ตอนที่แล้วGE313 สั่งการดาราสมุทร [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE315 จูบและเจตนาที่แอบแฝง [ฟรี]

GE314 สละร่าง [ฟรี]


หนิงฝานยับยั้งการหลบหนีของซื่อฉวน เมื่อมันไม่อาจหนีได้ มันจึงหันมองหนิงฝานด้วยสายตาเย็นชา

“เจ้ากล้าทำร้ายข้า!”

“ทำไมข้าจะทำไม่ได้! ฆ่ามัน!”

เหล่ากองทัพอสูรจำนวนมหาศาลที่มา เพียงพอที่จะสังหารคนของวังอาภรณ์ม่วงทั้งหมด

ผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลง 3 คนเข้าปะทะกับสองชายชรา กดดันให้พวกมันล่าถอยและเสียเปรียบ ส่วนกองทัพอสูรอื่นๆเข้าล้อมคนของวังอาภรณ์ม่วงทั้งหมด

หนิงฝานได้รับยกย่องให้เป็นจ้าวดาราคนใหม่ ในนามจ้าวดาราหมาป่ากระหาย

เหตุที่อสูรเหล่านี้ยอมเชื่อฟังคำสั่ง ไม่ใช่เพราะหนิงฝานทรงพลัง แต่เป็นเพราะหนิงฝานทำให้จ้าวดารา 2 คนต้องล่าถอยได้ เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายพันปีมาแล้ว จ้าวดาราหมาป่ากระหายคนก่อน ได้แสดงพลังและรวบรวมดาราสมุทรจนเป็นปึกแผ่น

ยิ่งด้วยจ้าวดาราคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด เหล่าอสูรทุกตนในดาราสมุทรแห่งนี้จึงไม่กล้าขัดคำสั่ง

ยิ่งพวกมันรู้ว่าศัตรูในคราวนี้คือมนุษย์ พวกมันยิ่งฮึกเหิมอยากสังหาร ยิ่งด้วยหนิงฝานและม่านฉานเป็นผู้นำ พวกมันก็ยิ่งฮึกเหิมมากขึ้น

หนึ่งสยบโลกหล้า… ผู้ที่ทำแบบนั้นได้สมควรได้รับสมญานามว่าจ้าวดาราหมาป่ากระหาย

ม่านฉานตกตะลึงกับฉากที่ปรากฏเบื้องหน้า อสูรทะเลจากขุมกำลังต่างๆเคลื่อนทัพเข้าเสริม เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ เกิดสงครามใหญ่ระหว่างสามคาบสมุทรในดาราสมุทรแห่งนี้เท่านั้น

น่าตื่นเต้น… ม่านฉานในยามนี่รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

เนิ่นนานแล้วที่มันไม่ได้ประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ ดังนั้น มันจึงอยากติดตามหนิงฝานเพื่อโค่นล้มซื่อฉวน แต่น่าเสียดายที่ภรรยาทั้งสองของมันไม่ยอมให้ไป เพราะอาการบาดเจ็บของมันร้ายแรงมาก

“ท่านพี่ ท่านจะไปไม่ได้นะ หากท่านตาย แล้วพวกข้าจะอยู่ยังไง?” พวกนางอ้อนวอน

“ข้าไม่ตายหรอก! เหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้ ข้าจะไปตายลงได้ยังไง!” แม้จะเข้าร่วมสู้ไม่ได้ แต่ม่านฉานยังคงตื่นเต้นและมีความสุขมาก

อีกด้าน เป่ยเหยาและซีหลานลงมาจากรถเพลิงเมฆา วู่หยานและเยว่หลิงคงที่เห็นต่างแปลกใจ

พวกนางไม่ได้สนใจเป่ยเหยา แต่สนใจที่เหตุใดหนิงฝานสังหารอสูรไปมากมายขนาดนั้น แต่กลับได้รับความเคารพยำเกรง จนกลายเป็นผู้นำทัพขนาดมหึมาเช่นนี้

หรือการที่ทำให้จ้าวดารา 2 คนถอยได้ ทำให้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงยังไม่กล้าขัดคำสั่ง!

“กลิ่นอายของเขาทรงพลังมาก หากข้าไม่เสียปราณไปมากเกินไป ข้าจะเข้าไปร่วมสู้ด้วย!” เยว่หลงคงเองก็ฮึกเหิม

“พี่ลู่เป่ยทรงพลังมาก!” ซีหลานจ้องมองหนิงฝานด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิ

“ทำไมเจ้าเรียกเขาว่าพี่ลู่เป่ย? แล้วนี่ร่างกายเจ้า...” วู่หยานใบหน้าแดงก่ำ นางรู้ว่าซีหลานร่วมรักกับหนิงฝานไปแล้ว

เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ซีหลานยังหวาดกลัวและด่าทอหนิงฝาน แต่ยามนี้กลับ...

“ข้า… เป่ยฝีมือของพี่เป่ยเหยา… พี่ลู่เป่ยก็เลย...” ซีหลานชี้ไปยังเป่ยเหยาที่อยู่ไม่ไกล

“เป่ยเหยา… นางดูสูงศักดิ์ หรือนางจะเป็นผู้ที่ถูกเลือก?” วู่หยานถอนหายใจ นางถอนหายใจให้กับเสน่ห์และดวงในเรื่องสตรีของหนิงฝาน แค่เพียง 2 เดือน เขาได้ครอบครองทั้งซีหลานและยังได้สตรีคนใหม่มาอีกนาง

“ซีหลาน หยุดพูดได้แล้ว!” เป่ยเหยาเร่งเอามือปิดปากซีหลานไว้ แววตาดูกระอักกระอ่วน นางตั้งใจว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร

เป่ยเหยาเองก็มองหนิงฝานด้วยความประหลาดใจ

มิน่าหนิงฝานถึงช่วยนางได้ มิน่าไม่ว่าจะไปที่ใดก็มีอสูรตนใดกล้าจู่โจม

ที่แท้เขาเป็นผู้ที่อสูรทุกตนให้ความยำเกรง

“ถ้าเขาได้อยู่แดนสวรรค์เหนือก็คงดี… ความสามารถและพรสวรรค์ระดับนี้ เขาอาจเป็นผู้เยาว์อันดับหนึ่งเลยก็ได้… หากให้เวลาเขาฝึกฝนวิชาแปลงหยินหยาง เขาจะอาจจะก้าวขึ้นมาในระดับเดียวกับข้าด้วยเวลาไม่นาน และเขาก็อาจ...”

แววตาของนางปรากฏความคาดหวังในตัวหนิงฝาน แต่แล้วก็หัวเราะด้วยความเขลาของตน

“ทำไมข้าถึงกลายเป็นแบบนี้… เรื่องนั้นเกิดขึ้นเพราะไม่ได้ตั้งใจ เมื่อกลับจากที่นี่ ข้าและเขาก็คงไม่ได้พบกันอีก… ข้าจะคาดหวังอะไรกับตัวเขา ข้านี่โง่จริงๆ” เป่ยเหยาถอนหายใจเมื่อหันมองสตรีคนอื่น

หนิงฝานไม่ได้เดียวดาย เขามีสตรีข้างกายมากมาย เหตุใดเขาต้องสนใจนาง

หนิงฝานหาญกล้า สังหารแม้กระทั่งคนของวังอาภรณ์ม่วง

“ถ้าข้ากลับจากที่นี่ไป ข้าน่าจะขอวิหารสาปสูญให้ช่วยเขาสะสางปัญหากับวังอาภรณ์ม่วงได้...” เป่ยเหยากล่าวกับตนเอง

สตรีมักจะคิดไปต่างๆนาๆ ทั้งที่สถานะการณ์เบื้องหน้า ไม่ใช่ที่น่ากังวลแม้แต่น้อย เพราะคนของวังอาภรณ์ม่วงคงไม่อาจรอดชีวิตไปได้

ยามนี้ ชายชราทั้งสองถูกผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลง 3 คนจับตัวไว้ ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณและดวงจิตแรกเริ่มของวังอาภรณ์ม่วงถูกสังหารจนหมด

สีหน้าซื่อฉวนแปรเปลี่ยนเย็นชา เพียง 10 หายใจ คนของมันถูกสังหารจนหมด

ดูเหมือนการเดินทางมายังวังดาราของมันต้องจบสิ้นตรงนี้

นอกจากมันจะไม่มีโอกาสได้ครองดาราจักรพรรดิแล้ว เหล่าผู้ถูกเลือกของขุมกำลังอื่นๆก็คงฝ่ายประตูไปยังวังสวรรค์ได้ยากขึ้น

ซื่อฉวนนำผลึกน้ำแข็งอีกแท่งออกมาแล้วบดขยี้ เรียกกระบี่ไร้ดัดแปลงออกมาอีกครั้ง

นี่เป็นกระบี่เล่มที่ 7 แล้ว มันนำกระบี่มาด้วยกัน 10 เล่ม เป็นกระบี่ไร้ดัดแปลงขั้นต้น 9 และขั้นกลางอีก 1 เล่ม

เมื่อกระบี่ไร้ดัดแปลงปรากฏ อสูรตัดวิญญาณที่อยู่ไม่ไกลล้วนหวาดกลัว

มิน่าม่านฉานถึงบาดเจ็บสาหัสจนหนิงฝานต้องยื่นมือช่วย

แม้ซื่อฉวนไม่ได้แข็งแกร่ง แต่ของที่มันนำมาด้วยนั้นทรงพลังมาก

ผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลง 3 คนถอยห่าง พวกมันหันมองม่านฉานด้วยความกังวล

“กระบี่เล่มนั้นไม่ธรรมดา นายท่านให้พวกข้าช่วยรับหรือเปล่า?” ผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงทั้งสามคนกล่าวถามหนิงฝาน

“ไม่จำเป็น… เดี๋ยวข้าจัดการเอง!”

อสูรเหล่านี้คงลืมไปว่าหนิงฝานสยบพวกมันได้ด้วยตัวคนเดียว!

หนิงฝานแหงนหน้ามองกระบี่ปรากฏอยู่กลางนภาด้วยแววตาเป็นประกาย เมื่อกระบี่ตรงเข้าหา เขากลับอ้าปากกลืนกระบี่ลงไปในท้อง!

“วิชากลืนภูเขา!”

เมื่อกระบี่เข้าไปในท้องหนิงฝาน มันเปล่งอานุภาพเต็มที่เพื่อหวังทำลายร่างหนิงฝาน

การกระทำของหนิงฝานทำให้ทุกคนตกตะลึง

“เจ้าลู่เป่ยลอกเลียนวิชาข้า! ขนาดข้าฝึกฝนร่างกายมาหลายพันปียังมีสภาพเป็นแบบนี้ แต่เด็กนั่นยังกล้ากลืนกระบี่เข้าไปอีก!”

อวัยวะภายในของหนิงฝานย่อมไม่อาจต้านทานอานุภาพของกระบี่ได้ เพียงแต่ทันทีที่กระบี่เข้าไปในร่างของเขา มันระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ เส้นแสงสีดำจำนวนในร่างหนิงฝานเข้าจู่โจมพันธะนาการเศษกระบี่ หักล้างอานุภาพของกระบี่ทั้งหมด ก่อนที่พวกมันจะถูกดูดซับกลายเป็นผลึกสีม่วงปรากฏในมือหนิงฝาน

“เจ้าไม่ใช่มือกระบี่ การที่ปราณกระบี่ที่ทรงพลังเช่นนี้อยู่ในมือเจ้า ก็รังแต่จะเสียเปล่า!”

หากซื่อฉวนเป็นผู้เชี่ยวชาญกระบี่ แม้เป็นปราณกระบี่ตัดวิญญาณ หนิงฝานก็ไม่กล้ากลืนเข้าไป

เหตุผลที่หนิงฝานกล้ากลืนกระบี่เข้าไปเป็นเพราะเขามีสัมผัสกระบี่และร่างวิญญาณ และเต๋าแห่งกระบี่ของซื่อฉวนก็อ่อนด้อยมาก

มันเทียบได้กับคนธรรมที่มีปราณกระบี่ทรงพลังอยู่กับตัว และหนิงฝานเป็นผู้เชี่ยวชาญกระบี่ เมื่อเขามองจุดอ่อนของมันออก การที่จะช่วงชิงปราณกระบี่ของมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก

“ร่างวิญญาณ! เจ้าใช้ร่าวิญญาณชิงกระบี่ข้า!”

