GE306 ดาราสมุทร (9) [ฟรี]
*เฮ*
เมื่อสามชายชราแห่งเมืองนักโทษตอนใต้จะร่วมสู้ ขวัญกำลังใจของเหล่าทหารอสูรแห่งเมืองมังกรสมุทรเพิ่มพูน
อสูรจำนวนมากเปล่งเสียงโห่ร้อง สายตาทุกคู่จ้องมองหนิงฝานด้วยความเคียดแค้น ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น แต่กลับกล้ามาหาเรื่องถึงถิ่น
เสียงโห่ร้องของพวกมันแฝงด้วยเจตนาสังหาร สัตว์อสูรที่หลบซ่อนอยู่ในถ้ำนับล้าน เข้าล้อมหนิงฝานและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ
เสียงแห่งสงครามดังกึกก้อง บรรยากาศคุกรุ่น แสงดาราอาบไล้ผืนสมุทร ต้องแสงทอประกายระยิบระยับ คบเพลิงนับล้านถูกจุด เป็นสัญญาณว่าเมืองมังกรสมุทรจะทำศึกชี้ชะตากับศัตรู
เมื่อพันปีก่อน ม่านฉานเคยบุกจู่โจมเมืองมังกรสมุทร ครั้งนั้น เมืองแห่งนี้ได้จุดคบเพลิงเป็นสัญญาณในลักษณะนี้ขึ้น
ผู้ใด… ผู้ใดที่ทำให้เมืองมังกรสมุทรเกรี้ยวกราด จนต้องระดมอสูรนับล้านเข้าศึกตัดสิน!
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าผู้ที่บุกรุกเมืองมังกรสมุทรนั้น เป็นเพียงผู้เยาว์คนหนึ่ง
เมื่อคบเพลิงถูกจุด ดาราสมุทรปั่นป่วน ผืนน้ำแปรเปลี่ยนเป็นสีโลหิต แต่ยามนี้ แววตาหนิงฝานเร่าร้อนยิ่งกว่าคบเพลิงเหล่านั้น
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีกองทัพมากเท่าไหร่ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุดถึง 4 คน แค่ก้าวเท้าก็ปลิดชีวิตพวกมันได้
แม้อีกฝ่ายจะมีกองทัพนับ 10 ล้าน หนิงฝานก็จะสังหารพวกมันไม่ให้เหลือ!
ยิ่งนานไป เสียงโห่ร้องยิ่งดังมากขึ้น ขวัญกำลังของพวกมันยิ่งเพิ่มพูน ปลุกปั่นให้จิตใจหาญกล้าไม่กลัวตาย
สมแล้วที่เป็นเมืองมังกรสมุทรที่ทรงพลัง ผู้เชี่ยวชาญแข็งแกร่ง ทหารอสูรกล้าหาญไม่กลัวตาย
เมื่อคลื่นเสียงโห่ร้องผสานกับเจตนาสังหารจำนวนมหาศาล พวกมันก่อตัวเป็นเหมือนคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าหาหนิงฝาน คลื่นระดับนี้ทรงพลังเทียบเท่าการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลง และการจู่โจมระดับนี้ แม้เป็นม่านฉานยังต้องถอย
“เจ้ามีศพปีศาจกึ่งไร้ดัดแปลงแล้วยังไง? ข้าก็มีกองทัพนับล้าน เจ้าไม่มีทางเทียบข้าได้” มังกรสมุทรหัวเราะลั่น
“แค่อสูรล้านตัว...คิดว่าข้าจะกลัวหรือไง? เข็มทิศดารา… แผดเผามอดไหม้!”
