Re-new ตอนที่ 21 คนที่รู้วิธีย่างเนื้อให้อร่อยคือคนที่หล่อที่สุด
ตอนที่ 21 คนที่รู้วิธีย่างเนื้อให้อร่อยคือคนที่หล่อที่สุด
หลินเสี่ยวหว่านมีประสบการณ์การทำอาหารตุ๋นมามากกว่า 10 ปี แต่นางไม่ชำนาญในการทำความสะอาดและเตรียมสัตว์ที่ล่ามาได้ จึงทำได้แค่ช่วยใส่เครื่องปรุงอยู่ข้าง ๆ นางไม่ได้กินเนื้อมาพักใหญ่แล้ว (ผู้แต่ง : นี่ลืมซาลาเปาเนื้อไปแล้วรึไง ?) กลิ่นหอมของกระต่ายย่างจึงยั่วยวนจนเกินต้านทาน
จ้าวฮันเอาเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่หน้า เขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าของเสี่ยวเฉากับน้องชายของนาง “อดทนไว้ อีกประเดี๋ยวก็จะกินได้แล้ว กระต่ายป่าที่ข้าจับได้วันนี้ตัวอ้วนเชียวล่ะ ต้องอร่อยมากเป็นแน่ !”
ไขมันจากกระต่ายย่างหยดลงในกองไฟจนเกิดเสียงฉ่า กลิ่นหอมน่ากินของกระต่ายป่าย่างลอยตลบอบอวลไปทั่วทั้งหุบเขา กลิ่นหอมของกระต่ายป่าย่างนี้กระตุ้นความอยากอาหารของสองพี่น้องตระกูลหยูได้เป็นอย่างดี
พอได้เวลาที่กระต่ายป่าย่างสุกแล้ว เนื้อของมันกลายเป็นสีเหลืองทอง ส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหลออกมาอยู่ตลอดเวลา สองพี่น้องตระกูลหยูมองกระต่ายป่าย่างเหมือนไม่รู้ว่าจะเริ่มกินมันจากตรงไหนดี
ใบหน้าหล่อเหลาของจ้าวฮันมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น เขาส่ายหัวแล้วหยิบมีดที่ใช้แล่หนังกระต่ายเมื่อครู่ขึ้นมา
หลังจากล้างมีดในลำธารจนสะอาด เขาก็เอามาตัดขาหลังของกระต่ายส่งให้สองพี่น้อง ขาหลังคือส่วนที่อร่อยที่สุดของกระต่าย
มีเด็กน้อย 2 คนที่ร่วมกินกับเขาด้วย จ้าวฮันจึงไม่ได้ใส่เครื่องปรุงที่เผ็ดร้อนลงไปบนกระต่ายย่างมากนัก เขาเอาขาหลังของกระต่ายให้เด็กน้อยคนละขา ขาหนึ่งหนักถึงครึ่งชั่งเลยทีเดียว จากนั้นเขาก็ใส่พริกป่นกับยี่หร่าลงบนเนื้อที่เหลือ
หยูเสี่ยวเฉารู้สึกอิจฉาเมื่อเห็นเข้าเช่นนั้น นางจึงรบเร้าให้ท่านพี่ฮันใส่ให้นางด้วย ถึงจะใส่แค่บาง ๆ แต่มันก็ช่วยเพิ่มรสชาติของกระต่ายป่าย่างได้เป็นอย่างดี เสี่ยวเฉากินไปพร้อมกับเหงื่อแตกพลั่กไป ริมฝีปากบวมเจ่อกลายเป็นสีแดงด้วยความเผ็ดร้อนของเครื่องเทศ ดูเหมือนว่านางจะต้องค่อย ๆ ฝึกตนเองให้ชินกับอาหารรสเผ็ด
ฉีโตวกินขากระต่ายป่าย่างแบบไม่เผ็ดของเขาไป บางคราก็เงยหน้ามองดูพี่สาวสูดปากและน้ำตาไหลเพราะความเผ็ด เขาก็เลยสงสัยว่า ‘ถ้ากินพริกมันทรมานถึงเพียงนั้น แล้วเหตุใดท่านพี่ฮันกับพี่สามถึงยังกินกันอยู่ได้ ? ข้าไม่เข้าใจเสียจริง นี่มิใช่ว่าเป็นการทรมานตนเองหรอกรึ !’
