ตอนที่ 25 ในที่สุดก็ได้ไปโรงพยาบาลแล้ว
ตอนที่ 25 ในที่สุดก็ได้ไปโรงพยาบาลแล้ว
ความเศร้าที่เกิดขึ้นจากความโชคร้าย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากโกรธและเสียใจ
นี่เป็นความรู้สึกของหยางโปในเวลานี้ หลังจากที่เขาเรียนจบมัธยมมาจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลากว่า 7-8 ปีแล้ว ผ่านไปตั้งหลายปีแต่หลางหยางก็ยังไม่มีงานไม่ชิ้นเป็นอันสักอย่าง แถมยังต้องมาแบมือขอเงินคนที่บ้านอีก
หยางโปจำได้ดีว่าตอนที่เขาอยู่ม.6 เป็นเพราะหยางหลางชวนเพื่อนบ้าๆของเขาไปกินข้าว เขาจึงต้องแอบขโมยเงินที่บ้านไป 200 หยวนเพื่อไปเลี้ยงข้าวคนพวกนั้น ทั้งๆที่เขาอายุ 24 ปีแล้วแท้ๆ แถมตอนที่เขาขอเงินไม่ได้เขาก็แก้ปัญหาด้วยการขโมยเงินแทน
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นพี่ชายแท้ๆ แต่เขาก็ไม่มีทางที่จะเอาเงินไปให้อีกฝ่ายแน่ๆ ซึ่งมันเป็นวิธีการเดียวที่จะกระตุ้นความขี้เกียจของอีกฝ่ายได้ อีกอย่างหยางหลางเองก็เอาเงินค่ารักษาของพ่อไปจนหมด ซึ่งมันก็ถือว่าล้ำเส้นเขามากเกินพอแล้ว
พ่อที่ได้ยินหยางโปพูดขึ้นมาแบบนั้น เขาก็รีบโบกมือขึ้นมา "พอแล้วๆ เรื่องของอนาคตฉันก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ทำอะไรก็ได้แบบนั้นนั่นแหละ อนาคตจะเป็นยังไงก็อยู่ที่พวกแกนั่นแหละว่าจะขยันมากน้อยขนาดไหน"
หยางหลางที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เชิดหน้าขึ้น "เรื่องของผมผมจัดการเองได้"
"จะไปไหน!" หยางโปตะโกนขึ้น
"ไม่ใช่เรื่องของแก" หยางหลางตะโกนตอบกลับมา
"แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น! แกต้องไปโรงพยาบาลด้วยกันก่อน" หยางโปก้าวเท้าไปด้านหน้าเพื่อที่จะหยุดอีกฝ่าย
หยางหลางชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร
"หยางหลางถ้าแกก้าวเท้าออกจากบ้านไป แกไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก! " พ่อตะโกนขึ้น เป็นเพราะเขาเห็นแล้วว่าลูกคนเล็กของเขาสามารถหาเงินจำนวนมากในช่วงเวลาสั้นๆได้ หลังจากนี้เขาคงจะประสบความสำเร็จ หากให้ลูกชายคนโตเดินตามเส้นทางของหยางโป เขาก็คงจะมีโอกาสสร้างเนื้อสร้างตัวเช่นเดียวกัน
ทว่าหยางหลางกลับไม่หยุดเดิน แต่กลับเลือกที่จะเดินออกไป
หลังจากที่แม่ได้ยินเสียงตะคอก แม่ก็รีบเดินออกมาก่อนที่จะพบว่าหยางหลางหนีออกจากบ้านไปแล้ว แม่จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปบ่นพ่อว่า "ไปตะคอกใจลูกทำไม! "
"ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะเธอเลี้ยงลูกแบบนี้ไง มันถึงได้เป็นแบบนี้" พ่อพูดขึ้นด้วยเสียงที่เย็นชา
....
หยางโปเรียกรถเพื่อเดินทางไปโรงพยาบาล โดยใช้เงินกับค่ารถไปถึง 500 หยวน หากเป็นก่อนหน้านี้เขาไม่มีทางที่จะจ่ายเงินจำนวนนี้ออกไปเด็ดขาด
หลังจากที่แม่ขึ้นมาบนรถ แม่ก็บ่นออกมาไม่หยุด "แพงเกินไปแล้ว เปลืองเงินจะตาย หลังจากนี้ยังต้องใช้เงินอีกเยอะเลยนะลูก ลูกต้องประหยัดเงินนะรู้ไหม?"
