CF:บทที่ 16 ประจันหน้า
CF:บทที่ 16 ประจันหน้า
หลังจากที่ยืนยันว่าอู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้ล้อเล่น ชายตัวอ้วนก็พาอู๋ ฮ่าวเหรินไปที่แผนกต้อนรับตรงหน้าแท่นจัดแสดง และขอให้เขารอก่อนที่จะวิ่งไปในพื้นที่พักข้างหลังเขา
ชายตัวอ้วนวิ่งเข้าไปแล้วเห็นผู้จัดการหวางและผู้ชายอีกคนเดินออกมาจากห้องน้ำ
“ผู้จัดการหวางๆ ผมที่เรื่องที่ต้องรายงานคุณ”
ผู้จัดการหวางกำลังคุยกับเพื่อนของเขา เมื่อเขาได้ยินเสียงของชายตัวอ้วนแล้วเขาก็หันมาแล้วบอกให้เพื่อนรอเขาก่อน
เขายังฝังใจกับเรื่องของชายตัวอ้วนคนนี้อยู่บ้าง เหตุผลหลักๆเลยคือเขามาทำงานที่บริษัทนี้สองเดือนแล้ว แต่ยังขายรถไม่ได้แม้แต่คันเดียว แล้วเมื่อสองวันก่อน เขามาถามหาค่าทำงานล่วงเวลาเนื่องในเทศกาลปีใหม่อีก
“เสี่ยว ฉาง ฉันบอกนายเรื่องค่าจ้างแล้ว บริษัทเราก็มีกฎระเบียบนะ”
“ไม่ใช่ๆ ผม...”
“อย่าบอกว่าเราทำงานล่วงเวลาในช่วงปีใหม่ เราไม่เรียกนั่นว่าการทำงานล่วงเวลา เราแค่ทำงานเพิ่มเฉยๆ นายไม่จำเป็นจะต้องมาทำงานในช่วงปีใหม่ บริษัทไม่ได้บังคับนาย แต่นายก็เลือกที่จะมา แต่นั่นก็ถูกอยู่ ถ้านายทำงานอย่างจริงๆจังๆล่ะก็ฉันจะให้ค่าคอมมิชชั่นนายเท่ากับ 2.5% ของราคารถที่นายขายได้เป็นคันแรกของบริษัท นี่เป็นรางวัลพิเศษสำหรับนายเลย นายต้องเติมไฟสักหน่อย ถ้านายขายรถคันล่ะล้านหยวนได้ล่ะก็นายจะได้เงินเป็นหมื่นหยวนเลยนะ”
ผู้จัดการหวางตบบ่าชายตัวอ้วนด้วยสีหน้าเชิงบวกสุดๆอย่างกับจะให้กำลังใจเขา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้จัดการหวางนั้นสนใจในตัวคนอ้วน เดี๋ยวนี้มันไม่ง่ายเลยที่จะหาพนักงานขายที่กล้าทำงานในที่แบบนี้ โดยเฉพาะคนอ้วนที่ทำงานหนัก
“เอาล่ะ กลับไปพยายามทำงานได้แล้ว บางทีเราอาจจะได้ขายรถคันแรกในวันนี้ก็ได้”
ชายตัวอ้วนที่ถูกผู้จัดการพูดใส่เป็นชุด ไม่ตอบสนองอะไรเลยแต่เมื่อเขาได้ยินเรื่องค่าคอมมิชชั่นแล้ว ตาเขาก็เป็นประกายทันที
“ผู้จัดการผมมาหาคุณเพราะเรื่องอื่นนะครับ”
“โอ้ แล้วเรื่องอะไรล่ะ”
“เอ่อ แล้วผู้จัดการครับที่คุณพูดเมื่อครู่นี้นับรึเปล่าครับ?” ชายตัวอ้วนถามอย่างอายๆ ราวกับว่าเขากำลังเขินอยู่
ผู้จัดการหวางไม่ได้สนใจ และตอบไปว่า “แน่นอนนับสิ”
“เยี่ยมไปเลยครับผู้จัดการ คุณนี่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ คุณรู้ได้ไงว่าผมจะขายรถคันแรกได้ในวันนี้ เมื่อครู่ผมได้คุยกับลูกค้าตรงข้างหน้า ผมเลยมาที่นี่เพื่อบอกคุณ อย่างไรก็ตาม ลูกค้าคนนั้นก็มีความต้องการพิเศษซึ่งต้องให้คุณไปจัดการครับ”
“โอ้ ต้องการอะไรล่ะ ถึงกับต้องให้ฉันเป็นคนไปจัดการเองแบบนี้”
“เขาบอกว่าเขาจะจ่ายราคาเต็มในตอนนี้เลย แต่เขาต้องออกรถได้ในวันพรุ่งนี้”
“ดูเหมือนจะยุ่งยากอยู่นะเลยที่จะจ่ายราคาเต็มแล้วเอารถออกไปเลยในวันพรุ่งนี้”
“ผู้จัดการหวาง ฟังผมนะรถที่เขาจะซื้อคือคันที่หรูที่สุดที่เรามีเลย รถรุ่น BMW 7 ที่มูลค่า 2 ล้านหยวนครับ”
“อะไรนะ? คันที่ราคาสองล้านจริงๆหรอ ไม่ได้ฟังมาผิดนะ?”
“ไม่หรอกครับ เขาบอกกับผมด้วยตัวเอง แต่เขาต้องเอารถออกไปได้ในวันพรุ่งนี้”
“ไม่มีปัญหา มันไม่มีปัญหาเลยในการที่จะเอารถออกไปในวันพรุ่งนี้ เอาล่ะ พาฉันไปดูหน่อย นายทำได้จริงๆด้วย! ยิ่งกว่านั้นมันยังเป็นเรื่องใหญ่ด้วย”
“ผู้จัดการครับ เพื่อนคุณยังรออยู่ตรงนั้นนะครับ”
“โอ้ ผู้จัดการเหอ ผมมีอะไรที่ต้องไปจัดการสักหน่อย ไว้เราค่อยมาคุยเรื่องนั้นกันวันหลังนะ”
ผู้จัดการเหอที่กำลังรออยู่ ได้ยินบทสนทนาระหว่างสองคนนั้นแล้วจึงพูดว่า “ไม่เป็นไร มันไม่ใช่ธุระของผม ไปดูเถอะว่าเขาเป็นใคร?”
หลังจากที่รอมานาทีกว่าๆ ชายอ้วนยังไม่กลับมา เสี่ยว เจี่ยพนักงานคนที่ห้ามเขาทดสอบรถ ก็เดินมาหาเขา
“โอ้ นี่มันคนที่อยากซื้อรถหรูไม่ใช่หรอเนี่ย ทำไมรอเจ้าอ้วนนั่นอยู่ล่ะ เขาไม่คู่ควรที่จะรอหรอก”
“นี่แหละคือเจ้าอ้วนนั่น ถึงเขาจะขอความช่วยเหลือ เขาก็จะไปขอกับคนที่ดูรวย นี่เขาไม่มีเงินเลยรึไงนะ?”
“ไม่มีเงิน? ไม่มีเงินกับผีน่ะสิ ว่าไม่ใครคู่ควรวะ! เสี่ยว เจี่ย แกทำกับฉันอย่างกับเป็นวัวเป็นควาย ฉันก็ไม่พูดอะไร ฉันไม่ได้เจรจาธุระกิจได้ง่ายนะ นายยังจะมาใส่ร้ายฉันอีก จิตใจนายทำด้วยอะไร?”
ชายตัวอ้วนที่เพิ่งกลับมาได้ยินคำพูดของเสี่ยว เจี่ยพอดีและควบคุมตัวเองไม่อยู่ ทั้งๆที่ผู้จัดการยังอยู่ข้างๆโพล่งออกมาตรงๆ
ผู้จัดการหวางไม่พูดอะไร แน่นอนว่าเขาเข้าใจว่ากำลังเกิดเรื่ออะไรขึ้น เขาเพียงต้องแค่ฟังหูไว้หู
ผู้จัดการหวางมองที่อู๋ ฮ่าวเหริน แม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไรตาของเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย
แน่นอนว่าในฐานะที่เป็นคนแก่ๆที่เห็นโลกนี้มาหลายสิบปี เขาจะไม่แสดงสีหน้าออกไปแบบเสี่ยว เจี่ย ปล่อยให้เขาพูดไม่รู้เรื่องไป
เขาจะไม่ดูถูกลูกค้าคนไหนทั้งนั้น และใช้หลักการว่าลูกค้าคือพระเจ้าอย่างเคร่งครัด
“สวัสดีครับ จะให้เราเรียกสุภาพบุรุษที่อยากได้ BMW 7 ท่านนี้ว่าอะไรดี?”
