ตอนที่ 22 ไอ้คนหน้าไม่อาย
ตอนที่ 22 ไอ้คนหน้าไม่อาย
หลังจากที่หยางโปรู้เรื่องที่หยางหลางทำไว้เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธขึ้นมา แต่หลังจากที่เห็นพ่อของเขาที่ดูอ่อนแอลงอย่างมาก เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง "พ่อ ใจเย็นๆ เรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง"
ทันใดนั้นชายร่างกำยำที่มีหนวดเคราที่บริเวณคางก็พูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมา "อ๋อ จะรับผิดชอบหนี้พนันให้สินะ ดีเลย อย่างน้อยๆแกก็ยังดีกว่าพี่สวะของแกนะเนี่ย"
หยางโปไม่ได้สนใจอีกฝ่ายก่อนที่จะชี้ไปที่ลัวย่าวหัวที่ยืนอยู่บนบันไดพร้อมกับพูดขึ้นว่า "นี่ลัวย่าวหัวเพื่อนผมเอง"
ลัวย่าวหัวที่ยืนพิงอยู่ข้างราวจับตรงบันไดยิ้มออกมาก่อนที่จะโบกมือทักทาย "คุณลุง คุณป้าสวัสดีครับ"
พูดจบลัวย่าวหัวก็หันไปหาชายฉกรรจ์พวกนั้น ก่อนที่จะถามด้วยรอยยิ้ม "จะให้ฉันลากคนนอกพวกนี้ออกไปเลยไหม?"
"ไม่ต้องหรอก เพราะถ้าครั้งนี้ไม่สามารถเคลียร์ปัญหาได้ ต่อไปก็คงจะมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นอีกนั่นแหละ" หยางโปไม่ต้องการที่จะให้อีกฝ่ายช่วยเหลือ
ลัวย่าวหัวพยักหน้า "ถ้ามีอะไรก็ว่ามาเลย ถ้าช่วยได้ก็จะช่วย"
ลัวย่าวหัวเองก็เต็มใจที่จะสร้างมิตรกับหยางโปที่มีความสามารถในการประเมินวัตถุโบราณ
คนเหล่านั้นจ้องมองไปที่ลัวย่าวหัวด้วยท่าทางไม่พอใจกับคำพูดของเขา
ลัวย่าวหัวยักคิ้วขึ้นโดยไม่ได้สนใจคนเหล่านั้น เป็นเพราะเขามีเอกลักษณ์พิเศษดังนั้นเขาจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลัวภัยคุกคามจากคนเหล่านี้!
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น ชายอายุราวๆ 25 -26 คนหนึ่งก็เดินเข้ามา เขากวาดตามองซ้ายขวาหลังจากที่เห็นหยางโปก็หัวเราะออกมา "อ้าวเสี่ยวโปกลับมาแล้วเหรอเนี่ย? ดีเลย กลับมาก็ดีแล้ว"
"เสี่ยวโป ฉันเคยบอกนายก่อนหน้านี้แล้วไงว่า ร้านขายวัตถุโบราณแถวนั้นไม่ได้ดีอะไรมากมายแถมเงินเดือนก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ถ้าเป็นฉันฉันไม่มีทางทำงานพวกนั้นหรอก คนที่เสียเปรียบก็คือตัวนายที่ต้องปากกัดตีนถีบอยู่ที่นั่น"
"จริงสิ แม่บอกว่าก่อนหน้านี้ได้เก็บเงินได้ 200,000 หยวน เงินพวกนั้นฉันใช้แล้วนะ เดี๋ยวถ้าฉันได้คืนมาแล้วจะโอนคืนกลับไปให้ นายสบายใจได้ "
"พ่อ แม่ โฉนดที่ดินของพวกเราอยู่ไหน? " หยางหลางหันไปถามพ่อกับแม่
พ่อตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงโมโหว่า "ไอ้ลูกเวร! แกจะเอาโฉนดที่ดินไปทำอะไร?"
"โถ่พ่อ อย่าเข้าใจผมผิดสิ ผมกำลังเตรียมหาเงินพาพ่อไปรักษาอยู่ไง พ่อลองคิดดูสิว่าโรคของพ่อถ้าจะรักษาต้องใช้เงินตั้งหลายแสนหยวน บ้านเราก็ไม่ได้ขายออกไปได้เงินมากมายอะไรขนาดนั้น มีคนอยากจะซื้อต่อก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่จะหาได้ง่ายๆเลยนะ ผมว่ารีบขายออกไปน่าจะดีกว่า พ่อจะได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแถมพ่อจะได้ไม่ต้องมานั่งบ่นผมด้วย ไม่ดีเหรอ?"
