บทที่ 8 การปรุงยาที่ผิดพลาด
ฟ่ออ…
ความรู้สึกเจ็บปวดที่มาจากไหล่ซ้ายได้ปลุกเจียงอี้ผู้ที่กำลังอยู่ในภวังค์ให้กลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
เขาจัดการกับตัวเองไม่ให้คิดมากไปชั่วขณะและเพ่งสมาธิไปที่บาดแผลที่กำลังได้รับการเยียวยาก่อน
เจียงอี้หยิบเม็ดยาโสมเหลืองออกมาจากถ้วยลายครามขนาดเล็กและกลืนมันลงไปพร้อมกับน้ำ
นี่คือยารักษาระดับต่ำสุดที่ตระกูลเจียงกลั่นและผลิตเอง...ยาโสมเหลืองนี่เป็นยาสำหรับผู้มีระดับมนุษย์ขั้นต่ำ
ระบบที่เกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาศิลปะการต่อสู้มีความก้าวหน้ามากในทวีปเทียนชิง สมุนไพรสกัด, อาวุธ, การบ่มเพาะพลังและกระบวนท่าศิลปะการต่อสู้ล้วนมีระดับที่แตกต่างกัน
ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นพวกเขาได้แบ่งประเภทจากขั้นต่ำ ไปจนถึง ขั้นสูง และจัดเป็นทักษะระดับมนุษย์หรือแม้กระทั่งแยกเป็นทักษะระดับเซียน โดยแต่ละระดับจะถูกแบ่งออกเป็นสามระดับย่อยคือขั้นสูง ขั้นกลาง และขั้นต่ำ
ยกตัวอย่างเช่นวรยุทธวารีที่เจียงอี้ได้ฝึกฝน จัดอยู่ในประเภททักษะการต่อสู้ระดับมนุษย์ขั้นสูง เป็นวิชาการต่อสู้ในระดับสูงสุดและ "หมัดมายา" ที่เขาได้เรียนรู้จากตระกูลเจียงนั้นจัดว่าเป็นทักษะระดับมนุษย์ขั้นสูงเช่นกัน
ในฐานะนายน้อยจากตระกูลสาขา ตามกฎเกณฑ์ของตระกูลเจียง เจียงอี้สามารถแลกยาในระดับของมนุษย์ขั้นกลางได้ถึงระดับสาม ซึ่งเรียกว่า “เม็ดยาแก่นแท้วิญญาณ” ซึ่งสามารถช่วยในการฝึกฝนและพัฒนาร่างกายให้แก่เจียงอี้ได้ดี
เช่นเดียวกับระดับของมนุษย์ขั้นกลางระดับสอง ที่เรียกว่า "เม็ดยาโสมดำ" สามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ถึงแม้ว่าเขาจะทำร้ายตัวเองในระหว่างที่ใช้ยาและการฝึกอบรมก็ยังได้
โชคไม่ดีที่เจียงอี้ถูกเหยียดหยามจากตระกูลเจียงมากขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่ลดเงินเดือนของเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก
แม้กระทั่งยาสมุนไพรก็ถูกแทนที่ด้วยระดับที่ต่ำที่สุด..ซึ่งก็คือ “เม็ดยาเสริมกำลัง และเม็ดยาโสมเหลือง”
ยิ่งไปกว่านั้น ปริมาณยาที่พวกเขาให้เจียงอี้ยังลดลงเหลือเพียงแค่เม็ดเดียวต่อเดือน
กำลังในการฟื้นฟูของยาโสมเหลืองช่างน้อยนิดนัก... มันถูกกลั่นมาจากโสมหญ้าที่ปลูกในสวนสมุนไพรบนเขาซีชานและนำมารวมกับสมุนไพรบางชนิดและมีผลในการฟื้นฟูและบำรุงโลหิต
เจียงอี้ก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะพึ่งพายาที่มีคุณภาพต่ำเช่นนี้ หลังจากทานยาเขาก็เริ่มใช้วรยุทธวารีของตระกูลเจียงเพื่อเริ่มการรักษาภายใน
“ฮู่ ....”
