ตอนที่แล้วGE319 เจ้าคือฝานน้อย [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE321 สวนสมุนไพรที่ถูกทำลาย [ฟรี]

GE320 นายกองเป่ยช่วยข้าด้วย [ฟรี]


ผ่านไปครึ่งวัน หนิงฝานส่งข้อความผ่านกระบี่บินไปยังเขากุ่ยซ่ง เมืองมังกรสมุทร เมืองนักโทษตอนใต้ และวังราชาหมึก นอกจากนี้ เขายังทิ้งแผ่นหยกแผ่นหนึ่งไว่ให้ม่านฉาน ก่อนจะเข้าสู่วังสวรรค์ไป

ในนั้น เขาได้สลักความเข้าใจในพลังมิติหรือปราณไร้ลักษณ์ ที่เขาเป็นผู้ศึกษาและเข้าใจด้วยตนเอง

หากมีสิ่งนี้ ม่านฉานจะบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงได้ง่ายขึ้น

“ข้าและม่านฉานเคยขุ่นเคืองและช่วยเหลือกันหลายครั้ง หากผูกสหายได้ ครั้งหน้าที่มาย่อมเป็นคุณ ยามนั้นคงได้ดื่มกินพูดคุยฉันท์สหาย”

“ไม่รู้ว่าหนิงกู่และอ้านหลานจะเป็นยังไงบ้าง… 30 ปีแล้วที่ไม่ได้พบกัน บางทีสองคนนั้นอาจแต่งงานมีลูกไปแล้ว”

หนิงฝานได้มอบโอสถจำนวนมากไว้ให้หนิงฝานกู่ หากหนิงกู่ยังฝึกฝน ย่อมมีอายุยืนได้ถึง 200 ปี

แต่ถึงอย่างนั้น การให้หนิงฝานตัดขาดจากโลกของผู้เชี่ยวชาญย่อมเป็นเรื่องที่ดีที่สุด

เมื่อผ่านประตูวังสวรรค์เข้าไป หนิงฝานถูกลำแสงนำพาไปยังที่ห่างไกล ในระหว่างเดินทาง เขาได้นำเรือเหาะฉีเหม่ยที่ไม่ได้ใช้มานานออก ล่องไปตามเส้นทาง

“ดาราจักรพรรดิ...”

หากหนิงฝานได้ดาราจักรพรรดิมาครอง อย่างน้อยเขาคงบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง

ยิ่งหากดูดซับโลหิตอสูรที่มีทั้งหมด ย่อมยกระดับปราณอสูรได้มาก แต่หนิงฝานยังไม่รีบร้อน

เมื่อนึกถึงตัวหมากสีดำที่หนิงฝานได้ ตัวหมากคือวิชาดารา การที่ชายวัยกลางคนผู้นั้นมอบให้ แสดงว่าคนผู้นั้นคือจักรพรรดิดารา

หนิงฝานเฝ้าขบคิดถึงหมากกระดานที่ได้เล่นกับชายผู้นั้นในโลกแห่งความฝัน

เท่าที่รู้มากจากหลั่วโยว่และเป่ยเหยา วิชาดาราทมิฬของจักรพรรดิดารานั้นทรงพลังมาก ครั้งหนึ่งจักรพรรดิดาราถูกจักรพรรดิเซียนหลานคนรุมล้อม แต่เมื่อใช้วิชา หยิบยืมพลังดารานับล้านดวงมาไว้ในร่าง ทำให้รอดพ้นจากการรุมจู่โจมของจักรพรรดิเซียนเหล่านั้นได้ หากหนิงฝานบรรลุวิชาและเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ การจะช่วยหนิงกู่ให้กลับเป็นปกติ ช่วยหนิงหงหงและมู่เหว่ยเหลียงในป่าภูติพรายสร้างร่างกายขึ้นใหม่ และช่วยศพนางสวรรค์ฟื้นฟูความทรงจำคงไม่ใช่เรื่องยาก

ยามนี้ แม้จะมีผู้หมายตาดาราจักรพรรดิมากมาย แต่ตนเองที่มีทาสอยู่ ย่อมได้เปรียบคนเหล่านั้น

แต่ก่อนจะชิงดาราจักรพรรดิ ตนเองต้องทำความเข้าใจวิชาดาราให้ได้ก่อน นอกจากนี้ ยังมีศัตรูที่เขาต้องระวังคือสนมอสูรจื่อ และจ้าวดาราหมาป่า

“ลู่เป่ย เจ้าจะลงมือกับสนมอสูรจื่อจริงเหรอ?” วู่หยานกล่าวถามด้วยความเป็นห่วง

“ถ้าข้าไม่ทำ นางย่อมไม่ปล่อยเจ้าไว้… ข้าจะนำนางมาเป็นกระถางขัดเกลา แต่จะให้ฆ่านางทิ้งหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับตัวท่าน”

“อย่าฆ่านาง...” นางไม่อยากให้หนิงฝานสังหาร เพราะกลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

ถ้าเกิดเรื่องที่ลงมือกับสนมอสูรจื่อรู้ถึงหูวังราชาอสูร คงกลายเป็นลุกลามบานปลาย หากไว้ชีวิตนางอาจเป็นเรื่องดีกับหนิงฝานมากกว่า

“ถ้าพี่วู่หยานบอกแบบนั้น พี่ลู่เป่ยคงไม่สังหารนางหรอก… แต่พี่ลู่เป่ย ถึงท่านจะแข็งแกร่งและสังหารอสูรมามากมาย แต่ท่านห้ามประมาทสนมอสูรจื่อเด็ดขาด… นางเป็นอสูรขของเผ่าราชาวิญญาณ ครอบครองโลหิตจักรพรรดิ นางย่อมแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญทั่วไป จึงทำให้ราชาอสูรสนใจในตัวนาง… การเดินทางมาในครั้งนี้ของนาง มาในนามของวังราชาอสูร เป็นตัวแทนของราชาอสูร นางย่อมได้บางสิ่งที่ไม่ธรรมดามา ฉะนั้น ท่านห้ามประมาทนางเด็ดขาด!”

นางกล่าวเตือนหนิงฝานด้วยความกังวล แต่ดูเหมือนนางจะลืมไปว่า นางเองก็มาในนามของวังราชาอสูรเหมือนกัน

แต่น่าเสียดายที่สาวน้อยอย่างนางเสร็จหนิงฝานไปแล้ว จึงกลายเป็นว่านางเข้าข้างหนิงฝานเป็นที่เรียบร้อย

“วางใจเถอะ ข้าไม่ประมาทศัตรูแน่นอน… ว่าแต่ ตัวเจ้าเองก็มาในนามของวังราขาอสูร พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไรที่นี่? หรือมาเพราะดาราจักรพรรดิ? แต่ดูเหมือนการหาสมุนไพรจะสำคัญกับเจ้ามากกว่า”

หนิงฝานมองซีหลานและวู่เหยา ทำให้พวกนางทำหน้ากระอักกระอ่วน

“คงบอกข้าไม่ได้สินะ...” หนิงฝานยิ้ม

“ไม่ใช่แบบนั้น...” พวกนางหันมองเยว่หลิงคงและเป่ยเหยา

เยว่หลิงคงและเป่ยเหยาเป็นคนนอก โดยเฉพาะกับเป่ยเหยาที่นางเป็นเซียนที่มาจากแดนสวรรค์

มนุษย์และอสูรในแดนสวรรค์นั้นเป็นศัตรูที่ต่อสู้ห้ำหั่นกันมาเป็นเวลายาวนาน การที่จะพูดคุยสนิทสนมกันเช่นนี้นับเป็นเรื่องที่หาได้ยาก ดังนั้น พวกนางจึงไม่อาจบอกความลับของเผ่าพันธุ์ให้เป่ยเหยาได้ยิน

“พวกเจ้ากล่าวด้วยสัมผัสเทพก็ได้ ข้าไม่ได้ยินหรอก...”

เป่ยเหยากล่าว นางคิดไม่ถึงว่าวันหนึ่ง ตนเองต้องมาอยู่ร่วมกับผู้เยาว์เหล่านี้ พูดคุยสนิทสนมราวกับเป็นครอบครัว

ซีหลานและวู่หยานลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าวโดยไม่ปิดบัง

“จริงๆแล้วที่พวกข้ากับสนมอสูรคนอื่นๆมา ไม่ใช่เพราะดาราจักรพรรดิ แต่เป็นสมุนไพรของจักรพรรดิดารา”

“สมุนไพรของดาราจักรพรรดิ! สวนสมุนไพรแห่งนั้น ครั้งหนึ่งอสูรลู่หวู่เคยทำหน้าที่คุ้มกัน แต่หลังจากนั้น เขาก็หลับไหลมานานแสนนาน จนทำให้สมุนไพรเหล่านั้นกลายเป็นธุลี… ฉะนั้น พวกเจ้าสมควรหาสมุนไพรเหล่านั้นไม่พบ อย่างมาก พวกเจ้าก็ได้แค่ธุลีของสมุนไพร… แต่ทำไมราชาอสูรถึงต้องการสมุนไพรของจักรพรรดิดารา… หรือราชาอสูรจะบาดเจ็บสาหัส!”

