Re-new ตอนที่ 6 หาของทะเล
ตอนที่ 6 หาของทะเล
“ทำไมถึงเป็นลมได้ล่ะ ? ท่านหมอว่าเยี่ยงไรบ้าง ?” เฒ่าหยูเห็นสะใภ้รองดูแลหลานสาวของเขาโดยมิได้พักผ่อน
“ท่านย่าไม่ให้เราเรียกหมอเจ้าค่ะ ท่านย่าบอกว่าให้ท่านแม่นอนแล้วจะดีขึ้นเอง !” หยูเสี่ยวเฉาได้โอกาสเหมาะที่จะเปิดโปงนางจาง
“เหลวไหล ! พอกินเสร็จแล้วไปบอกท่านหมอโหยวให้มาตรวจสะใภ้รองเสีย อย่าปล่อยให้อาการป่วยเล็กน้อยกลายเป็นป่วยหนัก” เฒ่าหยูขมวดคิ้วแล้วฝืนใจกินซุปถั่วจนหมดและเช็ดปาก
นางจางบ่นอุบอิบอย่างไม่เต็มใจนัก “ถ้าตามหมอมาก็ต้องเสียเงินอีก ! อีกไม่นานลูกสามก็ต้องเข้าสอบระดับเขตแล้ว เขาต้องเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปสอบ ! ถ้าหากเราเปลืองเงินไปกับครอบครัวของหยูไห่หมด แล้วเก็บเงินไว้ไม่พอสำหรับค่าเดินทาง ลูกจะต้องโกรธมากเป็นแน่...”
เฒ่าหยูขมวดคิ้ว เขากระแทกตะเกียบลงบนโต๊ะแล้วพูดว่า “ครอบครัวของเรามิได้จนอย่างที่เจ้าทำให้เป็นอยู่หรอกมิใช่รึ ! หยูไห่ทำเงินได้มากกว่า 12 ตำลึงทุกปีจากการล่าสัตว์อย่างเดียว นี่ยังมิได้พูดถึงเงินที่ได้จากการหาปลาทุกวันอีก ! ลูกสามก็เรียนมาตั้งหลายปีแล้วแต่ยังสอบไม่ผ่านระดับเขต ข้าว่าน่าจะหยุดเรียนได้แล้ว เก็บเงินไว้ซื้อที่นาสักสองสามหมู่จะดีกว่า”
ด้วยสถานการณ์ของครอบครัวหยู ถ้าพวกเขาไม่ใช้เงินไปกับการเรียนของลูกสามตั้ง 10 กว่าปี พวกเขาก็คงอยู่สบายกว่านี้ ต่อให้กินข้าวขาวกับแป้งสาลีทุกวัน พวกเขาก็ยังมีกินอีกเหลือเฟือ แต่ค่าใช้จ่ายสำหรับครูส่วนตัวและค่ากินอยู่ในเมืองมันมากพอจะทำให้ครอบครัวชาวนาระดับกลางเสื่อมถอยลงได้
“อะไรนะ ? ตาแก่ ! หมอดูเคยบอกว่าคนในครอบครัวของเรามีชะตาจะได้เป็นขุนนางนะ ! ข้ายังเชื่อว่าลูกสามจะทำให้ข้าได้เป็น ‘คุณนาย’ ! ต่อให้ต้องยอมทิ้งทุกอย่าง ข้าก็จะให้เขาได้เรียน !” ถึงนางจางจะเกรงกลัวสามีอยู่บ้าง แต่นางก็ตัดสินใจสู้จนถึงที่สุดเพื่ออนาคตของลูกชายและความเจริญของตัวนางเอง
เฒ่าหยูมองภรรยาของตัวเองแต่ไม่ได้ตอบโต้อะไร เขาโยนชามข้าวในมือแล้วพูดเสียงอู้อี้ว่า “ข้าจะไปจัดการไร่ 3 หมู่ของข้าแล้ว ! เสี่ยวเหลียนไปทำบะหมี่ให้แม่หลานสักชาม ใส่ไข่ 2 ฟองด้วยนะ ช่วงนี้แม่ของเจ้าเหนื่อยมากจริง ๆ !”
“ได้เจ้าค่ะ ! ขอบคุณเจ้าค่ะท่านปู่ !” หยูเสี่ยวเฉารีบตอบเสียงดังพร้อมยิ้มอย่างสดใส
“เสี่ยวเหลียน ! เสี่ยวเหลียน ยัยเด็กเวร ! ทำไมยังมัวชักช้าอืดอาดอยู่ในห้องอยู่อีก ? ไม่เห็นหรือไงว่าฝนจะตก ? เร็วเข้า รีบไปเก็บผ้าเข้ามาเดี๋ยวนี้ !” เสี่ยวเฉาตื่นเพราะเสียงด่าแหลมปรี๊ดของนางจางทุกวัน
นางหลิวที่เคยถูกแม่สามีกดขี่อยากจะลุกขึ้นตามความเคยชิน แต่หยูไห่ห้ามนางเอาไว้ “เจ้าควรพักอีกสักหน่อยนะ ข้าจะออกไปดูเอง !”