หลังจากนั่งสมาธินานสองชั่วโมง ในที่สุดเจียงอี้ก็ลืมตาขึ้นมาด้วยท่าทางที่เหน็ดเหนื่อย
เมื่อตอนที่เขาขับลมปราณวรยุทธวารี เขามองเข้าไปภายในร่างกายของเขาและค้นพบว่ากระดูกที่ไหล่ซ้ายของเขาแตกไปสามท่อน
นี่คือความเสียหายที่จะต้องอาศัยวรยุทธของตระกูลเจียงซึ่งใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มสำหรับการทำสมาธิเพื่อรักษาอย่างเต็มที่
ไม่ต้องพูดถึงประสิทธิภาพของยาสมุนไพร ระดับของยาโสมเหลืองนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำเกินไป ประสิทธิภาพทางการแพทย์ของมันนั้นด้อยเกินไปและความเร็วของการรักษาของมันก็ช้ามาก ผ่านมาเป็นเวลาสองชั่วโมงแล้ว แต่ยาพึ่งจะซึมเข้าไปในกระแสเลือด ...
“ใครจะรู้ได้ว่าเจียงหยูหู่จะไม่มาก่อกวนข้าในวันพรุ่งนี้ ข้าคิดว่าข้าควรเริ่มต้นศึกษาแก่นแท้พลังสีดำนั่นสักหน่อยก่อน ส่วนอาการบาดเจ็บภายในร่างกายก็พักไว้ก่อนแล้วกัน ข้าว่าค่อยรักษาภายหลังยังทัน ...”
เจียงอี้ใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งและสุดท้ายก็หยุดรักษาอาการบาดเจ็บของเขาไป เขาเริ่มฝึกวรยุทธจากบทสวดนิรนามแทน เพื่อศึกษาแก่นแท้พลังสีดำ
สองชั่วโมงต่อมา ...
เจียงอี้ลืมตาของเขาขึ้นมาอีกครั้งและรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างอยู่ภายในตันเทียนของเขา ซึ่งตอนนี้มีแก่นแท้พลังสีดำหกเส้นถูกเก็บไว้ในตันเทียนของเขา
ยิ่งเขา "มอง" ดูเข้าไปภายในพลังเหล่านั้น มันยิ่งดูน่ารักมากขึ้นเรื่อยๆ
ท้ายที่สุดแล้ว ยังไงพวกนี้ก็เปรียบเสมือนลูกๆของเขาและหากไม่ใช่เพราะแก่นแท้พลังสีดำนี้ คงจะมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นอีกมากมาย
"ข้าควรทดลองมันอย่างไรดี เมื่อช่วงบ่ายวันนั้น ข้าได้ลองกับหมัด ขา ข้อศอกและตาแล้ว หากลองกับหูของข้ามันจะเป็นเช่นไรนะ”
ด้วยความคิดนั้น เมื่อแก่นแท้พลังสีดำสามารถใช้สายตาได้ดีขึ้นแล้ว หากลองวิธีเดียวกันนั้น จะมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับการได้ยินหรือไม่นะ?
ฮืม และจมูกอีก ใครจะรู้ อาจจะได้กลิ่นที่ดีขึ้นด้วยก็ได้
ถ้าเจียงอี้บอกว่าเขาจะทำมัน เขาจะทำอย่างแน่นอน!
