GE318 ความฝัน [ฟรี]
พันปีมาแล้วที่ม่านฉานและภรรยาเฝ้าคุ้มกันบุบผาดาราม่วง และยามนี้ สมควรถึงแก่เวลาที่ม่านฉานจะต้องใช้มัน แต่ถึงอย่างนั้น หนิงฝานเสนอโอสถผันแปรที่ 6 ให้เป็นจำนวน 3 เม็ด เป็นโอสถที่เป็นประโยชน์กับอสูรอย่างที่สุด ซ้ำยังมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับบุบผาดาราม่วง
โอสถที่หนิงฝานมอบให้นั้น มีฤทธิ์ในการช่วยขัดเกลาและยกระดับร่างกาย ให้ผลดีอย่างยิ่งกับอสูรในขอบเขตไร้ดัดแปลง
ม่านฉงรู้ว่าหลานของตนทั้งสามอยากจะเป็นอสูรที่แท้จริง และรู้ว่าโอสถของหนิงฝานช่วยได้ ชายชราจึงป้องมือกล่าว “ขอบใจมากสหายน้อย”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า… ที่ข้าทำเพราะต้องการตอบแทนม่านฉาน… ผู้อาวุโสรับโอสถนี้ไป มันจะช่วยให้ท่านสะกดอาการบาดเจ็บได้พันปี แต่หลังจากนั้น… ท่านจะตาย!”
หนิงฝานกล่าว เขารู้ว่าอาการบาดเจ็บของชายชราหนักหนามาก เขาไม่อาจรักษาให้ชายชายหายขาด ที่พอจะทำได้คือสะกดอาการบาดเจ็บของชายชราเอาไว้ด้วยโอสถผนึกความตาย โอสถชนิดนี้นอกจากจะสะกดอาการบาดเจ็บได้แล้ว ยังทำให้ยกระดับพลังได้ราวกับตนเองไม่ได้บาดเจ็บ ชายชราจะฟื้นคืนสู่ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นดังเดิม แต่หลังจากนั้นไป… ชายชราก็จะสิ้นอายุขัย
ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงมีอายุได้ยืนยาวถึงหมื่นปี ตอนนี้ชายชรามีอายุได้ 9 พันปีแล้ว ดังนั้นด้วยเวลาอีกพันปีที่เหลือ ก็ยากที่ชายชราจะยืดอายุของตนออกไปได้อีก แม้โอสถจะช่วยให้ชายชรายกระดับพลังได้ แต่ด้วยเวลาเพียงพันปี ชายชราไม่มีทางบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางได้แน่
“ข้าต้องขอบคุณสหายน้อยจริงๆ… แม้โอสถจะช่วยยืดอายุข้าได้อีกพันปี แต่ด้วยพรสวรรค์ของข้า ไม่มีทางทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางได้แน่นอน แต่ถึงอย่างนั้น แค่ข้าได้เป็นที่หลบภัยของหลานๆข้า ข้าก็พอใจมากแล้ว สำหรับอสูรอย่างเรา ความปลอดภัยของลูกหลานย่อมสำคัญกว่าชีวิตตน”
ชายชรากินโอสถเข้าไป หลังจากดูดซับอยู่ครึ่งชั่วยาม อาการบาดเจ็บของชายชราก็ถูกสะกดโดยสมบูรณ์ แรงกดดันในขอบเขตไร้ดัดแปลงแผ่ออกจากร่าง
“สหายน้อย นอกจากบุบผาดาราม่วงแล้ว ยังมีสิ่งใดในเกาะนี้ที่เจ้าต้องการอีกหรือเปล่า? ข้าได้ยินว่าเจ้าจะเข้าสู่วังสวรรค์ ข้าเองก็จะเก็บตัวฝึกฝนให้หลานๆทั้งสามอยู่เหมือนกัน ข้าแล้วเสร็จก่อนที่เจ้าจะไป ข้าจะช่วยเจ้าหาทางเข้าสู่วังสวรรค์อย่างปลอดภัย”
“ขอบคุณผู้อาวุโส… แต่ข้าต้องการเพียงบุบผาดาราม่วงเท่านั้น”
เมื่อเห็นทั้งสี่มีความสุข เขาเองก็มีความสุขไปด้วย แต่ลึกๆ หนิงฝานก็ยังคงเศร้าใจ
ลึกเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง ม่านฉานนำหนิงฝานไปหาบุบผาดาราม่วง เขายืนรอม่านฉานเปิดทางลับอยู่นานก่อนจะได้บุบผาดาราม่วงมา
“ข้าช่วยเหลือให้ผู้อื่นสมปรารถนา แต่กลับไม่มีใครช่วยข้าสักคน… แต่ข้าต้องทำให้เหว่ยเหลียงยิ้มอีกครั้งให้ได้...”