หยางหลางพูดขึ้นมาด้วยความไร้ยางอาย คำพูดของเขาที่พูดออกมาทำให้คนที่ได้ยินต่างก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน
พ่อของหยางโปยกไม้ค้ำขึ้นพร้อกกับชี้ไปที่หยางหลาง "ฉันไม่มีลูกแบบแก ตั้งแต่นี้ไปบ้านเราไม่ขอนับแกว่าเป็นลูกอีก! "
หยางหลางรีบวิ่งเขามาเกาะขาพ่อของเขา "โถ่พ่อเชื่อผมสิ ผมหาเงินมาคืนได้แน่ๆ พ่อเองก็น่าจะรู้ว่าผมเองก็เดินตามเส้นทางที่พ่อปูไว้ให้มาโดยตลอด พ่อลองคิดให้ดีสิ ถ้าหลังจากนี้ธุรกิจที่ผมทำก้าวหน้าและราบรื่น เงินทองก็จะไหลมาเทมาเลยนะพ่อ"
"พ่อต้องให้โอกาสผมนะ พ่อเองก็รู้ว่าหยางโปเป็นคนเก็บตัวตั้งแต่เด็กๆ ยังไงเขาก็ไม่คิดจะเปิดกิจการอะไรอยู่แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรายิ่งไม่มีทางเก็บเงินรักษาได้เลยนะ ตอนนี้บ้านเราก็พึ่งพาผมแค่คนเดียว ผมถือเป็นเสาหลักของบ้านเลยนะพ่อ"
....
"หน้าไม่อาย! ยังมีหน้ามาพูดเรื่องพวกนี้อีกเหรอ! "
หยางโปยืนฟังคำพูดของอีกฝ่ายด้วยความเหลืออดก่อนที่จะชกไปที่หน้าของอีกฝ่าย
หลังจากที่หมัดของเขาพุ่งเข้าใส่หน้าอีกฝ่าย เลือดก็ไหลออกมาไม่หยุด ทว่าหยางโปกลับไม่สนใจยังคงซัดหมัดต่อไปโดยไม่หยุด เขาหวังว่าหมัดของเขาจะทำให้คนไร้ยางอายอย่างหยางหลางคิดได้บ้าง
"นายชกฉันทำไมเนี่ย? นายสบายใจเถอะ ยังไงเงินนั่นฉันก็ต้องคืนให้นายอยู่แล้ว นายเชื่อฉันเถอะ ฉันจะต้อง...โอ้ย! "
หยางโปไม่ได้สนใจที่จะฟังอีกฝ่ายเขาใช้หมัดของตัวเองซัดไปที่หน้าของอีกฝ่ายอีกครั้งก่อนที่จะหยุดชก หลังจากที่ยกมือออกมาเขาก็พบว่าตรงหน้าของหยางหลางเต็มไปด้วยเลือดกำเดาที่ไหลลงมา
"พ่อ บ้านหลังนี้?" หยางโปหันกลับไปหาพ่อก่อนที่จะถามขึ้น
"บ้านหลังนี้ขายไม่ได้เด็ดขาด นี่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของพวกเราแล้ว" พ่อของหยางโปทุบประตูพร้อมกับพูดด้วยความโกรธ
หยางโปเริ่มคำนวณเงินที่เขามี หากเงินที่เขามีถูกใช้ไปกับหนี้สินของหยางหลาง เขาก็จะไม่มีเงินเพียงพอที่จะรักษาพ่อของเขา หึ่ย! เจ้าหยางหลางนี่สมควรตายจริงๆ!