เจียงอี้ลองขับพลังปราณด้วยแก่นแท้พลังสีดำและรวมมันเข้าด้วยกันกับแก่นแท้พลังสีน้ำเงินบางส่วน ก่อนที่จะค่อยๆควบคุมการเคลื่อนไหวไปที่หัวของเขา
แต่แก่นแท้พลังสีดำนี้มีปริมาณที่ไม่เพียงพอ ถ้ามันไม่ได้รวมพลังกับแก่นแท้พลังสีน้ำเงิน เขาก็กลัวว่าหากใช้แก่นแท้พลังสีดำอย่างเดียวก็ไม่เพียงพอที่จะสร้างผลกระทบใดๆได้
"เอ๊ะ...พลังของเม็ดยาโสมเหลืองนี้เริ่มมีผลและรักษาแผลโดยตัวมันเองแล้ว..แต่แย่หน่อยที่ประสิทธิภาพของยานั้นอ่อนเกินไป...."
เมื่อผสานแก่นแท้พลังผ่านเส้นลมปราณไปที่บริเวณหน้าอกซ้ายของเขา เจียงอี้ก็นิ่งไปชั่วขณะและมองลึกเข้าไปภายในร่างกายของเขาเพื่อสังเกตบาดแผลของเขา
เขาไม่ได้เตรียมตัวไว้สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อน
แก่นแท้พลังสีดำนั้นแยกตัวออกจากแก่นแท้พลังสีน้ำเงิน และเข้าไปผสานกับพลังของยาสมุนไพรแทน
“เอ๊ะ?”
เจียงอี้รู้สึกว่าร่างกายของเขาสั่นเทา และเห็นได้ชัดว่าความเร็วในการรักษาของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นความเร็วที่รักษาได้ห้าหรือหกเท่าจากความเร็วเดิม
ตอนนี้สมุนไพรของเขาเหมือนอยู่ในระดับเดียวกับยาสมุนไพรขั้นสูงเลย
"ช่างแปลกประหลาดอะไรเช่นนี้! ถ้าหากว่าแก่นแท้พลังสีดำนี้สามารถเพิ่มพลังของยาสมุนไพรได้จริงๆ...”
หัวใจของเจียงอี้ได้พองโตขึ้นเมื่อเขามุ่งความสนใจไปที่การสังเกตแผล
แต่โชคไม่ดี เพราะแก่นแท้พลังสีดำได้ถูกใช้จนหมดภายในยี่สิบถึงสามสิบวินาทีและความเร็วในการรักษาบาดแผลก็ช้าลงเช่นกัน
แม้ว่าจะมีแก่นแท้พลังสีน้ำเงินอยู่ด้วย แต่ความเร็วในการรักษาก็เพิ่มขึ้นแค่เพียงเล็กน้อย
เจียงอี้นำแก่นแท้พลังสีดำออกมาใช้อีกเส้นทันที และส่งแก่นแท้พลังสีดำเส้นใหม่ไปอีกครั้งที่บริเวณบาดแผลเพื่อผสานกับพลังของยาสมุนไพรและเร่งกระบวนการรักษาแผลให้เร็วขึ้น
เจียงอี้รู้สึกได้ว่ากระดูกที่หักนั้นถูกประกอบให้เข้ากันอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันทำให้เจียงอี้รู้สึกสบายขึ้นมาก
เขาใช้แก่นแท้พลังสีดำเส้นเก่าให้หมดไปก่อนที่จะเรียกแก่นแท้พลังสีดำเส้นใหม่มาใช้เพิ่ม เพื่อเร่งการสมานแผลให้เร็วขึ้น
สิ่งที่ทำให้เจียงอี้รู้สึกเศร้าใจก็คือแก่นแท้พลังสีดำของเขานั้นมีน้อยเกินไป...ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แก่นแท้พลังสีดำทั้งหกเส้นก็หมดไปอย่างรวดเร็ว