เข็มทิศดาราปรากฏในมือหนิงฝาน แสงดาราส่องจากเข็มทิศ ครอบคลุมพื้นที่แสนลี้ อักขระลวดลายก่อตัวเป็นข่ายอาคม จุดดอกบัวเพลิงขึ้นด้วยกัน 3 หมื่นดอก
หนิงฝานปรากฏกายเหนือข่ายอาคม กระตุ้นข่ายอาคมสร้างกำแดงดาราที่ทรงพลัง ป้องกันการจู่โจมของกองทัพอสูรได้อย่างสมบูรณ์
“นี่มันอะไรกัน! ทำไมถึงมีพลังป้องกันมากขนาดนั้น”
สีหน้ามังกรสมุทรแปรเปลี่ยน หนิงฝานมีทั้งสมบัติป้องกันที่ทรงพลัง และมีรถเพลิงเมฆาที่รวดเร็วไม่ด้อยไปกว่าผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้น
มังกรสมุทรสงสับว่าเหตุใดหนิงฝานจึงไม่จู่โจมกลับ แต่ในชั่วพริบตาที่การจู่โจมของพวกมันถูกเหมือนจะสลายไปหมด ดวงตาของมันก็เบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา
เจตนาสังหารที่ข่ายอาคมแผ่ออกมาทรงพลังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หนิงฝานกำลังรอให้ข่ายอาคมสะท้อนการจู่โจมกลับ
“เอาคืนไป!” ข่ายอาคมให้กำเนิดการจู่โจมที่ทรงพลังเทียบเท่าการจู่โจมของพวกมันเมื่อครู่
ความสามารถที่แท้จริงของเข็มทิศ ไม่ใช่การป้องกันที่ทรงพลัง แต่เป็นการสะท้อนการจู่โจม!
แม้อีกฝ่ายจะมีการจู่โจมที่ทรงพลังขนาดไหน หนิงฝานจะก็สะท้อนมันกลับไปได้
“ตาย!”
คลื่นพลังแปรเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่จำนวนมหาศาล พุ่งเข้าทิ่มแทงเหล่ากองทัพอสูรจนตายอย่างโหดเหี้ยม
เมื่อเหล่าอสูรถูกสังหาร กระบวนทัพก็ปั่นป่วน ค่ายกลที่พวกมันสร้างก็พังทะลาย
หนิงฝานส่องเข็มทิศดาราให้ซีหลาน ก่อนที่ตัวเขาจะทะยานเข้าหามังกรสมุทร!
หากนางมีเข็มทิศดารา นางจะปลอดภัย ส่วนสามชายชราแห่งเมืองนักโทษตอนใต้ ให้เป็นหน้าที่ของทหารศิลาและเหล่าทาสจัดการ
“มังกรสมุทร ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว!”
ดวงตาซ้ายหนิงฝานกลายเป็นสีม่วง โลหิตฟู่ลี่ในร่างถูกกระตุ้น แรงกดดันและกลิ่นอายที่ทรงพลัง ทำให้ สามชายชราหวาดกลัว พวกมันคาดไม่ถึงว่าโลหิตในร่างหนิงฝานจะทรงพลังถึงขนาดนี้
ยิ่งมังกรสมุทรที่เป็นศูนย์กลางของแรงกดดัน มันยิ่งรู้สึกราวกับว่ามันเป็นเรือลำน้อยในมหาสมุทรอันไพศาล
โลหิตบรรพบุรุษครึ่งหยดของมัน ไม่อาจเทียบได้กับโลหิตฟู่ลี่ 4 หยดของหนิงฝาน
มังกรสมุรไม่มีเวลาให้ขบคิด หนิงฝานเข้าประชิดพร้อมชกหมัดที่ทรงพลังเข้ากลางหน้าอกของมันอย่างจัง
หนิงฝานเร็วจนไม่อาจตั้งรับได้ทัน จึงทำเพียงเค้นพลังต้านรับสุดชีวิต
เกร็ดมังกรสีดำปรากฏคุ้มกายมังกรสมุทร ต้านรับหมัดของหนิงฝาน
ระดับร่างกายของมังกรสมุทรคือขอบเขตกระดูกหยกที่ 4 ห่างกับหนิงฝานอยู่ 2 ระดับ