เยว่หลิงคงเป็นผู้สืบทอดของสนมอสูรที่ทรงพลังในอดีตผู้หนึ่ง นางจึงพอรู้เรื่องราวของลานสวรรค์โบราณและวังราชาอสูรอยู่บ้าง

“อืม… สงสัยพวกนางคงหาได้แค่ธุลีสมุนไพร แต่ก็คาดไม่ถึงว่าราชาอสูรจะบาดเจ็บขนาดนั้น” เป่ยเหยาขมวดคิ้ว

“อืม… ถูกอย่างที่พี่เป่ยเหยาว่า แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจ ว่าทำไมราชาอสูรถึงได้ให้พวกข้ามาเก็บธุลีสมุนไพร ท่านรู้หรือเปล่า...”

เป่ยเหยาอยู่ในแดนสวรรค์มานาน นางสมควรรู้เรื่องราวมากกว่า

นางรู้ว่าในธุลีสมุนไพรมีดวงวิญญาณสมุนไพรอยู่ และนางก็รู้ว่าราชาอสูรไม่มีทางเลือก นอกจากส่งเหล่าสนมอสูรมารวบรวมธุลีสมุนไพรกลับไป

หากไม่ได้ธุลีสมุนไพร อาการบาดเจ็บของราชาอสูรจะยิ่งหนักขึ้น

หากนำธุลีสมุนไพรกลับไปไม่ทันจนทำให้ราชาอสูรตาย วู่หยาน ซีหลาน และลู่ว่านเอ๋อร์จะพลอยกลายเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายไปด้วย

นี่จึงถือเป็นเรื่องใหญ่

“ลู่เป่ย… ข้าอยากเสนอให้เจ้าช่วยพวกนางหาธุลีสมุนไพรให้พบ เติมเต็มหน้าที่ของพวกนางให้ลุงล่วง”

ซีหลานประหลาดใจที่เป่ยเหยาจะเป็นผู้ขอให้หนิงฝานช่วยเหลือพวกนาง

“ด้วยศักดิ์ฐานะของท่าน พูดจาแบบนั้นคงจะไม่เหมาะสม” หนิงฝานหันมองเป่ยเหยา เขายังไม่รู้จักนางดีพอ รู้แค่ว่านางเป็นคนสำคัญของแดนสวรรค์เหนือ

หากจะให้ขอร้องเพื่อช่วยเหลืออสูรที่เป็นศัตรู นับเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อถือ… หรือว่านางจะเป็นห่วงซีหลานและวู่หยาน?

“งั้นก็ตามใจเจ้า...” นางขบริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป

“ถ้าเกิดธุลีสมุนไพรมันสำคัญจริงๆ และถ้าเกิดราชาอสูรบาดเจ็บหนักจริงๆ… ถ้าเจ้ายอมช่วยราชาอสูร ก็เท่ากับช่วยซีหลาน วู่หยาน และว่านเอ๋อร์ไปด้วย! เจ้าช่วยพวกนางเถอะ” เยว่หลิงคงกล่าว

“ข้ายังไม่ได้บอกสักคำว่าจะไม่ช่วย...” หนิงฝานรู้สึกสนใจ

เหตุใดสตรีเหล่านี้ถึงได้สามัคคีกันขนาดนี้?

ก่อนหน้านี้สตรีที่เขาได้มาล้วนเป็นกระถางขัดเกลา เขาต้องประทับตราวิญญาณให้พวกนาง พวกนางจึงจะเชื่อฟัง แต่ตอนนี้ สตรีที่อยู่ข้างกายเขาล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ มีนิสัยและความเอาแต่ใจเฉพาะตน แต่กลับช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นอย่างดี

บางทีหากมีพวกนางข้างกาย เวลาเจอปัญหา เขาคงไม่ต้องคิดคนเดียว แต่นั่นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะหลังจากกลับออกจากวังดารา คงถึงเวลาที่พวกนางต้องแยกย้าย

เรื่องที่สตรีเหล่านี้พูดคุยหรือร้องขอ หนิงฝานแทบไม่ขัดพวกนาง หากไม่มีเป่ยเหยาและเยว่หลิงคงอยู่ ก็คงไม่มีใครคิดอยากให้เขาช่วยซีหลานและวู่หยานรวบรวมธุลีสมุนไพร

แต่ในขณะเดียวกันนั้น เขากลับรู้สึกราวกับเข้าใจบางอย่าง จึงนำตัวหมากสีดำออกมา

“หากมองในอีกมุม ก็จะเห็นถึงความต่าง… ข้าไม่รู้ว่าจะฝึกฝนวิชาดารายังไง จะฝึกฝนวิชาดาราทมิฬยังไง บางที… ถ้าจ้องมองดาราบนท้องนภาในอีกมุม อาจมองเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่...”