เจียงอี้เพ่งมองเข้าไปภายในเพื่อดูบาดแผล และเขาก็รู้สึกดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนี้ ความเร็วในการฟื้นตัวของบาดแผลนั้นรวดเร็วกว่าตอนที่เขาทำสมาธิในช่วงสี่ถึงหกชั่วโมงที่ผ่านมา
หากในขณะนั้นเจียงอี้มีแก่นแท้พลังสีดำเพียงพอ เขาคิดว่าภายในสองนาทีครึ่งเขาก็จะสามารถรักษาบาดแผลได้เจ็ดถึงแปดส่วน…
ในตอนนี้เขาไม่สนใจสิ่งอื่นเลยและเขานั่งสมาธิทันทีเพื่อขับพลังปราณและฝึกฝนบทสวดนิรนามเพื่อดึงแก่นแท้พลังสีดำออกมาให้ได้มากขึ้น
แก่นแท้พลังสีดำนี้หมดรวดเร็วเกินไปและมันไม่เคยมีเพียงพอที่จะใช้ในช่วงเวลาสำคัญ
คราวนี้เจียงอี้เตรียมที่จะสะสมพลังนี้เพิ่มโดยไม่นอนและใช้เวลาไปกับการบ่มเพาะพลังแทน นับเป็นเวลาแปดถึงสิบชั่วโมงจนกว่าท้องฟ้าจะสว่าง
เขามุ่งมั่นที่จะบ่มเพาะพลังให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อที่เขาจะได้สามารถรักษาบาดแผลของเขาได้ในรุ่งเช้า
หกชั่วโมงต่อมา ในขณะที่ท้องฟ้ายังคงมืดอยู่ เจียงอี้หยุดบ่มเพาะพลังชั่วขณะ เจียงอี้ลืมตาของเขาขึ้น และเขามีความรู้สึกที่ไม่เข้าใจและความเศร้าโศกอยู่ภายใต้ใบหน้าของเขา
เพราะว่า....หลังจากรวบรวมแก่นแท้พลังสีดำได้สิบเส้น ไม่ว่าเขาจะใช้พลังปราณในการบ่มเพาะบทสวดนิรนามมากเท่าใด ตันเทียนของเขาก็ไม่ได้สร้างแก่นแท้พลังสีดำให้มากขึ้นไปกว่านั้นเลย..
“มันเป็นไปได้อย่างไร ช่างไม่สมเหตุสมผลเลย!”
ใบหน้าของเจียงอี้เต็มไปด้วยความงุนงง เขาคิดว่าเมื่อเขาบ่มเพาะแก่นแท้พลังสีดำไว้มากๆ เขาจะสามารถลองใช้มันโจมตีแบบเต็มกำลังและดูว่าพลังนั้นมหาศาลเพียงใด
หากเขาสามารถยืนยันได้ว่าพลังของเขาเพิ่มขึ้นจริงๆ เขาต้องการที่จะค่อยๆฝึกฝนแก่นแท้พลังสีดำของบทสวดนิรนามแทน แม้ว่าการเริ่มฝึกฝนพลังของแก่นแท้สีดำนั้นจะช้ากว่าแก่นแท้พลังสีน้ำเงินไปมาก
แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องคิดถึงสิ่งเหล่านี้ เพราะแก่นแท้พลังสีดำสามารถบ่มเพาะไว้ได้เพียงสิบเส้น
นี่ยังไม่เพียงพอที่จะใช้ในการโจมตีหรือปลดปล่อยพลังใดๆโดยไม่รวมมันเข้ากับแก่นแท้พลังสีน้ำเงิน
“สิบเส้น?? ข้าจะทำอะไรได้กับพลังอันเล็กน้อยนี่”
เจียงอี้รู้สึกไม่พอใจและเขาได้นั่งสมาธิเพื่อที่จะท่องบทสวดนิรามอีกครั้ง
แต่อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลืมตาของเขา....แก่นแท้พลังสีดำในตันเทียนของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นมาแม้แต่เส้นเดียว!
"อืม…มาดูกันว่าข้าจะสามารถบ่มเพาะต่อไปได้หรือไม่ หากลองใช้พลังที่มีอยู่ในตันเทียนของข้าก่อน"
เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่จะนำแก่นแท้สีดำมาใช้ในการรักษาบาดแผลต่อ หลังจากที่เขาลองใช้แก่นแท้พลังสีดำในตันเทียนไปแล้ว เขาก็นั่งสมาธิเพื่อบ่มเพาะพลังสีดำของบทสวดนิรนามอีกครั้ง
ผลคือตันเทียนของเขาเริ่มสร้างพลังแก่นสีดำอีกครั้ง แต่เมื่อบ่มเพาะแก่นแท้พลังได้ครบสิบเส้นแล้ว มันก็ไม่เพิ่มขึ้นอีกเช่นเคย....
“นี่เป็นการบ่มเพาะโง่ๆประเภทไหนกันนะ? สวรรค์พยายามที่จะเล่นตลกกับข้าหรอ?”
เมื่อเจียงอี้ลืมตาของเขาและใช้สายตามองไปรอบห้อง เขาก็สังเกตเห็นว่าท้องฟ้าด้านนอกนั้นสว่างแล้ว และเสียงตึงตังของเสี่ยวนู๋ที่กำลังตื่นนั้นก็เริ่มดังขึ้น
“ช่างมัน ข้าไม่รีบเร่งอีกต่อไป ข้าควรรักษาบาดแผลของข้าให้หายดีเสียก่อนเพราะวันนี้ข้าต้องไปที่ทุ่งเพื่อตรวจสอบจำนวนสมุนไพรอีก หวังว่าข้าจะไม่ถูกขัดขวางโดยเจียงหยูหู่และลูกน้องของมันอีกนะ ...”
เจียงอี้จำการกำชับของหัวหน้าหรงเมื่อวันก่อนได้และไม่กล้าจะทำให้การทำงานเชื่องช้าแบบคราวนั้นอีก
หากเขาไม่รักษาอาการบาดเจ็บของเขา ถึงแม้จะมีแก่นแท้พลังสีดำ แต่ความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็จะลดลงอย่างมาก
เมื่อเขากำลังดึงแก่นแท้พลังสีดำมาใช้และขับพลังไปใกล้บริเวณบาดแผลและเตรียมที่จะผสานกับยาสมุนไพรภายในร่างกาย เจียงอี้ก็ค้นพบว่าเมื่อผ่านไปกว่าหกชั่วโมง ประสิทธิภาพของยานั่นได้หมดไปอย่างสมบูรณ์
เม็ดยาโสมเหลืองนี้พิสูจน์ให้เห็นว่ามันเป็นยาอายุวัฒนะที่ระดับต่ำสุดและมีประสิทธิภาพการรักษาที่อ่อนแออย่างน่าสมเพช ...
“เดี๋ยวก่อนนะ แก่นแท้พลังสีน้ำเงินนั้นสามารถช่วยรักษาบาดแผลได้ และแก่นแท้พลังสีดำของข้ามีพลังมากมาย มันสามารถเร่งความเร็วและรักษาบาดแผลของข้าได้หรือไม่นะ เหตุใดข้าจึงมัวแต่สนใจที่จะรวมแก่นแท้พลังสีดำเข้ากับยาสมุนไพรเพียงอย่างเดียว”
เจียงอี้คิดบางอย่างได้และหัวใจของเขาก็เต้นรัว
มันเป็นสองสิ่งที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างแก่นแท้พลังสีดำที่เพิ่มความแข็งแกร่งของผลของยาสมุนไพรและความสามารถในการเร่งรักษาโดยตรงของพลังสีดำ
หากมันเป็นอย่างที่ข้าคิด ผลของพลังนี้จะเป็นเช่นไรนะ!
ภายภาคหน้า เจียงอี้จะไม่ต้องรักษาบาดแผลของเขาด้วยการใช้ยาสมุนไพรต่างๆอีกต่อไป ...
อย่างไรก็ตาม!