ร่างวิญญาณที่มีเพียงผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกเท่านั้นที่ทำได้ แม้เป็นซื่อฉวนก็ยังไม่อาจทำได้ ผู้ที่มีความสามารถอย่างหนิงฝานในโลกทั้ง 9 นั้นหาได้ยากมาก ส่วนในแดนสวรรค์ เท่าที่ซื่อฉวนเคยก็มีเพียง 12 คน ซึ่งคนเหล่านั้นล้วนฝึกฝนวิชาร่างวิญญาณโดยเฉพาะ แต่ถึงอย่างนั้น คนเหล่านั้นก็ไม่มีทางรับกระบี่ไร้ดัดแปลงได้

ซื่อฉวนไม่มีเวลาให้ขบคิดว่าหนิงฝานรับกระบี่ของมันได้ยังไง มันรู้แค่ว่า มันต้องรอดจากที่นี่ให้ได้

แม้มันจะต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงได้ แต่มันก็หนีไม่พ้นอยู่ดี

“ข้าเหลือกระบี่อยู่ 3 เล่ม… ไร้ดัดแปลงขั้นกลาง 1 เล่ม และไร้ดัดแปลงขั้นต้นอีก 2 เล่ม… กระบี่ไร้ดัดแปลงขั้นกลางจะเป็นกระบี่ที่ช่วยชีวิตข้า ส่วนขั้นต้น 2 เล่ม จะเป็นกระบี่ที่ใช้ปลิดชีวิตเจ้า! ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เจ้าก็เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น หากกระบี่ทั้งเล่มจู่โจมเจ้าพร้อมกัน เจ้าไม่มีทางรอดแน่”

สีหน้าซื่อฉวนแปรเปลี่ยนโหดเหี้ยม มันนำผลึกใสออกมา 2 ชิ้นแล้วบดขยี้

กระบี่ไร้ดัดแปลง 2 เล่มปรากฏ  แต่กระบี่ยามนี้เปล่งประกายราวกับกระบี่ที่บริสุทธิ์ อำนาจที่มันแผ่ออกมารุนแรงเป็นอย่างมาก

“กระบี่สองเล่มนั้นต่างจากทั่วไป… เด็กนั่นไม่ธรรมดา… เราต้องช่วยนางท่าน!” ผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงทั้งสามกล่าว ต่อหน้ากระบี่ทั้งสองเล่มนั้น พวกมันรู้สึกราวกับตนเองไม่อาจสยบได้โดยลำพัง

“ถ้าเปลี่ยนให้จ้าวดาราฉีชาและจ่าวดาราเสี่ยวเฉิงมารับแทน เจ้าคิดว่าท่านจะรับได้หรือเปล่า?”

“รับได้ง่ายๆเลยหล่ะ! จ้าวดาราฉีชาทุ่มฝึกกระบี่มาทั้งชีวิต ปราณกระบี่แค่นี้ทำอะไรท่านไม่ได้หรอก?” หนึ่งสามผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงเย้ยหยัน

“แต่ยังไงซะ… ลู่เป่ยก็ทำให้ท่านจ้าวดาราทั้งสองต้องยอมถอยไปแล้ว พวกเจ้าลืมแล้วหรือไง?”

ม่านฉานกล่าว คำกล่าวของชายชราทำให้ผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงทั้งสามหันมองหนิงฝาน พวกมันเพียงเคยได้ยินว่าหนิงฝานแข็งแกร่ง และยามนี้ พวกมันก็ได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว

“นายท่านจะใช้วิธีไหนรับกระบี่สองเล่มนั่น!” ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดตั้งตารอ

หากหนิงฝานรับกระบี่ทั้งสองเล่มได้ ชื่อเสียงของเขาจะเพิ่มพูนเป็นอย่างมาก

“ปราณกระบี่ของเจ้ายังด้อยเกินไป!”

หนิงฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ในชั่วพริบตานั้น กระบี่ของซื่อฉวนแปรเปลี่ยนเป็นเส้นใยขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก จู่โจมเข้าหาหนิงฝาน เหล่าอสูรที่เห็นเหตุการณ์ล้วนเฝ้ารอว่าหนิงฝานจะรับกระบี่นี้ยังไง

หนิงเย้ยหยันมันครั้งแล้วครั้งเล่าจนมันไม่เหลือความภาคภูมิใจได้อีก

มันอายุได้ 700 ปี บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง นับเป็นผู้มีพรสวรรค์

แต่หนิงฝานที่อายุยังไม่ถึง 400 ปี กลับบรรลุร่างวิญญาณ และอีกหลายวิชาที่เหลือกว่ามันทั้งสิ้น ที่สำคัญ ยังไม่มีอสูรตนใดในดาราสมุทรแห่งนี้กล้าขัดคำสั่งของเขา

แม้ซื่อฉวนจะเป็นผู้ที่ถูกเลือกจากสวรรค์ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหนิงฝาน ตัวมันกลับไม่นับเป็นอันใด

“เจ้าไม่มีทางรับได้แน่นอน!” มันนำผลึกใสชิ้นสุดท้ายออกมา

แม้มันจะกล่าวเช่นนั้น หนิงฝานกลับไม่สะทกสะท้าน

แววตาเขาเฉียบคมราวกับกระบี่ สองนิ้วประกบติดกัน… ดรรชนีขยี้สวรรค์!

ซื่อฉวนที่เห็นดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ เป่ยเหยาเองก็ตกตะลึง

“ดรรชนีกระบี่! ในหมู่วิชากระบี่โบราณจำนวนมาก มีเพียงวิชาดรรชนีกระบี่ที่หายสาบสูญ! ดรรชนีกระบี่...ห้าดรรชนีสังหารเซียน… สิบดรรชนีอานุภาพเกินจินตนาการ! ยิ่งระดับพลังและระดับวิชาสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งทรงพลังมากเท่านั้น หากมันบรรลุดรรชนีกระบี่ที่ 3 แม้อยู่เพียงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้น แต่ยังสังหารได้แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง”

แต่น่าเสียดายที่ระดับพลังของหนิงฝานยังอ่อนด้อยเกินไปที่จะบรรลุดรรชนีกระบี่ที่ 3

แต่ถึงอย่างนั้น ดรรชนีกระบี่ของหนิงฝานยามนี้ ทรงพลังมากพอที่จะทำลายกระบี่ของซื่อฉวนแล้ว

เมื่อเส้นสายกระบี่จำนวนมหาศาลเข้าจู่โจมหนิงฝาน เขาชี้ดรรชนีไปเบื้องหน้า ต้านรับและสยบพวกมัน

ดรรชนีกระบี่ของหนิงฝานทรงพลังกว่าเมื่อก่อนมาก แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง ยังไม่กล้ารับตรงๆ

“ทำลาย!”

เส้นสายกระบี่จำนวนมหาศาลของซื่อฉวนถูกทำลาย หนิงฝานสวนกลับดรรชนีกระบี่ที่แปรเปลี่ยนเป็นเส้นสายในลักษณะเดียวกัน แต่ทรงพลังกว่าจนซื่อฉวนเทียบไม่ติด

“บัดซบ! ข้าสู้มันไม่ได้!”

ซื่อฉวนขบฟัน นำหยกม่วงก้อนหนึ่งออกมาแล้วบดขยี้

เมื่อก้อนหยกแหลกเป็นผง ปราณม่วงก่อตัวเบื้องหน้ามัน เป็นม่านพลัง 17 ชั้น แต่กลับไม่ทรงพลังมากพอที่จะต้านรับดรรชนีกระบี่ของหนิงฝานได้

ดรรชนีกระบี่ทะลวงทิ่มแทง กรีดเฉือนบดขยี้เกราะคุ้มกายของซื่อฉวนจนเสียหาย ทั่วร่างอาบโชกไปด้วยโลหิต

ในขณะเดียวกัน กระบี่ไร้ดัดแปลงทั้งสองเล่มที่ถูกทำลาย ได้กลายสภาพเป็นผลึกสีม่วงในมือหนิงฝาน 2 ก้อน

“ลู่เป่ย! แค้นนี้ต้องชำระ!”