เมื่อหนิงฝานคิดและเข้าใจเช่นนั้น ตัวหมากในมือกลับสั่นไหว ราวกับหนิงฝานได้เข้าถึงกุญแจสำคัญของวิชาดารารแล้ว

แสงดาราทมิฬซ่อนอยู่ในความมืดแห่งราตรี หากจะฝึกฝนวิชาดาราทมิฬ ต้องค้นหาดาราทมิฬในยามราตรีให้พบ!

ตัวหมากที่หนิงฝานได้มาคือตัวแปรสำคัญในการเข้าถึงวิชาดาราทมิฬ!

การเดินทางสิ้นสุด ประตูปลายทางของวังสวรรค์เปิดออก

เมื่อพ้นประตู เสียงการต่อสู้ที่รุนแรงดังดังมา เมื่อเรือเหาะฉีเหม่ยของหนิงฝานปรากฏ เหล่าผู้คนที่เห็นต่างเร่งทะยานหา

ด้านหลังคนเหล่านั้นมีหมาป่าอสูรในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงไล่ตาม

คนเหล่านั้นแผ่สัมผัสเทพสำรวจเรือเหาะ เมื่อพบว่าผู้มาคือลู่เป่ย พวกมันกลับดีใจอย่างบอกไม่ถูก

“นายกองเป่ยช่วยพวกข้าด้วย!”

เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมา แต่ตำแหน่งของคนเหล่านั้นยังอยู่ห่างออกไป 2 หมื่นลี้ ทันที่ทีคนเหล่านั้นกล่าวจบ อสูรหมาป่าที่ตามมา คาบร่างของคนผู้หนึ่งคนไป ฉีกร่าง และกินเป็นอาหาร

ผู้ที่โชคดีไม่ถูกสังหารเร่งความเร็วสุดชีวิตเพื่อหนีให้พ้นจากหมาป่าตัวนั้น

ผู้ที่ถูกสังหารคือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณของเผ่าอัสนี พวกมันรู้จักหนิงฝานและรู้ว่าหนิงฝานแข็งแกร่งพอจะโค่นอสูรตนนี้ลงได้ แต่อสูรตนนี้เองก็รวดเร็วมาก จนยากจะตามความเร็วมันได้ทัน

“จบสิ้นแล้ว… สหายข้าตายไปแล้ว...”

สองคนที่รอดหันมองหมาป่าที่กำลังฉีกกินร่างสหายตน แต่แล้ว เงาร่างของผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวกลับปรากฏกายขวางกั้นระหว่างคนทั้งสองและอสูรหมาป่า

ทั้งสองตกตะลึง ระยะทางกว่า 2 หมื่นลี้ แต่คนผู้นั้นกลับมาถึงได้ในพริบตา พร้อมกับหมัดที่ทรงพลังในขอบเขตกระดูกหยกที่ 3

*ตูม!*

อสูรหมาป่าตัวนั้นกระอักโลหิตสีเงิน พร้อมกับร่างที่ถูกซัดปลิวไปไกลกว่าหมื่นจ้าง

“เด็กน้อย... เจ้าแข็งแกร่ง ข้าให้เวลาเจ้าสามลมหายใจแล้วถอยไปซะ ไม่งั้น เจ้าจะเสียใจที่มายั่วยุหมาป่าโหยอย่างข้า!”

“หมาป่าโหย?”

หนิงฝานหันมองคนของเผ่าอัสนีทั้งสอง พวกมันไปยั่วยุหมาป่าโหยเข้า

ในขณะที่เขาขบคิดอยู่นั้น หมาป่าเบื้องหน้าฉวยโอกาสพ่นหมอกพิษออกมา

“หมาป่าโหยแล้วยังไง!”

แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา เขาไม่กลัวหมาป่าโหยแม้แต่น้อย

เขานำกระบี่โลหิตออกมาพร้อมกับใช้วิชาดึงวิญญาณ แล้งลงกระบี่กับมัน!

หมาป่าและคนของเผ่าอัสนีตกตะลึง “กระบี่กึ่งไร้ดัดแปลง!”

หมาป่าถูกฟันขาดเป็นสองในพริบตา แต่ก่อนตาย มันจ้องมองใบหน้าหนิงฝานไม่วางตา

“นายกองลู่เป่ย ใช้กระบี่ที่ทรงพลังขนาดนั้นได้!”

กระบี่ในยามนี้ทรงพลังกว่าครั้งที่หนิงฝานใช้ในแดนสองมาก กระทั่งยามนี้ สามารถสังหารหวางเซี่ยวได้ในกระบี่เดียว

“แค่ไม่กี่ปี เด็กนี่กลับแข็งแกร่งขึ้นมาก ที่สำคัญ ในร่างยังอัดแน่ไปด้วยปราณปีศาจมหาศาล ราวกับเคยสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณไปแล้วมากมาย!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด