Re-new ตอนที่ 80 สร้างปัญหา
ตอนที่ 80 สร้างปัญหา
หยูเสี่ยวเฉาถามอย่างจริงจังว่า “ครั้งหน้าที่ฆ่าหมูอีก ท่านลุงช่วยเก็บเลือดหมู, กระเพาะหมู และไส้หมูไว้ให้ข้าหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ ? ข้าจะจ่ายเงินให้ด้วยเจ้าค่ะ...”
คนขายเนื้อสงสัยมากจึงถามขึ้นว่า “จะเอาของพวกนั้นไปทำอะไร ? แม่หนูน้อย ของพวกนั้นทั้งเหม็นทั้งสกปรก มิอร่อยหรอกนะ”
หยูเสี่ยวเฉายิ้มอย่างมีเลศนัยและตอบกลับว่า “ข้ารู้ค่ะแต่ข้ามีวิธีใช้มันอยู่ เอางี้เป็นเยี่ยงไรเจ้าคะ ? ข้าจะสั่งของพวกนี้ในราคา 2 อีแปะ ปกติท่านลุงก็ต้องทิ้งพวกมันอยู่แล้ว แต่ถ้าท่านลุงขายให้ข้า ท่านลุงก็จะได้เงินเพิ่มอีก 2 อีแปะนะเจ้าคะ !”
การค้าของคนขายเนื้อหวังดีมากอยู่แล้ว เขาไม่สนใจเงิน 2 อีแปะหรอก เขายิ้มและเอ่ยว่า “ตกลง ตกลง ! ลุงจะเก็บเอาไว้ให้ แต่เจ้ามิต้องจ่ายเงินหรอก คิดเสียว่าเป็นของขวัญจากลุงคนนี้ก็แล้วกัน วันหน้าถ้าครอบครัวของเจ้าอยากซื้อเนื้อก็อย่าลืมมาอุดหนุนร้านของลุงล่ะ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”
“เจ้าอยากให้ใช้เชือกฟางผูกหัวหมูให้หรือไม่ ? ประเดี๋ยวลุงจะไปเอากระเพาะหมูกับไส้หมูที่บ้านมาให้ด้วย” คนขายเนื้อหวังไม่ลืมเอาฟางข้าวมารองด้านในตะกร้าของเสี่ยวเฉา เขากลัวว่าผ้าขี้ริ้วกับไส้หมูจะทำให้ปลาที่ก้นตะกร้าสกปรก
เสี่ยวเฉาอนุญาตให้เขาเอาหัวหมูใส่เข้าไปในตะกร้าด้วย นางถือว่านี่เป็นการเดินทางที่คุ้มค่าเพราะนางทำกำไรได้มากเสียทีเดียว หลังจากนั้นนางก็ใช้เงินอีก 10 อีแปะซื้อน้ำมันถั่วเหลือง 1 ไห ตะกร้าเต็มไปด้วยข้าวของจนแทบล้น มันจึงหนักเป็นอย่างมาก ฉีโตวหยิบไม้ขึ้นมาจากริมถนน สองพี่น้องใช้ไม้นั่นเป็นคานหามตะกร้า ระหว่างทางกลับบ้านพวกเขาเดินบ้างหยุดพักบ้างเป็นระยะ เพราะอย่างนั้นกว่าพวกเขาจะกลับบ้านก็เป็นยามเว่ยแล้ว
พวกเขาเพิ่งเดินมาถึงทางเข้าหมู่บ้านก็เห็นร่างที่คุ้นเคยเดินกลับไปกลับมาอยู่ เมื่อเจ้ากวางโรตัวน้อยเห็นสองพี่น้อง มันจึงวิ่งเข้าหาพวกเขาทันที มันวิ่งไปที่เท้าของเสี่ยวเฉาแล้วทำท่าทีเหมือนเด็กเอาแต่ใจ มันเอาหัวถูกับขาของนางสองสามครั้ง หลังจากนั้นก็วิ่งเข้าไปหาฉีโตวเพื่อเล่นกับเขา
“ฮ่า ๆ ! เจ้าตัวเล็ก มิเจอกันเพียงครึ่งวันคิดถึงข้าหรือไม่ ? เจ้าตัวเล็กฉลาดที่สุดเลยเนอะ พี่สาม พวกเรามิรู้ด้วยซ้ำว่าเสี่ยวทังหยวนของท่านพี่วิ่งไปที่ใด ท่านพ่อกล่าวถูก ! จะให้ลูกแมวที่หลงทางสนิทด้วยคงจะยาก !” ฉีโตวกอดเจ้ากวางโรเอาไว้ขณะที่มันเลียใบหน้าของเขา หน้าเขาเต็มไปด้วยน้ำลายแต่เขาก็ยังรู้สึกพอใจ
ลูกแมวสีทองที่เป็นร่างแปลงกายของหินศักดิ์สิทธิ์หยิ่งยโสเป็นมาก มันไม่สนใจใครในครอบครัวเลยนอกจากเสี่ยวเฉา ฉีโตวอยากสนิทกับมันมากขึ้น แต่เขากลับถูกมันข่วนเอา ฉีโตวชอบลูกแมวแต่เขาก็กลัวมันด้วย เขาก็เลยทำตัวเป็นองุ่นเปรี้ยว
เสี่ยวเฉาเห็นว่าตลกดี นางเลยหยิกแก้มฉีโตวแล้วเอ่ยว่า “อะไรกัน ? โดนเสี่ยวทังหยวนรังแกอีกแล้วรึ ? เจ้าเก็บความแค้นกับลูกแมวไว้มากเกินไปหรือไม่ ?”
ตั้งแต่หินศักดิ์สิทธิ์มีร่างกายมันก็จะเอาร่างจริง ๆ ของมันไปหาน้ำที่มีพลังวิญญาณมาก ๆ ในป่า ทุกวันมันจะออกไปแต่เช้าและกลับเอาตอนดึกดื่น มันจะแช่อยู่ในน้ำตลอดทั้งวันและกลับบ้านตอนกลางคืน
เสี่ยวเหลียนเดินไปมารอบทางเข้าหมู่บ้านอยู่นานแล้ว นางวิ่งเข้ามาพร้อมกับอ้าปากหอบ พอนางรับตะกร้าไปจากน้อง ๆ ก็ต้องรู้สึกแปลกใจเมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักของตะกร้า
ตอนพวกเขาออกจากบ้าน ตะกร้าไม่ได้หนักขนาดนี้นี่ ดังนั้นเมื่อเสี่ยวเหลียนรู้สึกถึงน้ำหนักในตะกร้า นางก็คิดว่าพวกเขาขายเครื่องในไก่ตุ๋นไม่ได้เลย จึงปลอบน้อง ๆ ว่า “คืนนี้เรามีอาหารอร่อย ๆ เยอะเลยสิ เมื่อวานได้ชิมแค่นิด ๆ หน่อย ๆ จะไปรู้รสชาติอะไร แต่คืนนี้เราจะได้กินจนอิ่มเลย มื้อเย็นของพวกเราวันนี้หรูหรากว่าตอนปีใหม่เสียอีก !”
เสี่ยวเฉากำลังจะโอดครวญเรื่องความอยากอาหารของนาง แต่ฉีโตวก็อดรนทนไม่ไหวจึงตะโกนออกมาเสียงดัง “พี่สอง วันนี้อาหารตุ๋นของพวกเราถูกขายไปจดหมดเลยนะ อีกทั้งยังมีมิพอขายด้วยซ้ำ ! เดาซิว่าเราได้เงินมาเท่าใด ? เดาเร็ว ๆ สิ !”