บุบผาดาราม่วงทำให้เขายกระดับร่างกายไปยังขอบเขตกระดูกหยกที่ 3 ได้ เพียงแต่… เขาไม่ได้เก็บไว้ใช้เอง เขาจะให้ศพนางสวรรค์เป็นคนใช้
หากช่วยให้ความทรงจำของนางฟื้นฟูได้บ้าง ถึงไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากขนาดไหน แต่ก็ถือว่าได้ลองทำ
ทะเลสติของนางเสียหายอย่างหนัก หนักจนแทบจะไม่มีทางรักษา
“เหว่ยเหลียง...” หนิงฝานเร่งมุ่งหน้ากลับไปยังถ้ำของตน ยามนี้เป็นยามบ่าย เหล่าสตรีตื่นนอนกันแล้ว พวกนางนั่งพูดคุยกันอยู่ในถ้ำ เกี่ยวเรื่องที่หนิงฝานมุ่งหน้าไปยังทางเหนือของเกาะ
ไม่นาน หนิงฝานก็กลับมา
เยว่หลิงคงไม่ค่อยพอใจ ซีหลานบอกนางว่าหนิงฝานมุ่งหน้าไปยังทางเหนือของเกาะก็เพื่อจะไปเอาบุบผาดาราม่วง นางไม่พอใจที่หนิงฝานไม่พานางไปด้วย
วู่หยานเองก็ไม่สบายใจ นางเป็นห่วงว่าหนิงฝานและม่านฉานจะขัดแย้งกัน
เป่ยเหยายังคงเสียใจกับเหตุการเมื่อคืน นางจึงไม่กล้าสบตาหนิงฝาน
“เป็นยังไงบ้าง? ได้บุบผาดาราม่วงมาหรือเปล่า?” เยว่หลิงคงกล่าวถามก่อน
“อืม… ได้มาแล้ว”
หนิงฝานจ้องมองศพนางสวรรค์ ความเจ็บปวดปรากฏขึ้นในใจ
“ข้าต้องรักษานาง… พวกเจ้าช่วยคุ้มกันข้าด้วย”
หนิงฝานเดินไปข้างกายศพนางสวรรค์ช้าๆ แต่ไม่กล้าสัมผัสกายนาง
สตรีคนอื่นๆที่เห็นตกตะลึง เมื่อครู่พวกนางเห็นแววตาของหนิงฝาน ความเสียใจที่ทำให้เขาเจ็บปวด เผยออกมาทางแววตาอย่างชัดเจน
“คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความรู้สึกเช่นนี้ด้วย...”
แม้จะสังหารศัตรูไปมากมายนับไม่ถ้วน หนิงฝานไม่เคยเสียใจ แต่เมื่อเห็นศพนางสวรรค์ เขากลับรู้สึกปวดใจ
หนิงฝานบอกกล่าวนางและโอบอุ้มนางมุ่งสูงขึ้นไปบนท้องนภา ตรงไปยังสถานที่ห่างไกล
แต่จู่ๆ หนิงฝานกลับชงักฝีเท้า สองมือโอบกอดศพสวรรค์แนบกายแน่น
“เจ้าไม่ต้องกลัว… แม้การฟื้นฟูทะเลสติครั้งนี้จะล้มเหลว แต่ข้าจะเสาะหาวิธีที่จะฟื้นฟูทะเลสติของเจ้าให้ได้...”
“แสง?” ศพนางสวรรค์สงสัย ว่าเหตุใดยามนี้ แววตาของหนิงฝานจะแสดงออกถึงความเศร้าอย่างชัดเจน นางไม่รู้ว่าเหตุใดหนิงฝานถึงต้องพานางมาไกลขนาดนี้ และนางก็พยายามจะผละออกจากอ้อมกอดของเขา นางไม่ชอบให้บุรุษสัมผัสกาย
แต่ในยามนี้เอง นางกลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่คุ้นเคยจากตัวหนิงฝาน เป็นความรู้สึกที่ไม่ใช่บุรุษโอบกอด แต่เป็นผีเสื้อที่กำลังโอบกอดนาง ผีเสื้อน้อยตัวนั้น ตัวที่เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องนาง!
“แสง… ข้า… มัน… กำลังจะ...”
นางไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวนาง นางอยากจะร้องไห้ แต่ทำไม่ได้
นางเป็นศพ ไม่มีน้ำตา ทั้งยังไร้ซึ่งความโศกเศร้า
“เจ้าไม่ต้องกลัว เรื่องราวในอดีตเหมือนฝุ่นทรายที่พัดผ่าน… แต่ตอนนี้เจ้ามีข้าอยู่ข้างกาย ไม่ว่าผู้ใดก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้ แม้จะเป็นจักรพรรดิเซียนก็ตาม!”
หนิงฝานสูดหายใจลึกเพื่อสงบอารมณ์ ก่อนหน้านี้เขากังวลว่าบุบผาดาราม่วงจะรักษานางได้หรือเปล่า แต่ตอนนี้เขาไม่กังวลแล้ว
“แม้บุบผาดาราม่วงจะรักษาเจ้าไม่ได้ ข้าจะหาวิธีรักษาเจ้าให้ได้ แม้จะต้องตามหาสักกี่ปี ข้าจะก็ช่วยให้เข้าฟื้นฟูความทรงจำให้ได้!”
เมื่อหนิงฝานสงบใจได้ นางก็ปล่อยนางออกจากอ้อมกอด เขานำเห็ดสีน้ำตาลออกมา เห็ดสีน้ำตาลนี้คือบุบผาดาราม่วง
หากดูตามทั่วไป มันไม่เหมือนบุบผาดาราม่วง หากไม่ได้จิตวิญญาณสมุนไพร เขาก็คงไม่รู้ว่ามันคือบุบผาดาราม่วง ที่กำลังอำพรางกายอยู่
โลกใบนี้มีสิ่งที่ลึกลับมากมาย พวกมันทรงพลัง และเรียนรู้ที่จะอำพรางกายเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย ทำให้คนทั่วไปไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไร
“แบบนี้ใครจะรู้ว่าเป็นบุบผาดาราม่วง...”
หนิงฝานกล่าวกับตนเองพลางกระตุ้นจิตวิญญาณสมุนไพร แสงสีครามปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ ก่อตัวเป็นหยกสีครามลอยเข้าหาบุบผาดาราม่วง
การจะใช้บุบผาดาราม่วงมีอยู่ด้วยกัน 3 ขั้นตอน
ขั้นแรกคือการเปลี่ยนให้พลังของจิตวิญญาณสมุนไพรกลายเป็นหยก เพื่อทำให้สมุนไพรคลายกายอำพรางกาย
ขั้นตอนที่ 2 คือต้องใช้เพลิงชำระ
และขั้นที่ 3 จะต้องให้ทาสพิษมาถอนพิษออกมา จึงจะได้บุบผาดาราม่วงที่สมบูรณ์ที่สุด
เมื่อหนิงฝานใช้หยกครามทำลายการอำพรางเสร็จ เขาก็จุดเพลิงขึ้นที่มือและเริ่มการชำระสมุนไพร
การชำระสมุนไพรนั้นต้องอาศัยการควบคุมเพลิงที่ละเอียดอ่อน หากเพลิงแรงจนเกินไป จะทำให้สมุนไพรกลายเป็นเถ้าถ่าน
ยามนี้หนิงฝานมองเห็นสมุนไพรได้ชัดขึ้นมาก ทำให้เขาควบคุมเพลิงได้ง่ายมากขึ้น
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม การชำระบุบผาดาราม่วงด้วยเพลิงก็สำเร็จ มันแผ่กลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกสดชื่นออกมา แค่สูดกลิ่น หนิงฝานก็รู้สึกสดชื่ออย่างบอกไม่ถูกแล้ว
“ขั้นตอนที่ 3...”