สิ่งที่ทำให้เขางุนงงก็คือ เมื่อเขาขับแก่นแท้พลังไปรอบๆบาดแผลของเขาเพื่อช่วยการรักษา เขาพบว่าความเร็วในการรักษานั้นเท่ากันกับตอนใช้แก่นแท้พลังสีน้ำเงินรักษาเช่นเดิม
ความเร็วนั้นจะไม่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม
แก่นแท้พลังสีดำนี้สามารถเพิ่มพลังการรักษาร่วมกับยาสมุนไพร แต่ไม่สามารถรักษาบาดแผลได้ด้วยตนเอง
เจียงอี้เป็นกังวลอยู่ภายในใจ การรักษานั้นไม่สามารถรักษาอย่างรวดเร็วได้แล้ว และถ้าเจียงอี้นับจำนวนสมุนไพรที่เขาซีชานช้าอีกรอบ อาจถูกหัวหน้าหรงตำหนิอีกยกใหญ่
ปัญหาคือบาดแผลที่ไม่ได้รักษาของเขา เขาไม่กล้าไปที่ทุ่งนาเพราะเขากลัวว่าจะถูกทำร้ายโดยเจียงหยูหู่และลูกน้องของมันอีก
“อืม, ข้าควรไปที่ห้องยาเพื่อไปเอายามารักษาก่อน!”
เจียงอี้จำได้ว่าเขายังไม่ได้รับยาของเดือนนั้น ดังนั้น เขาจึงรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วรีบแต่งตัวก่อนที่จะเดินออกไปข้างนอก
ขณะที่เขาเดิน เขาขยับไหล่ซ้ายและสังเกตว่าในตอนนี้สภาพแผลไม่ได้รุนแรงเหมือนเมื่อวันก่อนแต่มันก็ยังคงเจ็บปวดอยู่
“นายน้อย ท่านจะไปไหนหรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเจียงอี้ หัวเล็กๆของเสี่ยวนู๋ก็โผล่ออกมาจากห้องข้างๆ
ด้วยผมสีเหลืองอ่อนนุ่มและดวงตาโตๆคู่หนึ่งที่ยังคงมีคราบน้ำตาซ่อนอยู่ใต้ใบหน้า นางดูไม่สบายใจเมื่อเห็นเจียงอี้ออกจากบ้านตั้งแต่เช้า
"เสี่ยวนู๋ ข้ากำลังจะรีบออกไปข้างนอกและจะรีบกลับมานะ"
เจียงอี้ได้พูดกับเสี่ยวนู๋ก่อนจะออกมา...และขอให้นางอยู่บ้านและไม่ออกไปไหน และหากมีใครบางคนมาแถวๆประตูห้อง นางต้องรีบไปซ่อนตัวในสวนหลังบ้านทันที
เขารีบเดินไปแถวตำหนักตะวันออกเพื่อไปรับยาสมุนไพรเพื่อมารักษาอาการบาดเจ็บของเขาทันที
เขาออกจากตำหนักไปอย่างรวดเร็ว เจียงอี้เดินต่อไปยังตำหนักทางทิศใต้ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องยา
เนื่องจากมันเป็นตอนรุ่งสาง ตำหนักตระกูลเจียงก็มีชีวิตชีวาและคึกคัก แต่ก็ไม่มีใครสนใจเจียงอี้ผู้ตกอับอยู่ดี
หลังจากนั้นเพียงห้านาที เจียงอี้ก็เดินมาถึงห้องยา เขาแง้มประตูด้วยความกลัว ขณะที่เขามองเข้าไปในห้อง และสงสัยว่าผู้เฒ่าที่ประจำอยู่ที่ห้องยานั้นอยู่ที่นั่นหรือไม่
ชายผู้นี้เป็นผู้ปรุงยาให้แก่ตระกูลเจียง ท่านคือ ผู้เฒ่าหลิ่ว ผู้มีนิสัยแปลกประหลาด
และสิ่งที่ทำให้เขาไม่กล้าที่จะพูดออกมาคือชายชราที่ว่านั่น เขาอยู่ภายในห้อง ผู้เฒ่านั้นสวมเสื้อคลุมยาวสีน้ำตาลและผมยุ่งเหยิงราวกับคนบ้า กำลังยืนอยู่ที่หม้อปรุงยาและมองเข้าไปในดวงตาของเจียงอี้ด้วยสายตาที่เบิกกว้าง
โดยปกติแล้ว ลูกหลานของครอบครัวเจียงซึ่งปกติผู้ที่จะเป็นผู้ช่วยอยู่ในห้องยาคือ เจียงซง แต่เขาดันไม่อยู่ในห้องยาในตอนนี้
ผู้เฒ่าหลิ่วมีชื่อเสียงในครอบครัวเจียงเรื่องนิสัยแปลกๆของเขา ดังนั้นเจียงอี้และทายาทใน
ตระกูลคนอื่นๆของตระกูลเจียงจึงต้องการที่จะหลีกเลี่ยงและพบท่านผู้เฒ่าหลิ่ว
พวกเขาจะมาหาเจียงซงแทนเมื่อพวกเขามาที่นี่เพื่อขอยา เพื่อหลีกเลี่ยงการดูถูกหรือทำให้ผู้เฒ่าขุ่นเคืองเพราะเขามีอิทธิพลในตระกูล
“ข้าควรทำอย่างไรดี? กลับมาใหม่คราวหลังหรอ?” เจียงอี้พึมพำกับตัวเองไปมา
อย่างไรก็ตามในเวลานั้นผู้เฒ่าหลิ่วก็ตะโกนออกมาจากในห้องทันที “เจียงซง เจ้ากำลังยืนทำอะไรอยู่ข้างนอกนั่น?
มานี่! เข้ามานี่และมาคุมอุณหภูมิของหม้อยาที! เจ้าเด็กไร้ประโยชน์ สิ่งที่เจ้าเก่งนักก็คือการทำตัวขี้เกียจไปวันๆ”
เจียงอี้เกาจมูกเขาอย่างแรง เขาเดินออกมาจากที่ที่เขาซ่อนตัวอยู่และยกมือคำนับ "คำนับท่านผู้เฒ่าหลิ่วข้า…เอ่อ ข้าไม่ใช่เจียงซง ข้าคือเจียงอี้ขอรับ ข้ามาที่นี่เพื่อมาขอยาสมุนไพร”
“ขอยาจากข้า!”
ใบหน้าของผู้เฒ่าหลิวเปลี่ยนเป็นสีดำอึมครึม ผู้เฒ่าลูบเคราของเขาและจ้องที่เจียงอี้และตอบว่า
“เจ้ามันเป็นเด็กที่ไร้ประโยชน์ พวกเจ้าทุกคนไม่เคยเข้างานตรงเวลาเลย แต่พอเป็นช่วงเวลามารับยา พวกเจ้าช่างรวดเร็วเหลือเกิน ยาสมุนไพรเหรอ? ไม่มีหรอก!”
"ฮะ…."
ใบหน้าของเจียงอี้แสดงออกถึงความอับอาย...เขายืนอยู่ที่จุดเดิมที่เขาเคยอยู่ เขาไม่เข้าไปแต่เขาก็ไม่ได้ออกไปไหนเช่นกัน
"เจ้ายังจะยืนอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร? ออกไป! อย่ารบกวนข้าเมื่อข้ากำลังกลั่นยา ... สงสัยเจ้าเจียงซงนี้คงอยากตายนัก....ทำไมเขาถึงใช้เวลาในการเข้าห้องน้ำนานนัก? ข้าต้องมาควบคุมอุณหภูมิของหม้อยาด้วยตนเองเลยเนี่ย... "
ผู้เฒ่าหลิ่วจ้องมองที่เจียงอี้ ในขณะที่เขาวางมือข้างหนึ่งไว้ตรงหม้อต้มยา หม้อก็เริ่มเปล่งประกายด้วยแก่นแท้พลังสีแดง
อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่าหลิ่วหันหน้าไปทางเจียงอี้ และโบกมือสั่ง “เจ้าน่ะ มานี่ซิ! มาช่วยข้าควบคุมอุณหภูมิของหม้อต้มยานี่ที ข้าจะไปตรวจสอบการปรุงยาก่อน”
“ข้าหรอขอรับ?”
เจียงอี้ก็พร้อมที่จะเดินออกมา แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งของผู้เฒ่า เขาก็นิ่งงันกับคำพูดขึ้นมาทันที
เขารีบเก็บมือของเขาและส่ายหัวไปมาและตอบว่า "ไม่มีทาง ผู้เฒ่าหลิ่ว ข้าไม่รู้วิธีควบคุมหรือปรุงหม้อยา ข้าทำไม่ได้ ... "
ด้วยความโกรธ ผู้เฒ่าหลิ่วก็ดุอย่างเดือดดาลว่า "มันไม่ยากเลยเจ้าเซ่อ.....หม้อยานี่เกือบจะเสร็จอยู่แล้ว!
สิ่งที่เจ้าต้องทำ คือการรวมแก่นแท้พลังไปตรงจุดนี้ มันจะเสร็จสิ้นเมื่อยานั่นเริ่มแข็งตัวและกลายเป็นรูปเป็นร่าง! เร็วเข้า มาใกล้ๆตรงนี้!
หากเจ้าพลาดเรื่องนี้ อย่าคิดว่าจะได้ยาจากข้าไปแม้แต่เม็ดเดียว! ฮึ่ม!”
เมื่อจบบทสนทนา ผู้เฒ่าหลิ่วก็เดินก้าวย่างก้าวใหญ่ไปห้องข้างๆ
เจียงอี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้ว่าเขาต้องกัดฟันและทำภารกิจนี้ ก่อนที่จะยื่นมือทั้งสองไปที่หม้อขนาดใหญ่และใช้แก่นแท้พลังสีน้ำเงินออกมา
สิ่งที่ทำให้เจียงอี้ตกตะลึงคือแก่นแท้พลังที่เขาเพิ่งถ่ายพลังไปที่หม้อขนาดใหญ่นั้นถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วเหมือนฟองน้ำ...
การดูดซับด้วยความเร็วที่น่าตกใจช่างรวดเร็วจนพลังที่ยังอยู่ที่เส้นลมปราณ ที่มือของเจียงอี้นั้นยังถูกดูดซึมอย่างเข้าไปในทันที
เจียงอี้ไม่รู้วิธีการรักษาอุณหภูมิของหม้อต้มยาและกลัวที่จะทำลายมันด้วยมือของเขา
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเร่งกำลังและใช้แก่นแท้พลังโดยใช้ความสามารถทั้งหมดของเขาเพื่อนำไปใช้ควบคุมหม้อยานี้
ในความเร่งรีบนั้น เจียงอี้บังเอิญปล่อยแก่นแท้พลังสีดำสองเส้นเข้าไปกับแก่นแท้พลังสีน้ำเงินและถ่ายพลังไปที่หม้อต้มยา
ปัง!
ในช่วงที่แก่นแท้พลังสีดำถูกถ่ายไปในหม้อต้มยา มันก็ปล่อยเสียงระเบิดขึ้นมา และสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนเกือบจะพลิกคว่ำและหกลงไปที่พื้น
“ยาของข้าระเบิดหรือ?”
มีเสียงคำรามโมโหมาจากห้องข้างๆทันที: "ไม่นะ! ยาหม้อนี้บรรจุยาเม็ดวิญญาณระดับสูงไว้! ข้าจะฆ่าเจ้า เจ้าเจียงอี้!!”