หากคิดตามความเป็นจริง มันสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงได้ในหมัดเดียว
แต่เมื่อหมัดหนิงฝานสัมผัสร่าง อานุภาพของหมัดกลับทำให้มันต้องถอยไปถึง 10 ก้าว เกร็ดมังกรบริเวณที่ถูกชกแตกเป็นเศษเล็กเศษน้อย
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่แรงกระแทกจากร่างมังกรสมุทรได้สะท้อนมายังหนิงฝานบางส่วน แต่ก่อนที่เขาจะได้รับผลกระทบ ร่างของเขาสลายเป็นเส้นแสงสีดำจำนวนมากเพื่อเลี่ยงผลกระทบ
หนิงฝานก่อร่างขึ้นใหม่ที่ด้านหลังโดยไม่ปล่อยให้มังกรสมุทรได้พัก เขาระดมหมัดใส่มันราวกับห่าพิรุณ
ผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดครึ่งดอก หมัดหลายร้อยระดมเข้าปะทะร่างมังกรสมุทร เกร็ดมังกรคุ้มกายถูกทำลาย อาการบาดเจ็บสะสมมากขึ้นเรื่อยๆโดยที่มันไม่มีโอกาสตอบโต้
ผลจากการจู่โจมทำให้เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง รอยแยกมิติปรากฏหลายแห่ง
ยิ่งนานไป ความดุดันของหนิงฝานก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ยิ่งยากจะจัดการ… ความแค้นและความเกลียดชัง คือแรงผลักดันที่ทำให้เกิดพลังที่มากเกินจินตนาการ
“เจ้ามีร่างวิญญาณ! แบบนี้ใครจะฆ่าเจ้าได้!”
มังกรสมุทรเริ่มหวาดกลัว หนิงฝานครอบครองร่างวิญญาณที่สามารถจู่โจมและเลี่ยงการจู่โจมได้ แม้มันจะทรงพลังกว่า แต่มันย่อมไม่อาจสัมผัสตัวหนิงฝานได้
หลังจากถูกกระหน่ำชกอย่างต่อเนื่อง มุมปากของมันปรากฏโลหิตสีดำไหลริน และเริ่มจะรับมือได้ยากขึ้นเรื่อยๆ
มันหันมองอีกฝั่งของสนามรบ ยามนี้กองทัพอสูรของมันเหลือ 7 แสน ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูง 3 คน ขั้นกลาง 3 คนและขั้นต้นอีก 7 คน ส่วนฝ่ายของหนิงฝาน ฉิงซวนและผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลางอีก 2 คนถอนตัว ส่วนเฟิงหานและคนของมัน กับเหล่าทาสของหนิงฝานบางส่วนคอยเฝ้าคุ้มกันซีหลาน
เพียงธูปไหม้หมดครึ่งดอก กองทัพของมันตายไป 3 แสน ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลาง 1 คน ขั้นต้นอีก 6 คน และมีบางส่วนที่บาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจสู้ต่อ อีกด้าน สามชายชราร่วมมือสู้กับมังกรทมิฬ พวกมันไม่อาจเอาชนะ และค่อยๆตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างช้าๆ
มังกรสมุทรเป็นกังวล แม้มันมีกองทัพนับล้านก็ยังไม่อาจเอาชนะได้ สามชายชรานั้นก็ดูเหมือนจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ… กองทัพที่ทรงพลังเช่นนี้ เหตุใดเอาชนะผู้เยาว์ในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้นไม่ได้?
เจตนาสังหารของมังกรสมุทรเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากมันไม่ยอมหนิงฝาน บางทีเมืองของมันอาจถูกทำลาย
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ยอม มันไม่มีทางยอม แม้ฝั่งหนิงฝานจะมีจำนวนไม่มาก แต่ล้วนเป็นผู้ที่ทรงพลัง
“ร่างวิญญาณแล้วยังไง? คิดว่าข้าทำลายร่างวิญญาณเจ้าไม่ได้หรือไง? วิชาโลหิตโบราณ ‘ป้ายหลุมศพมังกรสมุทร’”
มือของมันแปรเปลี่ยนเป็นเป็นกรงเล็บมังกรขนาดใหญ่ที่ลุกโหมด้วยเปลวเพลิงสำดำทมิฬ
“วายุแห่งมังกรป่า… พสุธาแห่งมังกรพสุธา… เพลิงแห่งมังกรเพลิง… น้ำแข็งแห่งมังกรวารี… อัสนีแห่งมังกรเหล็ก ธาตุแห่งมังกรทั้ง 5 หลอมรวม ผสานเป็นมังกรทมิฬ!”
มังกรสมุทรร่ายเคล็ดความ เหนือศีรษะหนิงฝานปรากฏกลุ่มเพลิงสีดำก่อตัวเป็นป้ายหลุมศพขนาดใหญ่ ดิ่งลงตรงลงใส่หนิงฝาน
ป้ายหลุมศพสูงใหญ่พันจ้าง หนิงฝานขมวดคิ้ว วิชาของมันคือวิชาอสูรที่ได้จากโลหิตบรรพบุรุษ
แม้จะเป็นวิชาระดับตัดวิญญาณขั้นสูงสุด แต่เมื่อผสานกับอานุภาพของโลหิตโบราณ จึงกลายเป็นการจู่โจมที่ไม่ด้อยไปกว่าผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงจู่โจมเต็มกำลัง
หนิงฝานรู้ว่าวิชาของมันทรงพลังจนน่าหวาดกลัว ป้ายหลุมศพก่อตัวขึ้นจากเพลิงห้าธาตุ หากถูกมันสัมผัสโดนตัว ร่างกายคงถูกทำลาย ดวงจิตคงถูกดูดเข้าไปในป้ายหลุมศพนั่น
ป้ายหลุมศพเพิ่มจำนวนเป็น 5 ป้าย สามชายชราแห่งเมืองนักโทษตอนใต้สีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง ต่อให้พวกมันร่วมมือ อย่างมากก็ป้องกันได้ 3 ป้าย เหลืออีก 2 ป้ายที่จะเข้าจู่โจมพวกมัน
“วิชานี้ทรงพลังเกินไป หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงก็ไม่อาจต้านรับได้ มิน่าทำไมมันถึงรอดจากม่านฉานไปได้!”
เดิมทีพวกมันคิดจะร่วมมือกันสังหารหนิงฝาน จากนั้นจึงร่วมมือกันสังหารมังกรสมุทรเพื่อชิงโลหิตโบราณ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า นอกจากพวกมันจะสังหารหนิงฝานไม่ได้แล้ว ยังไม่อาจเอาชนะมังกรสมุทรได้ด้วย
การมาของพวกมันในครั้งนี้ถือเป็นข้อผิดพลาด นอกจากพวกมันจะไม่ได้อะไร ก็ยังต้องความแค้นกับหนิงฝานด้วย
ดังนั้น สิ่งที่พวกมันทำได้ในตอนนี้คือ ทุ่มสุดตัวเพื่อเอาฆ่าหนิงฝานให้ได้
“วิชานี้สมควรเป็นวิชาของมังกรทมิฬที่หายสาบสูญ ยิ่งใช้ด้วยปราณในระดับนั้น แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงก็ยังต้องได้รับบาดเจ็บ… ลู่เป่ยแพ้แน่”
ซีหลานที่เห็นอดเป็นห่วงไม่ได้
ทหารศิลาสังเกตุเห็นแววตาของนาง ด้วยที่มันเป็นทาสในแดนสวรรค์ มันจึงเคยผ่านสมรภูมิรบมามากมาย และรู้ว่าในสนามรบน่ากลัวขนาดไหน
หากเป็นเซียนใช้วิชาที่สืบทอดมาจากโลหิตโบราณ อานุภาพของวิชาจะทรงพลังขนาดที่ทำลายดาวได้ทั้งดวง
แต่ถึงแม้มังกรสมุทรจะเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด แต่วิชาป้ายหลุมศพมังกรสมุทรของมัน หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงก็ไม่อยากต้านรับได้
“ข้าต้องพามังกรทมิฬไปช่วย!” แววตาทหารศิลาแปรเปลี่ยนเย็นชา มันบังคบมังกรทมิฬหวังเข้าช่วยหนิงฝาน แต่สามชายชราราวกับรู้ทันความคิด พวกมันจึงเข้าขวางไว้
“การต่อสู้ของเรายังไม่จบ คิดจะหนีแล้วเหรอ?”
พวกมันทั้งสามรู้ว่าศัตรูไม่ใช่มังกรทมิฬ แต่เป็นทหารศิลาที่ควบคุมมังกรทมิฬอยู่
หากสามชายชรารั้งมังกรทมิฬได้สักช่วงหนึ่ง หนิงฝานย่อมถูกมังกรสมุทรสังหาร
หากสามชายชราทำสำเร็จ แม้พวกมันจะไม่กล้าขอโลหิตโบราณ แต่อย่างน้อยสมควรได้บางสิ่งตอบแทน
“บัดซับ!” ทหารศิลาโกรธ แต่ใช่ว่าจะทะลวงผ่านสามชายชราได้ง่ายๆ
“คาดไม่ถึงว่าทาสอย่างเจ้าจะควบคุมศพปีศาจได้ มิน่ามดปลวกอย่างเด็กนั่นถึงกล้าอวดดี!”
สามชายชราเย้ยหยัน
“เจ้าบอกว่าเขาเป็นหมดปลวกงั้นเหรอ?” แววตาทหารศิลาแปรเปลี่ยน
ผู้ใดที่กล้าดูหมิ่นว่าหนิงฝานคือมดปลวก จุดจบของพวกมันไม่ดีสักราย
ก่อนหน้านี้ทหารศิลาดูถูกที่หนิงฝานเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม สุดท้ายมันก็กลายมาเป็นทาส
ทหารศิลาไม่เคยเชื่อว่าหนิงฝานจะทรงพลังและหาญกล้า สุดท้ายเขาก็เข้ามาเยือนแดนอสูรเพียงลำพัง
ทหารศิลาไม่เชื่อว่าหนิงฝานจะรอดกลับออกไปจากแดนอสูรได้ สุดท้ายหนิงฝานก็เอาชนะแดนอสูร และก้าวเข้ามาในดาราสมุทรแห่งนี้
หนิงฝานฝ่าฝัน ต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังจนแข็งแกร่งเฉกเช่นผู้เชี่ยวชาญระดับสูง
หากคนเช่นหนิงฝานเป็นมดปลวก คนทั้งโลกคงไร้ค่ายิ่งกว่ามด
“แล้วพวกเจ้าจะเสียใจ!” ทหารศิลาจ้องสามชายชราด้วยแววตาเย้ยหยัน
“ที่ดาราสมุทรปั่นป่วน ก็เป็นเพราะลู่เป่ยคนนั้น!”
ทหารศิลาหยุดกล่าว มันสังเกตุเห็นหมอกทรายสีม่วงทองพัดพา
หากวิชาป้ายหลุมศพมังกรสมุทร คือวิชาที่หยิบยืมพลังจากธาตุทั้ง 5 ที่อยู่ภายใต้ความเป็นและความตาย
หมอกเมฆาม่วงของหนิงฝานก็หยิบยืมพลังแห่งชีวิต ที่อยู่เหนือกว่าพลังแห่งความเป็นและความตาย
แรงกดดันรอบตัวหนิงฝานแปรเปลี่ยน หมอกทรายสีม่วงทองพัดพาไปทั่วเมืองมังกรสมุทรนับแสนลี้
หนิงฝานชูมือสูง เมื่อกำหมัด ปราณจากพื้นดินรอบข้างแสนลี้ได้ปรากฏอยู่ในมือหนิงฝาน
วิชาดึงวิญญาณ!
“วิชาดึงวิญญาณ! เด็กนี้ไม่ได้ฝึกฝนแค่วิชาร่างวิญญาณ!” มังกรสมุทรตกตะลึง มันขบฟันควบคุมป้ายหลุมศพทั้ง 5 ดิ่งลงใส่หนิงฝานพร้อมกัน
หนิงฝานรู้ว่าหมอกเมฆาม่วงของตนทรงพลัง แม้ใช้สังหารขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงได้ แต่ยังไม่เพียงพอที่จะสังหารขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด ที่สำคัญ ยังไม่อาจเอาชนะวิชาป้ายหลุมศพมังกรสมุทรได้
อานุภาพของป้ายหลุมศพทั้ง 5 ที่ถล่มลงมาทำให้มิติรอบข้างพันลี้ถูกเปิด
แรงกดดันของวิชาทำให้หนิงฝานไม่อาจแหงนหน้ามอง ดวงตาปิดแน่นไม่อาจลืม
แต่พลังที่ดึงมาจากผืนพิภพ ทำให้หนิงฝานทรงพลังเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาฐขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง
ในชั่วพริบตา ความทรงจำเมื่อครั้งที่อยู่แคว้นหวู่หวนคืน ความทรงจำในคราวที่ถูกทรมานอยู่ในนิกายเหอฮวน ความทรงจำในป่าแห่งภูติพราย และความทรงจำในคราวที่ออกเดินทางไปยังแคว้นต่างๆ
และสุดท้าย ความทรงจำเมื่อคราวที่เขาอยู่ในเมืองฉีเหม่ยก็ปรากฏ ภาพใบหน้าจื่อที่ยิ้มแย้มยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำ
ทันใดนั้น หมอกทรายสีม่วงทองรอบกายเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
หนิงฝานเห็นภาพตนเองยืนอยู่ใต้ต้นดอกเหมย ปราณอันชั่วร้ายรอบข้างก่อตัว ต้นดอกเหม่ยแปรเปลี่ยนอาบย้อมด้วยสีโลหิต เจตจำนงค์พิรุณพรั่งพรม ทำให้ดอกเหมยบนต้นผลิบาน
หนิงฝานลืมตา เงยหน้ามองป้ายหลุมศพทั้ง 5 ที่ถล่มลงมา
แววตาของเขายามนี้กระจ่างใสราวกับดารา มังกรสมุทรสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง เพราะหมอกทรายสีทองได้แปรเปลี่ยนเป็นหิมะโปรยปราย
หิมะแต่ละชิ้นมีวิถีเป็นของตน และพวกมันก็แฝงไปด้วยพลังมิติ
หิมะโปรยปรายปกคลุมพื้นที่แสนลี้ ให้ความรู้สึกเปลี่ยวเหงา เหมือนกับสายลมและหิมะของเมืองฉีเหม่ยที่แฝงด้วยเศร้าโศกที่ไม่จางหาย
“จื่อเฮ่อ… ข้าคิดถึงเจ้า...”
หนิงฝานผายมือ หิมะและลมพายุพัดผ่านเมืองมังกรสมุทร สัมผัสปะทะทุกสิ่งโดยไร้สิ่งใดต้านทาน
ป้ายหลุมศพที่ปะทะกับพายุหิมะสั่นเทา ก่อนแตกกระจายสลายไป
สีหน้ามังกรสมุทรแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง ร่างของมันถูกผลักถอยไปหลายก้าว แต่เมื่อหยุดยืนนิ่งสนิท กลับกระอักโลหิตคำโต ครึ่งร่างถูกหิมะเกาะกุม
“นี่มัน...วิชาอะไรกัน!”
