ตอนที่ 9 บางทีฉันอาจเรียนมหาลัยปลอม...
ตอนที่ 9 บางทีฉันอาจเรียนมหาลัยปลอม...
ห้องประชุมไม่มีที่ว่างแม้แต่ที่เดียว
นักศึกษาปีที่สามที่กำลังเตรียมสอบเข้าระดับปริญญาโทต่างก็ตั้งอกตั้งใจเรียน
ด้านข้างแท่นโพเดียม มีศาสตราจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์แห่งมหาลัยจินหลิง ถังจื้อเหว่ย กำลังนั่งอยู่ เขาวางหนังสือพิมพ์บนมือลงแล้วอ่านโจทย์บนกระดาษอย่างละเอียด มือขวาเขาพลิกปากกาซ้ำไปซ้ำมา
ลู่โจวยืนอยู่ข้างเขา เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าท่าทางเล็กๆนี้ของอาจารย์หมายความว่าท่านกำลังอยู่ในโหมดครุ่นคิด
"เธอไปเอาโจทย์นี้มาจากไหน?" ถังจื้อเหว่ยจู่ๆก็เอ่ยถามหลังจากจ้องมองกระดาษเป็นเวลานาน
"ในหนังสือเอ่ยถึงอนุกรมฟีเรียร์ ดังนั้นผมจึงไปห้องสมุดเพื่อหาหนังสืออ้างอิง ผมพบทฤษฏีการแปลงฟูเรียร์หลายทฤษฏีและการประยุกต์หลายรูปแบบ ผมพยายามแก้ดู แต่ผมก็ติดอยู่ขั้นตอนหนึ่ง" ลู่โจวกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มเชิงขอโทษ สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ
ถังจื้อเหว่ยมองลู่โจวแว้บนึงก่อนจะมองกลับไปยังกระดาษทด เขาวางปากกาลงแล้วหยิบชอร์คขึ้นมา เขาเดินไปหน้ากระดานดำและหยุดชั่วครู่ จากนั้นเขาก็เขียนโจทย์ลงบนกระดานดำ
ลู่โจวมองกระดานดำอย่างตั้งใจ บางทีมันอาจเป็นเพราะเขาการบ้านกับโจทย์ประเภทนี้ไปแล้ว เขาจึงพบว่าตัวเขาตามจังหวะของอาจารย์ทัน
เสียงชอร์คทางโพเดี้ยมดึงดูดความสนใจของนักศึกษาคณิตปีสามที่กำลังเรียนอยู่ บางครั้งพวกเขาก็เงยหน้ามองสูตรที่ถูกเขียนบนกระดานดำก่อนจะกลับไปก้มหน้าเรียนอย่างรวดเร็ว
เอิ่มมม...
พวกเขากำลังเขียนอะไรกัน?
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว ทั้งกระดานดำก็เต็มไปหมดแล้ว
ถังจื้อเหว่ยเขียนตั้งแต่มุมซ้ายบนไปจนถึงมุมขวาล่าง เขาหยุดเขียนแล้วกลับไปมองลู่โจวก่อนจะเอ่ยถามว่า "เธอเข้าใจส่วนนี้ไหม?"
ลู่โจวมองกระดานดำอย่างตั้งใจก่อนจะพยักหน้า "เข้าใจครับ"
ถังจื้อเหว่ยเลิกคิ้วขณะถาม "เธอเข้าใจจริงๆเหรอ?"
ลู่โจวกล่าว "ผมเข้าใจจริงๆ"
ถังจื้อเหว่ยไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเอาแปลงลบกระดานลบกระดาน เขาหยิบชอล์กมาเขียนบนกระดานดำต่อ เขาเปลี่ยนความประทับใจที่มีต่อลู่โจวไปแล้ว
เขาเกลียดนักเรียนอยู่สองประเภท หนึ่งคือนักเรียนที่มาขอคะแนนพิเศษ อีกหนึ่งคือนักเรียนปลอมที่จงใจถามโจทย์ยากๆกับเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอย่างหลัง เขาเกลียดมาก เพราะมันทำให้เขาเสียเวลา!
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มีความสนใจในคณิตศาสตร์เลย แต่เขาก็ยังทำตัวเหมือนกำลังค้นคว้าอยู่ น่ารังเกียจ! คนประเภทนี้แค่อยากใกล้ชิดกับอาจารย์เท่านั้น คนพวกนี้ลืมประโยชน์ของการเรียนรู้ไปโดยสมบูรณ์
ถังจื้อเหว่ยเขียนจะเสร็จไปอีกส่วนแล้ว มันเหลืออีกไม่กี่บรรทัดเท่านั้น จู่ๆเขาก็หยุดมือแล้วมองกลับมาที่ลู่โจวก่อนจะถามด้วยเสียงหัวเราะ "อาจารย์จะเขียนเสร็จแล้ว เธอน่าจะเข้าใจใช่ไหม?"
ลู่โจวพยักหน้า "ผมเข้าใจครับ...ขอบคุณครับศาสตรจารย์!"
เฉินยู่ซานนั่งอยู่ที่นั่งแถวหน้ามุมห้อง เธอแอบสังเกตทั้งสองที่อยู่บนโพเดียม เธอฟังทั้งสองสนทนากันด้วยคำว่า'เข้าใจ?' 'เข้าใจ' แล้วปรากฏร่องรอยความสับสนตรงใบหน้า
เข้าใจ เข้าใจ? มันหมายความว่ายังไง?
ทั้งสองคนกำลังคุยอะไรกันแน่?
เฉินยู่ซานตระหนักว่าด้วยความสามารถของเธอ เธอไม่มีทางเข้าใจบทสนทนาของพวกเขา ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกหมดหวังกับความสามารถทางคณิตศาสตร์ของตนเอง
บางที...ที่จริงแล้วฉันเป็นแค่นักเรียนแย่ๆ?
ถังจื้อเหว่ยได้ยินคำตอบของลู่โจวแล้วหัวเราะ เขาวางชอล์คกลับลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวังแล้วนั่งลง เขาเปิดกระติกสูญญากาศแล้วดื่มชาลงไป จากนั้นเขาก็ค่อยๆพูด "เธอเข้าใจจริงๆเหรอ? งั้นทำไมเธอไม่เขียนขั้นตอนนี้ให้เสร็จล่ะ?"
เข้าใจ? บ้านคุณสิ!
ตอนที่ฉันเขียน คุณก็ยืนอยู่แบบนั้นหยั่งกับคนโง่ คุณไม่ได้จดด้วยซ้ำ ถ้าคุณเข้าใจจริงๆ ฉันจะกินถ้วยนี้เลย!
ลู่โจวเห็นสีหน้าของถังจื้อเหว่ยแล้วก็เข้าใจ ศาสตราจารย์กำลังสงสัยว่าเขาสนใจจริงๆรึเปล่า ศาสตราจารย์กำลังทดสอบเขา!
ลู่โจวไม่รู้ว่าเขาควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี
สาบานต่อพระเจ้าเลย! ผมเข้าใจจริงๆ!
แถมเขาไม่รู้ด้วยว่าทำไม เมื่อศาสตราจารย์ถังกำลังแก้โจทย์บนกระดาน สูตรบนกระดานถึงให้ความรู้สึกคุ้นเคยมาก มันเหมือนกับว่าเขาเคยเห็นสูตรนี้มาก่อน แต่เขาก็จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน
บางทีมันอาจเป็นเพราะเขาแลกเปลี่ยนแต้มทั่วไปของระบบเป็นความรู้แล้วมันครอบคลุมถึงข้อมูลนี้? หรือมันอาจเป็นเพราะค่าประสบการณ์ทางคณิตศาสตร์ของเขามันเพิ่มขึ้น เซ้นส์ด้านคณิตศาสตร์ของเขาจึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย?