หนิงฝานจ้องมองศพนางสวรรค์ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจกลืนบุบผาดาราม่วงลงไป
“กลั่น!”
เมื่อบุบผาดาราม่วงเข้าไปในร่าง หนิงฝานเปลี่ยนให้ตนเองกลายเป็นเหมือนกระถางปรุงโอสถ กลั่นบุบผาราดาม่วงที่อยู่ภายใน จนมันค่อยๆกลายเป็นสีแดงโลหิต ปราณสมุนไพรที่แผ่ออกมา ก่อตัวเป็นผลึกสีแดงใส ทุกกระบวนการหนิงฝานทำอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าปราณของบุบผาดาราจะสูญหาย เขาไม่อยากให้ความเป็นไปได้ในการช่วยศพนางสวรรค์ลดลง
เมื่อบุบผาถูกกลั่นจนหมด หนิงฝานสังเกตุเห็นเส้นสายสีดำบนผลึกแดงใส เส้นสายเหล่านั้นคือพิษที่เขาต้องดูดกลืนเอาไว้
การที่บุบผาดาราม่วงมีปราณสมุนไพรที่ทรงพลัง พิษที่มันมีก็ย่อมต้องทรงพลังด้วย
เมื่อพิษเข้าสู่ร่าง ริมฝีปากของหนิงฝานกลายเป็นสีดำ สีหน้าไม่สู้ดี
พิษที่รุนแรงกำลังทำลายอวัยวะภายในร่างกาย ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด แต่เขากัดฟันทน คายผลึกสีแดงใสกระจ่างออกมา แล้วป้อนให้กับศพนางสวรรค์
ข้าไม่สนว่าจะเจ็บแค่ไหน… ข้าไม่สนว่าข้าจะต้องตาย… ข้าแค่อยากให้เจ้ายิ้มเหมือนดังเก่าเท่านั้น!
เมื่อหนิงฝานป้อนผลึกใสเสร็จ เขาก็ถอยห่างจากนางร้อยก้าว และกระอักโลหิตสีดำออกมา
พิษที่รุนแรงขนาดนี้ไม่ใช่พิษที่มนุษย์จะรับได้ แม้เป็นทาสพิษก็ไม่อาจต้านทานได้ แต่หนิงฝานไม่สนใจ!
“แสง... เจ้า… เจ็บ”
นางยังคงไม่เข้าใจว่าหนิงฝานเป็นอะไร นางรู้แค่ว่าหนิงฝานเจ็บและกระอักโลหิต
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้...” หนิงฝานยิ้ม เขาสังเกตุเห็นว่า ร่างกายของนางกำลังดูดซับปราณสมุนไพรจากผลึกที่เขาป้อนเข้าไป
แสงดาราสาดส่องมาที่ตัวนาง ร่างกายนางเริ่มดูดซับเอาแสงดาราเหล่านั้น ซ่อมแซมส่วนที่ได้รับความเสียหาย ทะเลสติที่แตกกระจายไม่มีชิ้นดี เริ่มผสานเข้าด้วยกันอีกครั้ง
สิ่งที่หนิงฝานทุ่มเทไปไม่เสียเปล่า ทั้งยังได้เกินกว่าที่เขาคาดหมายไว้
ในขณะที่หนิงฝานกำลังดีใจอยู่นั้น ร่างกายของเขาก็เปล่งแสงสีดำ และแสงเหล่านั้นคือแสงแห่งดารา
“แสงสีดำ? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
หนิงฝานตกตะลึงก่อนที่ตนจะรู้สึกง่วงอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเข้าสู่นิทราไป
“สงสีดำคือดาราทมิฬ! น้องข้า เจ้าช่างมีวาสนาที่น่าพิศวงจริงๆ!” หลั่วโยว่ที่อยู่ในสร้อยหยิงหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพียงแต่หนิงฝานไม่ได้ยิน
อีกด้านหนึ่ง… เป่ยเหยาแหงนมองท้องนภาด้วยสีหน้าผิดหวัง นางเห็นแสงดาราส่องประกาย และรู้ว่าหนิงฝานให้ศพนางสวรรค์กินบุบผาดาราม่วงแทนตนเอง
“ใบของมันอาจช่วยให้กำเนิดดาราเทพ เนื้อของมันอาจชักนำพลังดาราเข้าสู่ร่างกายเจ้า กระทั่งร่างกายเจ้ายกระดับทรงพลังขึ้น… สมุนไพรเช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงให้นางหมด แม้เจ้าจะดีกับนางมากขนาดไหน นางก็ไม่มีทางเข้าใจว่าเจ้าทุ่มเทอะไรเพื่อนางบ้าง”
เป่ยเหยาถอนหายใจ แต่ไม่นาน สีหน้านางกลับแปรเปลี่ยน เพราะนางเห็นดาราทมิฬก่อนตัวเหนือขึ้นไปบนท้องนภา
“ดาราทมิฬ! อสูรเซียนจะใช้แสงดาราเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ… แสงดาราแบ่งได้ 9 ระดับ สีเงินคือระดับต่ำสุดที่อสูรทั่วไปใช้ ส่วนสีดำคือแสงดาราระดับสูงสุด”
เหตุที่นางรู้และจำแนกออก เพราะนางมีระดับพลังสูงส่ง ที่มากพอจะจำแนกความต่างของแสงดาราได้
แม้ในแดนสวรรค์จะมีวิชารักษาที่ทรงพลัง ก็ยังไม่อาจเทียบเคียงกับการรักษาด้วยแสงดาราทมิฬได้
“มีข่าวลือว่าจักรพรรดิสวรรค์เป็นผู้ครองวิชาดาราที่ทรงพลัง แค่ฝ่ามือเดียวของท่าน ก็สามารถทำลายดาวได้หลายดวง...”
“ถ้าเจ้าบรรลุวิชานั้นได้ ถ้าเจ้าบรรลุขอบเขตจักรพรรดิเซียน บางทีเจ้าอาจเป็นจักรพรรดิสวรรค์คนต่อไป… นี่ข้ากำลังพูดอะไรเนี่ย!” นางส่ายหน้าพลางกล่าว
การที่หนิงฝานจะชักนำดาราทมิฬมาได้ ไม่ใช่สิ่งที่นางจะตื่นเต้นด้วยเลยแม้แต่น้อย อีกอย่าง ยามนี้ทั้งระดับพลังและสิ่งต่างๆของหนิงฝาน ยังทำให้ตนบรรลุวิชาดาราไม่ได้
หนิงฝานหลับไหลอยู่ในแสงดาราทมิฬ 3 วัน ในระหว่างนั้น เขาได้เข้าไปอยู่ในโลกแห่งความฝัน
ในฝันนั้น เขาสวมอาภรณ์ขาว กำลังเล่นหมากรุกกับชายวัยกลางคนในอาภรณ์ดำ
“เจ้าหนูผีเสื้อ… ตาเจ้าแล้ว...”
ชายผู้นั้นลูบเคราพลางกล่าว เขาลูบเคราที่คาง ดวงตาข้างซ้ายกลวงโบ๋มีโลหิตสีดำไหลริน แต่สีหน้าของชายผู้นั้นกลับดูสงบ
“โลกนี้มีทั้งขาวและดำ มีดวงตะวันก็ต้องมีเงา มีความอ่อนโยนก็ต้องมีความแข็งกร้าว… สำหรับข้า วิชาดาราก็เหมือนแสงดาราสีขาวและดำ อ่อนแอกับแข็งแกร่งที่สุด… นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจ… คาดไม่ถึงว่าตัวข้าที่ตายมาแล้ว 150 ล้านปีจะได้พบกับตัวเจ้า… เจ้าดีกับเหว่ยเหลียงมากข้ารู้”
“ท่านเป็นใคร!” หนิงฝานเงยหน้ามองชายผู้นั้น
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ แต่ที่นี่คือความฝัน และเจ้าต้องเอาชนะหมากรุกข้าให้ได้ก็เท่านั้น...”