GE307 ฝ่ามือสังหารนักโทษ [ฟรี]
ม่านฉานเกรงกลัวหนิงฝานที่มีมังกรทมิฬ มีโลหิตโบราณ และมีเว่ยฉวนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกเป็นผู้หนุนหลัง
แต่ยามนี้เป็นครั้งแรกที่ชายชราเกรงกลัวความแข็งแกร่งของหนิงฝาน
อย่างน้อยชายชราก็รู้ว่า แม้ตนจะเอาชนะมังกรสมุทรได้ แต่หากจะให้สังหารอีกฝ่ายนั้น ตนเองยังไม่มั่นใจ แต่หนิงฝานกลับได้
ชายชรานิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะออกคำสั่งด้วยสีหน้าจริงจัง
“ส่งคำสั่งออกไป ยกเลิกการโต้กลับอสูรกึ่งไร้ดัดแปลงทั้ง 4!”
“อะไรนะ! ยกเลิก? เจ้าราชาหมึกยกทัพหวังบุกทำลายที่นี่ แต่ท่านกลับยกเลิกการโต้กลับ แบบนั้นไม่เท่ากับเรายอมแพ้พวกมันเหรอ? พวกมันแต่ละคนยกทัพมาปิดล้อมเกาะดาราเรา ท่านจะอยู่เฉยๆแบบนี้เหรอ?” นายกองของม่านฉานกล่าว
“พวกมันไม่ยกทัพมาล้อมเราหรอก เดี๋ยวพวกมันก็ถอยทัพกลับ เพราะพวกมันต้องเหลือทัพไว้ปกป้องตนเอง”
เมืองมังกรสมุทร…
กองทัพอสูรที่เหลืออยู่ราว 3 แสนตนยอมจำนวน ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูง 2 คน และขั้นกลางอีก 1 คนยอมจำนน ส่วนที่เหลือถูกสังหารตายจนหมด
หนิงฝานดูดซับโลหิตและเลือดเนื้อของเหล่าอสูรที่ตาย แล้วดูดซับเพลิงสะกดพิษ
ฉิงซวนและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆของเมืองมังกรสมุทรที่เหลือรอด จ้องมองเมืองของตนที่ถูกทำลายด้วยแววตาเศร้าหมอง แต่นับว่าโชคดีที่พวกมันยอมจำนนจนรักษาชีวิตได้
ทุกสิ่งของเมืองมังกรสมุทรกลายเป็นของหนิงฝาน อำนาจการสั่งการทั้งหมดตกอยู่ในมือเขา
ทหารศิลาวุ่นอยู่กับการตามเก็บดวงจิตอสูร ซีหลานนำเข็มทิศดาราส่งคืนให้หนิงฝาน
การที่ได้เผชิญกับสงคราม ทำให้นางอดทนได้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่กล้าจ้องมองตรงๆ
“ลู่เป่ยต้องเผชิญกับทะเลโลหิตเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า...” ซีหลานพึมพัม นางรู้ว่าตนไม่อาจเทียบกับหนิงฝานได้
นางรู้สึกเห็นใจหนิงฝานมาก เมื่อหวนคิดว่าตนเองนั้นแข็งแกร่ง นางก็รู้สึกขบขันในความโง่เขลา
นางยังเติบโตไม่พอ...