พูดง่ายๆก็คือ เขาเข้าใจแล้วจริงๆ
ลู่โจวไม่รู้เหตุผลที่แน่ชัด แต่เห็นได้ชัดว่าศาสตราจารย์ถังไม่ได้วางแผนจะแก้โจทย์นี้ ศาสตราจารย์ถังมองดูเขาลงมืออย่างสบายๆ เขาไม่อาจทำลายโอกาสประสบความสำเร็จในการส่งวิทยาพนธ์ในเทอมต่อไปได้
ด้วยรอยยิ้มมั่นใจ ลู่โจวเดินไปที่กระดานดำพร้อมกับชอล์คในมือ
คิ้วของศาสตราจารย์ถังเลิกขึ้นเพราะเขาคิดว่าไม่มีทางเลยที่เจ้าหนูนี่จะทำขั้นตอนนี้ได้
ไม่มีทาง
ไม่มีทางแน่นอน!
แม้ว่าเขาจะเขียนขั้นตอนพิสูจน์ส่วนใหญ่ไปแล้ว แต่ขั้นตอนสุดท้ายของการพิสูจน์ก็ไม่ใช่สิ่งที่นักศึกษาน้องใหม่จะทำได้! แม้แต่นักศึกษาปริญญาโทก็ต้องพิสูจน์หลายต่อหลายครั้งกว่าพวกเขาจะเข้าใจ!
แต่ชายคนนี้! ตอนที่เขาบรรยาย ชายคนนี้ไม่ได้จดด้วยซ้ำ!
เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างช้าๆ จากความประหลาดใจตอนแรกของศาสตราจารย์ถังก็กลายเป็นตกใจในไม่ช้าก่อนจะกลายเป็นความรู้สึกยอมรับ
ความกังขาทั้งหมดที่เขามีเป็นเหมือนหิมะในฤดูใบไม้ผลิ มันละลายทันทีเมื่อแสงแดดสาดส่องลงมา
หลังจากลู่โจวเขียนบรรทัดสุดท้ายลงบนกระดาน เขาก็หันกลับมามองศาสตราจารย์ถัง ศาสตราจารย์ถังพยักหน้าให้เขาเป็นการยอมรับแล้วกล่าว "ไม่เลว...เขียนได้ดี"
ไม่กี่ขั้นตอนสุดท้ายแตกต่างจากวิธีของเขาเล็กน้อย มันยุ่งยากกว่าเล็กน้อย แต่มันก็ยังค่อนข้างซับซ้อน นี่แสดงให้เห็นว่าลู่โจวไม่เพียงแต่จะเข้าใจที่เขาพูดเท่านั้น แต่ลู่โจวยังรวมความคิดของตนเองลงไปด้วย
ความสามารถนี้ล้ำค่ามาก
กลายเป็นว่าเขาตัดสินผิด...
"ต้องขอบคุณความช่วยเหลือของอาจารย์ ถ้าผมทำคนเดียว ผมคงไม่มีทางแก้โจทย์ได้ถึงขั้นตอนนี้..." ลู่โจวยิ้มเชิงขอโทษ
ในส่วนนี้เขาไม่ได้โกหก ขั้นตอนของระบบคำนวณมีการใช้ 'a=b' บ่อยมาก แต่มันก็ไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจนว่าทำไม a ถึงเท่ากับ b
เขาถามศาสตราจารย์ถังเกี่ยวกับคำอธิบายที่ถูกต้องของส่วนนี้
"ไม่จำเป็นต้องถ่อมตน อาจารย์ดูระดับของเธอออก" ศาสตราจารย์ถังกล่าว เขาปิดฝาขวดสูญญากาศแล้วถามต่อ "เธออยู่คลาสไหน?"
"ผมลู่โจว คลาสหนึ่ง ปีหนึ่ง" ลู่โจวตอบอย่างตรงไปตรงมา
"ลู่โจว..." ศาสตราจารย์ถังทวนชื่อซ้ำหลายครั้งราวกับว่าเขาพยายามจำชื่อนี้เอาไว้
กลายเป็นว่านักศึกษาคนนี้ชื่อลู่โจว...
เฉินยู่ซานนั่งอยู่ที่มุมห้อง เธอแอบฟังแล้วพยักหน้า ทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง และเธอก็รู้ทันที
ปีหนึ่ง?!
เฉินยู่ซานหน้าแดงเมื่อนึกได้ว่าเธอเรียกเขาว่ารุ่นพี่ เธอเอาหัวฟุบโต๊ะทำตัวเหมือนนกกระจอกเทศ
เฉินยู่ซานไม่ใช่แค่คนเดียวเท่านั้นที่ช็อค นักศึกษาสาวรุ่นพี่ที่กำลังนั่งอยู่แถวหน้าก็มองนักศึกษารุ่นน้องคนนี้อย่างเอาเป็นเอาตายเช่นกัน หัวใจของพวกเธอเต้นระรัวราวกับฝูงลูกแกะกำลังวิ่ง
นักศึกษาน้องใหม่สมัยนี้ฉลาดขนาดไหนเนี่ย?
เราควรไปแข่งด้วยยังไง?
"มันใกล้สอบแล้วใช่ไหม? เธอทบทวนเป็นอย่างไรบ้าง?"
"ผมทบทวนเกือบเสร็จแล้ว ผมแค่อยากศึกษาบางอย่างนอกหลักสูตร" ลู่โจวกล่าวพร้อมฝืนยิ้ม
"อ๊ะ มันคงเป็นการดูถูกคนอย่างเธอไปหน่อยมั้งถ้าให้เธอสอบข้อสอบชุดนั้น" ถังจื้อเหว่ยกล่าว จากนั้นเขาก็ถามติดตลกด้วยรอยยิ้ม "อาจารย์จะสอบเธอโดยเฉพาะเป็นไง?"
"ได้โปรดอย่าเลยครับ! ผมจะตายเอา!" ลู่โจวตอบติดตลก
"อะไรนะ? การสอบจะฆ่าเธอได้ยังไง? อาจารย์ไม่เชื่อ" ถังจื้อเหว่ยกล่าว เขาประเมิณลู่โจวก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยแล้วกล่าว "ไม่เลว ไม่เลวเลย อาจารย์ไม่ค่อยชมนักศึกษานัก ถ้าเธอไม่ได้อยู่ปีหนึ่ง ฉันละอยากไปคุยกับสำนักการศึกษาเพื่อพาเธอมาทำงานวิจัยกับฉันจริงๆ"
"อาจารย์ประเมิณผมสูงเกินไปแล้ว ผมยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก ถ้าผมทำวิจัยกับอาจารย์จริง ผมต้องถ่วงแข้งอาจารย์แน่" ลู่โจวตอบ เขารู้ว่าศาสตราจารย์ถังพูดล้อเล่น เขาจึงตอบไปอย่างถ่อมตน
ถังจื้อเหว่ยวิพากษ์วิจารณ์เขา "หยุด! อย่าทำตัวสุภาพกับฉัน ผู้คนในมหาลัยต้องโฟกัสกับการศึกษา อย่าแสร้งสุภาพกับคนอื่น"
แม้เขาจะไม่สงสัยว่าเขากำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ลู่โจวก็รู้ว่าศาสตราจารย์ถังไม่ได้โกรธเลย ศาสตราจารย์ถังกำลังสอนเขาเหมือนกับเขาเป็นศิษย์ของศาสตราจารย์
เมื่อชายชราคนนี้โกรธ เขาจะยิ้มแน่นอน ยกตัวอย่างตอนที่เขากำลังเขียนบนกระดานเมื่อกี้แล้วคิดว่าลู่โจวแสร้งทำเป็นเข้าใจ เขาต้องโกรธมากแน่
"อาจารย์พูดถูก ผมเข้าใจแล้ว"
เมื่อเห็นสีหน้าจริงใจของลู่โจว ถังจื้อเหว่ยก็ผ่อนคลายน้ำเสียงและพยักหน้า เขาพูดต่อ "ดีที่เธอสนใจคณิตศาสตร์ อาจารย์หวังว่าเธอจะรักษาความสนใจนี้ไว้ นอกจากนี้เธอยังเลือกทิศทางได้ดี แม้ว่ามันจะไม่ใช่สาขาที่เป็นที่นิยม แต่มันก็เป็นสาขาที่ประสบความสำเร็จได้ง่าย ถ้าเธอมีความคิดดีๆ เธอก็อย่าได้กลัวจนไม่กล้าทำ ถ้าเธอไม่เข้าใจส่วนไหน เธอก็แค่อ่านไม่ก็ถาม การเรียนรู้มันก็แบบนี้แหละ ใครจะรู้เธอคิดอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครเคยคิดมาก่อนก็ได้"
ศาสตราจารย์ถังหยุดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ "แผนกคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิงนั้นไม่ได้เข้มแข็งมากนัก แต่แผนกฟิสิกส์ของเรานั้นดีมาก การแปลงแบบฟูเรียร์ใช้ในการวิเคราะห์สเปกตรัม การบีบอัดข้อมูลและการมัลติเพล็กซ์แบบโอเอฟดีเอ็ม มันประยุกต์ได้ค่อนข้างกว้าง ถ้าเธอกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้ อาจารย์เชื่อว่าเมื่อเธออยู่ปีสี่ ศาสตราจารย์ฟิสิกส์ที่อยู่ห้องข้างๆจะต้องการตัวเธอแน่นอน"
ศาสตราจารย์ถังหัวเราะแล้วพูดอีก "ศึกษาให้มากขึ้น อ่านให้มากขึ้น ฝึกฝนให้มากขึ้น วิจัยให้มากขึ้น อาจารย์จะเลิกพูดเรื่อยเปื่อยแล้ว ไปคิดเรื่องนี้ด้วยตัวเอง อาจารย์จะไม่ทำให้เธอเสียเวลาแล้ว"
"ขอบคุณครับศาสตราจารย์! ผมจะจำคำพูดเหล่านี้ไว้แน่นอน" ลู่โจวตอบอย่างจริงใจ
"อย่าแสร้งสุภาพกับอาจารย์ อาจารย์พึ่งบอกไปไม่ใช่เหรอ? แค่พูดขอบคุณแล้วก็ไปได้แล้ว เธออยากให้อาจารย์ไปส่งงั้นเหรอ?" ถังจื้่อเหว่ยหัวเราะ
ลู่โจวยิ้ม เขาหยิบกระดาษทดกับปากกาก่อนจะเดินออกประตูไป นอกจากนี้เขายังปิดประตูด้วย
ถังจื้อเหว่ยหันกลับไปมองที่กระดานแล้วถอนหายใจออกมา เขารู้สึกใจหาย
ไม่แปลกใจเลยที่จินหลิงเป็นหนึ่งในเมืองหลวงเก่าแก่ของราชวงศ์ทั้งหกและเป็นสถานที่กำเนิดบุคคลที่ยอดเยี่ยม
ด้วยมหาลัยจินหลิงที่ตั้งอยู่บนชีพจรมังกร มันจะสร้างบุคคลที่มีพรสวรรค์ขึ้นมาจริงๆ!
นักศึกษาปริญญาตรีรู้สึกโง่งม พวกเขามองดูสมการที่ละลานตาบนกระดาน เมื่อพวกเขาย้อนกลับมามองที่หนังสือแบบฝึกหัดของตน พวกเขาก็รู้สึกถึงความไม่เพียงพอ
บางทีฉันอาจเรียนมหาลัยปลอม...