อู๋ ฮ่าวเหรินพยักหน้าแล้วตอบว่า “ผมชื่อว่าอู๋ ฮ่าวเหริน ผมอยากซื้อรถจริงๆนะ แต่ผมต้องการที่จะเอารถออกไปได้เลยในวันพรุ่งนี้”
ได้ยินน้ำเสียงของอู๋ ฮ่าวเหรินและสีหน้าใจเย็นของเขาแล้ว ท่าทีของผู้จัดการหวางก็เปลี่ยนไป
ถ้าเมื่อครู่เขายังมีความสงสัยอยู่บ้างล่ะก็ ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าอู๋ ฮ่าวเหรินสามารถซื้อรถคนนี้ได้จริงๆ เป็นคนรวยที่ปกปิดตัวตน
“ขอเชิญทางนี้เลยครับ ไปคุยกันข้างในดีกว่า”
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่มีเวลาจะคุยกับเขาเลยบอกเขาว่า “ไม่ เงื่อนไขของผมก็ง่ายๆ ผมต้องการรถในวันพรุ่งนี้ ถ้าคุณตกลงล่ะก็ผมจะจ่ายเงินตอนนี้เลย”
“ฉาง หยางไปเรียกเสี่ยว หลีให้ทำเรื่องการซื้อขายกับสุภาพบุรุษท่านนี้ที คุณอู๋นั่งพักอยู่ตรงนี้ก่อน ระหว่างที่คุณรอคนที่กำลังมา ผมจะไปจัดการเรื่องการซื้อขายของคุณให้”
เห็นผู้จัดการทำทุกอย่างด้วยตัวเขาเองแล้ว ชายตัวอ้วนก็ถามด้วยเสียงเบาว่า “ผู้จัดการครับ ค่าคอมมิชชั่นของผมล่ะ?”
“แน่นอน ทั้งค่าคอมมิชชั่นของนายที่ขาดไม่ได้อยู่แล้ว และโบนัสของนายด้วย”
นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดีเลย ในวันที่สองของปีเราขายรถมูลค่า 2 ล้านได้
เสี่ยว เจี่ยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็ตาโตไป ถึงอยากจะขอตัวออกไปแต่ก็ทำไม่ได้ ยังต้องอยู่ตรงนี้ รู้สึกถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้า ในขณะเดียวกันก็เสียใจจนอยากเอาหัวโขกกำแพง เดิมทีเขาควรจะได้เป็นคนทำการซื้อขายนี้! และลูกค้าที่เขาพามาซื้อรถก็หันกลับและเดินจากไป
“คุณอู๋ คุณรีบจะใช้รถมากไหม? หรือจะให้ผมส่งรถให้คุณไปใช้ก่อน”
“ผมเคยทำงานอยู่ในบริษัทเล็กๆ เมื่อวานผมได้ลาออกแล้วก็กำลังจะกลับบ้าน ดังนั้นถ้าผมอยากจะซื้อรถ ผมคงไม่ต้องการคันที่จะเอาไปใช้แค่ชั่วคราวแน่นอน”
อู๋ ฮ่าวเหรินพูดความจริงแต่สำหรับผู้จัดการหวางและผู้จัดการเหอแล้วมันไม่ใช่ พวกเขาคิดว่าอู๋ ฮ่าวเหรินเป็นคนรวยที่ออกมาหาประสบการณ์ชีวิต ประสบการณ์ที่ได้มันคงเกือบจะเหมือน เขาเลยจะซื้อรถเพื่อกลับบ้านราวกับการเดิน
คนๆนี้เป็นคนที่รวยมากๆแน่นอน นึกภาพของคนที่ซื้อสกูตเตอร์ราคาสองล้านสิเขาจะต้องรวยขนาดไหน
จะโทษที่เขาคิดแบบนี้ไม่ได้หรอก อู๋ ฮ่าวเหรินเห็นแบบนี้แล้ว เขาคิดว่าเขาพูดเยอะไปหน่อย
การซื้อขายถูกจัดการอย่างราบรื่น ยิ่งหลังจากที่ผู้จัดการหวางเห็นจำนวนเงินในบัญชีเขาแล้ว เขายิ่งกว่ามั่นใจเสียอีกว่าคนๆนี้เป็นทายาทของครอบครัวเศรษฐีที่ออกมาหาประสบการณ์ชีวิต
และเมื่อพวกเขากำลังทำเรื่องการซื้อขาย พนักงานขายเสี่ยว เจี่ยก็ขอตัวออกไปอย่างเงียบๆ
------------------------------------