วันนี้มีลมแรงจึงไม่เหมาะที่จะออกเรือหาปลา ดังนั้นหยูไห่จึงได้หยุดอยู่บ้านในโอกาสที่หายากเช่นนี้
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เขาก็เข้ามาอีกครั้งและพูดกับลูกชายว่า “วันนี้เป็นวันที่ 2 เดือนหก น้ำกำลังลด พ่อเพิ่งออกไปตรวจดู วันนี้มีเมฆครึ้มและลมกำลังพัดไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ตอนน้ำลดเร็วเช่นนี้เราจะเจอของทะเลเยอะแยะเลยล่ะ เหมาะที่จะไปหาของทะเลกัน ! ไปกันเถอะ ! พ่อจะพาพวกลูก ๆ ไปหาพวกกุ้งหอยปูปลากัน ถ้าโชคดีเราอาจจะเจอหอยเป๋าฮื้อด้วยนะ !”
“หาของทะเลรึ ? ท่านพ่อ ข้ามิเคยไปหาของทะเลเลยสักครา ! ข้าอยากไปด้วย พาข้าไปด้วยนะเจ้าคะ !” ชาติก่อนบ้านเกิดของหลินเสี่ยวหว่านตั้งอยู่ในเมือง นางเคยไปเที่ยวทะเลแค่ครั้งเดียวตอนอายุ 29 ปี เป็นครั้งที่นางไปเยี่ยมน้องสาวที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้ทะเล
นางได้ย้ายร่างมาอยู่ที่หมู่บ้านชาวประมงนี้ได้ 5 - 6 วันแล้ว แต่นางหลิวให้นางอยู่แต่ในบ้านเพื่อพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ นางไม่เคยออกไปนอกบ้านเลย ยิ่งทะเลยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนที่หยูเสี่ยวเฉาได้ยินว่ามีโอกาสเก็บรวบรวมอาหารที่ทะเล นางก็ตัดสินใจว่าจะตามไปด้วยต่อให้ต้องงอแงอาละวาดก็ตาม ก็ตอนนี้นางเป็นเด็กมิใช่หรือ ? งั้นนางก็สามารถทำตัวดื้อเกเรเหมือนเด็กทั่วไปได้
นางหลิวตกใจและรีบเกลี้ยกล่อมลูกสาวทันที “วันนี้ลมแรง อาการบาดเจ็บของเจ้าก็ยังไม่หายดี รออีกสองสามวันเถอะ แม่จะให้เจ้าไปที่ไหนก็ได้ตามใจเจ้า แม่จะมิห้ามเจ้าเลย”
เสี่ยวเฉาไม่ยอม นางอยู่บ้านจนจะเฉาตายอยู่แล้ว อีกทั้งวันนี้ยังเป็นโอกาสดีที่หายากสำหรับนางอีกด้วย พ่อของนางที่เป็นชาวประมงที่เก่งกาจกำลังจะพาพวกเขาไปด้วยเชียวนะ พวกเขาจะต้องหาอาหารมาได้เยอะมากเป็นแน่ แล้วนางจะพลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปได้เยี่ยงไร ?
“ท่านแม่ ! ท่านปู่โหยวบอกว่าอาการบาดเจ็บของข้าหายดีแล้ว อีกทั้งยังแข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย ตอนนี้สุขภาพของข้าดีมาก ๆ และยังมีความอยากอาหารเยอะด้วย ! ท่านปู่โหยวบอกว่าการเคลื่อนไหวเยอะ ๆ ดีต่อสุขภาพนะเจ้าคะ ให้ข้าไปด้วยเถอะนะเจ้าคะ !” ขณะที่พูดหยูเสี่ยวเฉาก็มองไปที่พ่อของนางซึ่งรู้กันดีว่าชอบโอ๋ลูก ๆ ด้วยสายตาอ้อนวอนของเสี่ยวเฉา หยูไห่จึงไม่เคยปฏิเสธลูกสาวคนเล็กของเขาได้เลย เขาจึงยอมแพ้ในทันที “มู่หยุน ข้าจะดูแลเสี่ยวเฉาเอง เจ้ามิต้องห่วงหรอก ! เจ้าพักผ่อนให้สบายเถอะ รอพวกเรากลับมา เราจะจับหอยเป๋าฮื้อมาทำโจ๊กให้เจ้ากิน จะได้ช่วยบำรุงร่างกายให้เจ้าด้วย”
ขณะที่พูดเขาก็ขยิบตาเป็นสัญญาณให้ลูกสาวรีบออกจากห้อง ดังนั้นหยูเสี่ยวเฉาจึงเปิดประตูเดินออกไปอย่างดีอกดีใจ
ที่ลานบ้าน หยูฮังเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับหาของทะเลทั้งหมดไว้แล้ว เสี่ยวเหลียนกับฉีโตวยืนถือถังน้ำกับพลั่วรอให้พ่อออกมาอย่างมีความสุข ในใจของเด็ก ๆ นั้นมิมีสิ่งใหนที่พ่อของพวกเขาทำมิได้ พวกเขาคาดหวังผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมก่อนที่จะออกจากบ้านเสียอีก