หยางโปทำแค่เพียงพยักหน้าตอบกลับไป
หลังจากที่มาถึงโรงพยาบาลก็เป็นช่วงเที่ยงพอดี หยางโปจึงพาพ่อกับแม่ของเขาไปกินข้าวโดยที่เขาไม่ได้คิดจะประหยัดเงินเหมือนก่อนหน้านี้ "พ่อกับแม่กินข้าวกันไปก่อนนะ เดี๋ยวผมขอไปดูที่โรงพยาบาลก่อน สายกว่านี้คิวอาจจะเต็มก่อน"
"เสี่ยวโป แกก็มากินด้วยกันก่อนสิเดี๋ยวค่อยไปก็ได้ อีกอย่างพวกเราก็ไม่ได้มีธุระด่วนอะไรด้วย" พ่อของหยางโปพูดขึ้น
"ไม่ดีกว่าพ่อ ผมกินมาแล้วเมื่อเข้า ตอนนี้ยังไม่หิวเลย เดี๋ยวผมขอไปดูที่นู้นก่อนแล้วกันนะ ถ้าคิวเต็มตอนบ่ายเราจะได้ไม่ต้องไปต่อคิวให้เสียเวลาด้วย"
หยางโปพูดจบก็รีบเดินออกไป หลังจากที่เดินออกมาและมาถึงร้านสะดวกซื้อเขาก็ลังเลขึ้นมาก่อนที่จะซื้อขนมปังและน้ำเปล่ามาหนึ่งขวดก่อนที่จะรีบวิ่งไปโรงพยาบาลทันที
หลังจากมาถึงโรงพยาบาล เขาก็พบว่าเป็นเวลาพักของพนักงานและคิวที่ต่อก็มีคนไม่มากเท่าไหร่ หลังจากที่เดินหาอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พบกับหมอที่สวมใส่เสื้อสีขาวคนหนึ่ง เขาจึงรีบเข้าไปหาทันที "สวัสดีครับ ขอถามหน่อยครับไม่ทราบว่าเริ่มจองคิวช่วยบ่ายตอนกี่โมงเหรอครับ?"
"บ่ายโมงครึ่ง ว่าแต่เป็นโรคอะไรเหรอ? ได้ตรวจมาก่อนหน้านี้รึยัง?" หมอถามขึ้นด้วยความกระตือรือร้น
"เป็นโรคมะเร็งตับระยะแรกครับ"
"โรคนี้ต้องรีบทำเรื่องรักษาตัวให้เร็วที่สุดนะ แต่ว่าถ้าหากจะจองคิวเฉพาะคงต้องจองล่วงหน้าก่อน 1-2 วัน ตอนนี้คุณต้องทำการจองคิ้วไว้ก่อนแล้วก็อาจจะต้องรอถึงพรุ่งนี้ไม่ก็มะรืนถึงจะสามารถรับการรักษาได้"
"เอ๋?" หยางโปเกิดอาการตกตะลึงขึ้นมาเพราะเขาคิดไม่ถึงว่าจะต้องจองคิวล่วงหน้านานขนาดนี้ "ขอบคุณมากนะครับ"
อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนที่จะเดินออกไป ทิ้งไว้เพียงแต่หยางโปที่ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อ
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็โทรศัพท์ไปหาลัวย่าวหัวเพื่อเล่าเหตุการณ์ของเขาให้ฟัง
หลังจากที่อีกฝ่ายรู้เรื่องของเขาแล้ว อีกฝ่ายก็ตอบตกลงช่วยเหลือทันที
ในช่วงบ่าย ลัวย่าวหัวก็เตรียมพยาบาลเฉพาะทางเพื่อมาทำเรื่องให้กับหยางโป ก่อนที่จะช่วยเหลือทั้งเรื่องจากต่อคิวและการลงทะเบียนต่างๆ หลังจากที่ทำเรื่องเรียบร้อยแล้วก็เป็นเวลา 5 โมงเย็นพอดี
หยางโปรู้สึกซาบซึ้งใจกับพยาบาลที่ช่วยเหลือเขาจนเขาเอ่ยปากเพื่อเลี้ยงอาหารเป็นการตอบแทน ทว่าอีกฝ่ายก็ปฎิเสธคำเชิญของเขา สุดท้ายเขาจึงเลือกที่จะให้เงินตอบแทนไปเล็กๆน้อยๆสำหรับค่าช่วยอำนวยความสะดวกให้
เมื่อพิจารณาเกี่ยวกับความจำเป็นในการดูแลระยะยาวดูเหมือนว่าอาจจะไม่ทันที่จะไปหาบ้านเช่า เขาจึงทำการเปิดห้องเล็กๆชั่วคราวไว้ก่อนเพื่อให้แม่ของเขากลับไปพักผ่อน
ทว่าหลังจากที่แม่ของเขารู้เรื่องที่เขาเปิดห้องพัก แม่ของเขาก็เริ่มบ่นขึ้นมาอีกครั้ง "แม่นอนที่พื้นแถวๆนี้ก็ได้แล้ว แล้วลูกเองก็มีที่นอนแถวนี้ไม่ใช่เหรอ?"
หยางโปไม่เคยบอกเรื่องที่เขาอยู่ที่จินหลิงมาก่อนและพ่อแม่ของเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าหยางโปนอนอยู่บนเตียงพับเป็นเวลา 2 ปีเต็มๆ "เดี๋ยวผมก็ออกจากงานนั้นแล้ว ไปที่นั่นไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ด้วย พรุ่งนี้ผมจะหาบ้านเช่า แม่จะได้มีที่ทำกับข้าวด้วย"
"หา? ลูกจะลาออกจากงานเหรอ?" แม่ของหยางโปตกใจ "ถ้าลูกออกจากงาน จะหาเงินรักษาพ่อได้ยังไงล่ะ?"
"แม่ไม่ต้องห่วงหรอก ผมหาได้" หยางโปพูดปลอบใจ
พ่อของหยางโปที่นอนอยู่บนเตียงก็พูดขึ้นมาว่า "ลูกมันโตแล้ว เธอปล่อยให้เขาตัดสินใจเองเถอะ"
แม่ของหยางโปถอนหายใจออกมาโดยไม่พูดอะไร
เป็นเพราะเมื่อวานเขายังไม่ได้นอนอย่างเต็มที่ แถมวันนี้ก็ยุ่งทั้งวัน แต่หยางโปเลือกที่จะให้แม่กลับไปนอนที่โรงแรมเล็กๆที่เขาจองให้ ส่วนตัวเขาเลือกที่จะนอนเฝ้าไข้ที่โรงพยาบาลแทน
หยางโปฟุบหลับอยู่ที่ปลายเตียง หลังจากที่แม่เอาข้าวเช้ามาเขาก็ถูกแม่ปลุกให้ตื่นเพื่อให้กลับไปพักผ่อนที่โรงแรม
หลังจากที่หยางโปกลับมาถึงโรงแรมแล้ว เขาก็อาบน้ำอาบท่าก่อนที่จะเอนตัวนอนลงบนเตียง ทว่าเขากลับนอนไม่หลับ
หลังจากที่เห็นเบอร์โทรศัพท์ที่เขาไม่ได้รับสาย เขาก็นึกได้ว่าเขายังไม่ได้ไปลาออกที่ร้านกู่เต๋อจาย หยางโปจึงรีบลุกขึ้นก่อนที่จะรีบแต่งตัวและนั่งรถสาธารณะเพื่อไปที่ร้านทันที นี่เป็นวันที่สองแล้วที่เขาไม่ได้ไปทำงาน ดูเหมือนว่าคงทำให้กัวปาผีร้อนใจอยู่ไม่น้อย
ขณะที่กัวปาผีกำลังนั่งอยู่ในร้าน เขาก็มองเห็นหลี่หลิงที่กำลังทำตัวลับๆล่อๆอยู่ด้านนอก เขาจึงตระโกนขึ้นมาว่า "หลี่หลิง ทำอะไรน่ะ?"
หลี่หลิงที่ยืนอยู่ด้านนอกก็เกิดอาการตื่นตระหนกขึ้นมา "ปะ...เปล่าครับ ผมแค่มาดูว่าพี่โปกลับมารึยัง"
"ชิ! " กัวปาผีเปล่งเสียงออกมาด้วยความไม่พอใจ "ไม่เห็นหัวมันมา 2 วันแล้ว รอให้มันกลับมาก่อนเถอะ ฉันจะตะเพิดให้ไม่มีที่ไปเลยคอยดู! "
หลี่หลิงได้ยินเช่นนั้นก็พูดขึ้นว่า "เถ้าแก่กัว เถ้าแก่ก็น่าจะรู้เรื่องที่บ้านของเขา เขาไม่ได้กลับบ้านมาตั้ง 2 ปีแล้วนะ บางทีเขาอาจจะกลับบ้านไปหาพ่อแม่ก็ได้"
"กลับบ้าน? แม้แต่โทรศัพท์ก็โทรไม่ติดเนี่ยนะ? บ้านอยู่หลังเขาหรือไง!" กัวปาผีพูดด้วยความโกรธ