แม้หนิงฝานจะแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง แต่การที่เขาหยิบยืมพลังจากโลหิตโบราณ ทำให้ระดับปราณอสูรของเขาบรรลุถึงขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง
ก่อนที่พลังของโลหิตโบราณจะหมด หนิงฝานต้องสังหารศัตรูทิ้งทุกคน
หนิงฝานโดบประครองซีหลานทะยานไปบนผืนฟ้า
กองทัพอสูร 3 แสนเร่งจัดกระบวนทัพติดตามไปอย่างรวดเร็ว
คบเพลิงแห่งเมืองมังกรสมุทรถูกจุดขึ้นอีกครั้ง เหล่าขุมกำลังขนาดเล็กบริเวณจ้องมองการเคลื่อนทัพของเมืองมังกรสมุทร
กองทัพอสูรและเหล่านายกองที่ทรงพลัง ผสานแรงกดดันเสริมให้แรงกดดดันที่รุนแรงไม่ธรรมดา
ยิ่งหนิงฝานที่เป็นผู้นำทัพ ทั่วร่างลุกโหมด้วยเพลิงทมิฬ ปีกคู่ใหญ่พัดกระพือ ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
ด้วยระดับพลังที่เพิ่มขึ้นจากการเผาโลหิตบรรพบุรุษ ทำให้ความเร็วของเขายามนี้เพิ่มพูนไปมาก เขาจึงมุ่งหน้าออกห่างกองทัพ เพื่อไปให้ถึงเมืองนักโทษตอนใต้ก่อน
การเคลื่อนทัพที่ทรงพลัง แรงกดดันที่น่าเกรงขาม ทำให้ขุมกำลังมากมายในอาณาเขตของมังกรสมุทรไม่กล้าต่อต้าน อสูรบางตนหวังติดตามกองทัพ เพื่อเชิดชูชื่อเสียงและความยิ่งใหญ่
สองชายชราที่หนีไปได้ กลับคืนสู่เมืองนักโทษตอนใต้ของมัน พวกมันประกาศข่าวเรื่องที่หนิงฝานทำลายเมืองมังกรสมุทร สังหารมังกรสมุทร และครอบครองโลหิตบรรพบุรุษเอาไว้
แต่เรื่องที่หนิงฝานหยิบยืมพลังของโลหิตบรรพบุรุษนั้น พวกมันไม่ได้บอก เพราะต้องการให้พวกที่โลภเข้าจัดการหนิงฝาน
นอกจากเรื่องโลหิตบรรพบุรุษแล้ว อสูรบางตนที่สนใจอยากยกระดับสัมผัสเทพ พวกมันก็ออกตามล่าหนิงฝานเช่นกัน
ข่าวที่แพร่ออกไปทำให้อสูรจำนวนมากที่ซ่อนตัว มุ่งหน้าไปรวมกันที่เมืองนักโทษทางใต้ เหล่าอสูรจากทะเลอื่นๆเองก็มา
แต่สำหรับหนิงฝานแล้ว สิ่งที่ต้องมีเพียงอย่างเดียวคือสังหารพวกมันให้หมด
อีกไม่นาน เมืองนักโทษตอนใต้คงได้นองไปด้วยทะเลโลหิต
ระหว่างทาง หนิงฝานเผชิญหน้ากับเผ่าปลาบิน และเผ่าขนาดเล็กอีก 17 แห่ง ขุมกำลังของพวกมันรวมกันแล้ว มีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ 31 คน กองทัพอสูรนับล้าน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด แต่พวกมันทั้งหมด ก็ถูกหนิงฝานสังหารด้วย 9 ย่างเหยียบสวรรค์
แคว้นกระดูกแดงและนายกองจากแคว้นอื่นๆ นำผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ 42 คน มาพร้อมกับกองทัพอสูร 1 ล้าน 5 แสนตน แต่พวกมันทั้งหมดก็ตายใต้คมกระบี่ของหนิงฝาน
มังกรดาราแห่งทะเลตะวันออก และวาฬดาราแห่งทะเลตะวันตก ยกทัพผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ 17 คน พร้อมกองทัพอสูรอีก 7 แสน พวกมันถูกหนิงฝานที่แปลงร่างเป็นอสูรยักษ์สังหารจนหมด
ระหว่างทางไปเมืองนักโทษตอนใต้ หนิงฝานปะทะกับกองทัพศัตรูถึง 6 ครั้ง แต่ยังไม่อาจคลายความเคียดแคว้นที่เขามีได้
ร่างของหนิงฝานแผ่ทั้งความร้อนและความเย็นจากทมิฬและพิษหนอนม่วง การล่าล้างสังหารของเขาทำให้กองอสูรของตนที่ติดตามมาหวาดกลัวอย่างที่สุด
พวกมันแทบจะไม่ได้ทำอะไร คนฝานเป็นคนเปิดฉากสังหารเองทั้งหมด
“มันคือลู่เป่ย ผู้เชี่ยวชาญเผ่าลั่วหยุน มือสังหารผู้โหดเหี้ยมที่สังหารอสูรไปแล้วมากมายนับไม่ถ้วน หนีเร็ว! อย่าไปยั่วยุมัน”
“มันดูดกลืนทะเลโลหิตเข้า มันบ้าไปแล้ว ปีศาจชัดๆ!”
ข่าวลือต่างๆนาๆกระจายไปทั่วดาราสมุทร แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุดของขุมกำลังใดก็ไม่กล้ายั่วยุหนิงฝาน เหล่าผู้ที่รั้งรออยู่ในเมืองนนักโทษตอนใต้ล้วนแยกย้ายหลบหนี
แม้หนิงฝานจะมีโลหิตโบราณกับตัว แต่ไม่มีผู้ใดกล้าช่วงชิง… ซากร่างอสูรที่กองเป็นภูเขา เป็นสิ่งบ่งบอกชั้นดีว่าคนผู้นี้ไม่อาจยั่วยุได้
หนิงฝานบ้าคลั่ง สังหารผู้คนราวกับผักปลา จนตนเองกลายเป็นเหมือนปีศาจคลั่ง
แต่ถึงอย่างนั้น มีเพียงซีหลานที่เคยอยู่ในอ้อมกอดหนิงฝานที่รู้ว่า แท้จริงแล้วหนิงฝานไม่ได้มีความสุขที่ทำเช่นนี้เลย
การสังหารไม่เคยเป็นเรื่องที่น่ารื่นรมย์ หลายต่อหลายครั้งที่ลงมือสังหาร ยิ่งทำให้ความเศร้าในจิตใจเพิ่มพูน แต่หากไม่ลงมือสังหาร เขาก็ไม่อาจปกป้องผู้ใดได้ หากถอยเพียงครึ่งก้าว ผู้ที่รออยู่ข้างหลังก็จะบาดเจ็บ
“เขาเป็นคนที่อ่อนโยน...” แม้จะได้ยินชื่อเสียงด้านลบต่างๆนาๆของหนิงฝาน แต่ซีหลานเชื่ออย่างสุดใจว่าหนิงฝานไม่ใชคนแบบนั้น
นางรู้ว่าบุรุษผู้นี้จะไม่ทำร้ายนางแม้แต่ปลายเล็บ
ยาม ทางใต้ของดาราสมุทรได้ถูกทำลายไปหลายแห่ง
ภายในโถงหลักของเมืองนักโทษทางใต้ สองชายชราที่หนีรอดมานั่งอยู่ภายใน
พวกมันได้ยินข่าวเรื่องการเข่นฆ่าสังหารของหนิงฝาน ทั้งเมืองมังกรสมุทร ทั้งเมืองนักโทษตอนใต้ และขุมอื่นๆที่ยกทัพมา ทุกแห่งล้วนเป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่ง แต่สุดท้ายก็ถูกหนิงฝานทำลายไปง่ายๆ
ยามนี้ ชายชราทั้งสองกำลังเฝ้ารอผู้ที่พวกมันเชื้อเชิญมา
“บัดซบ! จ้าวดาราเจ็ดสังหาร และจ้าวดาราทลายทัพปฏิเสธที่จะช่วยพวกเราฆ่าลู่เป่ย!” ชายชราทั้งสองสั่นเทาด้วยความกลัว
วันนี้ หนิงฝานทำลายกองทัพของขุมกำลังอื่นๆไป 7 ครั้ง และอีกไม่นาน หนิงฝานจะมาเยือนที่นี่
“หรือพวกมันจะปล่อยให้เรากับลู่เป่ยสู้กันจนตายไปข้าง… พวกมันเป็นถึงจ้าวดาราและดาราสมุทรแห่งนี้ บางทีพวกมันอาจไม่สนอยากยุ่งเรื่องพวกนี้ แม้เอาโลหิตโบราณมาล่อพวกมันก็ไม่สนใจ”
ชายชราทั้งสองมองหน้ากัน แววตาแสดงถึงความหวาดกลัวอย่างชัดเจน
ดาราสมุทรกว้างใหญ่ไพศาล แม้ลู่เป่ยจะทรงพลัง แต่จะตามหาพวกมันพบอย่างนั้นหรือ?
ในช่วงหลายวันมานี้ เมืองนักโทษตอนใต้ปั่นป่วนเป็นอย่างมาก เหล่าอสูรทะเลจำนวนมากที่หวาดกลัวการต่อสู้ ได้หลบหนีออกไปจนหมด หนิงฝานกลายเป็นตัวตนที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวไปทั่วทุกหนแห่ง
“รายงานท่านจ้าวแคว้น! กองทัพ 4 แสนของแคว้นกระเรียนม่วงถูกทำลาย… จ้าวแห่งแคว้นกระเรียนม่วงที่เป็นผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้แบ่งแยก… ข้าได้ข่าวว่าถูกลู่เป่ยสังหารและดูดซับโลหิตไป!” นายกองอสูรกล่าวรายงานด้วยความตกตะลึง
ข่าวนี้ทำให้สองชายชราหวาดกลัว
“อะไรนะ! จ้าวแคว้นกระเรียนม่วงตาย! อีกแค่แสนลี้มันจะมาถึงพวกเรา แย่แน่...พวกเราต้องหนีทันที!”
สองชายชราเร่งทะยานออกจากวังและมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเพื่อหลบหนี
ทันทีที่สองชายชราก้าวออกจากวัง ท้องนภาเหนือเมืองนักโทษตอนใต้ก็ปรากฏเงาร่างของคนผู้หนึ่ง โอบกอดสาวงามนางหนึ่งเอาไว้
ระยะทางเพียง 1 แสนลี้ หนิงฝานสามารถก้าวผ่านได้ด้วยการย่างเท้าเพียงครั้งเดียว
“ลู่เป่ย! ทำไมเจ้ามาถึงเร็วขนาดนี้!”
“กระตุ้นข่ายอาคมป้องกันเร็วเข้า!”
“เราหนีไม่ทันแล้ว!”
พวกมันอับจนหนทางและไม่อาจหลบหนีได้ทัน ยามนี้พวกมันจึงพึ่งพาได้เพียงข่ายอาคม และเฝ้ารอความช่วยเหลือจากจ้าวดาราอีก 2 คนที่พวกมันร้องขอความช่วยเหลือไป
ยามนี้พวกมันไม่เหลือความองอาจของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุดที่สูงส่ง พวกมันกลายเป็นเพียงคนขาดเขลาที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ข่ายอาคม
ข่ายอาคมป้องกันของเมือง คือข่ายอาคมระดับตัดวิญญาณขั้นสูงสุด และยามนี้ สองชายชราทุ่มถ่ายปราณและสัมผัสเทพเพื่อเสริมการป้องกันอย่างต่อเนื่อง
เมื่อข่ายอาคมถูกกระตุ้น อสูรทะเลจำนวนมากที่จะเข้าเมืองคุกเข่าอ้อนวอน ขอให้ชายชราทั้งสองเปิดข่ายอาคมให้พวกมันเข้าไป
แต่ข่ายอาคมที่สองชายชรากระตุ้นนั้น เป็นเหมือนเกราะคุ้มกันชีวิตของพวกมัน เหตุใดพวกมันจะเปิด?
ยามนี้กองทัพของหนิงฝานเพิ่มจำนวนเป็น 2 ล้าน ในกองทัพมีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ 43 คน ในกลุ่มนี้ มีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุดอยู่ด้วย 3 คน
คนเหล่านี้ได้มาจากการที่พวกมันพ่ายสงครามและยอมจำนวน หนิงฝานประทับตราวิญญาณอสูรเอาไว้ ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืน
กุ่ยเฉินและผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุดอีก 2 คนร่วมกันจู่โจมข่ายอาคม
ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 คนนี้ล้วนเป็นผู้มีชื่อเสียงในดาราสมุทร แต่ยามนี้ ทั้งสามเป็นเพียงทาสที่หนิงฝานใช้จู่โจมข่ายอาคม
ชายชราทั้งสองไร้หนทาง ผู้ที่ทรงพลังในขุมกำลังของมันหนีไป กองทัพก็กระจัดกระจาย ขุมกำลังที่พวกมันลวงมาก็ถูกสังหารจนหมด
“เราออกจากเมืองไม่ได้ ถ้าออกไปก็เท่ากับตาย ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณพวกนั้นไม่ปล่อยเราไว้แน่”
หากออกไปก็เท่ากับตาย สิ่งที่พวกมันพอจะทำได้คือเสริมการป้องกันของข่ายอาคม
พวกมันได้แค่หวังให้จ้าวดาราอีก 2 คนมาช่วยเหลือ
แต่แล้วสิ่งที่พวกมันหวังก็ไม่เป็นไปตามที่คิด
เพราะหนิงฝานดูเหมือนจะไม่อาจรั้งรอได้อีก
“พวกเจ้าถอยกลับมา!”
“ขอรับ!”
กุ่ยเฉินและผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณอีก 2 คนเร่งถอยกลับมา
ทันทีที่ทั้งสองถอนตัว ภูเขาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะหนิงฝาน
“เผาโลหิต… ด้วยโลหิตโบราณหยดครึ่ง ทำให้ข้าทรงพลังจนเกือบจะทัดเทียมผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง… ถึงจะบรรลุขอบเขตนี้ ก็ยังห่างชั้นกับเทพกษัตริย์เนี่ยอยู่มาก”
หนิงฝานหวนนึกถึงวันที่เทพกษัตริย์เนี่ยมาบุกโลกและทำร้ายหานหยวนจี๋
นิ้วขนาดใหญ่กว่าพันจ้างของมัน เพียงพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงได้ง่ายๆ
“ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย… ยอมเป็นทาสข้า แล้วข้าจะไม่ฆ่าเจ้า!”
คำกล่าวที่เย็นชาของหนิงฝานทำให้สองชายชราสั่นสะท้าน แต่ยังไงซะ พวกมันก็ไม่อยากเป็นทาส พวกมันยังหวังว่าตนเองจะหนีรอด
“ลู่เป่ย อย่าอวดดีให้มากนัก ถ้าจ้าวดารามาเมื่อไหร เจ้าไม่รอดแน่!”
“หมดเวลาสามลมหายใจแล้ว!”
หนิงฝานไม่อยากกล่าวให้มากความ เพลิงหยินหยางถูกจุดขึ้นที่ฝ่ามือ
“ในอดีต หานเนี่ยเทียนใช้วิชาอัสนีส่งเพลิงกระดูกขาวทำลายล้าง แต่วันนี้ ข้าจะใช้เพลิงและปราณเยือกแข็งทั้งหมด สร้างฝ่ามือที่ปลิดชีวิตพวกเจ้าได้!”
เพลิงและปราณน้ำแข็งทุกชนิดที่หนิงฝานมี ขยายก่อตัวเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่กว่า 100 ลี้
เมื่อฝ่ามือประทับ ข่ายอาคมถูกทำลายอย่างง่ายดาย อานุภาพของฝ่ามือแผดเผาทำลายกินวงกว้างกว่าแสนลี้ เมืองนักโทษตอนใต้ทั้งเมืองถูกทำลาย ภูเขาและสายน้ำเหือดแห้ง
ศูนย์กลางการจู่โจมคือชายชราทั้งสอง ยามนี้ พวกมันจะเสียใจก็สายเกินไป
ฝ่ามือของหนิงฝานไม่ใช่การจู่โจมระดับตัดวิญญาณ อย่างน้อยๆคือการจู่โจมในระดับไร้ดัดแปลง!
“อ้า~” ฝ่ามือประทับ ชายชราทั้งสองแผดเสียงร้องอย่างน่าเวทนา
“ฝ่ามือสังหารนักโทษ!”
กุ่ยเฉินที่เห็นเผยสีหน้าหวาดกลัว แม้เป็นจ้าวดาราที่มันรู้จัก ยังไม่มีวิชาจู่โจมที่ทรงพลังขนาดนี้
หลักจากทำลายเมืองนักโทษตอนใต้จนราบ หนิงฝานเหงนหน้ามองบนท้องนภา หนิงฝานกระทืบเท้า พลังมิติรอบข้างสั่นสะเทือน เผยให้เห็นรอยแยกมิติที่ซ่อนอยู่
ภายในรอยแยกมิติมีเงาร่างของ 2 คนเดินออกมา คนหนึ่งแสดงสีหน้าเรียบเฉย อีกคนยิ้มเจื่อน
“จ้าวดาราทลายทัพ… จ้าวดาราเจ็ดสังหาร… พวกท่านเฝ้ามองข้าอยู่นานแบบนี้ อยากจะเป็นศัตรูกับข้างั้นเหรอ?”
“ฮึ่ม!” บุรุษสะพายกระบี่ผู้หนึ่งแค่นเสียง แววตาเผยความกังวล มันไม่กล้าลงมือ
ส่วนบุรุษอีกคนที่ดูเหมือนบัณฑิตสะกิดบุรุษสะพายกระบี่ ก่อนจะป้องมือให้หนิงฝานแล้วกล่าว
“ท่านลู่เป่ยช่างเก่งกาจ ฝ่ามือเมื่อครู่ท่านคงสร้างขึ้นจากผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณบางคน”
“ใช่...”
“ฮ่าฮ่า… โลหิตโบราณหยดครึ่ง ศพปีศาจกึ่งไร้ดัดแปลง ทาสในขอบเขตตัดวิญญาณ… มีผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกหนุนหลัง ตัวตนของท่านช่างลึกลับ”
“จะลึกลับหรือไม่ ไม่สำคัญ! หากพวกท่านเลือกที่จะเป็นศัตรูกับข้า ข้าก็จะสังหารพวกท่านเหมือนกัน!”
“ฮ่าฮ่า...”
จ้าวดาราทั้งสองสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกที่แผ่ออกมาจากร่างหนิงฝาน
“กลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณที่เหลือไว้ เป็นเพราะผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกคนนั้นอยากให้รู้!” บุรุษชุดบัณฑิตกล่าวกับบุรุษสะพายกระบี่ด้วยสัมผัสเทพ
“แล้วแบบนี้จะมีใครฆ่ามันได้อีก?”
“ฆ่า? ทำไมต้องฆ่า? เด็กนั่นเผาผลาญโลหิตบรรพบุรุษหมดแล้ว ฆ่ามันไปแล้วจะได้อะไร? ที่สำคัญ ข้าสังหรณ์ใจว่า เด็กนี่มีวิชาที่ทรงพลังมากกว่านี้อีก”
บุรุษในชุดบัณฑิตกล่าว มันเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง และสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงจากหนิงฝาน
แม้มันไม่รู้ว่าหนิงฝานมีอะไรซ่อนไว้ แต่หากหนิงฝานคิดเสี่ยงชีวิตจริงๆขึ้นมา ทั้งหนิงฝานทั้งพวกมันอาจตายไปพร้อมๆกัน
“เด็กนั่นอันตรายมาก! ข้าไม่เคยเห็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้นคนไหนที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน… ข้าว่าเป็นสหายไว้น่าจะดีกว่า”
บุรุษในอาภรณ์บัณฑิตกล่าวกับบุรุษสะพายกระบี่ ก่อนนำแผ่นหยกออกมาแผ่นหนึ่งแล้วโยนให้หนิงฝานพลางป้องมือกล่าว
“นับว่าเสียมารยาทที่มาแอบดูท่าน… ข้ามีนามว่าเสี่ยวเฉิง สหายข้ามีนามว่าฉีชา ถึงเขาจะเป็นคนที่พูดจาโผงผางไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ… แผ่นหยกที่ข้ามอบให้ถือเป็นสิ่งชดเชยที่พวกข้าแอบเฝ้ามองเจ้า เป็นความลับของจ้าวดาราหมาป่า ซึ่งจะช่วยให้ท่านเดินทางในวังสวรรค์ได้ง่ายขึ้น พอข้าขอลา!”
เมื่อทั้งสองคนจากไป หนิงฝานก็แผ่สัมผัสเทพเข้าสำรวจแผ่นหยก
“จ้าวดาราหมาป่าเข้าสู่วังสวรรค์เมื่อ 5 พันปีก่อน...”
การที่เมืองนักโทษตอนใต้ถูกทำลาย ทำให้อสูรจำนวนมากหวาดกลัว แต่ที่น่าตกตะลึงกว่านั้น คือการปรากฏตัวของจ้าวดารา 2 คน ทั้งสองคนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหนิงฝาน ทั้งสองกลับนอบน้อมและยอมถอย
กุ่ยเฉินคือคนของเผ่าภูติพราย ซึ่งตั้งอยู่ในเขตแดนของจ้าวดาราเสี่ยวเฉิง มันรู้ว่าจ้าวดาราเสี่ยวเฉิงเป็นผู้ที่โหดเหี้ยมมาก ไม่เคยเห็นจ้าวดาราเสี่ยวเฉิงเป็นแบบนี้มาก่อน
แม้ภายนอกจะดูเหมือนบัณฑิตที่มีเมตตา แต่คนผู้นี้ผ่านการเข่นฆ่าสังหาร และดื่มโลหิตอสูรไปมากมายนับไม่ถ้วนแล้ว
หรือนายใหม่ของมันอย่างหนิงฝานจะมีบางสิ่งที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงหวาดกลัว?
หนิงฝานเก็บแผ่นหยกพลางจ้องมองจ้าวดาราทั้งสองที่จากไป
“จ้าวดาราฉีชาแสดงออกถึงนิสัยที่แท้จริง ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลกับคนผู้นี้ แต่เสี่ยวเฉิง… มันใช้วิชาลับยามกล่าว ทำให้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกบนตัวข้า มันจึงเลือกที่จะถอย ไม่อย่างนั้น ข้าคงต้องสังหารมันทิ้ง”
“ราชาหมึก… ถ้าเจ้ารู้ว่าข้าฆ่าเจ้าได้ เจ้าจะทำหน้ายังไง?”...