ในเดือนหก หมู่บ้านตงชานทั้งร้อนและชื้นแฉะ เสี่ยวเฉาที่สวมเสื้อผ้าบาง ๆ แค่ชั้นเดียวถือตะกร้าไม้ไผ่เล็ก ๆ ไล่ตามฝีเท้าของพ่ออย่างเต็มกำลัง
หยูไห่มีร่างกายแข็งแรงกำยำและสูง ดูเหมือนจะสูงเกิน 180 เซนติเมตรด้วยซ้ำ หยูเสี่ยวเฉาอายุ 8 ปี นางป่วยเรื้อรังมานาน นางจึงเตี้ยกว่าหยูเสี่ยวเหลียนที่แก่กว่านางแค่ 15 นาทีถึงครึ่งหัวเลยทีเดียว ขาสั้น ๆ ของนางก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มที่แล้ว แต่นางก็ยังรั้งท้ายอยู่ดี
หยูไห่คอยมองลูก ๆ ของเขาอยู่ตลอดและสังเกตเห็นสถานการณ์ของลูกสาวคนรอง เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วอุ้มนางขึ้นแบกบนบ่าด้วยแขนข้างเดียว
ตอนแรกหยูเสี่ยวเฉาก็ตกใจและอายอยู่บ้าง จิตใจของนางเป็นผู้ใหญ่เกือบเท่าหยูไห่แล้ว แต่ยังถูกกระทำเหมือนกับยังเป็นเด็ก ฉีโตวที่อายุ 5 ขวบก็ยังมิได้รับการดูแลเช่นนี้เลย เสี่ยวเฉาจึงอดหน้าแดงไม่ได้
หยูฮังที่เป็นพี่ชายคนโตก็คอยสังเกตน้องสาวคนเล็กอยู่เงียบ ๆ เหมือนกัน เมื่อสังเกตเห็นว่าหน้าของน้องเป็นสีแดง เขาก็ส่งหมวกสานไม้ไผ่ให้นางแล้วพูดด้วยความเป็นห่วงว่า “ถึงวันนี้จะมีเมฆเยอะ แต่เจ้าไม่ค่อยได้ออกแดด ถึงได้โดนแดดเผาเอาง่าย ๆ ดูสิ หน้าของเจ้าแดงไปหมดแล้ว”
ในยุคโบราณนั้นคำนวนวันเวลากันตามจันทรคติ เดือนหกจึงนับเป็นกลางฤดูร้อน ถึงจะเป็นชายหาดที่มีเมฆมาก แต่ความแรงของแสงยูวีก็มิได้น้อยลงไปเลย แต่หน้าของหยูเสี่ยวเฉาไม่ได้แดงเพราะดวงอาทิตย์หรอก
ช่วงที่น้ำลดลงมากที่สุดเป็นโอกาสเพิ่มรายได้ที่หาได้ยากสำหรับชาวบ้านในหมู่บ้านตงชาน ชาวประมงที่มีประสบการณ์ พวกเขาต่างก็คุ้นเคยกับเวลาน้ำลงแล้ว วันนี้ช่วงที่น้ำจะลดลงมากที่สุดคือตอนเที่ยง ที่ชายฝั่งจึงเต็มไปด้วยหญิงชายทุกช่วงอายุที่มาหาของทะเล
ครอบครัวของหยูไห่มาถึงช้า ดังนั้นทำเลดี ๆ จึงถูกจับจองเอาไว้หมดแล้ว ฉีโตวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาบ่นพึมพำว่า “ถ้ามิใช่เพราะท่านป้าใหญ่ทำอาหารนานล่ะก็ เราก็คงได้ที่ดี ๆ ไปแล้ว”
หยูไห่ลูบหัวลูกชายแล้วพูดยิ้ม ๆ ว่า “อย่าพึ่งหมดกำลังใจสิ ! พ่อรู้ที่ดี ๆ อยู่นะ รับรองว่าไม่มีคนอื่นอยู่ที่นั่นแน่”
ทำเลดี ๆ ที่หยูไห่พูดถึงคือพื้นที่แนวปะการังด้านหน้าผา แนวปะการังนี้ค่อนข้างอันตราย ปกติมันจะอยู่ใต้น้ำทะเลและมีคลื่นสูงซัดเข้ามาในช่วงน้ำขึ้นสูง เวลาเดียวที่มันจะโผล่ออกมาก็คือตอนน้ำลดต่ำที่สุด นอกจากนั้นสถานที่นี้ก็ไกลจากหมู่บ้าน คนส่วนใหญ่จึงไม่คิดจะมาทางนี้
แนวปะการังในบริเวณนี้ดูเหมือนอันตราย แต่ความจริงแล้วก็แค่เดินทางมายากเพียงเท่านั้น จากหน้าผาลงมาที่แนวปะการังค่อนข้างลงไปยาก แต่นี่กลับเป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับหยูไห่ เขาช่วยลูก ๆ ผ่านเส้นทางที่ยากลำบากนั้นไปทีละคน และเมื่อพวกเขาไปถึงจุดหมาย พวกเขาต่างก็มองจนตาวาวโรจน์