“ขายหมดเลยรึ ?” เสี่ยวเหลียนอ้าปากค้างอย่างประหลาดใจ “ข้าต้องเดาด้วยรึ ? ก็ข้าเป็นคนแบ่งอาหารใส่ห่อเอง แล้วก็นับไว้แล้วด้วย มีทั้งหมด 60 ห่อ ห่อละ 1 อีแปะได้มากสุดก็ 60 อีแปะนั่นแหละ ว่าแต่พวกเจ้าขายหมดเลยจริง ๆ รึ ?”
เมื่อเสี่ยวเฉาเห็นสีหน้าไม่แน่ใจของพี่สาวนางจึงหัวเราะคิกแล้วตอบว่า “มิถึง 2 เค่อด้วยซ้ำ ข้าก็ขายอาหารตุ๋นไปจนหมดแล้ว ! อีกทั้งมิพอขายเสียด้วยซ้ำ ! ทุกคนต่างก็พากันถามแต่ว่าพรุ่งนี้ข้าจะมาขายอีกหรือไม่ ขนาดผู้ดูแลสินค้าจากเมืองหลวงก็ยังชมอาหารตุ๋นของพวกเราเลยนะ !”
“ไอหยา ยอดเยี่ยม ๆ ! แต่แย่เสียจริง ท่านป้าโจวมิได้มีโอกาสฆ่าไก่มาก ๆ เช่นนั้นบ่อยนักหรอก...” เสี่ยวเหลียนดีใจมากกับผลที่ได้ในวันนี้ แต่นางก็รู้สึกเสียใจเพราะนางจะไม่ได้ขายอาหารตุ๋นอีกแล้ว เนื่องจากนางโจวไม่ได้ฆ่าไก่ในทุกวัน
แต่นางก็ดึงตัวเองกลับมาได้อย่างรวดเร็ว นางกะน้ำหนักตะกร้าในมือแล้วเอ่ยถามว่า “น้องสามเจ้าซื้ออะไรมารึ ? คงมิได้ใช้เงิน 60 อีแปะไปทั้งหมดแล้วหรอกนะ มิน่าท่านแม่ถึงชอบกล่าวว่าเจ้ามิเคยเก็บเงินได้เลย...”
“เปล่าสักหน่อย ! ข้าใช้ไปเพียงแค่ 16 อีแปะเท่านั้นเอง ครานี้พวกเราได้ทุนคืนมาแล้ว คราหน้าพวกเราก็จะได้แต่กำไรแล้วล่ะ พอพวกเรามีเงินมากพอเราก็จะสร้างเพิงขายของที่ท่าเรือด้วย ข้าจะขายอาหารตุ๋นทุกประเภทเลย !” เสี่ยวเฉาตบกระเป๋าของตนเอง นางมั่นใจในอาหารตุ๋นของนางมากยิ่งนัก
“เสี่ยวเหลียน เสี่ยวเฉา ฉีโตว พวกเจ้า 3 คนมาทำอะไรที่นี่รึ ?” ภรรยาของคนเซ่อซ่าประจำหมู่บ้านจ้องไปที่ตะกร้าในมือของเสี่ยวเหลียน นางถามพลางหัวเราะ
รู้กันดีในหมู่บ้านว่าภรรยาของคนเซ่อซ่าเป็นคนชอบนินทา นางกับนางหลี่เข้าคู่กันได้ดี ความสามารถในการซุบซิบนินทาของพวกนางหาผู้ใดมาเปรียบได้ยาก
เสี่ยวเหลียนไม่อยากสนใจ นางจึงตอบให้ผ่าน ๆ ไปว่า “น้องสามบอกว่าอยากไปดูที่ท่าเรือ ข้าก็เลยให้ฉีโตวพาไป ท่านอาหญิง น้อง ๆ ของข้ายังมิได้กินมื้อเช้า พวกเราขอตัวก่อนนะเจ้าคะ...”