ฉีโตวกัดกระต่ายป่าย่างคำใหญ่พร้อมกับนึกเสียใจว่าวันนี้ยังมีอาหารกินดีกว่าวันปีใหม่เสียอีก ‘ตอนเที่ยงก็ได้กินซาลาเปาเนื้อ พอตอนบ่ายก็ได้กินเนื้อย่างอีก นี่ข้าคงมิได้กำลังฝันไปใช่หรือไม่ ? ’
พอพวกเขากินขากระต่ายย่างเสร็จ ‘นกเขาขอทาน’ ก็สุกพอดี ตอนที่เอาโคลนออกขนนกก็ลอกออกมาด้วยจนหมด รสชาติของพุทรากับเครื่องเทศที่ยัดเอาไว้ในท้องซึมเข้าไปในเนื้อของนกเขา หนังมันกรอบและเนื้อของมันนุ่มมากจนละลายได้ในปาก
เสี่ยวเฉากับน้องชายเพิ่งกินขากระต่ายเสร็จ แต่เมื่อเจอเนื้อย่างที่น่ากินเช่นนั้นทั้งสองก็อดที่จะกินอีกไม่ได้ สุดท้ายก็จบลงด้วยการที่กินมากเกินไปจนต้องนั่งลูบพุงพร้อมกับร้องครางออกมา
จ้าวฮันมองพวกเขาอย่างขบขัน เขาเด็ดใบไม้ใบใหญ่มาสองสามใบ แล้วเอาไปล้างน้ำจากนั้นก็เอามาห่อเนื้อที่เหลือ “เอาเนื้อย่างพวกนี้กลับไปให้เสี่ยวชากับเสี่ยวเหลียนกินด้วยนะ แต่ระวังอย่าให้เจ้าไห่สือเห็นเข้าล่ะ หากเจ้านั่นเห็นเข้า เจ้านั่นได้แย่งเอาไปจนหมดเป็นแน่ !”
หยูเสี่ยวเฉาสังเกตเห็นว่าเขากินเนื้อย่างไปไม่มากจึงถามขึ้นว่า “ท่านพี่ฮัน ท่านทำงานมาทั้งบ่ายมิใช่หรอกรึ เหตุใดไม่กินอีกสักหน่อยล่ะเจ้าคะ ?”
“ข้าเบื่อเนื้อพวกนี้แล้ว ข้าว่าผักกับเต้าหู้อร่อยกว่าเสียอีก !” จ้าวฮันตอบความจริงแค่ครึ่งเดียว ที่จริงแล้วสำหรับครอบครัวธรรมดาทั่วไป ได้กินเนื้อ 2 ครั้งต่อปีก็ถือว่าดีมากโขแล้ว แม้แต่ครอบครัวของพรานล่าสัตว์เองก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้กินเนื้อทุกวัน ดังนั้นเขาจะเบื่อเนื้อได้ยังไงกัน ?
เสี่ยวเฉารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก เพราะนางรู้ว่าเขาอยากเก็บเนื้อย่างเอาไว้ให้พี่น้องตระกูลหยู จากหางตานางเห็นปลาตัวหนึ่งกระโดดออกจากปากไห เสี่ยวเฉาจึงยิ้มแล้วพูดว่า “พี่ฮัน ลองกิน...ปลาย่างสูตรพิเศษของข้าดูนะเจ้าคะ !”
มัน ‘พิเศษ’ เพราะปลาย่างไม่ใช่สิ่งที่เสี่ยวเฉาชำนาญ อีกทั้งตอนนี้มีเครื่องปรุงจำกัด แต่โชคดีที่นางสามารถย่างปลาได้สุกแบบพอดีทำให้ด้านนอกกรอบแต่เนื้อปลาด้านในยังคงนุ่มอยู่ หลังจากที่โรยยี่หร่าและพริกป่นลงไปมันจึงส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลออกมา
“อยากลองชิมหรือไม่เจ้าคะ ?” หยูเสี่ยวเฉามั่นใจในฝีมือทำอาหารของตัวเอง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางย่างปลาบนกองไฟโล่ง ๆ นางจึงรู้สึกกังวลอยู่บ้างเล็กน้อย
ปลาสีขาวสองตัวเสียบอยู่บนไม้ จ้าวฮันเข้าไปสูดกลิ่นใกล้ ๆ มันไม่ได้มีกลิ่นแปลก ๆ เขาจึงทำใจกล้าลองกัดเข้าไปหนึ่งคำ
โอ้ ? อร่อยแฮะ ! ตอนแรกเขาก็สงสัยในฝีมือการทำอาหารของเสี่ยวเฉา ก็นางล้มหมอนนอนเสื่ออยู่ตลอดและไม่เคยทำงานบ้านเลย ฝีมือการทำอาหารของนางจะกินได้รึ ? แต่มันกลับอร่อยผิดคาด มันมีรสชาติเข้มข้นและเผ็ดเล็กน้อยซึ่งต้องใช้ฝีมือไม่น้อยเลยถึงจะปรุงให้ได้รสชาติเช่นนี้
“เป็นเยี่ยงไรบ้าง ? อร่อยหรือไม่เจ้าคะ ?” เสี่ยวเฉาถามอย่างคาดหวังพร้อมกับย่างปลาอีกหนึ่งไม้
“อร่อย ! เจ้าทำอาหารได้รสชาติดียิ่งนัก !” จ้าวฮันกัดปลาย่างคำใหญ่เป็นการพิสูจน์สิ่งที่เขาพูด
ปลาขาวพวกนี้เนื้อละเอียดและมีรสชาติที่ยอมเยี่ยมยิ่ง อีกทั้งพวกมันไม่มีก้างเล็ก ๆ เลยแม้แต่น้อย ต่อให้เอามันไปต้มกับน้ำธรรมดาและเกลือก็ยังคงรสชาติยอดเยี่ยมอยู่ดี
ท้องของฉีโตวป่องจนเหมือนลูกบอล แต่เขาก็ยังจ้องปลาย่างในมือของจ้าวฮันตาเป็นมันพร้อมกับน้ำลายไหลยืดเป็นทาง
หยูเสี่ยวเฉาขำท่าทางของน้องชาย นางฉีกเนื้อปลาชิ้นเล็ก ๆ ออกมาแล้วปลอบใจเขาว่า “เจ้าไม่สามารถกินเพิ่มได้อีก ระวังท้องของเจ้าจะระเบิดเอา ชิมได้แค่นิดเดียวเท่านั้นนะ !”
จ้าวฮันหัวเราะเมื่อเห็นฉีโตวเพลิดเพลินกับปลาย่างในปากเหมือนลูกแมวตัวน้อยที่กำลังหิว จนถึงขั้นฝืนใจกลืนปลาชิ้นเล็ก ๆ นั่น “ตอนนี้มีแค่พวกเราสามคนเท่านั้นที่รู้เรื่องหุบเขาแห่งนี้ ถ้าอยากกินปลาย่างอีก ก็ให้ท่านพี่ฮันพามาที่นี่ใหม่ก็ได้นี่ !”
จ้าวฮันกินปลาย่างไป 3 ไม้และสังเกตเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว เขาจึงดึงเอาไหดินเผามาจากมือของเสี่ยวเฉาและพาสองพี่น้องที่ยังไม่อยากกลับบ้าน กลับไปที่หมู่บ้านตงชาน
ขากลับพวกเขาไม่ต้องเดินเลี้ยวไปเลี้ยวมาเพื่อเช็คกับดักแล้ว ดังนั้นขากลับจึงเร็วกว่าถึง 2 เท่า แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังกลับไปไม่ทันอาหารเย็นอยู่ดี
บ้านตระกูลหยูมีกฎว่า ‘คนที่มาไม่ทันเวลากินข้าวก็ต้องอดข้าว อย่าได้คิดว่าจะเตรียมอาหารเผื่อเอาไว้ให้ ! ’
แต่หยูเสี่ยวเฉาก็ไม่ได้อยากจะกินแผ่นแป้งแห้ง ๆ แข็ง ๆ กับโจ๊กชวนอ้วกนั่นเลยสักนิด ! แต่ตอนนี้นางรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อมีเงินอยู่ในมือ เงิน 9 ตำลึงนี้จะเป็นเงินทุนสำหรับการหาเงินในอนาคตของนาง ดังนั้นนางจึงต้องซ่อนมันเอาไว้ให้ห่างจากสายตาของนางจาง
จ้าวฮันตั้งใจจะไปส่งสองพี่น้องที่บ้าน แต่พอพวกเขาไปถึงหมู่บ้านก็เห็นหยูฮังกับเสี่ยวเหลียนกำลังรอพวกเขาอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน
“พี่ใหญ่ พี่สอง ! ท่านพี่ฮันจับกระต่ายป่ากับนกเขามาได้ พอย่างแล้วพวกมันรสชาติยอดเยี่ยมมาก ข้าเก็บเนื้อย่างเอาไว้ให้พี่ใหญ่กับพี่สองด้วย !” ฉีโตววิ่งเข้าไปหาพวกเขาทั้งสองคน พร้อมกับแบ่งเนื้อกระต่ายที่ห่ออยู่ในใบไม้ให้พี่ ๆ ของเขา
หยูฮังเช็ดใบหน้ามอมแมมของน้องชายแล้วเขกหัวไปหนึ่งทีพร้อมกับพูดว่า “รู้วิธีประจบดีจริง ๆ เลยนะเจ้า นี่มันเป็นสัตว์ที่ท่านพี่ฮันล่ามาได้ เจ้าได้ขอเขาแล้วรึ ?”
ฉีโตวลูบหน้าผากแล้วหัวเราะคิกคัก “ท่านพี่ฮันเป็นคนพูดเองว่าจะเก็บไว้ให้พี่ใหญ่กับพี่สอง ตัวท่านพี่ฮันเองก็กินไม่เยอะ !”
หยูฮังยิ่งไม่อยากรับเนื้อย่างมากขึ้นอีก “ท่านพี่ฮัน พี่เอากลับไปให้ท่านปู่จ้าวกับท่านป้ากินเถอะ...”
จ้าวฮันมองเขาและพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “อะไรกัน ? พวกเจ้าเรียกข้าว่า ‘พี่ฮัน’ แล้วข้าจะเลี้ยงเนื้อย่างน้อง ๆ มันผิดตรงไหนกัน ? ถ้ายังนับถือข้าเป็น ‘พี่ฮัน’ อยู่ละก็ เอาไปกินเสีย !”