มังกรสมุทรไม่เข้าใจ มันไม่อาจสัมผัสถึงพลังแห่งชีวิต จึงยังไม่เคยได้สัมผัสกับพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พลังชนิดต่างๆ
สีหน้าสามชายชราแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง พวกมันรู้สึกราวกับว่า พวกมันเป็นเพียงตัวตนที่เล็กจ้อยไม่ควรค่าให้กล่าวถึงเมื่ออยู่ต่อหน้าพายุหิมะนี้
ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด สูงส่งเพียงใด เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังแห่งชีวิต ต้องก้มหัวให้เท่านั้น
“ดรรชนีน้ำแข็งแห่งชีวิต!”
หนิงฝานคาดไม่ถึงว่าวิชาที่ตนใช้จะทรงพลังมากขนาดนี้
หนิงฝานชี้นิ้วไปยังมังกรสมุทร พายุหิมะพัดพาเข้าหามัน จนมันสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าโลหิต ทะเลสติ และดวงจิตถูกแช่แข็ง
แม้น้ำแข็งจะเกาะกุมทั่วร่าง แต่มันสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า หนิงฝานกำลังก้าวเข้าหามัน และเมืองมังกรสมุทรทั้งเมือง ได้กลายเป็นน้ำแข็ง
เมื่อหนิงฝานเดินถึงด้านหน้าของมัน เขาซัดฝ่ามือเข้าใส่ ร่างที่ห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งแตกเป็นเสี่ยง
มังกรสมุทรผู้ยิ่งใหญ่ตาย!
ดรรชนีน้ำแข็งได้จบชีวิตของมันอย่างน่าอนาจ!
หนิงฝานเองก็ได้รับผลข้างเคียง พลังในร่างกายถูกเผาผลาญไปจนเกือบหมด แม้จะขยับตัวยังยากลำบาก
แม้จะสังหารมังกรสมุทรและแช่แข็งเมืองมังกรสมุทรได้ แต่ยังเหลือกองทัพอสูร ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ล้วนตกตะลึง ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าหนิงฝานจะสังหารมังกรสมุทรได้
กระเป๋าของมังกรสมุทรตกเป็นของหนิงฝาน ในนั้นมีขวดหยกสีดำอยู่ขวดหนึ่ง ภายในมีโลหิตหยดครึ่ง เป็นโลหิตบรรพบุรุษมังกรทมิฬ
สามชายชราหวาดกลัว แต่ยามนี้ พละกำลังหนิงฝานแทบไม่เหลือ พวกมันจึงกล้าคิดที่จะเข้ามาชิงโลหิตบรรพบุรุษกับหนิงฝาน
ชายชราสองคนยอมเสี่ยงชีวิตขวางมังกรทมิฬและทหารศิลาเอาไว้ ส่วนคนที่เป็นพี่ใหญ่ทะยานเข้าหาหนิงฝาน
“เจ้าทรงพลังถึงขนาดที่สังหารมังกรสมุทรได้ แต่ยามนี้ พลังในร่างเจ้าแทบไม่เหลือ ข้าย่อมสังหารเจ้าได้ง่ายๆ! โลหิตต้อวเป็นของข้า!”
*เปรี้ยง*
ชายชราซัดฝ่ามือใส่หนิงฝานเต็มแรง แต่เมื่อฝ่ามือสัมผัสร่าง หนิงฝานสลายเป็นเส้นใยสีดำจนำนวนมาก แล้วก่อตัวขึ้นมาใหม่ จ้องมองชายชราด้วยแววตาอาฆาต
“อยากได้โลหิตบรรพบุรุษงั้นเหรอ?”