ซื่อฉวนกล่าวบดขยี้แท่งผลุกสุดท้ายในมือง แววตาของมันแปรเปลี่ยนบ้าคลั่ง พลังที่รุนแรงปะทุออกจากร่าง

“ลู่เป่ย ข้าจะรอเจ้าอยู่ในแดนสวรรค์! วิชาเผาชีพ ระเบิดร่าง!”

ซื่อฉวนทุกสิ่งที่มีเป็นแหล่งพลังงานจุดระเบิด เพียงแต่แรงระเบิดทั้งหมด ผสานรวมอานุภาพเข้ากับกระบี่เล่มสุดท้าย

โดยทั่วไประดับพลังของซื่อฉวนไม่เพียงพอให้แสดงอานุภาพที่แท้จริงของกระบี่ แต่ด้วยมันยอมสละร่างกาย โลหิต และทุกสิ่ง จึงแสดงอานุภาพกระบี่ได้เทียบขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกล่าง!

อานุภาพที่กระบี่เปล่งออกมา ทำให้เกาะดาราถูกแบ่งเป็นสองส่วน มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ถูกแหวกออกเป็นสองฝั่ง

“ท่าไม่ดีแล้ว เราต้องช่วยนางท่านต้านรับกระบี่! เพราะปราณกระบี่ระดับนี้ แม้จ้าวดาราฉีชาและเสี่ยวเฉิงร่วมมือ ยังยากที่จะรับได้!”

หนิงฝานขมวดคิ้ว ซื่อฉวนเลือกที่จะฆ่าตัวตายเพื่อเสริมพลังให้กระบี่แสดงอานุภาพได้เต็มที่

“ถึงข้าจะเห็นว่ามันตาย แต่จากที่มันพูด… มันอาจจะไม่ได้ตายจริงๆ บางทีมันอาจมีวิชาสัมผัสเทพบางอย่างที่ข้าไม่เข้าใจ ทำให้มันหนีไปได้… ความแค้นครั้งนี้มันคงไม่อาจปล่อยวาง แต่รอข้าก่อนเถอะ ข้าจะตามไปสังหารเจ้าในแดนสวรรค์เหนือเอง!”

ยามนี้เขาปล่อยให้ศัตรูหนีรอดไปได้ แม้อยากจะตามไปสังหารมัน แต่สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือรับกระบี่ให้ได้!

“เข็มทิศดารา!”

หนิงฝานเอามือแตะหน้าผาก เข็มทิศดาราปรากฏพร้อมกับข่ายอาคมใต้ฝ่าเท้าขนาดใหญ่ ภายในนั้นมีดาราเปล่งประกาย 3 หมื่นดวง

“แผดเผา!”

หนิงฝานทุ่มปราณทั้งหมดลงไปในข่ายอาคม เพียงแต่ปราณที่เหลืออยู่ของเขา กลับกระตุ้นดาราในนั้นได้เพียง 5

“ถอนวิญญาณ!”

หนิงฝานเอื้อมมือไปเบื้องหน้า พลังที่แฝงอยู่รอบตัวถูกดูดซับเข้ามาในร่าง

เหล่าอสูรที่เห็นไม่ประหลาดใจ แต่เป่ยเหยาที่ไม่รู้กลับต้องตกตะลึงอีกครั้ง

ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณที่นางดูหมิ่น กลับกลายเป็นผู้ที่มากพรสวรรค์จนยากจะหาผู้มาเทียบเคียง

พลังที่หนิงฝานดึงมาจากรอบข้าง ทำให้เขาปราณอสูรของเขาบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง เร่งให้ดาราในข่ายอาคมเปล่งประกายได้ถึง 9999 ดวง

หนิงฝานขบฟันเร่งพลังถ่ายเข้าไปในข่ายอาคมเพิ่ม จนทำให้ดาราหมื่นดวงเปล่งประกาย ซึ่งเพียงพอให้รับการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกขั้นต้น

“ยังไม่พอ!”

หากจะต้านรับการจู่โจมเต็มกำลังของขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง เขาต้องทำให้ดาราทั้ง 3 หมื่นดวงส่องสว่างให้ได้

หนิงฝานนำหลายๆสิ่งที่ได้มาจากสงคราม ทั้งแก่นอสูรและสมบัติ นำพวกมันมาบดขยี้มากมายนับไม่ถ้วน

อานุภาพของสิ่งเหล่านั้นเร่งให้ดาราในข่ายอาคมเปล่งประกายทีละดวง กระทั่งเปล่งประกายถึง 3 หมื่นดวงได้สำเร็จ

กำแพงแสงดาราปรากฏเบื้องหน้าขวางกั้นหลายชั้น

กระบี่เข้าปะทะกำแพงดารา ทำลายกำแพงชั้นแรกไป แต่ยิ่งกระบี่ทะลวงการป้องกัน อานุภาพของมันก็ลดลงมากยิ่งๆขึ้นไป

เมื่อกำแพงด่านสุดท้ายถูกทำลาย กระบี่เหลืออานุภาพอยู่เพียง 1 ส่วน แต่ในชั่วพริบตานั้น หนิงฝานใช้ดรรชนีคีบปลายกระบี่เอาไว้

“สลายไปซะ!”

กระบี่แตกละเอียด ก่อนก่อตัวเป็นผลึกสีม่วงอีกครั้ง

ทั่วเกาะดาราเงียบสงัด อสูรแต่ละตนล้วนไม่อยากเชื่อสายตา

“นายท่านรับกระบี่ขอบเขตไร้ดัดแปลงที่ 2 ได้! การป้องกันของนายท่านทรงพลังจนน่าหวาดกลัว!”

เป่ยเหยาถอนหายใจด้วยความผ่อนคลาย เมื่อครู่นางกังวลมาก

นางดีใจที่หนิงฝานรับกระบี่ได้ และดีใจที่ซื่อฉวนยังไม่ตาย

“ซื่อฉวนเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา แม้เจ้าจะสังหารผู้ถูกคนใด ข้าก็ช่วยเจ้าปิดเรื่องนี้ได้ ยกเว้นก็เพียงซื่อฉวนคนเดียวที่ข้าทำไม่ได้… เว้นแต่เจ้าจะเข้าร่วมวิหารสาบสูญเรา”

“ข้าตอบแทนเจ้าได้ด้วยการคอยปกป้องอยู่ห่างๆเท่านั้น”

รอยแยกจำนวนมากปรากฏในดาราสมุทร ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากปรากฏตัว ยังสถานที่ต่างๆ แต่ก็มีบางส่วนที่ผ่านมิติมาไม่ได้

“บ้าเอ้ย! เจ้าทำให้เรามาโผล่ที่นี่!” เว่ยฉวนถูกทุบตีจนหมดสภาพ

“พวกวังอาภรณ์ม่วงก็โดนเหมือนกัน แต่พวกมันโชคดีที่ปรากฏตัวยังเป้ายหมายทันที”

“ดูนั่น! แสงสีม่วงนั่นมันอะไร?”

กลุ่มควันสีม่วงลอยตรงมาอย่างรวดเร็ว ผู้เชี่ยวชาญบริเวณนั้นที่เห็นล้วนสั่นสะท้าน จุดเพลิงม่วงถูกจุดบนกลุ่มควัน

แม้เปลวเพลิงดูราวกับเผาทำลาย แต่แท้จริงกลับรักษา จนกลุ่มควันสีม่วงเปลี่ยนเป็นร่างของซื่อฉวนอีกครั้ง

หนิงฝานเดาถูก ซื่อฉวนยังไม่ตายจริงๆ

“นั่นมันนายน้อยแห่งวังอาภรณ์ม่วงซื่อฉวน ทำไมมันถึงกลับออกมา! และดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย”

“วิชาหมอกม่วง วิชาลับที่ทรงพลังที่สุดในวังอาภรณ์ม่วง คาดไม่ถึงว่าอายุแค่นี้จะสำเร็จวิชาแล้ว”

“วังอาภรณ์ม่วงเข้ามาที่นี่เมื่อชั่วยามที่แล้ว… หรือตอนนี้พวกมันจะถูกสังหารทั้งหมด มีเพียงซื่อฉวนที่หนีออกมาได้สำเร็จ”

