Re new ตอนที่ 72 ซาลาเปา
ตอนที่ 72 ซาลาเปา
เฉียนหวู่เดินเข้าไปเขี่ยไก่ฟ้าในมือของจ้าวฮันแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านพี่จ้าวฮัน ข้าขอขนของไก่ฟ้าได้หรือไม่ ? น้องสาวของข้าชอบมาตื้อให้ข้าทำลูกขนไก่ให้น่ะ...”
ฉีโตวหัวเราะโดยไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิด “ก็ท่านพี่ไปคุยโวโอ้อวดว่าสามารถจับไก่ฟ้าได้มิใช่รึ ? อวดเยอะเสียจนมิรู้จะแก้เยี่ยงไรใช่หรือไม่เล่า ? ถึงได้ขอให้ท่านพี่ฮันช่วย...”
“เจ้าหินตูดเหม็น ! (ฉีโตวแปลว่าหิน) จะไว้หน้าพี่ชายหน่อยก็มิได้รึ ? ข้าแก่กว่าเจ้า 2 ปีนะ มิรู้รึเยี่ยงไรว่าต้องเคารพคนที่โตกว่าฉลาดกว่าน่ะ !” เฉียนหวู่โวยวาย เด็กน้อยสองคนเริ่มเถียงกันแบบหยอกเย้ากันไปมา ดูแล้วมีชีวิตชีวายิ่งนัก
“ท่านพ่อ เรากลับมาแล้วขอรับ” ยังไม่ทันจะเข้าประตูฉีโตวก็ตะโกนอย่างตื่นเต้นราวกับกลัวคนอื่นจะไม่รู้ว่าเขากลับมาถึงบ้านแล้ว
หยูไห่กำลังจดจ่ออยู่กับการสานตะกร้าไม้ไผ่ เมื่อได้ยินเสียงดังเอะอะที่หน้าประตูจึงเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ “เสี่ยวเหวิน, เสี่ยวหวู่, ฮันซือ เหตุใดพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ ? เสี่ยวเหลียนหาที่นั่งให้แขกเร็วเข้า...”
เฉียนเหวินห้ามไม่ให้หยูไห่ลุกขึ้นยืนอย่างสุภาพแล้วยิ้ม “มิต้องหรอกครับท่านอาต้าไห่ เสี่ยวหวู่กับข้ากำลังจะกลับแล้ว เสี่ยวเฉาจะให้ข้าวางตะกร้าไว้ที่ใด ?”
เสี่ยวเหลียนวางงานเย็บผ้าของนางแล้วมองมาที่ตะกร้าซึ่งเต็มไปด้วยสมุนไพรอย่างแปลกใจและอุทานออกมาเบา ๆ “ขุดสมุนไพรกันมาได้เยอะถึงเพียงนี้เลยรึ ? ข้ามิเห็นรู้เลยว่าช่วงนี้จะสามารถเก็บสมุนไพรได้เยอะถึงเพียงนี้”
หยูเสี่ยวเฉาเอ่ยว่า “วางไว้ในครัวเลยเจ้าค่ะ...อ่าใช่ ท่านพี่เสี่ยวเหวิน เอากลับไปบ้างสิ ใช้มันทำซุปอร่อยมากเลยนะเจ้าคะ”
“มิต้อง มิต้อง ! ที่บ้านพวกเรายังมีผักอีกเยอะเลย...” เฉียนเหวินปฏิเสธอย่างสุภาพ
แต่เฉียนหวู่มองตะกร้าจี้ช่ายด้วยความอยากได้และเอ่ยออกมาตรง ๆ ว่า “ข้าเบื่อผักที่บ้านแล้วนะท่านพี่ มีแต่หัวไชเท้ากับผักกาดขาว วันนี้เราช่วยขุดตั้งเยอะ เอากลับไปบ้างก็มิเป็นไรหรอกมิใช่รึ ?”
เฉียนเหวินมองน้องชายอย่างจนปัญญาและยืนกรานปฏิเสธต่อไป แต่เสี่ยวเฉาก็จัดการแบ่งให้เขาเรียบร้อยแล้ว นางแบ่งจี้ช่าย 1 ตะกร้าออกเป็น 2 ตะกร้าเล็ก แล้วส่งให้เฉียนหวู่ 1 ตะกร้าและเตรียมเอาอีกตะกร้าให้จ้าวฮัน เขาจะได้เอากลับไปลองกินดู
“ท่านอาต้าไห่ วันนี้ข้าจับกระต่ายป่ามาได้ 2 ตัว ไก่ฟ้า 3 ตัว ท่านพ่อบอกให้ข้าเอามาให้ท่านอาหนึ่งตัวขอรับ” จ้าวฮันวางไก่ฟ้าที่มัดไว้ลงตรงหน้าประตูครัวและทำท่าจะกลับทันที
หยูไห่ใช้ไม้เท้าพยุงเดินเข้ามาแล้วเอ่ยว่า “เอามาให้อีกทำไมกัน ? ทุกวันนี้ครอบครัวของเจ้าก็ให้พวกเรามามากพอแล้ว หมีคราก่อนก็มิได้เก็บเงินไว้เองเลย แต่กลับเอามาให้พวกเราหมดเช่นนี้ กลับไปบอกพ่อของเจ้านะว่าพวกเจ้ามิได้เป็นหนี้อาเลย !”
ปากจ้าวฮันกระตุกและขมวดคิ้วนิดหนึ่ง เขาจึงตอบว่า “ครอบครัวท่านอามิได้เงินจากที่ขายหมีเลยใช่หรือไม่ขอรับ ? ถ้าพวกเรารู้ว่าจะเป็นเยี่ยงนี้ ท่านพ่อของข้าคงแอบเอาเงินให้ท่านอาไห่กับท่านอาหญิงไปแล้ว...”
หยูเสี่ยวเฉายิ้มเยาะแล้วเอ่ยว่า “ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็รู้ว่าครอบครัวของท่านขายหมีได้ 300 ตำลึง ถ้าท่านย่ามิได้เงินจากพวกท่าน มีหวังได้บุกไปก่อเรื่องถึงที่บ้านของท่านพี่เป็นแน่ ถึงจะเอาเงินให้ท่านพ่อ ท่านย่าก็ยึดไปอยู่ดี เอาเถอะ นางมิใช่ท่านย่าจริง ๆ ของข้าสักหน่อย กระนั้นข้าก็คงพูดอะไรมากมิได้ แต่ท่านปู่นี่สิ ท่านพ่อเป็นลูกชายแท้ ๆ ของท่านปู่ ข้ามิอยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะช่วยท่านย่าซ่อนเงินจากพวกเรา... !”
“เฉาเอ้อร์ ! วิพากษ์วิจารณ์ผู้ใหญ่เช่นนั้นได้เยี่ยงไร ? พ่อเคยสอนลูกมาเช่นนี้รึ ?” หยูไห่ขึ้นเสียงขัดจังหวะลูกสาว
เสี่ยวเฉากัดริมฝีปากและไม่ยอมที่จะหยุด “กล้าทำเช่นนั้นยังจะต้องกลัวคำวิจารณ์ของผู้อื่นอีกทำไม ? ท่านปู่กับท่านย่าเป็นคนผิดมิใช่รึ ? ถ้าพวกเขาให้เงินพวกเรามาสัก 1 ใน 10 ของ 300 ตำลึง พวกเราก็ไม่ต้องมาคำนวนสัดส่วนอาหารอย่างละเอียดกันทุกวันมิใช่รึเจ้าคะ !”
แววตาของหยูไห่หม่นลง เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “พ่อมันไร้ประโยชน์ ทำให้ลูก ๆ ต้องลำบากไปกับพ่อด้วย...” เอ่ยจบเขาก็เดินกะเผลกกลับเข้าไปที่ห้องใหญ่
เสี่ยวเหลียนมองน้องสาวหัวดื้อแล้วหันไปมองด้านหลังที่ดูหดหู่ของหยูไห่ นางอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกมาแต่ก็ลังเล สุดท้ายนางก็เอ่ยออกมาว่า “น้องสาม ข้าเผามันเทศไว้ให้ มันอยู่ใต้เตาน่ะ อีกประเดี๋ยวเจ้าก็เอาไปกินได้เลย...” พูดจบนางก็เดินตามพ่อของนางเข้าไปในบ้านทันที
ทุกคนในบ้านรู้ว่าเสี่ยวเฉามักจะหิวในตอนเที่ยง พวกเขาจึงเอามันเทศหมกไว้กับขี้เถ้าใต้เตาหลังทำอาหารทุกเช้า เสี่ยวเฉาชอบมันเผาหวาน ๆ มากกว่าแป้งธัญพืชหยาบกับซุปเต้าเจี้ยว พวกเขาเก็บมันเทศที่ท่านยายให้มาครั้งที่แล้วเอาไว้ให้นางทั้งหมด แม้แต่ฉีโตวก็ไม่ยอมกินสักลูก
เฉียนเหวินรู้สึกอึดอัดจึงกระแอมออกมาสองทีแล้วเอ่ยว่า “เสี่ยวเฉา ข้าออกจากบ้านมานานมากแล้ว ได้เวลากลับบ้านแล้วล่ะ” หลังจากนั้นเขาก็ดึงเฉียนหวู่ที่หัวช้าออกไปจากบ้านของเสี่ยวเฉาทันที
จ้าวฮันก็คิดจะอาศัยโอกาสนี้กลับไปเช่นกัน แต่เสี่ยวเฉาห้ามเขาไว้แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณสำหรับไก่ฟ้าน่ะ อย่างที่ท่านพ่อได้กล่าวมานั่นแหละ ท่านพี่มิต้องเอาสัตว์ที่ล่าได้มาให้พวกเราแล้วล่ะ คราวนี้พวกเราจะรับเอาไว้ แต่ถ้าท่านพี่ยังเอามาให้อีก พวกเราจะส่งกลับไปที่บ้านของท่านพี่ นี่เป็นสมุนไพรที่ข้าขุดได้วันนี้ เอากลับไปให้ท่านลุงจ้าวชิมดูสักหน่อยเถิด”
จ้าวฮันไม่ปฏิเสธและรับตะกร้ามา “ไว้ข้าจะเอาตะกร้ามาคืนให้พรุ่งนี้นะ”
เหลือแค่เสี่ยวเฉากับฉีโตวที่ยืนมองหน้ากันอยู่ในลานบ้าน ฉีโตวแอบมองพี่สาวแล้วกระซิบเบา ๆ ว่า “ท่าทางท่านพ่อจะโกรธจริง ๆ นะ ท่านพี่ควรเข้าไปขอโทษท่านพ่อเสีย ท่านพ่อรักพี่มากที่สุด เขามิตีก้นท่านพี่หรอก”
เวลาฉีโตวดื้อ พ่อมักจะเอาตัวเขาคว่ำลงบนเข่าข้างหนึ่งของพ่อและตีก้นเขาแรง ๆ หยูไห่ทำงานหนักจึงแข็งแรงเป็นอย่างมาก เขาตีฉีโตวแรงเสียจนร้องไห้ ดังนั้นฉีโตวจึงกลัวมือพ่อของเขามากที่สุด !
หยูเสี่ยวเฉาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นางได้แต่ถอนหายใจยาวแล้วเดินเข้าไปในห้องและขอโทษพ่อของนาง เมื่อเห็นว่านางขอโทษอย่างจริงใจ หยูไห่ก็ไม่ดุนางอีก เรื่องนี้จึงผ่านไปเช่นนี้
หยูเสี่ยวเฉาทำอาหารเย็นด้วยตนเองโดยมีเสี่ยวเหลียนคอยช่วยอยู่ข้าง ๆ นางสั่งให้ฉีโตวไปซื้อเต้าหู้ในหมู่บ้านมา 1 อีแปะเพื่อทำซุปจี้ช่ายกับเต้าหู้ นางทำแป้งทอดจี้ช่ายกับซาลาเปาจี้ช่ายที่ผสมแป้งสาลีลงไปนิดหน่อยอีกด้วย
เสี่ยวเฉานึกถึงหมั่นโถวที่เฉียนเหวินให้นางมาตอนเที่ยง จึงใช้ถุงผ้าที่ใส่หมั่นโถวอันนั้นใส่ซาลาเปาจี้ช่ายลงไป 3 ลูก หลังจากนั้นนางก็บอกฉีโตวให้เอามันไปให้ครอบครัวเฉียน
นางเหมา แม่ของเฉียนเหวินเป็นคนเปิดประตูออกมา เมื่อนางเห็นถุงผ้าในมือของฉีโตวก็นึกในใจขึ้นมาว่า ‘นี่มันถุงที่ข้าเอาใส่หมั่นโถวให้ลูกไปมิใช่รึ ? เหตุใดถึงมาอยู่กับเด็กคนนี้ได้เล่า ? วันนี้เหวินเอ้อร์ออกไปข้างนอกตั้งแต่ยามเฉิน หรือว่าเขามิได้กินหมั่นโถวแต่เอาไปให้คนอื่นกินแทนเยี่ยงนั้นรึ ? ’
นางรู้สถานการณ์ของครอบครัวหยูไห่ดี หลังจากแยกบ้านจากบ้านใหญ่มาได้หลายวัน อาหารที่พวกเขาได้มาน่าจะหมดลงแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่าลูกชายที่ใจดีของนางจะให้หมั่นโถวกับฉีโตวที่กำลังหิวเพราะครอบครัวของเขามิได้กินอาหารเช้า
เมื่อคิดเช่นนั้น นางเหมาจึงฝืนยิ้มและเอ่ยว่า “ไอหยา...นี่ถุงผ้าที่ป้าให้เหวินเอ้อร์ใส่หมั่นโถวไปนี่ เหตุใดไปอยู่กับเจ้าได้ล่ะ ?”
ไม่ได้การละ นางต้องให้ลูกชายทั้งสองคนของนางอยู่ห่าง ๆ จากพี่น้องตระกูลหยู ครอบครัวของนางมิได้มีกักตุนวัตถุดิบไว้มากนัก ไม่สามารถช่วยเหลือคนพวกนั้นมาก ๆ ได้หรอก !
ฉีโตวไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของนาง เขาจึงตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง “ตอนที่เราขุดสมุนไพรป่ากัน พี่สามหิว ท่านพี่เสี่ยวเหวินก็เลยเอาหมั่นโถวให้นางน่ะ พี่สามรู้สึกเสียใจที่กินหมั่นโถวของครอบครัวท่านป้า ก็เลยบอกให้ข้าเอาซาลาเปาจี้ช่ายมาให้ท่านพี่เสี่ยวเหวินกับท่านพี่เสี่ยวหวู่มาลองกินดู”
พูดจบเขาก็เปิดถุงผ้าให้ดูซาลาเปานุ่ม ๆ ด้านใน
นางเหมาเห็นว่าด้านในนั้นมีซาลาเปาที่ทำจากแป้งสาลีอยู่ 3 ลูกและรู้ว่ามีให้ลูกทั้งสามคนของนางคนละลูก จึงรู้สึกละอายใจกับความใจแคบของตนเองเมื่อครู่ นางรีบดันถุงผ้ากลับแล้วเอ่ยว่า “ครอบครัวของเจ้าก็ลำบากอยู่แล้ว ควรเก็บซาลาเปาพวกนี้ไว้กินเองนะ พวกเจ้าให้จี้ช่ายมาเมื่อตอนบ่ายแล้วนี่ พรุ่งนี้ป้าค่อยเอามาทำซาลาเปากินเองก็ได้...”
ฉีโตวส่ายหน้าแล้วเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “ท่านป้าเฉียน พี่สามของข้าทำอาหารเก่งมาก ๆ เลยนะขอรับ ท่านป้าทำออกมาได้มิเหมือนนางหรอก !”
เขาถือซาลาเปาเดินผ่านนางเหมาเข้าไปในบ้านพร้อมกับตะโกนว่า “ท่านพี่เสี่ยวเหวิน มากินซาลาเปาเร็ว ซาลาเปาจี้ช่ายหอม ๆ อร่อย ๆ”
เมื่อเฉียนหวู่ที่กำลังกินแผ่นแป้งข้าวฟ่างอยู่ในห้องได้ยินเสียงฉีโตว เขาจึงรีบวิ่งออกมาคว้าถุงผ้าในมือฉีโตวไปทันที เขาหยิบซาลาเปาออกมา 1 ลูกแล้วกัด
เสี่ยวเฉาผสมเต้าหู้ทอดลงไปในไส้จี้ช่ายด้วย อีกทั้งนางยังสับปลาแห้งที่อาเล็กส่งมาให้และผสมมันลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ เนื่องจากที่บ้านไม่มีเครื่องปรุง นางจึงเอาพริกแห้งมาทอดแล้วบดเป็นผง พริกทอดทั้งหอมทั้งกระตุ้นความอยากอาหาร ทำให้ซาลาเปามีรสจัด
โดยทั่วไปผู้คนจะไม่ค่อยอยากใช้น้ำมันเวลาทำซาลาเปาไส้ผัก พวกเขาจะใช้แค่เกลือกับต้นหอมเป็นเครื่องปรุงเท่านั้น เฉียนหวู่ไม่เคยกินซาลาเปารสชาติแบบนี้มาก่อน เขาไม่สนเรื่องที่เขากินของเผ็ดไม่ได้และยังกินต่อไป เขากัดไม่กี่คำซาลาเปาก็หายไปแล้วครึ่งลูก ฉีโตวที่อยู่ข้าง ๆ ก็ได้เอ่ยเตือนเขาว่า “อย่ากินคนเดียวหมดสิ แบ่งให้ท่านพี่เสี่ยวเหวินกับหย่าฟางด้วย !”
มันเผ็ดมากจนเฉียนหวู่น้ำมูกน้ำตาไหล เขาสูดปากแล้วชมไม่หยุด “อร่อยมาก ! ข้าชอบยิ่งนัก ! ฉีโตว ท่านแม่ของเจ้าทำอาหารเก่งมากจริง ๆ พรุ่งนี้ให้ท่านแม่ของข้าไปเรียนรู้จากท่านแม่ของเจ้าด้วยนะ...”
“เจ้าเด็กนี่ ! กล้าบ่นเรื่องฝีมือการทำอาหารของแม่งั้นรึ เยี่ยงนั้นต่อไปก็มิต้องกินอาหารที่แม่ทำ” นางเหมาตบหลังลูกชายแล้วแกล้งด่า นางหยิบถุงผ้าในมือเขามาแล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณฉีโตวหรือยัง ? คิดแต่จะกินอย่างเดียว ไม่คิดจะให้พี่ชายได้ลองกินบ้างเลยรึเยี่ยงไรกัน ?”
พอนางเหมาเข้ามาใกล้ นางก็ได้กลิ่นหอมของจี้ช่ายผสมกับกลิ่นพริกทอด นางจึงอดกลืนน้ำลายไม่ได้
ทันทีที่ซาลาเปาสุก ฉีโตวก็เอามาส่งให้เลยทันที พอเขาเห็นเฉียนหวู่กินซาลาเปาท้องเขาก็ร้องโครกครากทันที เมื่อเห็นว่าตนเองทำภารกิจสำเร็จแล้ว ฉีโตวจึงบอกลาแล้วกลับออกมาทันที
เฉียนเหวินวิ่งตามมาเรียกเขาไว้แล้วเอ่ยว่า “กลับไปบอกพี่สาวของเจ้าด้วยว่าข้าขอบคุณสำหรับซาลาเปา ส่วนตะกร้านี่ว่างแล้ว เอากลับไปได้เลย ถ้าพรุ่งนี้ไปขุดจี้ช่ายกันอีกก็อย่าลืมบอกข้าด้วยล่ะ”
ฉีโตวรับตะกร้ามาจากเขา เขาตอบรับคำแล้ววิ่งกลับบ้านทันที อาหารอร่อย ๆ กำลังรอเขาอยู่ที่บ้าน กวางโรตัวน้อยที่อยู่ด้านหลังเขาก็วิ่งสุดฝีเท้าตามมาอย่างร่าเริง
ฝีมือการทำอาหารของเสี่ยวเฉาได้รับคำชมจากคนทั้งบ้าน ซุปจี้ช่ายเต้าหู้นั้น จี้ช่ายสีเขียวกับเต้าหู้นุ่ม ๆ สีขาวตัดกันได้อย่างลงตัว เมื่อมองสีเขียวกับสีขาวในชาม ความอยากอาหารก็เพิ่มมากขึ้น เสี่ยวเฉาใช้ปลาแห้งเพิ่มรสชาติให้ซุปด้วย ถึงมันจะใช้แทนกุ้งแห้งไม่ได้แต่รสชาติก็ไม่เลวเลย !