ตอนที่แล้วRe-new ตอนที่ 66 ครอบครัวทางแม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปRe-new ตอนที่ 68 งานขึ้นบ้านใหม่

Re-new ตอนที่ 67 สร้างบ้าน


ตอนที่  67  สร้างบ้าน

นางหลิวรู้ว่าสถานการณ์บ้านแม่ของนางก็ไม่ได้ดีนัก ปีนึงเก็บเงินได้ 2 - 3 ตำลึงก็นับว่าดีมากโขแล้ว และด้วยความที่นางมีร่างกายที่อ่อนแอ แม่ของนางจึงช่วยเหลือเรื่องเงินให้นางเป็นระยะ ตอนที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บก็ช่วยมา 2 ตำลึงแล้ว...ตอนนี้ยังเอาเงินมาให้นางอีก 10 ตำลึง ไม่รู้ว่าแม่ของนางไปยืมเงินมาจากที่ใด

นางดันถุงเงินกลับไปและเอ่ยว่า “อิฐโคลนที่บ้านยังใช้ได้อยู่เจ้าค่ะ เราตัดไม้มายึดคานที่หลังคาแล้วมุงหลังคาใหม่ด้วยฟางก็น่าจะพออยู่ได้แล้ว ท่านแม่กับครอบครัวก็ลำบากเช่นกันมิใช่รึเจ้าคะ พี่ ๆ กับภรรยาของเขาก็อยู่ด้วยกันทั้งหมด จะเก็บเงินไว้ยังลำบากเลย ท่านแม่จะเอาเงินมาช่วยลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้วได้เยี่ยงไรกันเจ้าคะ ?”

นางฮัน พี่สะใภ้ของนางหลิวหยิบถุงเงินจากนางเหยาแล้วเอามายัดใส่มือของน้องสามีและเอ่ยว่า “หากเจ้ากับครอบครัวจะอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ การซ่อมมันให้ดีคือเรื่องสำคัญ ข้าดูแล้วเตียงทุกห้องก็ใช้มิได้ รั้วไม้ไผ่ก็ด้วย...ครอบครัวของเจ้าอยู่ไกลจากหมู่บ้านอีกทั้งยังติดกับภูเขา รั้วเก่านี้ไม่ปลอดภัยเป็นแน่ 10 ตำลึงอาจจะไม่พอค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยซ้ำ รับไปเถิด อย่ามาเกรงใจคนในครอบครัวเดียวกันเลย”

สีหน้าของนางหูสะใภ้รองยังคงไม่ดีนัก ครอบครัวพวกเขามีทรัพย์สินน้อยนิดแต่แม่สามีก็ยังเอาให้น้องสามีของนางทั้งหมด ลูกสาวที่แต่งงานแล้วก็เหมือนน้ำที่หกไปแล้ว  ครอบครัวทางแม่จะยังคอยช่วยเหลือเรื่องเงินต่อได้เยี่ยงไรกัน ? นางไม่กล้าต่อต้านแม่สามีแต่พอได้ยินคำพูดของพี่สะใภ้ นางก็แสยะยิ้มขึ้นนิดหนึ่งพร้อมกับหันหน้าหนีและส่งเสียง “ชิ...” ออกมาเบา ๆ

หลิวฮั่นลูกชายคนรองได้ยินเสียงนางเข้า เขาขมวดคิ้วและส่งสายตาเตือนไปให้ สีหน้าของเขาเหมือนจะบอกว่า ‘ถ้าเจ้าคิดจะเป็นคนปากร้ายและพูดอะไรไม่ดีออกมาล่ะก็  กลับบ้านเมื่อใดเจ้าโดนแน่’ นางหูมีนิสัยเห็นแก่ตัวและใจดำ แต่ลุงรองของเสี่ยวเฉาก็สามารถควบคุมนางได้ นางรู้ว่าสามีของนางเป็นคนกตัญญูมาก ปกตินางก็จะกล้าจิกกัดแต่กับพี่หรือน้องสะใภ้ของนางเท่านั้น แต่ต่อหน้าแม่สามีแล้วนางไม่เคยกล้าพูดอะไรออกมาเลย

พอโดนสามีมองหน้า นางหูก็ก้มหน้าลงทันที ไม่ส่งเสียงอะไรออกมาให้ได้ยินอีก

หลิวห่าวลูกชายคนที่สามขนกระสอบใส่มันเทศลงจากเกวียนและยิ้มกว้าง “พี่สาว ! รับเงินไปเถอะน่า ถ้าไม่รับท่านแม่จะโกรธท่านพี่เอานะ”

นางหลิวอยากยืนกรานปฏิเสธ แต่หยูเสี่ยวเฉาเดินมารับถุงเงินเอาไว้ให้และเอ่ยว่า “ท่านแม่ เงินนี้คือความปรารถนาดีของท่านยายกับท่านลุง, ท่านป้าแล้วก็ท่านน้าด้วย ท่านแม่ควรรับไว้นะเจ้าคะ อย่างที่ท่านป้าได้เอ่ยไป เราจำเป็นต้องใช้เงิน ถ้าหากท่านแม่รู้สึกผิดก็คิดเสียว่าเป็นเงินกู้ก็แล้วกัน พอพวกเราหาเงินมาได้ก็ค่อยเอาไปคืนก็ได้นี่เจ้าคะ”

“ใช่แล้ว ! หยุนสือ ลูกนี่ฉลาดสู้ลูกตนเองไม่ได้เลยนะ เจ้าคือเสี่ยวเหลียนใช่หรือไม่ ? ไม่ได้เจอตั้งหลายวันดูขาวขึ้นเยอะเลยนี่ !” นางเหยาจับมือเสี่ยวเฉาแล้วชมนางไม่หยุด

หยูเสี่ยวเฉาหัวเราะเบา ๆ “ท่านยายเจ้าคะ ข้าคือเสี่ยวเฉา เสี่ยวเหลียนพาฉีโตวไปเก็บฟืนเจ้าค่ะ”

หยูเสี่ยวเฉ่ากับเสี่ยวเหลียนเป็นฝาแฝดกัน  พวกเขาย่อมเหมือนกันเป็นธรรมดา แต่ตอนที่เสี่ยวเฉาเพิ่งเกิดร่างกายของนางอ่อนแอเป็นอย่างมาก จึงผอมกว่าและซีดเซียวกว่า  ในทางกลับกัน เสี่ยวเหลียนโตขึ้นมาพร้อมทำงานบ้านกับนางหลิว ดังนั้นผิวของนางจึงคล้ำกว่า ตอนที่ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันจึงแยกพวกนางได้ง่ายเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ดื่มน้ำหินศักดิ์สิทธิ์มาตลอดครึ่งปี ร่างกายของเสี่ยวเฉาก็ฟื้นตัวมากขึ้นและผิวของเสี่ยวเหลียนก็ขาวขึ้น ตอนนี้การแยกแยะฝาแฝดทั้งสองจึงกลายเป็นเรื่องยากมากขึ้นทุกที

นางเหยามองเสี่ยวเฉาที่ดูแข็งแรงกระฉับกระเฉงอย่างพอใจและเอ่ยกับนางหลิวว่า “เสี่ยวเฉาแข็งแรงขึ้นเช่นนี้ก็ลดภาระไปได้เยอะ แม่ว่าหน้าลูกก็ดูเป็นสีชมพูมากขึ้นด้วย  แม่ได้ยินว่าสามีของลูกได้สติขึ้นมาหน่อยแล้ว แม่สามีของเจ้าให้ท่านหมอมารักษาหยูไห่งั้นรึ ?”

“นางจะทนเสียเงินให้ข้าได้เยี่ยงไรเจ้าคะ ? แต่ก่อนข้าป่วยทีไรนางก็หาว่าข้าแกล้งป่วยทุกทีและไม่ยอมให้ต้าไห่ไปเชิญหมอ มิต้องเอ่ยถึงตอนนี้หรอก จริง ๆ ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาข้ารู้สึกแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม รวมถึงต้าไห่ได้แอบเอายามาให้ข้ากินตลอดช่วงฤดูหนาวโดยไม่ให้คนในบ้านรู้ ช่วงนี้ถึงจะดูแลสามีจนเหนื่อย แต่ข้าคิดว่าร่างกายของข้ายืดหยุ่นและกระฉับกระเฉงกว่าแต่ก่อนมากนัก ถึงจะเผลอหลับอยู่ข้างเตียงแต่วันรุ่งขึ้นก็ไม่รู้สึกป่วยเหมือนดังเช่นแต่ก่อนแล้ว ข้าว่าโรคของข้าคงหายแล้วล่ะเจ้าค่ะ ท่านแม่มิต้องห่วงข้า”

นางหลิวรู้สึกงุนงงและมีความสุขในเวลาเดียวกัน ถ้าหากนางป่วยอีกคน ครอบครัวของนางคงหมดหนทางจริง ๆ

หยูเสี่ยวเฉาลูบหิน 5 สีบนข้อมือแล้วหัวเราะอยู่ในใจ พี่น้องหลิวช่วยกันทำความสะอาดและจัดห้อง หลังจากทำการซ่อมแซมไปไม่มากก็น้อย พวกเขาก็เริ่มย้ายข้าวของที่นำมาเข้าไปไว้ในบ้าน นางเหยามีลูกสะใภ้ 2 คน (ลูกชายของสะใภ้คนที่สามยังเล็กเลยไม่สามารถมาได้) ไปทำความสะอาดลานหญ้าหน้าบ้านอีกรอบ ก่อนจะพากันนั่งเกวียนกลับบ้านที่ซีซาน

แม้ว่านางเหยาจะยังไม่พอใจที่จะต้องจากไปทั้งอย่างนั้น แต่นางรู้ว่าครอบครัวของลูกสาวมีกัน 5 คนจะต้องเบียดเสียดกันอยู่ในห้องเดียว ต่อให้พวกเขาพักค้างคืนที่นั่นก็ไม่มีที่ให้นอน พวกเขาจึงจำเป็นต้องกลับหมู่บ้านซีชานก่อนตะวันตกดิน นางเอ่ยเพียงว่า “อีกสองวันข้าจะเดินทางมาเยี่ยมเจ้าอีกครา” แล้วกุลีกุจอขึ้นเกวียนกลับไปอย่างเร่งรีบ ตรงข้ามกับพี่ชายและน้องชายทั้งสามคนที่ยังอยู่ช่วยซ่อมบ้านก่อนที่จะเข้าฤดูเพาะปลูก

หยูไห่เป็นคนซื่อสัตย์ใจดี ถ้าครอบครัวใครต้องการความช่วยเหลือ แค่ขอมาเขาก็พร้อมที่จะช่วยอย่างกระตือรือร้นเสมอ เขามีชื่อเสียงที่ดีในหมู่บ้านตงชาน เมื่อพวกชาวบ้านได้ยินว่าเขาต้องซ่อมแซมบ้าน ชาวบ้านหลายคนจึงพากันมาช่วย

ลูกชายคนโตของหยูลี่ชุนลุงใหญ่ของต้าไห่รู้วิธีก่ออิฐ เมื่อโดนพ่อกระตุ้นเขาก็หยุดรับงานนอกและมาช่วย หลายวันต่อมาหยูลี่ชุนก็พาลูกชาย 3 คนกับหลานชาย 2 คนมาช่วยด้วยอีกแรง พวกเขาจะมาถึงเป็นกลุ่มแรกและกลับเป็นกลุ่มสุดท้ายเสมอ และถึงแม้ลุงรองของต้าไห่ หยูลี่เซียจะอยู่ไกลจากที่นี่ แต่เขาก็ส่งลูกชายคนหนึ่งมาช่วยเนื่องจากตัวเขาเองมิสบาย

เหล่ามิตรสหายเก่าแก่ของต้าไห่ที่เล่นกับเขามาตั้งแต่เด็กก็มาช่วยก่ออิฐ, สร้างกำแพง และตัดไม้...ทุกคนทำงานอย่างกระตือรือร้น พรานจ้าวที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาก็มากับลูกชายทุกวันเพื่อเอาสัตว์ที่ล่าได้มาให้และช่วยงานพวกเขาด้วย อีกทั้งเพื่อนบ้านใหม่ทั้งซ้ายและขวาก็มาช่วยทุกวันโดยที่พวกเขามิได้เอ่ยขอ นี่คือน้ำใจอย่างแท้จริง

โดยทั่วไปเมื่อมีคนมาช่วยงานที่บ้าน เป็นปกติที่ต้องรับผิดชอบอาหารสองมื้อให้พวกเขา  แต่คนเหล่านี้ทุกคนรู้ว่าหยูไห่เพิ่งแยกบ้านและไม่มีอาหารเก็บไว้มากนัก ดังนั้นทุกคนจึงนำอาหารมาเองทุกวันและไม่ยอมกินอาหารของพวกเขาแม้แต่คำเดียว ทั้งครอบครัวรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจอย่างมาก และแล้วในที่สุดเสี่ยวเฉาก็ได้สัมผัสกับความใจดีที่เรียบง่ายของผู้คนในยุคโบราณ

เมื่อมีหลายมือช่วยกันงานก็เบาขึ้น งานในบ้านขนาด 3 ห้อง, ลานหญ้าและกำแพงต่างก็ถูกปรับปรุงจนเสร็จสิ้นภายใน 10 วัน นางหลิวหลั่งน้ำตาแห่งความปิติยินดีเมื่อเห็นบ้านหลังใหม่พร้อมด้วยลานหญ้าขนาดใหญ่และกว้างขวาง สามพี่น้องคุยกันอยู่ในลานด้วยรอยยิ้มสดใส พวกเขามีความสุขราวกับว่ากำลังฝันไป ในที่สุดพวกเขาก็มีบ้านเป็นของตนเองแล้ว...

พี่น้องตระกูลหลิวได้ตัดฟืนเอาไว้เต็มพื้นที่เก็บของในห้องครัวและได้ทำความสะอาดบ่อน้ำก่อนที่จะกลับไป หลังจากปล่อยให้บ้านโล่งอยู่ 2 วัน หยูไห่ที่ขาหายพอจะเดินด้วยไม้ค้ำได้แล้วก็พาครอบครัวของเขาย้ายเข้ามาที่บ้านหลังใหม่ทันที

ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา นอกจากเฒ่าหยูกับต้าชานที่มาช่วยทุกบ่ายแล้ว ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวเลย เมื่อบ้านเสร็จ หยูไห่ก็เชิญพวกชาวบ้านและเพื่อนบ้านมาร่วมฉลอง ตอนนั้นเองนางหลี่ถึงได้พาลูกชายมาเยี่ยม

เมื่อใดก็ตามที่คนในหมู่บ้านสร้างบ้านใหม่หรือย้ายเข้าบ้านใหม่ ก็จำเป็นที่ต้องจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นบ้านใหม่ด้วย บ้านหลังนี้สร้างเสร็จได้ก็ด้วยความช่วยเหลือจากชาวบ้านหลาย ๆ คน อีกทั้งวัตถุดิบที่ใช้ส่วนใหญ่ก็มาจากวัตถุของท้องถิ่น ดินโคลนที่ใช้ทำอิฐก็ขุดจากคันดินในหมู่บ้าน คานกับขื่อก็ตัดมาจากต้นไม้บนภูเขา แม้แต่ฟางมุงหลังคาก็มาจากที่บรรดาชาวบ้านรวบรวมมาจากทั่วทุกหนแห่ง

เดิมทีเสี่ยวเฉาอยากซื้อกระเบื้องดินเผามามุงหลังคาเพื่อสร้างบ้านเช่นเดียวกับบ้านของตระกูลหยูในปัจจุบัน แต่นางก็นึกได้ว่าตนเองมีเงินอยู่เพียงแค่ 10 ตำลึงจึงต้องทิ้งความคิดนี้ไป นางรู้สึกเสียใจอีกครั้งที่เอาเงินทั้งหมดไปลงทุนกับธุรกิจของคุณชายสามโจว เด็กหญิงได้แต่มองด้านบวกและปลอบใจตนเองด้วยการคิดว่า ‘บ้านดินมุงหญ้าฟางก็ดีเช่นกัน ฤดูหนาวก็อุ่นฤดูร้อนก็เย็น...’

อ่า ! คุณชายสามโจวนั่นก็ยุ่งเสียเหลือเกิน ตอนต้นฤดูใบไม้ผลิเขายุ่งมากจนเท้าแทบไม่ติดดินเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่ก่อตั้งโรงงานแต่ยังวางแผนจะเปิดร้านอาหารเจินซิวในเมืองหลวงอีกด้วย เขาเดินทางระหว่างเมืองหลวงกับเมืองถังกู่อยู่ตลอดและไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเขาอยู่ที่ใด เสี่ยวเฉาอยากจะขอให้เขาช่วยแต่นางก็ไม่เคยหาตัวเขาเจอเลยสักคราเดียว !

โชคดีที่ บ้านได้รับการบูรณะแล้วและใช้เงินไปเพียงแค่ไม่กี่ตำลึงเท่านั้น หยูไห่รู้สึกขอบคุณจากใจที่พวกชาวบ้านมาช่วยพวกเขา ดังนั้นเมื่อพวกเขาเตรียมงานฉลองขึ้นบ้านใหม่ เขาจึงอยากทำให้แน่ใจว่ามีอาหารดี ๆ มาขอบชาวบ้านเหล่านั้น

เมื่อพรานจ้าวได้ยินว่าหยูไห่ได้เงินมาแค่ 2 ตำลึงตอนแยกบ้าน เขาก็ทั้งโกรธและรู้สึกผิดในเวลาเดียวกัน หยูไห่เกือบตายเพื่อช่วยชีวิตเขา หลังจากฆ่าหมีและเอาไปขายแล้ว เขาก็เอาเงิน 300 ตำลึงให้กับครอบครัวหยูและบอกว่าเพื่อเป็นค่ารักษาของหยูไห่ แต่เขาไม่คิดเลยว่าพ่อที่ใจดำของหยูไห่กับแม่เลี้ยงใจร้ายจะยึดเงินที่หยูไห่เสี่ยงชีวิตเอาไปเข้ากระเป๋าของตนเอง

พรานจ้าวที่โกรธจัดอยากไปหาเฒ่าหยูและเอาตัวเขามาเจรจา แต่หยูไห่ก็ห้ามเขาเอาไว้ หยูไห่เอ่ยว่า 300 ตำลึงนั่นถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่นางจางเลี้ยงดูเขามาตลอดหลายปี จ้าวปู้ฝานรู้สึกผิดต่อน้องหยูไห่ของเขามากจึงเอาสัตว์ที่ล่าได้มาให้พวกเขาอยู่บ่อยครั้งเพื่อบำรุงร่างกายของหยูไห่ให้แข็งแรงขึ้น อีกทั้งเขากับลูกชายก็มาช่วยซ่อมบ้านใหม่อย่างกระตือรือร้นอีกด้วย สำหรับงานเลี้ยงบ้านใหม่นี้ เขาก็ได้ขึ้นภูเขาไปจับไก่ฟ้าและกระต่ายป่ามามากกว่าสิบตัว

หยูไห่ไม่ปฏิเสธของขวัญของเขาและยังซื้อไข่ไก่ 50 ฟองจากตระกูลโจวเพื่อนบ้านของเขาอีกด้วย เขาซื้อเนื้อ 10 ชั่งจากตลาดในเมือง ในตอนปลายฤดูหนาวต้นฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้ยังไม่มีผักใบเขียวขาย แต่ทุกครอบครัวต่างเก็บหัวไชเท้าและผักกาดขาวเอาไว้ และครอบครัวส่วนใหญ่ก็จะมีผักแห้งจากฤดูใบไม้ร่วงเก็บไว้ด้วยเช่นกัน ครอบครัวที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขาได้ส่งผักพวกนี้มาให้บ้าง และนางหลิวก็ไปซื้อที่ตลาดมาบ้าง

นางเหยาได้ยินว่าลูกสาวนางกำลังจัดงานเลี้ยงเพื่อชาวบ้านและกลัวว่านางจะต้องทำงานมากเกินกว่าที่จะทำไหวด้วยตัวคนเดียว ในวันนั้นนางจึงพาสะใภ้ใหญ่มาช่วย ลานหญ้าของลูกสาวนางมีขนาดใหญ่และกว้างขวางและมีกำแพงสูงล้อมรอบ บ้านขนาด 3 ห้องนั้นแทบไม่มีของตกแต่งอยู่เลย ดูว่างเปล่ายิ่งนัก สำหรับครอบครัวที่มีสมาชิก 6 คนแล้วบ้านหลังนี้ก็ดูไม่แออัดเกินไปนัก

ฉีโตวดึงมือยายพาเดินชมรอบบ้านอย่างกระตือรือร้น อย่างเช่น ห้องไหนเป็นห้องของท่านพ่อกับท่านแม่ ห้องไหนเป็นของพี่สาว และห้องไหนเป็นของเขากับพี่ใหญ่...เขาถึงขั้นพานางไปดูที่เก็บฟืนและห้องครัว เด็กน้อยพานางเหยาไปดูหมดจนครบทุกห้อง

“คืนนี้ท่านยายกับท่านป้าใหญ่พักห้องนี้นะขอรับ ปกติห้องนี้เป็นของพี่ใหญ่กับข้า แต่ประเดี๋ยวข้าจะไปนอนกับท่านพ่อท่านแม่” หยูฮังพี่คนโตของฉีโตวยังเป็นเด็กฝึกงานอยู่ที่ร้านไม้และแทบไม่ได้กลับมาบ้านเลย เจ้าของร้านไม้เป็นคนไม่มีเหตุผล เขายอมให้หยูฮังหยุดแค่ครึ่งวันเท่านั้นตอนที่พ่อของพวกเขาได้รับบาดเจ็บ และเขาได้หยุดแค่วันเดียวเพื่อมาช่วยสร้างบ้านใหม่ อีกทั้งยังเห็นได้ชัดเลยว่าเขาผอมลงไปมาก

พี่ใหญ่ไม่ได้อยู่บ้าน ฉีโตวจึงไปนอนเตียงเดียวกับหยูไห่และนางหลิวเพื่อประหยัดฟืน แต่เพื่ออวดว่าเขาก็มีห้องของตนเองเช่นกัน เด็กน้อยจึงจงใจพูดเยี่ยงนั้นออกไป

วันนี้หยูเสี่ยวเฉาตามนางหลิวไปเริ่มงานตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อ 2 วันก่อนนางเขียนรายการอาหารเอาไว้แล้ว อาหารประเภทเนื้อมีเนื้อกระต่ายตุ๋น, ไก่ผัดเผ็ด, ผัดผักกาดขาวกับเนื้อ, หมูตุ๋นกับหัวไชเท้า, และไข่กวน

อาหารประเภทผักจะมีขนมผักกาดทอด, ผัดหัวไชเท้า, หัวไชเท้าทอด, หัวไชเท้าดองเปรี้ยวหวาน, ผักกาดขาวผัดเผ็ด, ต้มจืดเต้าหู้กับผักกาดขาว, ผัดผักกาดขาว และผัดผักดองรวมมิตร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด