต่อหลายครั้ง เมื่อวาน ตอนที่เขาเดินก้าวย่างก้าวใหญ่เข้าหาประตูห้องปรุงยา
เมื่อตอนที่เขาพบเจอหม้อยาใบนั้น เขาจำได้เพียงเจียงอี้
ผู้เฒ่าจึงหันมามองที่เจียงอี้เขาก็พูดว่า "เจียง…อะไรนะ? เจ้าเอายาไร้ประโยชน์พวกนี้ไปทิ้งให้หมด หลังจากนั้นกลับหาอะไรกินก่อน ใช้เวลาช่วงบ่ายอ่านอย่างละเอียดถึงข้อมูลของสมุนไพรหลายๆครั้ง หลังจากนั้นเจ้าจะได้ไม่ต้องใช้เวลานานในการหาสมุนไพรในครั้งต่อไป…นอกจากนี้หากใครก็ตามมาร้องขอเม็ดยา อย่าให้มันแก่พวกเขา…พระเจ้า จุดไหนที่มันผิดไปกันนะ?"
"ปัญหานั้น ... มันอยู่ในแก่นแท้สีดำของข้า อืม ถ้าข้าไม่ใส่แก่นแท้พลังสีดำตอนที่ข้ากำลังทำกระบวนการควบคุมอุณหภูมิ ท่านจงลืมไปได้เลยว่าท่านจะสามารถสร้างเม็ดยาระดับพิภพขึ้นมาได้อีกครั้งหรือตลอดชีวิตของท่าน" เจียงอี้พึมพำกับตัวเอง
เขาเริ่มเก็บยาไร้ประโยชน์ทั้งหมดที่ถูกทิ้งไว้อย่างหมดค่าไปแล้วก่อนหน้านี้ เจียงอี้กำลังนำยาทั้งหมดนั่นออกไปและกำลังจะนำไปทิ้ง
"ยาไร้ประโยชน์รึ?""
เมื่อเจียงอี้มองไปที่เม็ดยาวสีขาวและเม็ดยาสีเหลือง ไม่ทันไรดวงตาของเจียงอี้ก็เปล่งประกายขึ้นมา ในขณะนั้น มันเป็นความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถพัฒนาเม็ดยาด้วยตัวเองได้
แต่นี่ไม่ใช่ว่าเขามีเม็ดยาเหล่านั้นอยู่ต่อหน้าต่อตาเขาในตอนนี้หรอกหรือ? แม้ว่าผู้เฒ่าจะมองว่าสิ่งเหล่านี้ไร้ประโยชน์ แต่ถ้าเจียงอี้กลั่นมันและใส่แก่นแท้พลังสีดำลงไปนิดหน่อย
เขาอาจจะสามารถเปลี่ยนเม็ดยาที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้ให้กลายเป็นเม็ดยาที่ดีและมีประโยชน์ขึ้นมาก็ได้ ...