ผู้ถูกเลือกแต่ละขุมกำลังพูดคุย ใบหน้าเผยถึงความหวาดกลัวต่อดาราสมุทร และจ้องมองซื่อฉวน

หลินชูแห่งนิกายปีศาจขาว มันเป็นศัตรูของซื่อฉวน เมื่อมันเห็นว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บ มันก็คิดที่จะลอบสังหารทันที แต่เมื่อมันเห็นแววตาของซื่อฉวน มันกลับไม่กล้า

“ฮ่าฮ่า เป็นเพียงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง แต่ยังกล้ายังเข้าไปในดาราสมุทร แล้วคนของเจ้าหล่ะ พวกมันตายหมดแล้วหรือยัง!” หลินชูกล่าว

“ฮึ่ม! ถ้านิกายปีศาจขาวของเจ้าเข้าไปเจอกับมันผู้นั้น คงถูกสังหารตายกันหมด อีกอย่าง เจ้าก็ไม่มีวิชารักษาชีวิตที่ทรงพลังมากพอ แม้เจ้าจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง แต่คงตายในหมัดเดียว!”

“ฮึ่ม! ปากดีจริงๆ ข้าก็อยากรู้นักว่าใครเป็นสังหารคนของเจ้าทั้งหมด”

“มันชื่อลู่เป่ย… เจ้าภาวนาว่าอย่าได้พบมันจะดีกว่า มันแข็งแกร่งมาก มากซะจนไม่อาจวัดได้ด้วยระดับพลัง แม้มันจะดูเหมือนธรรมดาทั่วไป แต่ข้ากลับสัมผัสได้ว่า แม้เป็นจักรพรรดิเซียนที่ยิ่งใหญ่ มันผู้นั้นก็กล้าต่อกร”

“คนธรรมดากล้าต่อกรกับจักรพรรดิเซียน? เป็นไปไม่ได้! หรือเพราะเจ้าตายไปแล้วรอบหนึ่งสมองก็เลยเพี้ยนไป มนุษย์ธรรมดาที่ไหนจะต่อกรกับจักรพรรดิเซียนได้”

“ฮึ่ม! ข้าคร้านเกินจะคุยกับเจ้าแล้ว เรื่องระหว่างวังอาภรณ์ม่วงและนิกายปีศาจ เอาไว้ค่อยว่ากันในแดนสวรรค์ ตอนนี้เจ้าควรรักษาชีวิตไว้ให้ดี… ถ้านิกายปีศาจขาวของเจ้ายังทำตัวแบบนี้ สักคนจะมีผู้มาแก้แค้นในนามของนิกายปีศาจทมิฬ และวันนั้น นิกายปีศาจขาวของเจ้าอาจถูกทำลายจนสิ้นซาก… เจ้าจำคำข้าไว้ให้ดี”

ซื่อฉวนแค่นเสียงก่อนจะมุ่งผ่านรอยแยกมิติกลับไปยังแดนสวรรค์

ซื่อฉวนสู้หนิงฝานไม่ได้ ดังนั้นมันจะทุ่มเทฝึกฝนและเฝ้ารอ รอวันที่จะได้กลับมาแก้แค้นใหม่

หลังจากซื่อฉวนจากไป หลิวชูหันมองผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงสองคน พลางกล่าวด้วยความไม่พอใจ

“ผู้อาวุโส ทำไมท่านไม่สังหารมัน!”

“จะฆ่ามันไม่ได้”

ชายชราทั้งสองเป็นพี่น้องกัน อายุกระดูกราว 4 พันปี

“ทำไมถึงฆ่ามันไม่ได้!”

“มีข่าวลือว่าซื่อฉวนปลีกตัวออกจากตระกูลที่ทรงพลังของมัน แต่ถึงจะปลีกตัวออกมา ตระกูลก็ยังคุ้มครอง”

“อะไรนะ! นี่มัน… ฮึ่ม! มิน่ามันถึงมีพรสวรรค์มากกว่าข้า”

“ลู่เป่ยผู้นั้นทำให้ซื่อฉวนยอมแพ้… ดูท่ามันจะแข็งแกร่งมาก แต่ถึงอย่างนั้น พวกข้าจะเหยียบมันให้จมเท้าเอง!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด