Re-new ตอนที่ 77 อาหารตุ๋น
ตอนที่ 77 อาหารตุ๋น
นางใช้มีดตัดเปิดลำไส้แล้วใช้น้ำเย็นล้างของเสียด้านในทั้งหมดออกไป ตอนที่พวกเขาซ่อมลานหลังบ้าน นางได้บอกให้คนสร้างทางน้ำว่าให้ไหลไปรวมกับบ่อน้ำที่เชื่อมกับห้องน้ำนอกบ้านเอาไว้ เวลาพวกเขาซักผ้าหรือล้างผัก น้ำสกปรกจะได้ไหลออกไปทางนั้น
“เฉาเอ้อร์ ให้แม่ช่วยทำอะไรหรือไม่ ?” นางหลิวทนดูลูกสาวทำงานยุ่งกันอยู่ 2 คนไม่ได้จึงเดินเข้ามาถาม
หยูเสี่ยวเฉายิ้มให้และเอ่ยว่า “ท่านแม่มาพอดีเลย พวกเรายังมีเกลือหยาบเหลืออยู่หรือไม่เจ้าคะ ? ช่วยเอามันมาขัดด้านในไส้ไก่ให้หน่อยนะเจ้าคะ จะได้เอากลิ่นแปลก ๆ ออกไป”
“ใช้เกลือหยาบขัดรึ ? เจ้าแน่ใจนะว่าจะขายเครื่องในพวกนี้ได้ ? พอถึงเวลาเข้าจริง ๆ แม่หวังว่ามันจะขายออกหรอกนะ มิเยี่ยงนั้นพวกเราจะเสียวัตถุดิบทั้งหมดไปเปล่า ๆ อีกทั้งยังกินมิได้อีกด้วย !” ถึงเกลือหยาบจะราคาถูกในพื้นที่ใกล้ทะเลโดย 1 อีแปะสามารถซื้อเกลือได้ครึ่งไห แต่นางหลิวเคยชินกับการประหยัดจึงอดเตือนลูกสาวของนางไม่ได้
เสี่ยวเฉาทำปากยื่นแล้วเอ่ยว่า “ท่านแม่ ! วางใจเถอะเจ้าค่ะ ! วิธีของข้าท่านเทพแห่งโชคลาภเป็นคนบอกมานะ มิมีทางล้มเหลวเป็นแน่”
พอเด็กหญิงใช้ชื่อเทพมาแย้ง นางหลิวก็ไม่พูดอะไรอีกและนั่งลงข้าง ๆ ลูกสาวพร้อมกับเอาเกลือขัดไส้ไก่ให้สะอาด นางทำงานละเอียดมากเนื่องจากกลัวว่ามันจะไม่สะอาด สุดท้ายมันจะกลายเป็นการสร้างปัญหาให้ลูกสาวเพิ่มขึ้น
เสี่ยวเฉาเริ่มตั้งสมาธิทำตับไก่กับพวกเครื่องใน สิ่งที่สำคัญที่สุดเวลาทำความสะอาดตับคือการตัดถุงน้ำดีด้านบนออก นี่เป็นงานที่ละเอียดอ่อนเพราะถ้าไม่ระวังให้ดีก็อาจจะตัดโดนถุงน้ำดีและทำให้น้ำดีรั่วออกมาได้ และจะทำให้ตับมีรสขมซึ่งส่งผลเสียต่อรสชาติของอาหาร โชคดีที่นางมีประสบการณ์เตรียมสิ่งนี้ในชาติก่อนมามากกว่า 10 ปี ต่อให้หลับตาทำก็ยังได้
ตรงข้ามกับพวกเครื่องในอย่างอื่นที่ยุ่งยากกว่าเล็กน้อย เนื่องจากนางต้องผ่า, ล้างของเสียออก แล้วตัดเยื่อชั้นในที่เป็นสีเหลืองออก แต่เยื่อเครื่องในไก่สีเหลืองนี้เป็นตัวยาสำคัญและถูกเรียกว่า ‘จีเหน่จิน’ ถ้าเด็กมีอาการอาหารไม่ย่อยเนื่องจากกินมากเกินไป ก็เอาจีเหน่จินตากแห้งแล้วบดเป็นผงให้เด็กกินได้ หลังจากกินแล้วอาการอาหารไม่ย่อยก็จะหายไป
เสี่ยวเฉาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการลอกเยื่ออันนี้ นางลอกเยื่อเครื่องในของไก่ 40 ตัวออกมา ทุกชิ้นครบถ้วนไม่บุบสลายไม่มีรอยฉีกขาดเลยสักนิด
หลังจากทำความสะอาดไส้, ตับ และเครื่องในไก่ทั้งหมดแล้ว เสี่ยวเฉาก็บอกให้แม่ไปพัก จากนั้นนางก็ดึงเสี่ยวเหลียนให้เข้าไปในครัวกับนาง แผนของนางคือเคี่ยวเนื้อสัตว์ทั้งหมดให้เสร็จในคืนนี้ จากนั้นพรุ่งนี้ก็เข้าเมืองไปดูว่ามันจะสามารถขายได้หรือไม่
“เจ้าอยากขายเครื่องในพวกนี้ในเมืองรึ ? พวกชาวเมืองหัวสูงช่างเลือกจะตายไป ถ้าพวกเขารู้ว่าเจ้าเอาเครื่องในไก่มาทำอาหาร พวกเขาคงตีเจ้าตายเป็นแน่ ข้าว่าเจ้าน่าจะไปลองเสี่ยงโชคที่ท่าเรือแทนนะ อย่างแรกเลยเราอยู่ใกล้ท่าเรือมากกว่าเพราะใช้เวลาเดินไปที่นั่นไม่ถึงหนึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ อย่างที่สองคนที่ทำงานที่นั่นอย่างคนขายปลากับคนขนของท่าเรือ พวกเขาต้องตื่นกันแต่เช้า ส่วนใหญ่จะนำอาหารเช้าจากที่บ้านมาเองหรือไม่ก็ซื้ออาหารบางอย่างที่ท่าเรือ คนพวกนี้ไม่ได้คาดหวังสูงเรื่องของอาหาร ตราบใดที่รสชาติอร่อยและราคาสมเหตุสมผล พวกเขาก็ไม่คิดมากหรอกที่จะเสียเงินสองสามอีแปะเพื่อที่จะซื้ออาหาร” เสี่ยวเหลียนบังเอิญได้ยินท่านป้าใหญ่กล่าวถึงการค้าเล็ก ๆ ของนางที่ท่าเรือ จึงได้เสนอแนวคิดนี้ให้กับเสี่ยวเฉา
เสี่ยวเฉาคิดนิดนึงแล้วพยักหน้า “ตกลง ! เอาตามที่เจ้าเอ่ยมาเลย ท่าเรือถังกู่คึกคักมากยิ่งนัก มีตลาดที่เหมาะสมสำหรับขายอาหาร ต่อให้พึ่งแต่พวกคนงานท่าเรือก็ยังขายได้ งั้นพรุ่งนี้พวกเราจะไปเสี่ยงโชคที่นั่นกัน !”
สองพี่น้องเข้าไปในครัวและจุดไฟเพื่อต้มน้ำ พอน้ำเดือดพวกเขาก็ลวกเครื่องในไก่เพื่อกำจัดกลิ่นคาว ต่อมาก็ต้องทำซอสปรุงรส อาหารตุ๋นจะอร่อยหรือไม่ขึ้นอยู่กับซอส มีซอสปรุงรสสำหรับอาหารตุ๋นอยู่ 3 ชนิด ซอสแดง, ซอสขาว, และซอสเหลือง
ชาติก่อนเสี่ยวเฉาได้สูตรดั้งเดิมมาจากเจ้าของร้านของเดิม ซอสทุกชนิดเป็นสูตรเฉพาะของนาง นางคิดอยู่ชั่วครู่แล้วเอ่ยถามเสี่ยวเหลียนว่า “เสี่ยวเหลียน ข้าขอยืมเงินเจ้าได้หรือไม่ ? ข้าต้องไปซื้อสมุนไพรที่หมอโหยว เดี๋ยวกลับมา...”
หมอโหยวกลับหมู่บ้านมาพร้อมเด็กชายอายุราว ๆ 10 ขวบหนึ่งคนในตอนต้นฤดูใบไม้ผลิ ชาวบ้านต่างลือกันว่าเด็กคนนี้เป็นเหลนของเขา เสี่ยวเฉาคืนกล่องยาพร้อมเงินทั้งหมดที่นางได้มาตอนช่วงฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาวให้กับเขาแล้ว พวกชาวบ้านก็รู้สึกโล่งใจมากเช่นกัน แม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะรู้ถึงความสามารถทางการแพทย์ของนาง แต่พวกชาวบ้านก็ยังอยากได้หมอผู้ใหญ่มารักษาพวกเขามากกว่า
“สมุนไพรยารึ ? เอาพวกนั้นมาทำอาหารได้จริง ๆ รึ ?” เสี่ยวเหลียนถามด้วยอาการงุนงง
เสี่ยวเฉายิ้มกว้าง “ได้สิ พวกคนรวย ๆ ก็กินไก่ตุ๋นโสมกับไก่ตุ๋นโสมตังกุยกันบ่อย ๆ มิใช่รึ ? อาหารพวกนั้นก็มีส่วนผสมของยาใช่หรือไม่เล่า ?”