แววตาที่หนิงฝานจ้องมอง ทำให้มันสั่นเทาไปทั้งตัว แม้หนิงฝานแทบจะไร้พลัง แต่มันยังคงหวาดกลัว
“ส่งโลหิตมาซะ ต่อให้เจ้าเก่งกาจขนาดไหน พวกข้าจะตามล่าเจ้าไปจนตาย!”
“ตาย? น่าขัน! ทำไมข้าต้องให้เจ้า!”
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนบ้าคลั่ง เขาต้องฆ่ามันเพื่อไม่ให้คนอื่นๆทำตาม
หนิงฝานบีบขวดหยกแตก แล้วกลืนโลหิตทั้งหมดลงไป
เปลวเพลิงสีดำทมิฬที่รุนแรงลุกโหมทั่วร่างหนิงฝาน แรงกดดันเพิ่มพูนจนเทียบเท่าขอบเขตกึ่งไร้แบ่งแยก
“เผาโลหิต!”
แม้จะได้โลหิตบรรพบุรุษมาอย่างยากลำบาก แต่เขาต้องหยิบยืมพลังของมันเพื่อสังหารศัตรู!
“แย่แล้ว!” ชายชราตกตะลึง
หนิงฝานบ้าไปแล้ว เขาหยิบยืมพลังจากโลหิต ทำให้โลหิตสูญเปล่า!
สำหรับผู้เชี่ยวชาญแล้ว โลหิตบรรพบุรุษนับเป็นรางวัลที่ประเมิณค่าไม่ได้ แต่หนิงฝานกลับเลือกที่จะหยิบยืมพลังจากโลหิต
คนบ้าเช่นนี้ ไม่สมควรยั่วยุ ต้องถอยให้ห่างเท่านั้น
“น้องรอง น้องสาม หนีเร็ว!”
“ช้าไปแล้ว!”
หนิงฝานเคลื่อนไหว ส่งเปลวเพลิงที่รุนแรงแผดเผาชายชราจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
เมื่อชายชราอีกสองคนเห็นพี่ชายถูกสังหารตายตรงหน้า พวกมันทั้งเสียใจและสิ้นหวัง
พวกมันต้องหนีสุดชีวิต!
หนิงฝานจ้องมองชายชราทั้งสองที่หนีไปด้วยแววตาเย้ยหยัน แต่ในชั่วลมหายใจนั้น เขากลับหันมองเข้าไปยังมิติที่ถูกเปิดจากการจู่โจมที่รุนแรง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้”
เสียงคำรามที่ทรงพลังสั่นสะเทือนเข้าไปยังรอดแยกมิติ พร้อมกับเสียงเสียงหนึ่งดังมา
“ข้าผู้อาวุโสแห่งเผ่าภูติดาราสมุทร ‘กุ่ยเฉิน’ ขอนายท่านเมตตาด้วย!”
กุ่ยเฉินสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว มันเห็นหนิงฝานสังหารมังกรสมุทร และสังหารชายชราของเมืองนักโทษตอนใต้ตายอย่างเลือดเย็น
หนิงฝานไม่สนใจคำกล่าวของอีกฝ่าย เขาเร่งประทับตราอสูรลงในทะเลสติของมัน มันเองก็ไม่กล้าขัดขืน ยอมให้หนิงฝานประทับตราวิญญาณแต่โดยดี
“พวกเจ้าทั้งหมดไสหัวออกไปจากที่นี่ ไม่งั้นตาย!”
คำกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาของหนิงฝานสะท้อนก้อง
หลังจากนั้นอีก 3 วัน ม่านฉานที่อยู่บนเกาะดาราได้ข่าวว่าหนิงฝานเป็นผู้สังหารมังกรสมุทร
“เด็กนั่นสังหารมังกรสมุทร! เป็นไปได้ยังไง?”
“แค่ไม่กี่วัน เด็กนั่นถึงกับทำลายเมืองมังกรสมุทรทั้งเมืองได้”...