ภรรยาของคนเซ่อซ่ามองสามพี่น้องที่รีบเดินจากไป แล้วกล่าวแดกดันว่า “เอาตะกร้าไปเล่นที่ท่าเรือรึ ? มิรู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ในตะกร้า แต่หลี่กุ้ยฮวาบ่นว่าเงินที่ผัวกับพ่อผัวเอากลับบ้านน้อยกว่าเมื่อก่อนมิใช่รึ ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าเฒ่าหยูจะแอบเอาปลาให้เด็กพวกนั้น ? มิได้การเสียแล้ว ข้าต้องไปบอกนาง !”
ภรรยาของคนเซ่อซ่าไปหานางหลี่ และเล่าเรื่องทั้งหมดให้นางฟังพร้อมกับตีไข่ใส่สีเพิ่มเข้าไปอีก เมื่อนางหลี่ได้ยินเข้าดังนั้นนางจึงโกรธเป็นอย่างมาก มิน่าเล่าช่วงนี้พวกเขาถึงได้เงินจากการขายปลาน้อยลง แท้จริงแล้วก็แอบไปช่วยลูกรองนี่เอง
เสี่ยวเฉากับพี่น้องของนางเพิ่งจะกลับมาถึงบ้านและยังไม่ทันจะเอาของในตะกร้าไปวางในครัว นางหลี่ก็ตามหลังพวกเขาเข้ามาติด ๆ
นางเตะประตูหน้าบ้านของเสี่ยวเฉาออกดังปัง ถ้าไม่ได้สร้างประตูใหม่ก็คงจะพังลงไปแล้วเป็นแน่ นางหลี่ยังไม่ทันเดินเข้าประตูมาก็ส่งเสียงโวยวายนำไปก่อนแล้ว “น้องรอง ออกมาประเดี๋ยวนี้นะ ! พวกเราแยกบ้านกันแล้วเจ้ายังเกาะติดตาเฒ่านั่นคอยสูบเลือดเขาอยู่อีกงั้นรึ ! เจ้ายังมีสำนึกอยู่บ้างหรือไม่ ? คืนของที่เอาไปจากเขามาเร็วเข้า !”
หยูไห่ที่กำลังทำภาชนะไม้ไผ่อยู่ในลาน เขาได้แสดงสีหน้างุนงงออกมาและไม่เข้าใจว่านางตะโกนด่าเรื่องอะไร จึงตอบกลับว่า “พี่สะใภ้มาด่ากันมั่วซั่วเช่นนี้ได้เยี่ยงไร หลังจากแยกบ้านมาแล้ว ข้าก็มิได้เรียกร้องหรือเอาสิ่งใดมาจากครอบครัวใหญ่อีก จะกล่าวหาผู้อื่นก็ต้องมีหลักฐานนะท่านพี่ !”
“หึ ! มิได้เอาอะไรมาเลยงั้นรึ ? เช่นนั้นเจ้าสร้างบ้านหลังนี้ได้เยี่ยงไร ? ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านอีกล่ะ อย่าบอกนะว่าทั้งหมดนั่นได้จากครอบครัวของน้องสะใภ้น่ะ พวกเราก็รู้กันดีว่าบ้านหลิวเป็นเยี่ยงไร พวกเขาจะมีปัญญาเอาเงินมาให้พวกเจ้าเป็นสิบ ๆ ตำลึงได้เยี่ยงไรกัน ? อยากได้หลักฐานงั้นรึ ? ดี ! ของในตะกร้านั่นไงล่ะหลักฐาน !”