เสี่ยวเหลียนพึมพำ “พวกเราจะไปเทียบกับคนรวยพวกนั้นได้เยี่ยงไรกัน ?” แต่นางก็ยังกลับไปที่ห้องและหยิบถุงเงินที่เสี่ยวเฉาคืนให้นางเมื่อตอนบ่ายมาให้น้องสาวอยู่ดี
สมุนไพรที่เสี่ยวเฉาต้องการนั้นเป็นสมุนไพรที่พบได้ทั่วไปและราคาถูก นางใช้เงินแค่ 10 อีแปะแลกกับสมุนไพรหลายชนิด พอนางไปถึงบ้านก็ได้เริ่มลงมือทำซอสสำหรับอาหารตุ๋น
ซอสปรุงรสของอาหารตุ๋นสามารถนำมาใช้ได้หลายครั้งตราบใดที่เก็บมันอย่างถูกต้อง ยิ่งมีการใช้ซอสมากและยิ่งหมักไว้นานเท่าใด รสชาติและคุณภาพของมันก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น นี่เป็นเพราะอัตราส่วนของโปรตีนที่ละลายได้ในซอสเพิ่มขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป และเป็นเหตุผลว่าทำไมอาหารตุ๋นที่ทำกับซอสเก่า ๆ ถึงมีรสชาติที่เข้มข้นกลมกล่อมมากกว่าเมื่อเทียบกับซอสที่ปรุงใหม่
เสี่ยวเฉาเริ่มตวงวัตถุดิบ สูตรของน้องต้องการ โป๊ยกั้ก 40 เฟิน, อบเชย 40 เฟิน, เปลือกส้มแห้ง 1 เหลี่ยง, หม่าล่า 40 เฟิน, ยี่หร่า 20 เฟินกับอีก 1 เฉียน, ใบกระวาน 40 เฟิน, รากชะเอม 20 เฟินกับอีก 1 เฉียน, พริกแห้ง 2 เหลี่ยง, ต้นหอม 3 เหลี่ยง, ขิงสด 3 เหลี่ยง, เหล้าเหลือง 1 ชั่ง, ซอสถั่วเหลือง 8 เหลี่ยง, เกลือ 4 เหลี่ยง... (อย่าลองทำตามที่บ้านล่ะ นี่เป็นเพียงแค่สูตรที่ลดขั้นตอนแล้วเท่านั้น ! )
เมื่อเสี่ยวเหลียนเห็นวัตถุดิบราคา 40 อีแปะถูกห่อในผ้าฝ้ายบาง ๆ ถูกโยนลงไปในกะละมัง นางก็รีบเอ่ยเตือนออกมาว่า “ลองคราแรกแต่ใช้เยอะถึงเพียงนี้เลยรึ จะมิเป็นอันใดแน่รึ ? หากมันออกมาแย่เล่า...”
“มิมีปัญหาหรอก เจ้าวางใจเถอะ !” เสี่ยวเฉายืนยันอย่างหนักแน่น ความมั่นใจของนางคงทำให้เสี่ยวเหลียนรู้สึกมั่นใจขึ้นมา นางจึงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกและคอยเร่งไฟหรือลดไฟตามที่เสี่ยวเฉาบอก
“กลิ่นหอมมากเลย ! ท่านแม่ได้กลิ่นหรือไม่ ? นี่ต้องเป็นกลิ่นอาหารที่พี่สามทำเป็นแน่ ข้าขอไปดูก่อนนะ !” ฉีโตวกำลังนอนให้อาหารย่อยอยู่บนเตียง เขาเหมือนสุนัขตำรวจที่พอได้กลิ่นของที่น่าสนใจก็จะทำจมูกฟุดฟิด ๆ ดมหากลิ่น เด็กน้อยปีนลงจากเตียงแล้วรีบสวมรองเท้าผ้าฝ้ายเก่า ๆ ของเขา จากนั้นก็วิ่งออกจากห้องไปทันที เขาวิ่งเร็วมากเสียจนเกือบจะสะดุดธรณีประตู
นางหลิวได้แต่หัวเราะแล้วส่ายหน้า “เด็กคนนี้...ท่านพี่จะไปดูด้วยหรือไม่ ?”
หยูไห่เองก็อยากรู้เช่นกัน เขาพยักหน้าแล้วใส่รองเท้าเดินไปที่ห้องครัวทันที
เครื่องในไก่ 40 ตัวถูกต้มรวมกันในหม้อขนาดใหญ่และเคี่ยวไฟอ่อน ๆ ฉีโตวรออยู่ข้างเตา ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น เขาในยามนี้ราวกับลูกสุนัขตัวเล็ก ๆ ที่เจอกับกระดูกติดเนื้อที่หวานฉ่ำ ขาดก็แต่กระดิกหางกับลิ้นห้อยเท่านั้น
เสี่ยวเฉารู้สึกว่าได้เวลาแล้วก็จึงเปิดฝาหม้อออก นางตักไส้ไก่ขึ้นมาเป่าสองทีก่อนจะยื่นไปที่ปากเด็กน้อย ฉีโตวส่ายหน้าปฏิเสธ “มันเอาไว้ขายนี่ กินมิได้... !”
“แค่ชิ้นเล็ก ๆ เอง มิเป็นไรหรอกน่า” เสี่ยวเฉาจับยัดใส่ปากเด็กน้อย ไส้ไก่ตุ๋นมีรสชาติอร่อยและเนื้อสัมผัสกรุบมากยิ่งนัก เด็กน้อยหลับตาอย่างมีความสุขและเคี้ยวอาหารอย่างละเอียดเพราะอยากลิ้มรสชาติให้นานที่สุด
เสี่ยวเฉาแบ่งให้ทุกคนลองชิมด้วย หยูไห่กับเสี่ยวเหลียนกินอย่างเต็มใจ ตรงข้ามกับนางหลิวที่ลังเลมากขึ้น นางถามสามีอย่างสงสัยว่า “รสชาติเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? เหม็นกลิ่นสาบหรือมีรสชาติที่แย่หรือไม่ ?”
เสี่ยวเฉาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นางจึงเอ่ยว่า “ท่านแม่คิดว่าฝีมือการทำอาหารของข้าแย่ถึงเพียงนั้นเชียวรึ ?”
หยูไห่ปลอบใจนางด้วยการพยักหน้ารัว ๆ “อร่อย อร่อยมาก ! มิบอกก็มิรู้เลยว่านี่คือไส้ไก่ มันมีรสชาติของไก่...ไม่ ! มันดียิ่งกว่าไก่ตุ๋นน้ำแดงเสียอีก ! ถ้าเจ้าเอาไปขายจะต้องมีลูกค้าเยอะมากเป็นแน่…”
เสี่ยวเหลียนพยักหน้าแรง ๆ อย่างเห็นด้วย เสี่ยวเฉาเองก็ลองชิมเช่นกัน นางขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “แย่หน่อยที่มิมีผงชูรสหรือน้ำซุปโครงกระดูก รสชาติยังมิดีอย่างที่ควรจะเป็น แต่สำหรับในยุคนี้ก็ยังถือว่ารสชาติอร่อยมากแล้ว” เมื่อนางหลิวเห็นทุกคนชมกันไม่หยุด นางก็รวบรวมความกล้าชิมเข้าไปบ้าง ทั้งกลิ่นและรสชาติที่เข้มข้นทำให้นางตะลึง “นี่...นี่คือรสชาติของไส้ไก่สกปรกพวกนั้นจริง ๆ รึ ? เหลือเชื่อเกินไปแล้ว !”
เสี่ยวเฉาใส่เลือดไก่ที่เหลือลงไปด้วย หลังจากต้มรวมกันแล้ว นางก็วางแผนจะขายมันกับเครื่องในไก่
“หนึ่งชั่งจะขายกี่อีแปะดี ?” เสี่ยวเฉาพึมพำกับตนเอง
หยูไห่ได้ให้คำแนะนำที่ดีกับนางเป็นอย่างมาก โดยปกติคนงานที่ท่าเรือจะได้ค่าจ้าง 30 - 40 อีแปะต่อวัน ตอนที่ธุรกิจไม่ดีพวกเขาก็ยังได้มากกว่า 20 อีแปะ อาหารตุ๋นที่เสี่ยวเฉาทำมีรสชาติของเนื้อถึงมันจะทำด้วยเครื่องในไก่ ถ้านางขายมันเป็นชั่งและคิดราคาถูก นางก็จะทำเงินได้ไม่มากนัก แต่ถ้าหากขายแพงจนเกินไปก็จะมิมีใครซื้อ
แต่ถ้านางแบ่งเป็นห่อเล็ก ๆ แล้วขายห่อละ 1 อีแปะ เหล่าคนงานที่ท่าเรือก็จะใช้เงินได้อย่างไม่คิดอะไรมาก ถึงเยี่ยงไรแล้วมันก็เป็นอาหารที่มีเนื้ออยู่ อีกทั้งยังอร่อยและราคาถูกอีกด้วย มันจะขายมิออกได้เยี่ยงไรกัน ?
เสี่ยวเฉารู้สึกเหมือนเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ นางมองพ่อของนางด้วยสายตาชื่นชม ต้องยอมรับว่าพ่อของนางมีหัวทางการค้ามากจริง ๆ
หยูไห่รู้สึกภูมิใจเมื่อเห็นสายตานับถือของลูกสาว เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วเดินไปหากระดาษมันมา ทั้งครอบครัวช่วยกันห่อเครื่องในไก่ตุ๋น 60 ห่อ แต่ละห่อจะมีไส้, ตับ และพวกเครื่องใน ส่วนเลือดไก่จะเอามาห่อกระดาษนั้นมิใช่เรื่องง่าย พวกเขาจึงใส่มันในไหแทน ตอนขายอาหารก็สามารถใส่เลือดไก่เพิ่มเข้าไปได้ ห่อละ 1 อีแปะในสัดส่วนเยอะมากถึงเพียงนี้จึงดูคุ้มค่าเป็นอย่างมาก
คืนนั้นเสี่ยวเฉาตื่นเต้นมากเสียจนนอนไม่หลับ นางพลิกไปพลิกมาอยู่นานจนราว ๆ ยามอิ๋นถึงได้เคลิ้มหลับไปและตื่นขึ้นมาตอนยามเหม่า เมื่อหยูไห่เห็นขอบตาดำคล้ำของลูกสาว เขาจึงหัวเราะและเอ่ยหยอกล้อนางว่า “ยังมิมีประสบการณ์ล่ะสิ ไหนว่ามั่นใจในฝีมือตนเองมากมิใช่รึ ยังจะกังวลอันใดอีกเล่า ?”
‘ข้าดูกังวลเยี่ยงนั้นรึ ? ข้าก็เพียงแค่ตื่นเต้นต่างหากเล่า’
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เสี่ยวเฉาก็ไม่ยอมให้พ่อมาด้วย แต่กลับพาฉีโตวที่ตื่นเต้นไม่ต่างกันมาแทน พวกเขาเดินไปตามเส้นทางไปท่าเรือพร้อมด้วยตะกร้าใส่สินค้าขนาดใหญ่
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องลงมาที่ท่าเรือ บรรยากาศคึกคักวุ่นวายและมีชีวิตชีวาดังเช่นทุกวัน เสียงพ่อค้าแม่ค้าตะโกนโฆษณาสินค้าของตนเองดังประสานกันไป เรือสินค้าลำหนึ่งเพิ่งมาถึง พวกคนงานพากันขนของลงมาจากเรือที่เพิ่งจอดเทียบท่า
นี่เป็นครั้งที่สองที่ได้มาที่ท่าเรือ เสี่ยวเฉาดูทิวทัศน์และบรรยากาศด้วยความสนอกสนใจ
“พี่สาม พวกเราจะไปขายที่ตรงไหนรึ ?” ฉีโตวมั่นใจในตัวพี่สาวของเขามากและกระตือรือร้นที่จะได้เริ่มขายของ
เสี่ยวเฉาครุ่นคิดเล็กน้อย คนงานท่าเรือกับชาวประมงส่วนใหญ่เอาอาหารมาจากบ้าน แต่อากาศเย็น ๆ ในตอนเช้าทำให้คนส่วนใหญ่อยากได้ซุปร้อน ๆ สักถ้วยเพื่อเป็นการอุ่นร่างกาย นางจึงเดินตรงไปที่เพิงเตี้ย ๆ ที่เรียงรายกันอยู่พร้อมด้วยตะกร้าที่อยู่ในมือ
เพิงเหล่านี้ขายโจ๊ก, บะหมี่ร้อน ๆ ไม่ก็หมั่นโถวที่นึ่งสด ๆ จากเตา มีผู้คนมากมายที่ถือตะกร้ามาขายพวกอาหารเรียกน้ำย่อยหรือผักดอง ท่านป้าใหญ่ของเสี่ยวเฉาก็เป็นหนึ่งในคนพวกนี้เช่นกัน