"เสี่ยวหยาง โรคของพ่อไม่ต้องรีบร้อนรักษาหรอก หลังจากนี้ก็ยังมีโอกาสอยู่มันก็แค่มะเร็งเอง ตอนนี้ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะ ถึงฉันจะต้องตายอยู่ในบ้านนี้ ฉันก็จะไม่ทำให้พวกแกต้องเดือดร้อนหรอก" พ่อของหยางโปหันมาปลอบใจ
"พ่อ ผมขอคิดก่อนว่าจะทำยังไง" หยางโปรู้สึกเจ็บปวดหัวใจขึ้นมา ยังไงเขาก็ไม่ยอมแพ้เด็ดขาด แต่ตอนนี้เงินที่เขามีมันยังไม่เพียงพอ
หยางโปหันไปหาลัวย่าวหัวก่อนที่จะพบว่าอีกฝ่ายยังคงยืนด้วยท่าทางที่เบื่อหน่าย "ลัวซ่าว นายช่วยฉันหน่อยเลื่อนเวลาคืนหนี้ให้หน่อยสิ"
ลัวย่าวหัวยิ้ม "นายบอกฉันตั้งแต่แรกก็จบแล้ว"
พูดจบ ลัวย่าวหัวก็หันไปหาพวกชายฉกรรจ์ที่เหลือ "นี่ จะให้ฉันเรียกคนมาลากพวกแกออกไปหรือพวกแกจะยอมเดินออกไปเอง?"
ชายฉกรรจ์เหล่านั้นเกิดอาการไม่พอใจขึ้นมา นี่ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าที่นี่มีคนป่วยอยู่พวกเขาก็คงจะลงมือไปนานแล้ว "เจ้าหนู นี่ไม่ใช่เรื่องของแก"
พูดจบกลุ่มคนเหล่านั้นก็แบ่งออกไปสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเดินขึ้นบันไดไปในขณะที่อีกกลุ่มมุ่งหน้าไปหาลัวย่าวหัว
ลัวย่าวหัวที่ยืนอยู่คนเดียวก็รีบโบกมือขึ้นมา "อย่าขยับนะ ถ้าพวกแกขยับอีกแค่ก้าวเดียวพวกแกจะต้องเสียใจที่ทำแบบนั้นแน่ๆ"
ระหว่างที่พูด ลัวย่าวหัวก็หยิบโทรศัพท์ก่อนที่จะกดโทรไปยังเบอร์หนึ่ง ทว่ายังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะกดรับสาย ชายฉกรรจ์สามคนก็มาล้อมตัวเขาไว้
"อย่ามาถูกตัวฉันนะ" ลัวย่าวหัวตะโกนออกมา
หยางโปเองก็เกิดอาการตกใจขึ้นมา ลัวย่าวหัวตามเขามาที่นี่ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขาต้องแย่แน่ๆ
"พรุ่งนี้ ถ้าแกเอาเงิน 300,000 หยวนมาคืนให้พวกฉันไม่ได้ อย่าหวังเลยว่าเจ้าหยางหลางจะลอยหน้าลอยตาอยู่ที่นี่ได้" พูดจบคนพวกนั้นก็หมุนตัวออกไป
หยางโปเดินลงมาจากบันไดก่อนที่จะพบว่าลัวย่าวหัวถูกหนึ่งในนั้นผลักลงไปที่พื้น หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะออกมาก่อนที่กลุ่มคนเหล่านั้นจะเดินออกไป
หยางโปรีบเข้าไปประคองลัวย่าวหัวขึ้นมาแต่กลับถูกเขาปัดมือออก ลัวย่าวหัวหันไปมองที่กลุ่มคนเหล่านั้นก่อนที่จะเปล่งเสียงออกมาจากลำคอ "เรื่องพวกนี้นายไม่ต้องสนใจ เดี๋ยวฉันจะจัดการให้เอง"
"ลัวซ่าว แค่นี้ก็รบกวนนายมากพอแล้ว"
หยางโปที่กำลังจะพูดอะไรต่อจากนั้นก็ถูกอีกฝ่ายพูดแทรกขึ้น "เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง"
หยางโปไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าลัวซ่าวคือใครกันแน่ เขากลัวว่าถ้าหากอีกฝ่ายเกิดหุนหันพลันแล่นขึ้นมาอาจจะทำให้ถูกดึงเข้ามารับผิดชอบกับเรื่องนี้ด้วย
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของลัวย่าวหัวก็ดังขึ้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีก่อนที่จะรีบกดรับโทรศัพท์
"พี่เย้ เป็นยังไงบ้างครับ?"
"อะไรนะ? อีกฝ่ายบังคับให้ขาย? พี่เย้รอแปบนึงนะ เดี๋ยวผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ"
หลังจากวางสาย ลัวย่าวหัวก็หันมาหาหยางโป "เสี่ยวหยาง เร็วเข้าพวกเราต้องไปเดี๋ยวนี้เลย"