นางหลี่มองไปรอบสนาม จากนั้นนางก็ชี้ไปที่ตะกร้าที่เสี่ยวเหลียนเพิ่งวางลงพร้อมกับเหยียดยิ้มอย่างเย็นชา
โชคดีที่ครอบครัวของเสี่ยวเฉาอาศัยอยู่ห่างจากหมู่บ้าน มีเพื่อนบ้านอยู่แค่สองสามหลังคาเรือนเท่านั้น มิเยี่ยงนั้นเสียงของนางหลี่คงเรียกผู้คนให้มามุงกันได้แล้ว แต่ถึงจะเป็นเยี่ยงนั้นนางเหมาเพื่อนบ้านของพวกเขาจากด้านตะวันตกก็พิงประตูบ้านของนางแล้วพยายามแอบฟังสิ่งที่เกิดขึ้น นางฟางก็มาและพยายามเกลี้ยกล่อมนางหลี่เช่นกัน
โชคดีที่วันนี้เป็นวันที่นางหลิวต้องเข้าเมืองไปรับงานซักผ้า มิเยี่ยงนั้นคำกล่าวหาของนางหลี่คงทำให้นางโกรธเป็นแน่
เสี่ยวเฉาที่กำลังดื่มน้ำอยู่ก็เทน้ำทิ้งลงพื้นเมื่อได้ยินข้อกล่าวหาของนางหลี่ น้ำร้อนนั่นเกือบราดลงบนเท้าของนางหลี่ เสี่ยวเฉาเอ่ยว่า “อยากคิดบัญชีรึ ? ได้ ! เยี่ยงนั้นมาคิดกันให้ละเอียด ! เอาแค่เงินที่ได้จากการขายสัตว์ที่ท่านพ่อของข้าล่าได้บนภูเขาก็มากกว่า 10 ตำลึงต่อปีแล้ว ข้าจะไม่ย้อนนานเกินไปแล้วกัน เอาแค่ตั้งแต่ตอนที่ฉีโตวเกิด 6 ปีแล้วท่านพ่อให้เงินท่านย่าอย่างน้อย 60 ตำลึง หักค่าใช้จ่าย 2 ตำลึงต่อปี อย่างน้อย ๆ ก็จะเหลือ 50 ตำลึง แล้วก็ยังมีเงินที่ได้จากการหาปลา ต่อให้ใช้เป็นค่าใช้จ่ายประจำวันก็ยังมีเหลือ”
“ใช่ พวกเราใช้เงินรักษาอาการบาดเจ็บของท่านพ่อไป 10 กว่าตำลึง ข้าปัดให้เป็น 20 ตำลึงก็ได้ เยี่ยงนั้นก็ควรมีเงินเหลือประมาณ 30 ตำลึง ตอนพวกเราแยกบ้านพวกเราได้เงินมาเท่าใดกัน ? ท่านป้าทำเหมือนกำลังพยายามกำจัดพวกขอทาน แล้วให้เงินพวกเรามาแค่ 2 ตำลึง !”
“บ้านที่พวกเราอยู่มันพังแล้ว น้ำก็รั่วเข้ามาได้ง่าย ๆ อาหารที่เราได้จากการแยกบ้านมิพอกินถึงครึ่งเดือนด้วยซ้ำ เงิน 2 ตำลึงจะไปทำอะไรได้ ? ถ้ามิใช่เพราะท่านยายยืมเงินมาให้พวกเรา และพวกท่านลุงรวมไปถึงชาวบ้านที่มาช่วยพวกเราสร้างบ้านใหม่ มิเยี่ยงนั้นตอนนี้พวกเราก็คงต้องอยู่ในบ้านพัง ๆ ที่มีแต่รอยแตกรอยร้าว”
“ท่านป้าบอกว่าท่านปู่ให้เงินพวกเรามางั้นรึ ? ถึงคนอื่นจะมิรู้ว่าพวกเขาขายปลาได้เงินเท่าใดในแต่ละวัน แต่ท่านลุงใหญ่จะมิรู้ได้เยี่ยงไร ? ถ้าท่านปู่เอาเงินที่ได้มาอย่างยากลำบากมาให้พวกเรา ท่านลุงใหญ่จะมิว่าอันใดเลยรึไง ? เขาจะมิบอกท่านป้าเลยเยี่ยงนั้นรึ ?”
หลังโดนเด็กหญิงโต้กลับ ใบหน้าของนางหลี่ก็เปลี่ยนจากแดงเป็นซีดขาว นางไม่สามารถปฏิเสธได้เลย เสี่ยวเฉากล่าวถูก พ่อสามีของนางอาจจะรู้สึกเสียใจต่อลูกรองของเขา แต่สามีของนางก็อยู่ด้วยตลอดตอนที่หาปลาและขายปลา ถ้าชายชราช่วยพวกเขา สามีของนางอาจจะช่วยเขาปกปิดสักครั้งหรือสองครั้ง แต่ถ้าหากเป็นแบบเช่นนั้นไปเรื่อย ๆ เป็นเวลานาน เขาจะต้องบ่นออกมาอย่างแน่นอน
เยี่ยงนั้น...ตะกร้าที่มีข้าวของอยู่เต็มไปหมดที่ภรรยาของคนเซ่อซ่าเอ่ยถึงคือสิ่งใดกัน ? สภาพความเป็นอยู่ของน้องรองตอนนี้ เป็นไปมิได้ที่เขาจะซื้อของได้มากมาย เมื่อนางหลี่คิดถึงจุดนี้ นางก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครา
“เจ้าบอกว่าท่านพ่อมิได้ช่วยอะไรเลยใช่หรือไม่ ? เยี่ยงนั้นอะไรอยู่ในตะกร้า ? เพิ่งบอกว่ามิมีจะกินแล้วมิใช่รึ ? เยี่ยงนั้นแล้วพวกเจ้าไปเอาเงินจากที่ใดมาซื้อของมากมายถึงเพียงนี้ ? ถ้ากล้าพอก็เปิดตะกร้าให้ดูสิว่ามีอะไรอยู่ด้านใน !”
เสี่ยวเฉาเหยียดยิ้มแล้วถามว่า “ท่านป้าใหญ่ แน่ใจรึว่าอยากจะดูน่ะ ?”
“แน่สิ ข้าอยากดู ! นั่นเป็นหลักฐานที่แสดงว่าท่านพ่อมิได้ลำเอียงเข้าข้างครอบครัวของเจ้า !” ไขมันบนใบหน้าของนางหลี่กระเพื่อมไปตามการเคลื่อนไหวของนาง ตอนนี้ใบหน้าของนางดูเหมือนหัวหมูที่เสี่ยวเฉาซื้อมาในวันนี้เป็นอย่างมาก
“ได้ ! ถ้าเยี่ยงนั้นก็จะให้ดูอย่างที่ท่านป้าต้องการเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวเฉาก้มลงเปิดตะกร้าแล้วหยิบเอาหัวหมูขึ้นมา จากนั้นก็โยนเข้าใส่นางหลี่ทันที
นางหลี่เห็นเพียงแค่เงาดำ ๆ ลอยเข้ามาหานาง นางจึงรับไว้ตามสัญชาตญาณ จากนั้นนางก็ก้มลงมองของที่ถืออยู่ ไอหยา แม่เจ้า ! หมูน่าเกลียดที่ตาเหลือกขึ้นไปจนเห็นแต่ตาขาวกำลังมองตรงมาที่นางอยู่...
“กรี๊ด... !” นางหลี่แหกปากร้องตะโกนออกมาเสียงดังแล้วรีบโยนหัวหมูออกไปทันที
“อยากดูมิใช่รึ ? ก็ให้ดูแล้วนี่ไงเจ้าคะ ! ดูสิ !” เสี่ยวเฉากำลังคิดว่าถ้ามิใช่เพราะนางหลี่ผลักเจ้าของร่างเดิมจนตาย บางทีนางก็คงไม่ได้ย้ายร่างมา บางทีหลินเสี่ยวหว่านจากโลกปัจจุบันก็อาจจะไม่ตาย พอคิดได้ดังนั้นความไม่พอใจก็เพิ่มสูงมากขึ้นไปอีก นางคว้ากระเพาะกับไส้หมูเหม็น ๆ ขึ้นมาขว้างใส่หน้าของนางหลี่ต่อทันที